"ผมไม่ไปนะครับคุณย่า"
"ไม่ได้" "โธ่คุณย่าครับมันก็แค่งานการกุศลเองนะครับทำไมผมต้องไปด้วยละครับ" วายุภักษ์โอดครวญกับผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าเต็มที่ทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าย่าของเขาคิดจะทำอะไรอยู่ "ไม่ได้แกต้องไป ถ้าแกไม่ไปก็ไม่ต้องเรียกย่าว่าย่า" พูดจบผู้เป็นย่าก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไปดื้อๆ เฮ้อคนแก่ทำไมถึงได้ขี้งอนได้ขนาดนี้ คุณย่าของเขานิสัยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ ในเวลาต่อมา ทางด้านน่านฟ้าที่ตอนนี้กำลังนั้งทำท่าทางฟิดฟัดด้วยอาการที่ไม่พอใจกับคำสั่งของผู้เป็นพ่อที่บังคับให้ไปร่วมงานกุศลอะไรก็ไม่รู้เธอไม่ชอบใจเลยสักนิด "พ่อคะหนูไม่อยากไปค่ะ" "ยัยฟ้าทำไมพูดไม่รู้เรื่อง" "ก็หนูไม่อยากไป" "พ่อครับเดี๋ยวผมพูดกับยัยฟ้าให้เองพ่อไปพักผ่อนเถอะครับ" มานพหันมามองหน้าบุตรชายก่อนจะพยักหน้าแล้วเปิดประตูเดินออกไปทิ้งให้สองคนพี่น้องพูดคุยกันเคลียร์ปัญหากันเองตามลำพังเพราะเขาคิดว่ายังไงน่านน้ำก็จัดการน่านฟ้าได้อยู่แล้ว ทางด้านวายุภักษ์หลังจากที่วางสายจากผู้เป็นย่าได้ไม่นานชายหนุ่มก็ได้รับรายงานว่าหญิงสาวที่เขาให้เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวไปร่วมงานการกุศลด้วย "ว่าไง" "นายครับคุณน่านฟ้าเธอไปร่วมงานการกุศลครั้งนี้ด้วยครับ" "อืม ขอบใจ" "ครับ" ชายหนุ่มจึงหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาอีกครั้งก่อนจะกดออกไปยังปลายทาง "สวัสดีครับคุณย่าไม่ทราบว่าผมพอจะเป็นคู่ควงของคุณย่าในงานการกุศลได้ไหมครับ" "แกอย่ามาหลอกให้ย่าดีใจเล่นมันบาบนะเจ้าลม" "เปล่าครับผมไม่ได้หลอก ผมพูดจริงนะครับงานเลี้ยงจะเริ่มกี่โมงครับ" "งานเริ่มหนึ่งทุ่มแกมารับย่าที่บ้านก่อนเวลางานประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วกัน" "ครับคุณย่า" หลังจากที่วางสายจากผู้เป็นย่าชายหนุ่มจัดการเข้าไร่เพื่อไปสะสางงานที่ยังค้างและสั่งงานที่เหลือกับน้าชาติ เขาขับรถออกจากวังน้ำเขียวเข้ากรุงเทพประมาณเกือบๆ สามชั่วโมงทำให้เขาถึงบ้านของย่าเร็วกว่าเวลานัดหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นทั้งวายุภักษ์และคุณย่าก็เดินทางเข้าร่วมงานการกุศลวันนี้คุณมาลีมีความสุขมากใบหน้าดูยิ้มแย้มมีความสุขเพราะท่านได้ควงหลานชายสุดที่รักออกงานอย่างสมใจเมื่อทั้งคู่ย่าหลานเดินก้าวย่างเข้ามาในงานทุกสายตาไม่ว่าจะเป็นสาวเล็กสาวใหญ่ต่างให้ความสนใจกับชายหนุ่มหล่อหน้าตาคมเข้มที่คุณมาลีควงเข้ามาในงานครั้งนี้ใครจะไปคิดละว่าหลายชายของคุณมาลีจะหน้าตาดีเช่นนี้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นทุกคนก็กรูกันเข้ามาทำความรู้จักกับหลานชายคุณมาลีกับเป็นยกใหญ่บางคนถึงกับต้องพาตัวลูกสาวหรือหลานสาวเข้ามาทำความรู้จักเพื่อสร้างรู้สึกความสนิทสนมกับวายุภักษ์และวางแผนจะเป็นทองแผ่นเดียวกันคิดว่าเขาไม่รู้ละสิเฮ้อแค่คิดก็ปวดหัว
"คุณพ่อ" "น่านน้ำมาพอดีเลยลูกมาๆทำความรู้จักกับท่าน ส.ส. เกรียงไกร เอกอัครพิภพ หน่อยลูก" "สวัสดีครับท่าน" "อ้าวสวัสดีหลายชาย" "นี้น่านน้ำครับลูกชายคนโตของผมเองครับ" "อ่อ คนที่จะมารับตำแหน่งประธาน N&N คนต่อไปสินะ โตมาหล่อขึ้นเยอะเลยนะเป็นไงบ้างหลานชายสบายดีไหม" "สบายดีครับท่านแล้วท่านละสบายดีไหมครับ" "ก็สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ" "ครับท่าน" "ไม่ต้องเรียก เรียกท่าน หรอก เรียกว่าอาก็พอ" "ครับคุณอา" หลังจากที่แนะนำตัวลูกชายกับท่าน ส.ส. เป็นที่เรียบร้อย มานพ ก็แนะนำตัวลูกสาวอันเป็นที่รักต่อท่าน ส.ส. ต่อ เพื่อที่วางแผนให้เป็นทองแผ่นเดียวกัน "ท่านครับส่วนนี้ก็น่านฟ้าลูกสาวคนสุดท้องของบ้านครับเพิ่งเรียนจบมาจากมหาลัยดังในกรุงเทพฯด้านการตลาดด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งครับ" "สวัสดีค่ะ" หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมปรับสีหน้าให้มีรอยยิ้มเหมือนคนมีความรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งที่ในใจตอนนี้คือเซ็งมากๆแต่ก็ต้องอดทนไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ทำให้พ่อต้องขายหน้า "อ่า สวัสดีจ้ราหนูน่านฟ้า นั้นลูกชายอากำลังเดินมาทางนี้พอดีเดี๋ยวอาแนะนำให้รู้จักกันนะเผื่อภายภาคหน้าทั้งสองตระกูลจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน" ท่าน ส.ส. กล่าวทักทายหญิงสาวก่อนจะโบกมือเรียกลูกชายที่เพิ่งจะก้าวพ้นผ่านประตูเข้ามา "รัชชานนท์ ทางนี้ลูก" ชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่อเรียกก็ไม่ค่อยอยากจะเดินเข้าไปหามากนักนี้เขาอุส่าบอกไปแล้วว่ามีธุระมาไม่ได้ก็ยังโทรไปคาดคั้นให้มาแต่เมื่อมาถึงก็ยังจะเรียกเขาไปทำความรู้จักกับใครอีกก็ไม่รู้ "เฮ้อ!!" ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงถอนหายใจก่อนจะทำสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเรีบเร่งฝ่าเท้าก้าวไปหาผู้เป็นพ่อ "กว่าจะมานะได้ไอ้ลูกชาย" ท่าน สส บ่นลูกชายแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก "ก็ผมบอกพ่อแล้วไงว่าวันนี้ผมไม่ว่างผมมีงานที่ต้องเคลียให้เรียบร้อยแต่พ่อก็ไม่ยอมฟังเหตุผลยังจะลากผมมาให้ได้" "เอ้อน่าอย่างพูดมาก" เมื่อบ่นเจ้าลูกชายเสร็จท่าน สส ก็ไม่ลืมที่จะแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวคนเล็กของตระกูลอัครเสนารักษ์เด็กสาวที่เขาหมายตาไว้ให้เป็นลูกสะใภ้ในอนาคต "ตานนท์นี้หนูน่านฟ้าลูกสาวของคุณอามานพเขาทำความรู้จักกับน้องไว้สิไม่แน่นะอนาคตอาจจะเป็นทองแผ่นเดียวกันก็ได้" "คุณพ่อครับ"ชายหนุ่มทำสีหน้าแบบเอือมระอากับอาการและคำพูดของพูดคนพ่อจนทำให้โดนเอ็ดออกไปเล็กน้อยแต่ไม่จริงจังมาก "อย่าพูดมากทำตามที่พ่อบอกก็พอ" "ครับ" "สวัสดีครับคุณน่านฟ้ายินดีที่รู้จักนะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยทักทายหญิงสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยสีหน้าที่เป็นมิตรพร้อมด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มและนุ่มต่างจากน้ำเสียงที่คุยกับผู้เป็นพ่อเมื่อกี้ที่ฟังดูกระด้างขุ่นๆแบบไม่พอใจ "สวัสดีค่ะคุณรัชชานนท์" รัชชานนท์ เอกอัครพิภพ อายุเพียง 26 ปี ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านสส เกรียงไกร เอกจะค่อยๆรพิภพ ดีกรีหนุ่มนักเรียน นอกที่ตอนนี้เปิดบริษัทส่งออกทั้งในและนอกประเทศแถมพ่วงท้ายด้วยตำแหน่งผู้ชายที่ผู้หญิงอยากแต่งงานด้วยที่สุดอันดับสองรองจากวายุภักษ์ หญิงสาวเอ่ยทักทายตามมารยาทพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่มที่ดูจากหน้าตาแล้วอายุก็น่าจะรุ่นเดียวกันกับพี่น่านน้ำในขณะที่หญิงสาวกำลังคิดอะไรไปเรื่อยๆพร้อมกับไล่สายตาสำรวจคนตรงหน้าไปด้วยแต่หางตาก็ดัดไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่เธอรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากและเป็นคนที่เธอต้องการที่จะหนีเป็นหน้ามากสุดเธอก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปจากตรงนี้ไปให้ไกลๆ ส่วนทางด้านของวายุภักษ์เขามีความรู้สึกเหมือนกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่ แต่ชายหนุ่มทำเป็นเหมือนไม่สนใจก่อนจะค่อยๆๆไล่สายตาสำรวจไปจนทั่วและก็พบว่าคนที่กำลังมองมาทางเขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นน้องสาวของศัตรูของเขานี้เองชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆโดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตก่อนที่จะทำสีหน้าเป็นปกติ หลังจากที่ทุกคนทำความรู้จักกันเรียบร้อยผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันออกไปทักทายคนอื่นๆต่อรวมถึงน่านน้ำด้วยที่ผู้เป็นพ่อต้องพาไปแนะนำทำความรู้จักกับหลานสาวของคุณหญิงดวงใจ เมื่อถูกทิ้งให้อยู่กันเพียงสองคนก็ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบๆเงียบลงโดยอัตโนมัติเพราะต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเองทางด้าน ของมานพ ตอนนี่เขาตามจับคนร้ายที่ยิงน่านฟ้าได้แล้ว และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือคู่แข่งทางธุรกิจของเขานั้นเองในตอนแรกมันกะจะยิงวายุภักษ์แล้วจะโยนความผิดทุกอย่างให้ มานพ แต่มันดันพลาดตรงที่น่านฟ้าลูกสาวของเขาเอาตัวเองไปเป็นโล่กำบังให้กับวายุภักษ์แต่มันก็สะใจดีในเมื่อเล่นงานคนเป็นพ่อไม่ได้ก็เล่นงานลูกสาวมันแทนก็แล้วกันเลยทำให้ผลออกมาเป็นตามที่เห็น แต่มันคงไม่รู้ว่ามันเล่นผิดคนซะแล้วเพราะวายุภักษ์เองก็ใช่คนธรรมดาที่ไหนเขาคือซาตานดีๆ นี้เองในเมื่อมันกล้าทำกันคนที่เขารักขนาดนี้งั้นมันก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกในนี้แล้ว และในตอนนี้คู่แข่งทางธุรกิจของ มานพ ก็ได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอยโดยเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อนณ โรงพยาบาลเช้าวันรุ่งขึ้นรัชชานนท์มาเยี่ยมน่านฟ้าในขณะที่ชายหนุ่มยกมือขึ้นจะเคาะประตูก็มีเสียงดังลอดออกมาก่อนเสียงที่ดังออกมาจากในห้องนั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงัก ร่างบางที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เปลือกตาค่อยๆ กะพริบตาปริบๆ ขึ้นลงเพื่อค่อยปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงหญิงไล่สายตาไปรอบๆ ก่อนจะมาสะดุดกับร่างหนาก็ใครบางคนที
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพูดเท่าไรก็คงไม่ยอมแน่ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปอุ้มหญิงสาวออกจากเตียงก่อนจะพาเดินออกไปจากห้อง น่านฟ้าพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของวายุภักษ์แต่ไม่ว่าเธอพยายามดิ้นแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ จนวายุภักษ์ต้องพูด ออกมาด้วยน้ำเสียงดุๆ''หากคุณไม่กลัวตกบันไดก็ดิ้นต่อไป''หลังจากที่วายุภักษ์พูดจบน่านฟ้าก็ไม่ดิ้นอีกเลย อีกอย่างเธอกลัวว่าลูกในท้องจะเป็นอัตรายด้วยหากเธอตกลงไปชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวมาถึงรถก่อนจะวางลง''ทำไมถึงไม่อยากไปหาหมอ'' วายุภักษ์ถามออกมาอย่างใจเย็น''ก็ฉันไม่ได้เป็นอะไร อ่อ...ถ้าคิดว่าฉันท้องละก็เสียใจด้วยนะคะเพราะว่าวันไม่มีวันที่จะเป็นความจริง''หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียสั่นๆตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!''mเสียงสะอื้นที่ดังออกมาจากคนตัวเล็กทำให้หัวใจของวายุภักษ์เจ็บปวดยิ่งนัก''น้องฟ้าครับพี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ยอมรับผิด" ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอยิ่งนัก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขารักผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหนเขาไม่อยากเสียเธอไปอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!"ยังคงมีแต่เสียงสะอื้นที่ตอบกลับมาเป็นระยะๆ"น้องฟ้าครับพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมคร
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่น่านน้ำและแพรวาปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย พ่อและแม่ของแพรวาต่างก็ยอมรับในตัวของลูกเขยคนนี้แต่กว่าจะยอมรับน่านน้ำใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่เกือบเดือน ทุกอย่างดูเหมือนจะลงเอ่ยด้วยดีณ โรงพยาบาลxxx น่านฟ้าที่รู้สึกว่าตัวเองจะไม่สบายและมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม เป็นๆหายๆมาสักพักแล้วทานยาก็ไม่หายแถมช่วงนี้เธอยังง่วงนอนบ่อยด้วยหญิงสาวเลยตัดสินใจพาตัวเองมาหาหมอ"เชิญคุณเนตรนภา อัครเสนารักษ์ ที่ห้องตรวจเบอร์ 2 ค่ะ""จากที่หมอดูอาการเบื้องต้นหมอคิดว่าหมอพอจะทราบแล้วว่าคุณเป็นอะไรมาแต่เพื่อความแน่ใจหมอขอตรวจปัสสาวะและเลือดเพิ่มเติมหน่อยนะคะ""ได้ค่ะ"หลังจากที่เจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะเสร็จหญิงสาวก็ลงไปนั่งรอผลเลือดร้านคาเฟ่ข้างๆโรงพยาบาลเพราะมันต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงผลเลือดถึงจะออกหญิงสาวจึงสั่งเค้กและน้ำผลไม้ปั่นมาทานเพื่อฆ่าเวลา ณ ห้องตรวจ"คุณเนตรนภา เชิญนั่งค่ะ""คุณค่ะ""ผลตรวจออกมาแล้วนะคะ""ค่ะ""หมอยินดีด้วยนะคะตอนนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองสัปดาห์แล้วค่ะ""ท....ท้อง!""คะ ต่อไปคุณแม่ทำอะไรต้องระวังตัวด้วยนะคะ ห้ามยกของหนัก พยายามอย่างใส่รองเท้า
หลังจากที่นั่งดื่มกันได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของรัชชานนท์ดังขึ้นเมื่อหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์แปลกๆชายหนุ่มปิดเสียงแล้ววางลงไว้ที่เดิมบนโต๊ะ"พี่นนท์ทำไมไม่รับสายละคะ""เบอร์แปลกครับพี่เลยไม่รับเพราะนี่มันเป็นเวลาส่วนตัวของพี่ครับ""อ่อ...ค่ะ"ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของรัชชานนท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ"พี่นนท์รับสายก่อนก็ได้ค่ะคนที่โทรมาเขาอาจมีธุระอะไรสำคัญก็ได้""ครับงั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวออกรับไปโทรศัพท์ก่อนนะครับน้องฟ้าห้ามลุกไปไหนคนเดียวนะครับ"หลังจากที่รัชชานนท์ไปรับโทรศัพท์ได้ไม่นานน่านฟ้าก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำทางด้านฝั่งของรัชชานนท์หลังจากที่คุยโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะเมื่อไม่เห็นคนตัวเล็กเขาก็ยกหูโทรศัพท์เพื่อจะโทรแต่พนักงานของทางร้านก็เดินมาแจ้งว่าหญิงสาวที่มาด้วยตอนนี้กำลังเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันสายตาไปมองโต๊ะข้างๆเลยทำให้เห็นว่าตอนนี้วายุภักษ์ก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ ชายหนุ่มจึงเกิดความรู้สึกเป็นห่วงน่านฟ้าขึ้นมาทันทีในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้น น่านฟ้าก็เดินกลับมาพอดีแต่สีหน้าของเธอในตอนนี้มันไม่ค่อยดีนัก"พี่นนท์คะเรากลับบ้านกันเถอ
ณ ไร่วายุภักษ์เช้านี้บรรยากาศภายในไร่ ท้องฟ้าสดใสแสงแดดยามเช้าตรู่ค่อยๆ สากกระทบเข้ากับต้นองุ่นนาๆชนิดเสียงร้องของนกยามเช้าร้องกระซิบไปมาทำให้ร่างของใครบางคนที่กำลังหลับไหลต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของนาฬิกาในเครื่องมือสือสารค่อยๆ ดังขึ้นชายหนุ่มจึงใช้มือควานหาเพื่อจะปิดมัน แล้วนอนต่ออีกหน่อยเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกือบสว่างแล้ว สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเขาคิดถึงสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มผู้เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าที่เขากำลังนอนกอดอยู่ เมื่อวานชายหนุ่มตั้งใจที่จะนอนที่โฮมสเตย์แต่เขานอนไม่หลับเพราะทุกๆ คืนที่ผ่านมาชายหนุ่มมักจะมานั้งดื่มเหล้ากับน้าชาติและคนงานจนเมาแล้วก็หลับไปแต่เมื่อคืนน้าชาติไม่อยู่คนงานก็ลากลับบ้านทำให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่ไม่คนนั้งดื่มเหล้าด้วยครั้งจะโทรหาภาคภูมิมันก็เกรงใจ อีกอย่างมันก็ดึกมากแล้วเขาเลยต้องข่มตานอนให้หลับแต่ให้ตายเถอะพยายามข่มตาให้หลับแค่ไหนมันก็ไม่ยอมหลับจนกระทั่งสุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ต้องขับรถกลับมาบ้านท้ายไร่เพื่อมาเปิดกล่องแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา กอดเพียงแค่นั้นแหละเขาก็หลับมาจนถึงตอนนี้ในเวลาต่อมาเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นก่อ
เวลาต่อมาหลังจากที่น่านน้ำพาน่านฟ้าไปส่งที่ห้องและชายหนุ่มก็ฝากให้แก้วเป็นคนดูแลต่อก่อนที่เขาจะเดินไปคุยกับพ่อในห้องทำงาน“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น“ผมเองครับพ่อ”“อืม”ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นพ่อก่อนที่ถามคำถามที่มันค้างคาใจเขามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” พ่อครับ ทำไมพ่อทำแบบนั้นครับ “ชายหนุ่มพยายามบังคับน้ำเสียงที่เปล่งออกไปนั้นไม่ให้สั่นทั้งที่ตอนนี้หัวใจของเขามันเจ็บจนไม่มีเหลือชิ้นดีแล้ว” ทำอะไร “คนเป็นพ่อถามออกมาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายหมายถึงอะไร” พ่อทำแบบนั้นกับเมียและลูกของผมได้อย่างไร! “ชายหนุ่มถามออกมาอย่างเหลืออด” ฉันยังไม่ได้ทำอะไร อีกอย่างที่ฉันทำตั้งหมดก็เพื่อตัวแกเองทั้งนั้น “มานพบอกลูกชายอย่างไม่เดือดร้อน” แต่นั้นมันลูกเป็นผมละครับ “” ลูกแกแล้วทำไมในเมื่อผู้หญิงคนนั้นมันง่ายเองและอีกอย่างมันอาจจะเป็นแผนที่นางนั้นมันคิดจะจับแกก็ได้ “ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังในตัวคนเป็นพ่อมาก“ผมจะบอกกับพ่อเป็นครับสุดท้ายว่าแพรวาคือผู้หญิงที่ผมรักและอยากสร้างครอบครัวด้วย เพราะฉะนั้นพ่อเลิกจับคู่ผมกับหลานสาวคุณป้ากันยาได้เพราะมันไ