LOGIN“ฉันตั้งใจมากับแฟน แต่เลิกกันก่อน”
อ้อ ไอ้คนหรXมสั้นคนนั้นสินะ เขายิ้มมุมปากก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อชนกับเธอ
“โสดก็ไม่ได้แย่” ปทัฏฐานพูดขึ้น ก่อนที่แก้วของเธอกับเขาจะแตะกัน
เสียงของแก้วเนื้อดีกระทบกันดังกังวานในความเงียบสองสายตาสบกัน นัยน์ตาวาวของคุณหมอหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องเสไปมองทางอื่น
“คุณโสดเหรอ”
เธอถามขึ้นโดยที่ยังไม่ได้หันมามองหน้าเขา สายตาของหญิงสาวยังจับจ้องน้ำทะเลที่อยู่เบื้องหน้า บ้านพักของเธออยู่บนเนินเขาสูงกว่าน้ำทะเลเบื้องหน้าหลายสิบเมตร
“โสดครับ” คุณหมอหนุ่มเองก็หันหน้าไปทางเดียวกับเธอ
“ทำไมเลิกกันคะ เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันไม่น่าถามเลย ฉันอิ่มแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
บุญนำพาถามออกไปโดยไม่ทันคิด แต่เมื่อรู้สึกว่าเธอถามคำถามละลาบละล้วงจนเกินไป จึงเอ่ยขอโทษเขาทันที แต่เธอรีบยืนขึ้นเพราะความร้อนรน ทำให้ร่างบอบบางเซเล็กน้อย รวมถึงอาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วย
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาปรี่เข้ามาพยุงเธอไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ มึนนิดหน่อย”
“ขอโทษนะครับ” เสียงขออนุญาตจากอีกฝ่าย ขณะที่หญิงสาวยังไม่ทันเอ่ยตอบรับ ร่างบอบบางก็ลอยละล่องอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มแล้ว
“โซฟาหรือเตียง?”
“คะ?” บุญนำพาใบหน้าร้อนผ่าวกับคำถามของเขา ด้วยสมองมึนงงคิดตามไม่ทัน
“คุณจะเข้าห้องนอนเลย หรือว่าจะนั่งเล่นก่อนครับ”
“อ๋อ นั่งเล่นก่อนค่ะ โซฟา” เธอก้มหน้างุดซุกกับอกกว้าง ความรู้สึกขวยเขินเป็นอย่างนี้สินะ
เขาวางร่างบอบบางไว้บนโซฟาตัวนุ่ม บุญนำพาขยับกึ่งนั่งกึ่งนอน มองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่ม เขาหยิบแก้วสองใบและขวดไวน์เดินมาหาเธอ
“ยังไม่หมด คุณจะดื่มต่อไหม” ไวน์ในขวดเหลืออีกหนึ่งในสาม
“ขอนอนพักสายตาแป๊บ เดี๋ยวดื่มต่อ คุณไปเอามาอีกขวดสิ” เธอชี้ไปยังตู้ใส่ไวน์ที่อัดแน่นไปด้วยไวน์อีกหลายขวด
“เค” เขาทำตามอย่างว่าง่าย ขณะบุญนำพาพักสายตานอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่
“ผมแช่ไวน์แล้วนะ ขอนั่งตรงนี้ได้ไหม ผมถนัดนั่งแบบนี้”
“อืม”
เธอตอบรับทั้งที่ไม่ได้มองเลยสักนิด เธอจะรู้หรือเปล่าว่าตรงตำแหน่งที่เขานั่งคือข้างโซฟาที่เธอนอน แผ่นหลังของเขาพิงกับขอบของโซฟา เพียงแค่เขาหันหน้ามาทางซ้ายนิดเดียว ใบหน้าเขากับเธอก็อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบ
“ผมไม่อยากโสดหรอกครับ แต่โดนทิ้ง” เสียงของเขาดังอยู่ข้าง ๆ เธอได้ยินมันชัดเจน
“ฉันก็ไม่ต่างจากคุณหรอก คนรักที่เราไม่เคยรู้จักดีพอ” เสียงเธอพึมพำแผ่วเบา น้ำเสียงค่อนไปทางประชดประชันทั้งตัวเองและผู้ชายห่วยแตก
“บ้านผมกำลังจะล้มละลาย เลยดูแลเธอได้ไม่ดีพอ”
เพราะฐานะของเขาที่เปลี่ยนไป จึงทำให้ใจบางคนเปลี่ยนตาม
แต่ก็นั่นแหละ คนเรามีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง
ในเมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่า ก็คงไม่ผิดที่เธอจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง
“คุณหมอกำลังจะบอกว่า เธอทิ้งคุณเพราะคุณจน” เธอพลิกตัวนอนตะแคง เห็นใบหน้าด้านข้างของเขาขณะยกไวน์ขึ้นกระดกรวดเดียว ลูกกระเดือกขึ้นลงชวนให้ใจเธอสั่นโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งสันกรามที่เด่นชัดอยู่ในสายตา
“คงงั้นมั้งครับ เธอไม่ได้บอกว่าเพราะจน เธอบอกว่าเราเข้ากันไม่ได้” ทั้งที่คบกันมาเกือบสองปี
“ส่วนฉัน ผู้ชายบอกว่ารวยเกินไป เก่งเกินไป สิ่งที่ฉันเป็นทำให้เขาตัวเล็กลง” เธอใช้มือสองข้างประกบกันแล้วสอดหนุนข้างศีรษะ มองใบหน้าคุณหมอหนุ่ม ยิ่งมองเขาพูดคุยก็ยิ่งเพลินตา
ผิวเขาขาวดีจัง กลุ่มผมก็นุ่มหนา
อา...อยากลูบผมเขาจัง จะนุ่มมือดีไหมนะ
“คุณเก่ง ผมชอบคนเก่ง” คำชมของเขาทำเธอหัวเราะเบา ๆ เธอรู้สึกถึงความจริงใจในน้ำเสียง
เขาชมเธอจากใจจริง
“บางครั้งผู้ชายก็ไม่ได้อยากได้คนเก่งเป็นเมีย คุณคิดว่าไง”
คำพูดของเธอทำให้คนที่นั่งพิงอยู่เงยหน้ามองเพดาน พิงศีรษะกับบริเวณเอวของเธอ เขาเอียงหน้ามองคนที่นอนอยู่บนโซฟา
“รักก็คือรัก สำหรับผมไม่มีอย่างอื่นเป็นองค์ประกอบ ขอแค่รักกันก็พอ ถ้ารักมันมากพอนะครับ”
สำหรับเขา แค่รักกันให้มากพอ เขาคิดว่าอย่างอื่นเป็นแค่องค์ประกอบเท่านั้น
“ไม่รู้ว่าคุณเมาหรือฉันเมา แต่ทำไมคำตอบคุณฟังดูงงจัง” เธอว่า ทั้งยังยกมือข้างหนึ่งลูบผมคนที่พิงศีรษะอยู่ไม่ไกล
ผมเขานุ่มอย่างที่เธอจินตนาการไว้จริง ๆ ด้วย
ขณะที่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยง ปล่อยให้เธอลูบไล้เส้นผมของเขาไปตามอำเภอใจ แม้จะรู้สึกแปลก ๆ กับสัมผัสแบบนี้จากหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานก็ตาม
“นั่นสิ เสียใจไหมที่เลิกกับเขา ดูคุณตั้งใจกับทริปนี้”
“อืม ก็เสียใจ ทริปเสียสาวครั้งแรกของฉัน ฉันก็เลยตั้งใจไปเสียทุกสิ่งอย่าง มันก็เลยพังไม่เป็นท่า เขาว่าค่าห้องมันแพงไป แต่นี่มันครั้งแรกของฉันไง ฉันแค่อยากได้อะไรที่ดีที่สุด ฉันผิดเหรอ”
อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และจิตใจในส่วนลึกที่อ่อนไหวทำให้เธอกล้าเอ่ยปากพูดคุยในเรื่องส่วนตัวและลึกเร้นขนาดนี้กับชายหนุ่มที่หัวอกเดียวกัน
“น้องบิวกิ้นกับน้องมิกิชอบเล่นด้วยกัน เป็นเพื่อนกันเป็นเรื่องปกติที่เด็กวัยนี้จะชอบคิดว่าเป็นแฟน อย่าคิดมากเลยนะคะ ความรักของเด็ก ๆ น่ะค่ะ” คุณครูฝ่ายปกครองพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ในตอนดึกของคืนวันนั้น สองผัวเมียนอนกอดกันและคิดถึงเรื่องราวของลูกสาวและลูกชายในวัยอนุบาล จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน “กว่าลูกจะโตเราต้องไปห้องปกครองกี่ครั้งกันเนี่ย” ปทัฏฐานผู้เป็นเด็กเรียนและเด็กดี ไม่เคยเข้าห้องฝ่ายปกครองเลยสักครั้ง พ่อแม่ไปโรงเรียนส่วนมากก็ไปรับใบประกาศเรียนดี “เรื่องปกติค่ะ” “แสดงว่าที่รักแสบมากใช่ไหมตอนเรียน นี่ลูกสาวเราคงเหมือนแม่” ปทัฏฐานแอบแซวทั้งยังกระชับอ้อมกอดให้เมียรักขึ้นมานอนเกยบนอก “แสบอยู่นะคะ พ่อเคยแอบไปหลายครั้งไม่บอกแม่ แม่เป็นดาราไงเดี๋ยวคนเอาไปเขียนข่าว” บุญนำพาหัวเราะคิกคัก “พี่ไม่ชินเลย” “พี่เบย์อย่าซีเรียสเรื่องปกติ เรื่องวันนี้พรุ่งนี้ก็เป็นอดีตแล้ว อะไรไม่ดีเราก็แก้ไข การเลี้ยงลูกก็เหมือนกันค่ะ บางทีเราต้องให้ลูกได้เรียนรู้โลกกว้างบ้าง เราไม่ได้อยู่กับเขาตลอดไป”
ปทัฏฐานต้องขมวดคิ้วทันที เมื่อที่โรงเรียนของลูกโทรมาแจ้งว่าลูกสาวสุดที่รักของเขาตีเพื่อน ลูกสาวสุดน่ารักของเขาเนี่ยนะตีเพื่อนเป็นไปไม่ได้ ต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดแน่นอน น้องบูลผู้อ่อนหวานสุดน่ารักจะตีเพื่อนได้อย่างไร “ที่รัก ครูโทรมาบอกว่าให้ไปที่โรงเรียนคือลูกเราตีเพื่อน” เสียงของผู้เป็นสามีทำให้บุญนำพาเบนสายตาจากจอทีวีมองหน้าสามีที่คิ้วกำลังผูกโบ “ไปค่ะ” “ที่รักเชื่อเหรอว่าลูกเราตีเพื่อน” ปทัฏฐานถามเมื่อเห็นว่าภรรยาดูท่าทีไม่ตกใจ “อืม ก็อาจเป็นไปได้นะคะ” บุญนำพาทำท่าทางคิด “ตอนเด็กบุญก็ตีเพื่อน” คำพูดของเมียรักทำคนฟังอึ้งไปสักพัก เมียเขาตีเพื่อน “เดี๋ยวนะ การตีเพื่อนมันคือการใช้ความรุนแรงนะบุญ” สามีผู้เป็นหมออ่อนโยนไม่เห็นด้วยกับการกระทำอันป่าเถื่อนที่ใช้กำลังแบบนี้ “อ้าว! ก็มันมาเปิดกระโปรงบุญ ไม่ให้ตีเหรอ” “เปิดกระโปรง!” ปทัฏฐานรู้สึกร้อนไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำว่ามาเปิดกระโปรงเมียรัก “ถ้าเกิดมีคนมาเปิดกระโปรงน้องบูล พี่เบย์จะไม่ให้ลูกตีเพื่อนเหรอ” “พี่จะเอามือจิ้มตามัน” เมื่อนึกถึงว่
ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโห ปทัฏฐานรู้สึกถึงความกรุ่นโกรธจากคนนอนข้างกาย ปกติทั้งเขาและเธอต้องมีกิจกรรมกระชับรักหลังจากที่พาลูกเข้านอน “บุญจ๋า” เขาสอดแขนใต้ร่างบางดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด “อย่าค่ะ” เธอร้องห้ามเมื่อเขากำลังจะเลิกชุดนอนเธอขึ้น รู้ว่าเขาอยากจะทำอะไรหลังจากนี้ “ทำไมคะ” “ใครจะดูดนมบุญ ต้องเรียกบุญว่าแม่ก่อน” เธอทำตาดุใส่เขา ปทัฏฐานหัวเราะชอบใจ “แม่บุญครับ” เขาทำเสียงออดอ้อน “เชอะ” “เดี๋ยวต่อไปพี่จะสอนลูกเรียกแม่นะครับ บุญจ๋า” “เชื่อได้หรือเปล่า” เธอพูดอย่างกระเง้ากระงอด “ทำไมขี้งอนจัง เหมือนคนท้องเลย” คำพูดของเขาทำให้ทั้งสองมองหน้ากัน “เอ้ย!” เป็นบุญนำพาที่เด้งตัวจากที่นอนทันที ควานหาที่ตรวจสอบการตั้งครรภ์ที่ซื้อไว้ จากนั้นทั้งสองก็พุ่งเข้าห้องน้ำพร้อมกัน คนหนึ่งทำหน้าที่เตรียมอุปกรณ์ตรวจ อีกคนพยายามให้ของเหลวในกายไหลออกมา “เป็นไงท้องไหมคะ” บุญนำพาซุกหน้ากับอกกว้างไม่อยากดูผลตรวจ “เดี๋ยว ๆ รอแป๊บ” ปทัฏฐานกอดเมียรักแน่นตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นตรงห
ทั้งคู่ตัดสินใจย้ายมาอยู่ลำพูน ประสิทธิ์ยกที่ดินผืนหนึ่งให้ทั้งคู่เป็นที่ดินที่อยู่ระหว่างเชียงใหม่กับลำพูน หน้าบ้านเปิดเป็นคลินิกเล็ก ๆ รักษาคนทั่วไป บ้านและคลินิกปทัฏฐานได้สร้างไว้แล้วเมื่อปีก่อน เขามีความฝันอยากลาออกมาเปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไปนานแล้ว มีความตั้งใจในคราแรกว่าจะย้ายกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลรัฐแถวลำพูนแล้วก็เปิดคลินิกคิดค่ารักษาถูก ๆ ถือว่าเป็นการทำบุญ แต่ที่ยังรอเวลาเพราะทำใจห่างจากดวงใจเขาอย่างบุญนำพาไม่ได้ ความฝันของเขามีเธออยู่ในนั้น เขาอยากให้เธอเดินทางไปกับเขาด้วยเช่นกัน เพียงไม่นานก่อนที่บุญนำพาจะคลอดได้แค่เดือนเดียว เธอก็ได้ซีอีโอที่เก่งกาจมาบริหารแทน พิมมี่และพอลย้ายตามเจ้านายไปทำหน้าที่กันถึงลำพูน เพราะที่บ้านค่อนข้างกว้างเกือบสิบไร่ ปทัฏฐานจึงแบ่งที่ดินให้พิมมี่กับพอลคนละหนึ่งไร่ บุญนำพาสร้างบ้านให้พวกเขาคนละหลังถือว่าเป็นโบนัสที่ทำให้เป็นทีมงานซัปพอร์ตความรักของทั้งคู่ น้องบูล หรือ บูรณิมา แปลว่าผู้มีบุญ คลอดด้วยน้ำหนักสามพันห้าร้อยกรัม แข็งแรง ตัวแดงและร้องดังมาก ผู้เป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายต่างดีใจ
“เรื่องนี้แหละที่พี่อยากคุยกับบุญ พี่อยากกลับไปเปิดคลินิกที่บ้าน คลินิกรักษาโรคทั่วไป คิดราคาไม่แพง ไม่ทิ้งอาชีพหมอแต่ก็มีเวลาเลี้ยงลูก พี่อยากให้บุญไปอยู่ด้วยกันได้ไหม ใช้ชีวิตง่าย ๆ มีเรามีลูก พี่ไม่อยากให้บุญเหนื่อย พี่เลี้ยงบุญกับลูกได้นะครับ” เธอรู้ว่าเขาพูดจริง เงินเก็บตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่ใช้อะไรฟุ่มเฟือยนอกจากลงทุนเพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคต “จริง ๆ บุญทำงานที่บ้านก็ได้ค่ะ หรือไม่ก็จ้างซีอีโอมาบริหาร ก็ดีเหมือนกันนะคะ อยากใช้เงินที่หามาบ้าง ต่อไปต้องเกาะพี่เบย์กินแล้วนะคะ” บุญนำพายิ้มหวานกอดเอวเขาไว้แน่น เธอต้องขอบคุณชื่อตัวเองหรือวาสนาตัวเองนะ ที่มีบุญได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต “พี่เลี้ยงบุญได้จริง ๆ นะครับ” “บุญรู้ สามปีที่ผ่านมาใครหาข้าวให้บุญกินทุกมื้อ ถ้าไม่เรียกว่าเลี้ยงได้จะเรียกว่าอะไรคะ” บุญนำพาออดอ้อน ปทัฏฐานนั่งลงกับพื้นทราย ดึงร่างของเมียรักให้หย่อนกายนั่งบนตักเขา กอดเธอไว้แน่น เกยคางบนไหล่เล็ก “ครั้งแรกที่พี่เจอบุญ พี่กลัวมาก” “กลัวทำไม บุญน่ากลัวตรงไหน” เธอขยับกายนั่งพิงเขาอย่างอารมณ์ดี มอ
“ไปเดินเล่นกันเถอะ” เสียงทุ้มของคนเป็นสามีเอ่ยชวนคนท้องที่นอนเพิ่งตื่น แดดยามบ่ายใกล้เย็นทำให้อากาศร้อนลดลงไปมากแล้ว ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสยิ่งให้ความรู้สึกดี กลิ่นทะเลที่เธอชื่นชอบ ทะเลที่ทำให้ทั้งสองได้เจอกัน หาดทราย น้ำทะเลและท้องฟ้า “พี่ถ่ายรูปนะ บุญยืนตรงนี้ พี่จะเอาไว้ให้ลูกดู” ลูกจะอยากดูหรือเปล่าปทัฏฐานไม่รู้ แต่เขานี่แหละอยากเก็บภาพเธอกับชุดคลุมท้องสีโอรสนี้ไว้เป็นความทรงจำ ชุดคลุมท้องทุกชุดเขาเป็นคนซื้อให้เธอ เขาตั้งใจเลือกทุกชุดและเธอก็ชื่นชอบชุดที่เขาเลือกให้ทุกชุดเช่นกัน “ถ่ายสวย ๆ นะคะพี่หมอ อย่าให้อ้วน” เธอเอ่ยแซวซึ่งได้ยินเสียงเขาหัวเราะออกมา “นั่นสิ เดี๋ยวพี่จะพยายามถ่ายไม่ให้เห็นพุง” “ฮ่า ฮ่า บุญต้องเอียงด้านไหนเนี่ย” เธอว่าพลางหันซ้ายหันขวาให้เขา พยายามหลบซ่อนพุงยื่น ๆ ของตัวเอง “พี่ล้อเล่น เอาพุงยื่น ๆ แบบนั้นแหละ เมียพี่สวยอยู่แล้วต่อให้พุงใหญ่กว่านี้ก็ยังสวยมาก” คนปากหวานเอ่ยชม “ปากหวานตลอด” บุญนำพานึกถึงช่วงเวลาที่เธอกับเขาพบกันครั้งสองอย่างไม่ตั้งใจ เวลานั้นเธอ







