หน้าหลัก / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / คุณหนูกับพระสนมฮ่องเต้ (2)

แชร์

คุณหนูกับพระสนมฮ่องเต้ (2)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 17:14:25

เสียงคำสั่ง ขันทีสองคนที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวออกมาข้างหน้าทันที หนึ่งในสองเอื้อมมือหมายคว้าจับร่างเล็กที่ยืนท้าทายไม่กลัวฟ้าดินอยู่เบื้องหน้าเจ้านายตน

“หยุดนะ!” 

จิงหยูที่หมอบอยู่แทบพื้นเมื่อครู่ส่งเสียงร้องห้ามดังลั่น นางค่อยๆ พยุงร่างอันบอบช้ำของตัวเองมาคุกเข่าตรงหน้าร่างอรชรของว่านเสียนเฟย เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ขอพระสนมโปรดเมตตาด้วย คุณหนูผู้นี้คือบุตรสาวของท่านแม่ทัพจ้าวกับองค์หญิงเฟยเซียน พระขนิษฐาของฮ่องเต้นะเพคะ” 

คำบอกเล่าของจิงหยูมีผลให้ขันทีทั้งสองหยุดชะงักมือโดยพลัน ก่อนจะหันมามองผู้เป็นนายด้วยสีหน้าลังเลไม่แน่ใจ ว่านเสียนเฟยจ้องมองมาที่จ้าวเหมยฮวา ดวงตาคู่งามของนางยามนี้ช่วงโชติไปด้วยเปลวไฟแห่งความริษยายามได้ยินชื่อผู้ให้กำเนิดของเด็กหญิง

หากไม่เพราะนางแพศยาเฟยเซียนใช้เล่ห์เหลี่ยมยั่วยวนแม่ทัพจ้าว ผู้เป็นชายในดวงใจเสียจนตบแต่งมันเข้าเป็นฮูหยินเอกแล้วละก็ นางคงไม่ผิดหวังจนต้องยอมเข้ามาถวายตัว เป็นเพียงดอกไม้ประดับในวังหลังของฮ่องเต้เยี่ยงนี้

‘หากไม่มีนังเฟยเซียน ป่านนี้ข้าคงได้เป็นฮูหยินจ้าวไปแล้ว’ 

พลั่ก!

ร่างบอบบางของจิงหยูมีอันต้องกลิ้งลงจากพื้นศาลาตามแรงส่งของเท้าพระสนม สายตาคมกล้าของพระสนมว่านเสียนเฟยตวัดมองขันทีประจำตัว ก่อนจะตวาดถามด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวในที

“ใครสั่งให้พวกเจ้าหยุดมือ” 

สิ้นเสียงตวาด ขันทีทั้งสองจึงเริ่มขยับกายอีกครั้ง ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นบุตรสาวแม่ทัพ ทว่าเจ้านายของพวกเขานั้นเป็นถึงพระสนมเอกแห่งฮ่องเต้ ระหว่างสองฝ่ายควรจะตามผู้ใดคนฉลาดย่อมรู้ดี ว่านเสียนเฟยยิ้มเย็นในใบหน้าเมื่อเห็นขันทีประจำตัวขยับกายทำตามคำสั่งนางอีกครั้ง

‘ฮึ! แค่ลูกสาวแม่ทัพกับองค์หญิงที่ไร้ศักดิ์ จะมาเทียบกับพระสนมคนโปรดอย่างนางได้อย่างไร นังจิ้งจอกเฟยเซียน ข้าจะตัดลิ้นลูกเจ้าเสีย อยากรู้นักว่าเจ้าจะทำหน้าแบบไหน ตอนที่ได้รู้ว่าลูกสาวผู้อัปลักษณ์ของเจ้าไม่มีลิ้นแล้ว’ 

จ้าวเหมยฮวามองขันทีตรงหน้า ดวงตากลมโตส่องประกายซุกซน ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“พวกเจ้ากล้าแตะตัวข้าหรือ น่าจะรู้ข่าวลือเรื่องข้าเป็นโรคติดต่อที่รักษาไม่หายนะ หากคิดจะแตะตัวข้าไม่กลัวกันหรือ” 

ขันทีหนุ่มสะดุ้งสุดตัวรีบชักมือกลับ ก่อนที่พวกเขาจะพากันเช็ดมือกับเสื้อผ้าอย่างไม่กลัวเจ็บ ว่านเสียนเฟยใบหน้าบิดเบี้ยว สายตามองคนของตัวเองที่ตอนนี้ต่างพากันถูมือถูไม้เป็นลูกลิง มองแล้วช่างน่าขบขันเป็นยิ่งนัก

“พวกเจ้าอยากโดนประหารอย่างนั้นหรือ ข้าสั่งให้จับตัวนังเด็กนรกนี่มาตัดลิ้นไง” 

“เจ้านี่สวยนะ สวยเกือบจะพอๆ กับท่านแม่ข้าเลย” เด็กหญิงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงคล้ายจะชื่นชม ก่อนจะเอียงคอมองอีกฝ่าย แล้วหรี่ตาพูดประโยคถัดไป “แต่ว่าน่าเสียดายนัก ท่านแม่ข้านั้นงดงามทั้งภายนอกและภายใน ไม่เหมือนกับเจ้า... ที่งามแค่เพียงกาย แต่จิตใจชั่วช้าเน่าเฟะยิ่ง” 

คำพูดของเด็กหญิงประโยคนี้เปรียบประดุจน้ำมันที่ราดรดลงเปลวเพลิง ว่านเสียนเฟยกรีดร้องด่าทอเสียงดังลั่น นังเด็กสารเลวมันกล้าด่านาง

“กะ...แก นังเด็กนรกส่งมาเกิด แกมันก็แพศยาเหมือนๆ กับแม่ของแกนั่นแหละ” 

จ้าวเหมยฮวามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา กล้าด่ามารดานางอย่างนั้นหรือ หากวันนี้ไม่เอาคืนนางยอมเป็นลูกหมาเลย ร่างน้อยที่ยืนนิ่งพลันถลันกายใส่ขันทีผู้อยู่หน้าพระสนมสาวด้วยความไว

ขันทีทั้งสองต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่พอมีฝีมือ เมื่อเห็นร่างเล็กก้าวเข้ามา ก็สาวเท้าถอยห่างไม่เข้าปะทะด้วย เด็กหญิงอมยิ้มบางใต้ผ้าคลุม ก่อนย่อกายตวัดเท้าหมุนเกี่ยวปลายเท้าขันทีคนหน้าสุด นิ้วเล็กๆ เกร็งโคจรปราณ แล้วดีดใส่หน้าอกขันทีผู้โชคร้ายอย่างรวดเร็ว

ขันทีหนุ่มไม่ทันได้มองเห็น ร่างหนาๆ ของเขาก็หงายหลัง พาเอาเพื่อนขันทีอีกคนหงายต่อกันไปอีกทอด ว่านเสียนเฟยเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างตรงหน้าหงายหลังมาทับตน

“กรี้ด!” 

“โอ้ย!” 

“ว้าย! พระสนมเพคะ” 

เด็กหญิงมองกลุ่มคนเบื้องหน้าที่ตอนนี้พากันลงหงายท้องไปกองอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าแสดงความรื่นรมย์ แววตาฉายประกายเจ้าเล่ห์น้อยๆ จิงหยูมองภาพตรงหน้าก็ตกตะลึง ในใจนึกหวั่นเกรงแทนบุตรีแม่ทัพ นางค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกมาไม่ให้เป็นที่สังเกต จากนั้นจึงมุ่งหน้าวิ่งไปทางตำหนักของฮ่องเต้

จ้าวเหมยฮวาเหลือบตามองตามหลังร่างนางกำนัลสาว ในใจนึกชื่นชมไหวพริบอีกฝ่าย ที่รู้ว่าควรจะทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าอย่างนั้นนางเองก็ควรจะทำอะไรด้วยสินะ

“ท่านพ่อข้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ รบเพื่อบ้านเมือง สร้างคุณงามความดีมาหรือก็ไม่ใช่น้อย พวกเจ้ากล้าทำร้ายข้ากระนั้นหรือ” 

ว่านเสียนเฟยได้ฟังคำอีกฝ่าย ใบหน้างามก็ยิ่งบูดเบี้ยว นางร้องด่าน้ำเสียงเกรี้ยวกราด” 

“นังทารกน้อย วาจาสามหาว ต่อให้บิดาเจ้าคือแม่ทัพแล้วอย่างไรเล่า จงจำใส่หัวน้อยๆ ของเจ้าเสีย แม่ทัพก็คือคนรับใช้ดีๆ นี่เอง จะอยู่หรือตายล้วนเป็นพวกข้าผู้เป็นนายออกคำสั่ง เจ้ามันก็มิต่างอะไรกับมารดาแพศยาของเจ้า มีหน้าอันใดมาอวดอ้างตนต่อหน้าข้า ผู้เป็นสนมแต่งตั้งของฮ่องเต้” 

“ที่เจ้าเกลียดท่านแม่ข้า คงไม่ใช่เพราะถูกท่านแม่ข้าเอาชนะเสียละมั้ง” เด็กหญิงเอ่ยยั่วเย้า นางจับจุดอ่อนอีกฝ่ายมาเป็นประเด็น

“หน็อย! อย่าอยู่เลย นังเด็กบ้า” ร่างอวบอิ่มก้าวเข้าหาเด็กน้อยทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายจี้ถูกจุดอ่อนของตน

นางไม่เกรงกลัวโรคที่มันขู่แม้แต่น้อย ด้วยมั่นใจว่านังเด็กทารกน้อยขู่ให้คนของนางไม่กล้าลงมือเท่านั้นเอง จ้าวเหมยฮวาใช้ปลายเท้าแตะพื้นถอยหลัง มองคล้ายถูกกระแทกใส่ แต่มือเล็กนั้นลอบสะบัดปราณใส่ท้องน้อยสตรีสาวตรงข้าม

ว่านเสียนเฟยชะงักร่างทรุดลงไปชั่วอึดใจ มือกุมท้องตัวงอโค้ง ดวงตามองร่างเล็กที่กระเด็นออกไป ในใจสับสนงุนงงเป็นอย่างยิ่ง นางไปถูกตัวนังเด็กนั่นด้วยหรือ แล้วทำไมท้องถึงได้ปวดเช่นนี้

ด้านจ้าวเหมยฮวา หลังแสร้งทำเป็นกระเด็น เด็กหญิงก็จงใจใช้ฝ่ามือรับน้ำหนักตัวครูดกับหินอ่อน จนฝ่ามือน้อยของนางนั้นเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน

“อึก... จะ...จับ...จับมันไว้สิ” 

ขันทีที่ยืนนิ่งพลันได้สติรีบตรงเข้ายึดแขนเด็กหญิงคนละข้าง ใบหน้าเล็กลอบยิ้มเย้ยก่อนจะเกร็งปราณบนฝ่ามือสองส่วนเข้าพัวพัน เมื่อสบจังหวะจึงกระแทกปราณใส่ท้องอีกฝ่าย ทั้งสองตัวโก่งจุกจนไร้สุ่มเสียง ร่างไถลไปด้านหลัง แต่ไม่ล้มหงายหลัง ด้วยมือนั้นถูกเด็กน้อยจับยึดไว้

ก่อนร่างน้อยจะแสร้งล้มลงเอาเข่าครูดกับพื้น มองดูเผินๆ คล้ายว่าตัวเองถูกขันทีทั้งสองฉุดกระชากลากจนล้มลงกระนั้น

ขันทีผู้โชคร้ายนั้นจุกแสนจุก ทว่าต้องพยายามทำหน้าที่ จึงคว้ามือน้อยจับพลิกหลัง กดเจ้าของร่างให้คุกเข่ากับพื้น ว่านเสียนเฟยมีรอยยิ้มเยาะเย้ย ปราดเข้ามาตบใบหน้าเล็กเสียงดังฉาดใหญ่ จ้าวเหมยฮวายิ้มเย็น ในใจคิดจดบัญชีแค้นอีกฝ่ายไว้ไม่มีตกหล่น

“เฮอะ! นังเด็กนรก วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึก ตัดลิ้นมันทิ้งเสีย!” 

นางกำนัลสาวคนสนิทก้าวมาประคองนายตนให้ถอยห่าง ขันทีหนึ่งในสองหยิบมีดสั้นในอกเสื้อขึันมา มือหนึ่งจับที่ผ้าผูกหน้าของร่างเล็กหมายกระตุกออก

“เดี๋ยว! ข้าจะเปิดผ้าที่ใบหน้ามันเอง” 

เสียงสั่งเอ่ย ข้ารับใช้หนุ่มย่อกายเบี่ยงหลบอย่างรู้หน้าที่ ปล่อยให้ร่างอวบอิ่มก้าวมายืนข้างหน้าเด็กหญิงแทนตน

“ที่เจ้าใช้ผ้าผูกปิดหน้า คงเป็นเพราะอับอายใบหน้าตัวเองสินะ ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่ามันจะอัปลักษณ์สักเพียงไหน” 

จ้าวเหมยฮวายิ้มเย้ยให้แก่คำพูดเสียดสี ก่อนจะตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกัน

“จะอัปลักษณ์เพียงใด ก็คงไม่อาจเทียบได้กับความสกปรกในใจเจ้า” 

เพียะ!

“ขนาดเวลาอย่างนี้ยังกล้ามาตีฝีปาก เจ้านี่มันเหมือนมารดาจริงๆ” 

เจ้าของร่างน้อยรับรู้ถึงรสโลหิตในปาก ในใจคิดบวกหนี้แค้นนี้ไว้หมดสิ้น ดวงตาเด็กหญิงวาวโรจน์ดุจเปลวไฟ

“มาเริ่มกันดีกว่า ข้าอยากรู้นักว่ามารดาเจ้าจะทำหน้าเช่นใดยามเห็นเจ้าไม่มีลิ้น” 

กล่าวจบนางก็ยกมือขึ้นจับผ้าสีขาวผืนบางบนใบหน้าเด็กหญิง แล้วออกแรงดึงหมายจะกระชากให้หลุด

ฟุ่บ!

ขันทีผู้จับร่างบางของจ้าวเหมยฮวากระตุกร่างสั่นสะท้านเมื่อมีปราณไร้ลักษณ์สายหนึ่งลอยปักทะลุเข้ากลางหน้าผาก รวดเร็วจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ยังไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าเกิดอันใดขึ้นกับตน ยังไม่ทันจะกล่าวสิ่งใดต่อ ขันทีอีกคนผู้โชคร้ายมีนายผิดทำได้เพียงตกตะลึง ขณะนั้นก็มีกระบี่อ่อนสีเงินพุ่งเข้าสู่ลำคอ กระบี่นั้นทรงพลังจนไม่อาจปัดป้องหรือหลบหลีก

ว่านเสียนเฟยเห็นข้ารับใช้ตรงหน้าถูกกระบี่ปักเข้าทะลุลำคอชัดเจน หญิงสาวกรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งยามเห็นโลหิตสีแดงสดสาดกระเซ็นมาเปรอะเลอะใบหน้างาม นางก็ยิ่งขวัญผวา เงาร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพจ้าวเคลื่อนไหวดุจสายลม ถลาเข้ามาอุ้มร่างเล็กที่ทรุดลงบนพื้นไว้ในอ้อมแขน แล้วเตะเท้าเหินไปยืนเคียงข้างฮูหยินตน

จ้าวเฟยเซียนรับร่างบุตรสาวจากมือสามี ดวงตานางทอประกายดุดัน ในยามนี้สองคนสามีภรรยาคล้ายจะประสานใจกัน หนึ่งปราณพุ่งทะลุใบหน้า อีกหนึ่งกระบี่ปักทะลุลำคอ

ว่านเสียนเฟยเปรียบเหมือนคนจมน้ำ ไม่อาจหายใจได้สะดวกนัก ดวงตาคู่สวยสอดส่ายสายตาเห็นทั้งคู่มองราวกับจะเข้ามาฉีกนางให้เป็นชิ้นๆ ใจยิ่งหวาดหวั่น ก่อนที่นางจะยกยิ้มดีใจ เมื่อมองเห็นพระวรกายสูงในชุดสีทองก้าวมา สีหน้ารีบแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก ส่งเสียงร้องเรียกพระสวามีอย่างน่าสงสาร

“ฝ่าบาท... ฝ่าบาททรงช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ แม่ทัพจ้าวกับฮูหยินคิดจะฆ่าหม่อมฉันเพคะ” 

อวี้หลางยืนมองพระสนมรักด้วยสายพระเนตรดุดัน นึกย้อนไปว่าตอนที่จิงหยูพาร่างอันบอบช้ำเต็มไปด้วยโลหิตมากราบทูล พระองค์ยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าสตรีตรงหน้าจะเหิมเกริมได้ขนาดนี้

“ขอพระราชทานอภัยเพคะ ฝ่าบาท... ทรงช่วยคุณหนูเหมยฮวาด้วย” 

สองสามีภรรยาร้อนรนผุดลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นนางกำนัลคนที่ให้ดูแลบุตรสาวกลับมาในสภาพเปื้อนโลหิต โดยไม่มีร่างบุตรสาวตนมาด้วย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรสภาพนางกำนัล ในใจให้ร้อนดั่งไฟ ทรงตวาดถามทันที

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าเป็นแบบนี้ แล้วหลานฮวาเอ๋อร์เล่า” 

“ทูลฝ่าบาท คุณหนูอยู่ที่ศาลาในอุทยานหลวงเพคะ ตอนนี้พระสนมเสียนเฟยกำลังจะตัดลิ้นคุณหนู...” 

ประดุจสายฟ้าฟาดลงกลางใจ หมิงหลงแตะปลายเท้าใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าไปยังอุทยานหลวงทันที ตามด้วยเฟยเซียนและอวี้หลาง

เมื่อมาถึงแม่ทัพหนุ่มก็กัดกรามกรอด ภาพที่ปรากฏต่อสายตาคือภาพขันทีสองคนจับบุตรสาวเขากดไว้กับพื้น ในขณะที่นังสนมสารเลวนั่นตบหน้าฮวาเอ๋อร์ของเขา

ยิ่งเห็นบุตรีที่ตนเฝ้าทะนุถนอมมีโลหิตสีแดงฉานเต็มสองมือ ชุดตัวสวยที่นางสวมมีร่องรอยฉีกขาด ดวงตาคู่งามที่เขากับภรรยาเคยเห็นแต่ความสดใสนั้น ยามนี้มีน้ำตาคลออยู่เต็มสองข้าง ปราณบนฝ่ามือแม่ทัพพลันสะบัดออกไป พุ่งปักเป้าหมายกลางหน้าผากขันทีชั่วนั่นทันที

เฟยเซียนที่มักจะเป็นฝ่ายปรามสามี ยามนี้สะบัดกระบี่อ่อนข้างเอวเข้าใส่ขันทีอีกคนที่ถือมีดสั้นหันใส่บุตรสาวอย่างไม่ลังเล แววตาสาดประกายเหี้ยมเกรียม

‘กล้าหันมีดใส่ลูกข้า ต่อให้เจ้าตายสิบชาติก็ไม่พอชดเชย’ 

ในตอนแรกว่านเสียนเฟยยังหวั่นเกรงสองสามีภรรยา ยามนี้เห็นพระสวามีของตนมาในใจเริ่มยิ้มย่อง พวกมันกล้าสังหารคนของนาง นางจะให้มันสองคนได้ชดเชยอย่างสาสม

“ฝ่าบาท... พระองค์ลองทอดพระเนตรดูสิเพคะ ขนาดต่อหน้าพระพักตร์ พวกเขายังกล้าฆ่าคนได้ไม่เกรงกลัว ปล่อยให้กำเริบเสิบสานเยี่ยงนี้ต่อไปจะไม่ก่อกบฏกันหรือเพคะ” 

เพียะ!

“ว้าย!” 

ร่างอวบอิ่มของพระสนมว่านเสียนเฟยลงไปนอนกองกับพื้นด้วยแรงจากฝ่ามือโอรสสวรรค์ นางยกมือกุมใบหน้างดงามของตน ดวงตาแดงก่ำสบสายพระเนตรเกรี้ยวกราดดุดัน จนร่างบางถึงกับสั่นสะท้านไม่รู้ตัว

“เจ้ากล้าทำร้ายหลานเรา โดยไม่เห็นแก่หน้าเราแม้แต่น้อย ยังกล้าเอ่ยใส่ความน้องเขยกับน้องสาวเราอีกหรือ” 

สุรเสียงทุ้มคำรามก้อง ว่านเสียนเฟยและนางกำนัลสะดุ้งร่างสะท้านเฮือก รีบคุกเข่าหมอบศีรษะร้องกันระงม

“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ฝ่าบาททรงพระเมตตาด้วย หม่อมฉันเป็นผู้เสียหายนะเพคะ” มือขาวนวลจับขาผู้เป็นสวามี ก่อนจะเอ่ยทั้งน้ำตานองหน้า

อวี้หลางนิ่งเงียบขรึมไป

ฝ่ายหนึ่งก็หลานสาวน้องสาวสุดรัก อีกฝ่ายคือพระสนมที่ให้ความโปรดปราน อีกทั้งเบื้องหลังของสตรีนางนี้คือสกุลว่านที่มีหน้ามีตาในราชสำนักมิใช่น้อย

หากพระองค์ตัดสินไม่เป็นธรรมอาจเป็นที่ครหา ทว่าหากไม่ลงโทษสตรีผู้นี้แล้วไซร้ คงยากจะรักษาความสัมพันธ์พี่น้องเอาไว้ให้ดีได้ต่อไป

“ตามหมอหลวงมารักษาหลานฮวาเอ๋อร์ แล้วไปที่ท้องพระโรงหลวง ข้าจะไต่สวนเรื่องนี้เอง!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   องค์ชาย... แม่ทัพ... ฮ่องเต้...

    อวี้เจี้ยนองค์ชายสามแห่งแคว้นต้าเฉิน ในยามนี้ยืนมองรถม้าที่บรรทุกอัดแน่นด้วยขนมทั้งหลายแหล่ที่ตนสั่งให้นำไปกำนัลแด่สาวเจ้าตัวน้อยเวลานี้มีถึงสี่คัน ซึ่งนำมาจอดเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ลานหน้าตำหนักส่วนพระองค์ ด้วยสายตาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองโม่ฉีองครักษ์คนสนิท ที่นั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพลางเอ่ยปากถาม“เกิดอะไรขึ้น?”โม่ฉีเงยหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำขึ้นสบตากับผู้เป็นนาย ในดวงตามีร่องรอยของความเสียใจไม่น้อย “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย เป็นเพราะกระหม่อมนั้นไร้ความสามารถ แม้แต่จะก้าวเข้าประตูจวนไร้พ่ายก็ไม่อาจทำได้“เพราะเหตุใดกัน”โม่ฉีมีดวงตาแดงก่ำยามคิดถึงตอนที่เขานำรถม้าที่บรรทุกขนมไปเต็มคันรถวิ่งเข้าไปจอดหน้าจวนตระกูลจ้าว“ข้าคือองครักษ์ขององค์ชายสาม นามว่าโม่ฉี ได้รับคำสั่งจากองค์ชายของข้าให้นำขนมเหล่านี้มามอบให้แก่คุณหนูจ้าว”สิ้นคำพูดแสดงความจำนง บ่าวคนรับใช้ที่ยืนอยู่หลังประตูก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ขอท่านองครักษ์ได้โปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบเข้าไปรายงานนายท่านก่อนขอรับ”พูดจบบ่าวคนดังกล่าวก็วิ่งหายเข้าไปในจวนชั่วครู่หนึ่ง ก่อน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   มันคือความรู้สึก...?

    ยามค่ำคืน ณ ตำหนักขององค์ชายสามอวี้เจี้ยนร่างสูงที่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเวลานี้กำลังนั่งเรียบร้อยอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าเป็นโต๊ะไม้เนื้อเงางาม ข้างบนมีพิณสีดำตัวใหญ่วางอยู่ นิ้วเรียวยาวของเด็กหนุ่มกรีดกรายไปตามสายอย่างชำนิชำนาญเสียงเพลงแผ่วหวานดังกังวานหนักแน่น แต่บางครั้งก็ทอดเสียงลงคล้ายจะขาดใจ สลับกับรวยระรินคล้ายเสียงสะอื้นไห้ในบางครา จนองครักษ์ประจำตำหนักรู้สึกราวกับตัวเองจะขาดใจตามเสียงนั้นไปด้วย ก่อนเจ้าตัวจะหยุดดีดนิ่งไปเสียดื้อๆ“องค์ชาย ทรงมีอะไรในใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” โม่ฉีเอ่ยถามเมื่อเห็นองค์ชายหยุดเล่นเพลงกลางคัน เอาแต่ทอดถอนใจดังเฮือกๆ“โม่ฉี เจ้าเคยรู้สึกแบบ... ใจเต้นแรง อึดอัดคล้ายหายใจไม่ออกยามอยู่ใกล้ แต่อยากเห็นหน้าอยากฟังเสียงอยากพูดคุยด้วยเมื่อห่างไกล อะไรแบบนี้บ้างหรือไม่”“เคยสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าให้กระหม่อมเดา คนผู้นั้นคงเป็นเด็กผู้หญิงด้วยใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”อวี้เจี้ยนได้ยินดังนั้นจึงละความสนใจจากพิณตรงหน้า หันมามองหน้าองครักษ์คนสนิทอย่างแปลกใจ“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เด็กหนุ่มหันใบหน้าหล่อเหลาที่ออกไปทางหวานดุจสตรีขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางฟากฟ้า เอ่ยถ้อยคำต่อด้วยน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   พ่อบ้านจางฟงแห่งจวนไร้พ่าย

    คุณหนูจ้าวหายตัวไปไม่ทันถึงครึ่งวันท่านแม่ทัพถึงขนาดนำกองกำลังในสังกัดเข้าค้นวังหลวง‘อา... คุณหนูจ้าวผู้นี้ นางช่างเป็นตัวเรียกความวุ่นวายจริงๆ’นั่นเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนคิด หลังจากที่ถูกท่านแม่ทัพบังคับให้ช่วยกันตามหาบุตรสาวสุดรัก ทว่าก็ได้แค่คิดอยู่ในใจ เพราะความจริงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งแน่นอนวันนี้ครอบครัวท่านแม่ทัพตัดสินใจออกจากวังกลับสู่จวนตนเอง เพราะทิ้งจวนให้เหล่าคนรับใช้ดูแลกันเอง นานไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อฮูหยินจ้าวสามารถขยับตัวเดินเหินได้แล้ว ทุกคนจึงตกลงใจกันว่าจะกลับสกุลจ้าว โดยทิ้งให้อวี้หลางฮ่องเต้ที่มีพระพักตร์บูดบึ้งไว้เบื้องหลัง เพราะไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้น้องสาวกับหลานสาวพักอยู่ในวังหลวงต่อไปได้อีก“หลิวกงกง เราคิดอะไรออกแล้ว” ฮ่องเต้รับสั่งกับขันทีคนสนิทสุรเสียงยินดี ก่อนจะสะดุ้งพระวรกายด้วยความเจ็บที่ก้นเมื่อขยับองค์อา... น้องสาวที่ถูกแทงนั้น ขณะนี้สามารถเดินเหินเป็นปกติได้แล้ว แต่พระองค์ที่ถูกกระบองแม่ทัพผู้เป็นน้องเขยฟาดก้นนี่สิ ยามนี้แม้แต่จะลุกหรือนั่งก็ยังไม่อาจทำได้เลย“คิดอะไรออกหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงเงยหน้าขึ้นจากก้นผู้เป็นนายพร้อมกับเอ่ยถามอวี้หลาง

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (3)

    ‘อา... องค์ชายสามกับองค์ชายห้าแห่งแคว้นต้าเฉินช่างแปลกประหลาดนัก หากมิใช่เสด็จลุงแล้ว คงหาคนที่เลี้ยงลูกให้กินง่ายอยู่ง่ายเช่นนี้ได้ยากยิ่งเด็กหญิงเฝ้าคิดบอกกับตัวเองแบบนั้นขณะเดินผละออกมา ปล่อยให้องค์ชายห้าผู้ติดดินก้มหน้าก้นโด่งคุ้ยหาไส้เดือนกินต่อไปตามอัธยาศัยร่างเล็กเดินลัดเลาะมาตามแนวร่มไม้ จนป่านนี้นางยังหาทางกลับไม่เจอ หูได้ยินเสียงฝีเท้าอีกหนึ่งเสียงที่ลอบตามมาพักใหญ่แล้วดวงตากลมโตลอบมองคนที่แอบตามมา ก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งวัยไม่น่าจะห่างจากนางมากนัก เจ้าตัวเดินมากับม้าสีขาวปลอดตัวหนึ่งจ้าวเหมยฮวาแกล้งทอดฝีเท้าเดินช้าบ้างเร็วบ้าง บางครั้งก็แกล้งหยุดเดินเพื่อดูทีท่า ทว่าอีกฝ่ายก็ยังตามติดไม่ลดละ‘ช่างเถอะ เด็กตัวแค่นี้คงไม่ใช่พวกสโตกเกอร์โรคจิต แบบในชาติก่อนที่นางเคยอยู่หรอกน่า’ อวี้เยี่ยนมองร่างเล็กในชุดขาวแล้วลอบกระหยิ่มนึกยิ้มลำพองใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นคงไม่รู้ตัวว่าเขาแอบติดตามนางอยู่อันที่จริงองค์ชายแปดผู้นี้ลอบเดินตามอีกฝ่ายมาตั้งแต่เห็นนางเดินออกจากลานฝึกยุทธ์ของพี่ห้าแล้ว พระมารดาเคยบอกไว้ว่า ถ้าอยากเอาชนะพี่สามกับพี่ห้า อย่างไรเสียเขาก็ต้องแต่งกับบุตรสาวแ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (2)

    ‘องค์ชายสามผู้นี้ช่างเป็นคนพอเพียงนัก อยากกินปลาก็หาจับเอง เสด็จลุงทรงเลี้ยงลูกได้ติดดินจริงๆ’ จ้าวเหมยฮวาคิดสรุปกับตนเองก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้อวี้เจี้ยนผู้เป็นองค์ชายว่ายน้ำดำผุดดำว่ายหาปลาคนเดียวต่อไปตามอัธยาศัยจ้าวเหมยฮวาเดินจากมาแบบงงๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้สตินึกขึ้นได้ว่า...‘อา... จริงด้วย ลืมไปเลย ข้าไม่ได้รอจิงหยู’ ใช่แล้วนางเดินจากมาโดยไม่ได้รอจิงหยู และที่สำคัญตอนนี้นางหลงทางเป็นที่แน่นอนแล้ว เด็กหญิงหันไปมองหาทางเก่าที่เดินจากมา ก็พบว่าเส้นทางทุกด้านดันเหมือนกันไปหมดเลย‘ลองไปข้างหน้าดูก่อนละกัน’ บอกตัวเองในใจ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินลัดเลาะไปตามแนวรั้วต้นไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างงดงามมองแล้วให้เพลินตายิ่ง ร่างเล็กยังคงเดินชมนกชมไม้อย่างสบายใจ หากใครได้พบเห็นคงมองดูคล้ายกำลังเดินเล่นเสียมากกว่า ก็นะ นางยามนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง จะหลงทางบ้างก็คงจะไม่แปลกอันใดคิดเองเออเองอย่างครึ้มอกครึ้มใจ หูพลันแว่วได้ยินเสียงดังแหวกอากาศ ฟังเหมือนมีคนกำลังฝึกยุทธ์ลอยมาจากทางด้านหน้า ร่างเล็กเดินเลาะแนวไม้เพื่อตามหาเสียงดังกล่าว จนมาถึงลานสนามหญ้าเล็กๆ ไม่กว้างนัก ดวงตาคู่ดำเป็นประ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (1)

    ในเมืองหลวงของแคว้นต้าเฉินยามนี้เกิดข่าวลือหนาหู ทุกคนต่างรู้ดีว่าต้นเรื่องนั้นคือบุตรีแม่ทัพไร้พ่ายเสียงเล่าลือต่อๆ กันไปว่า คุณหนูตระกูลจ้าวนั้นไม่ใช่แค่เพียงอัปลักษณ์ แต่นางยังเป็นตัวนำความโชคร้ายเข้ามาหาผู้อื่นอีก ดูแค่ก้าวเท้าย่างเข้าวังหลวงเพียงวันเดียวยังนำพาปีศาจร้ายเข้ามาอาละวาดในวังเสียจนพังพินาศไปตามๆ กัน ขนาดฮ่องเต้ผู้เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ยังถึงกับประชวร ออกว่าราชกิจไม่ได้เป็นเดือนๆอา... สวรรค์ คุณหนูสกุลจ้าวนางช่างน่ากลัวเหลือเกิน“คุณหนูเจ้าคะ จะไปหาฮูหยินเลยไหมเจ้าคะ” จิงหยูเอ่ยถามน้ำเสียงสดใส ดวงตามองทรงผมที่นางขมวดไว้ครึ่งบนติดดอกไม้น่ารัก ปล่อยเรือนผมครึ่งล่างให้ยาวสยายจ้าวเหมยฮวาอยู่ในชุดขาวปักชายด้วยลวดลายบุปผาสีชมพูสดใสที่สาวใช้นำมาบรรจงสวมให้เจ้านาย คุณหนูของนางช่างงามเหลือเกิน จิงหยูลอบชมเจ้านายตัวน้อยในใจ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าสีขาวข้างมือมาคลุมผูกไว้บนใบหน้าน่ารัก“ทำไมคุณหนูต้องปิดหน้าด้วยล่ะเจ้าคะ เพราะคุณหนูปิดหน้าแบบนี้ พวกปากมากทั้งหลายเหล่านั้นถึงกล่าวหาว่าท่านอัปลักษณ์ได้” จ้าวเหมยฮวาหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นสาวใช้พูดด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ทั้งยังมีท่าทีเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status