บรรยายกาศถูกความเงียบปกคลุม แม้แต่พี่โซ่ที่เป็นเพื่อนกับพี่เสือก็ไม่กล้าพูดอะไร ฉันและพี่เสือต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งพี่ฉลามและเพื่อนคนอื่น ๆ เดินเข้ามา
“ใจ๋ทำไมมาที่นี่” พี่ฉลามถามฉันพร้อมขมวดคิ้วแปลกใจ
“พี่เสือจะไปส่งที่บ้านค่ะ”
“โดนบังคับไม่ได้เต็มใจ” คนที่ถูกเอ่ยชื่อรับแก้ตัว
“ไอ้เสือ” พี่ฉลามเรียกชื่อพี่เสือเสียงเข้ม แต่เขาไม่ได้สนใจหรอก เพราะไม่ชอบฉันไปแล้วนี่
“คุณพ่อถามหาพี่ฉลามด้วยนะคะ ว่าง ๆ คงไปเยี่ยมคุณลุง บ่นว่าอยากตีกอล์ฟด้วย” พ่อของฉันและพ่อของพี่ฉลามเป็นพี่น้องกัน ไม่แปลกที่เราทั้งสองบ้านจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันบ่อย ๆ
“จะกลับก็ตามมา มัวแต่พูดมากอยู่ได้” เสียงหงุดหงิดของพี่เสือเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำออกไปไม่รอฉันเลย
“ใจ๋ พี่ขอเตือนนะว่าไอ้เสือมันร้ายกว่าที่คิด ระวังตัวหน่อยก็ดี” พอพี่เสือเดินออกไปพี่ฉลามก็พูดขึ้นทันที
“ใจ๋รู้ค่ะ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้”
“ใจ๋รู้ในสถานะน้องคนสนิท แต่พี่รู้ในสถานะเพื่อน พี่รู้นิสัยมันดีกว่าเชื่อสิ”
“…” ฉันเม้มปากแน่น จะบอกว่ารู้จักพี่เสือดีมันก็ใช่แต่ในมุมที่ดี เขาเป็นพี่ชายที่ดูแลฉันดีคนหนึ่ง แต่ก็อย่างที่พี่ฉลามว่า ความร้ายกาจของพี่เสือไม่ธรรมดาแน่ ๆ
“จะหมั้นกับมันเมื่อไร”
“เดือนหน้าค่ะ”
“เตรียมตัวไว้เลยใจ๋ มันร้ายกว่านี้อีกแน่ ๆ”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ฟังคำเตือนจากพี่ฉลาม ก่อนจะเดินออกมาด้านนอกขึ้นรถของพี่เสือที่จอดรออยู่
“ชักช้า” เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านในคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วก็พ่นคำสบถออกมาทันควัน
ฉันไม่ได้ตอบโต้อะไรปิดปากเงียบเพราะรู้ว่าถ้าพูดมันจะไม่จบแน่ ๆ และคงเจ็บกับคำพูดของพี่เสืออีก
รถหรูเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยไร้เสียงสนทนาจากคนขับและคนที่นั่งข้าง ๆ กินเวลานานจนกระทั่งมาถึงที่บ้าน
“เดินไปเองแล้วกัน” พี่เสือจอดรถที่บ้านของตัวเองแล้วหันมาบอกฉัน
“ค่ะ” ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะบ้านฉันก็อยู่แค่นี้เอง
พอลงจากรถก็เห็นคุณแม่ของพี่เสือพอดี ท่านยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดูพร้อมกับเดินมาหา
“น้องใจ๋ลูก มากินข้าวด้วยกันสิ”
“น้องกินมาแล้วครับ คงกินกับเราไม่ได้” ยังไม่ทันจะอ้าปากตอบพี่เสือก็เอ่ยแทรกขึ้น เจตนาคือไม่อยากให้ฉันมากินข้าวที่บ้าน
“แม่อุตส่าห์จะทำของโปรดให้”
“ใจ๋กินด้วยก็ได้ค่ะ”
พอตอบตกลงก็ถูกพี่เสือจ้องเขม็งทันที เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาก่อนจะเดินเข้าบ้าน
ส่วนฉันก็เดินกลับบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปกินข้าวที่บ้านพี่เสือ วันนี้พ่อกับแม่มีประชุมที่บริษัทรวมทั้งพ่อของพี่เสือด้วย คงจะกลับดึก ๆ เลย
บนโต๊ะอาหาร มีไทเกอร์ คุณแม่ และพี่เสือที่นั่งทำหน้าไม่เต็มใจอยู่
“ฤกษ์หมั้นเดือนหน้านะเสือ”
“บอกผมทำไมครับ”
“เสือลูก ทำไมพูดแบบนั้น”
“จ๋ายกลับมาไหม” พี่เสือเมินคำพูดของแม่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามกับฉัน ทำให้สตันท์ไปครู่หนึ่งเพราะไม่ได้เตรียมรับมือกับคำถามนั้น
“ใจ๋จะหมั้นทั้งที จ๋ายต้องกลับมายินดีอยู่แล้วสิคะ” ฉันตอบพลางก้มหน้าลงเขี่ยข้าวในจาน มันแทบกลืนอะไรไม่ลงคอเลยตอนนี้
“จริงสิไม่ได้เจอน้องจ๋ายตั้งสองปี ตั้งแต่ไปเรียนที่นู้น คงสวยเหมือนน้องใจ๋แน่ ๆ เลย” แม่ของพี่เสือท่านเอ็นดูฉันกับจ๋ายเหมือนลูกแท้ ๆ
“เหมือนแค่หน้าตา” พี่เสือพูดเบา ๆ แต่ฉันได้ยิน ตอนนี้ไม่สามารถกินข้าวต่อได้แล้วจริง ๆ จึงวางช้อนลง
“ใจ๋อิ่มแล้วค่ะ”
“อ้าวอะไรกันเพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะลูก”
“ลดหุ่นน่ะค่ะ ใจ๋อยากใส่ชุดหมั้นสวย ๆ”
“ลดอะไรอีกใจ๋ นี่มันผอมเกินไปแล้ว” ไทเกอร์เอ่ยขึ้น แถมยังทำตาดุ
“วันนี้ผมไม่นอนบ้านนะครับ” พี่เสือบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วพูดต่อ “ไปนอนคอนโด”
“เสือ ถ้าพ่อรู้จะโดนดุเอานะ” แม่ของพี่เสือแสดงสีหน้ากังวลออกมา แล้วพูดต่อ “แม่รู้นะว่าเสือจะไปนอนคอนโดทำไม จะหมั้นกับน้องอยู่แล้วแม่ขอได้ไหมลูก”
“อยากให้หมั้นก็ยอมให้แล้ว จะอะไรกับผมนัก”
“เสือควรซื่อสัตย์กับน้องนะลูก”
“ให้ซื่อสัตย์? ถ้าอย่างนั้นผมขออะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ขออะไรลูก”
“ให้จ๋ายมาหมั้นแทนได้ไหมล่ะครับ ถ้าเป็นจ๋ายผมรับปากว่าจะซื่อสัตย์”
“พี่เสือ!!”
“เฮีย!!”
ทั้งฉันและไทเกอร์เปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน ไม่มีใครคาดคิดหรอก ว่าพี่เสือจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา เขาจงใจพูดให้ฉันเจ็บ และมันก็ได้ผล
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป