'โครม'
รถเสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง ปัง ๆ เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ฝั่งที่นั่งคู่คนขับ เฉินหลิงรีบเปิดที่พักแขนข้างคนขับ หญิงสาวหยิบปืนออกมา หมับ! เฉินหมิงคว้าจับมือน้องสาวคนเล็กเอาไว้ได้ทัน เป็นจังหวะเดียวกันกับเฉินหนิง เอื้อมจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้เหมือนกัน เฉินหลิงน้ำตาคลอหน่วย มือที่กำด้ามปืนเอาไว้สั่นระริก เมื่อสบเข้ากับสายตาคัดค้านของพี่ชายและพี่สาว สองพี่น้องสบตากับน้องสาวคนเล็ก ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ เป็นการห้าม เสียงของพ่อกับแม่ดังก้องเข้ามาในหู ทว่ามันเริ่มห่างไกลจากทั้งคู่เข้าไปทุกที เฉินหลิงวางปืนในมือเอาไว้ที่เดิม “ทำไม! ทำไมกัน ฮือ ๆ” เฉินหลิงกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ หญิงสาวเปิดประตูรถออก ก่อนจะรีบไปเปิดประตูข้างคู่คนขับ เพื่อพาพี่สาวออกจากตัวรถ ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด ทางด้านคุณนายเฉินยังคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอค่อย ๆ ลงจากรถ แล้วเดินมาไปหาบุตรสาวคนเล็ก ใบหน้าของคนเป็นแม่ในตอนนี้ขาวซีดราวกระดาษ คุณนายเฉินทรุดลงนั่งกับพื้นสะอื้นจนตัวโยน ภาพของลูกชายหญิง มีเลือดท่วมตัว ทำให้เธอไม่อาจทนรับกับความเจ็บปวดนี้ได้ ร่างสั่นเทาค่อย ๆ คลานเข้าไปหาลูกสาวคนรอง มือนุ่มพยายามลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือด และน้ำตาของลูกสาว มันแค่ความฝันใช่ไหม ตรงหน้านี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม รอยยิ้มที่อ่อนแรงของลูกทั้งสอง เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น “ไม่! มันไม่ใช่เรื่องจริง ฮือ ๆ ลูกม๊า อาหมิง อาหนิงพูดกับม๊าสิลูก ว่านี้มันไม่จริง ฮือ ๆ” ทางด้านเจ้าสัวเฉินก็พยายาม ที่จะพาตัวลูกชายออกมาให้ได้เช่นกัน มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปเช็ดเลือดที่ออกจากปากของลูกสาว ซึ่งอยู่อีกด้านอย่างอ่อนโยน ก่อนจะขยับมาพยายามปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยให้ลูกชายอีกครั้ง แม้จะทำได้สำเร็จ แต่เขาก็ไม่อาจพาลูกชายออกจากตัวรถได้อยู่ดี เพราะขาของสองพี่น้อง ได้ถูกคอนโซลรถที่ยุบจากการชนบีบเอาไว้ คุณนายเฉินรวบจับมือลูกสาวที่เอื้อมมาหาเธอ ด้วยหัวใจอันร้าวราน ดวงตาที่ปรือจนแทบลืมไม่ขึ้นของลูกชายหญิง มันช่างบีบคั้นหัวใจคนเป็นแม่อย่าเธอเหลือเกิน “ม๊าอยู่นี่อาหนิง ทำใจดี ๆ เอานะลูก อีกเดี๋ยวรถพยาบาลจะมาถึงแล้ว ไม่เจ็บนะคนดี ม๊ากับน้องอยู่ตรงนี้ ฮึก ๆ ลืมตาไว้ลูกรัก อย่าเพิ่งหลับ อย่าทำแบบนี้ ฮือ ๆ อาหนิงตื่นสิลูก ตื่นสิ! อย่าทิ้งม๊าไปแบบนี้ ไม่! อาหนิง อาหมิง กรี๊ดดดด!! ตื่นขึ้นมาหาม๊าก่อน ฮือๆ” เสียงกรีดร้องของคุณนายเฉิน บาดหัวใจคนฟังเหลือเกิน เฉินหลิงคุกเข่าซ้อนหลังผู้เป็นแม่ มองดูพี่ชายและพี่สาวที่เริ่มไร้การตอบสนองแล้วในตอนนี้ “ไม่เป็นไรนะอาหมิง ป๊าจะพาลื้อไปหาหมอ มองหน้าป๊าเอาไว้อาหมิง มองหน้าป๊าสิลูก อย่าร้องป๊าอยู่นี่แล้วอาหมิง อาหนิงพวกลื้อต้องอดทนไว้ ฮึก ๆ” ชายชราพยายามเรียกลูก ๆ พร้อมปลอบโยนเหมือนสมัยพวกเขายังเล็ก ๆ ท่านเจ้าสัวพยายามที่จะไม่ร้องไห้ แต่ภาพตรงหน้า ทำให้เขาไม่อาจกลั้นมันเอาไว้ได้อีกต่อไป เฉินหมิงพยายามกระพริบไล่น้ำตา ตอนที่พ่อของเขากำลังพยายามห้ามเลือด และเอาผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่ไหลออกจากปากของเขา มันคือสัมผัสที่ดีที่สุดในตอนนี้ และคงเป็นสัมผัสสุดท้ายที่เขาจะได้รับจากบิดา ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับมือของพ่อมาไว้แนบอก ก่อนจะกระอักเลือดคำใหญ่ออกมา เขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว ความรู้สึกสุดท้ายในตอนนี้ คือเสียงของแม่ที่กรีดร้องเรียกน้องสาว และตัวเขาด้วยอาการขวัญเสีย ดวงตาที่เคยคมเข้มบัดนี้ไม่อาจจะลืมขึ้น มองทุกคนที่รักได้อีกแล้ว ชายหนุ่มค่อย ๆ สิ้นสติรับรู้ไปพร้อม ๆ ลมหายใจที่หยุดลงเช่นกัน “ไม่! กรี๊ดดด! ไม่จริง! ฮือ ๆ” เฉินหนิงหลับตาลงนิ่งเงียบ ลมหายใจเริ่มขาดห้วง เธอทำได้แค่ซึมซับอ้อมกอดของแม่ ความหนาวเหน็บเริ่มมากขึ้นทุกขณะ กอดของผู้เป็นแม่ ทำไมถึงเหมือนกับว่า มันกำลังถอยห่างจากเธอไกลออกไปเรื่อย ๆ ดวงตาหนักอึ้ง จนไม่อาจลืมขึ้นได้อีกแล้ว เรี่ยวแรงที่เคยมีตอนนี้ ไม่หลงเหลือเลยจริง ๆ เสียงปลอบโยนของพ่อ เสียงร้องเรียกของแม่ ทำให้ใจของเธอเจ็บร้าวเหลือเกิน งานที่ทำเธอจะยังยื่นใบลาออกทันไหมนะ! ‘หนูอยากอยู่กับป๊ากับม๊าจังเลยค่ะ รักเหลือเกิน’ ความคิดสุดท้ายได้หายไปพร้อม ๆ กับลมหายใจที่สิ้นสุดของหญิงสาวเช่นกัน เป็นภาพที่หลายคนสะเทือนใจ พ่อแม่ที่พยายามกอดร่างไร้ลมหายใจของลูก ๆ ที่ยังติดอยู่ในรถ เฉินหลิงสวมกอดมารดาเอาไว้แน่น ดวงตาคู่สวยแดงก่ำจนเป็นสีเลือด เพราะอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ พี่ ๆ จึงเลือกให้เธอนิ่งเอาไว้ แทนการตอบโต้ในทันที ขณะที่คนร้ายเดินจากไปอย่างใจเย็น ‘พวกแกต้องชดใช้’ หญิงสาวได้แต่เก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ ภาพของพ่อแม่และพี่ ๆในตอนนี้ทำให้เธอจุกไปทั้งอก "ไม่ลูกป๊า อย่าทำอย่างนี้ อย่าทิ้งป๊าไป" เจ้าสัวกอดลูกชายไว้แนบอก ชายชราร้องไห้อย่างน่าเวทนา ข้างฝั่งภรรยานั้นกอดลูกสาวอีกคนร่ำไห้ จนเป็นลมไปในอ้อมแขนของลูกสาวคนเล็กคนเล็ก แต่แขนทั้งสองยังคงกอดร่างของลูกสาวอีกคนเอาไว้แน่น เป็นภาพที่สะเทือนใจต่อผู้คนที่เข้ามาช่วยเหลือ เฉินหลิงกอดแม่เอาไว้ โดยไม่สนใจว่าตอนนี้เลือดจากบาดแผลบนหน้าผาก จะไหลลงอาบชุดที่พี่สาวสั่งตัดให้เธอ จนไม่หลงเหลือความสวยอีกแล้ว หญิงสาวสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธแค้น ปนไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส คนที่ทำเรื่องอุกอาจแบบนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนนอก เกลือต้องเป็นหนอนอย่างแน่นอน และพวกมันต้องได้รับการลงโทษ ‘ฉันจะลากพวกแกมาชดใช้ให้หมด’ห้าวันถัดมา ณ ร้านผ้าสกุลจาง จางเหลียนฮวา ได้ก้าวเข้ามาภายในร้าน พร้อมสาวใช้ข้างกายสองนาง การมาของหญิงสาว เรียกสายตาของเหล่าสตรีน้อยใหญ่ ที่อยู่ภายในร้านผ้า ให้หันมองเป็นจุดเดียว ด้วยความงามที่โดดเด่น และเป็นหญิงสาวแปลกหน้า สำหรับใครหลายคนในเมืองหลวง หากจะมีคนรู้จักนาง ก็คงเป็นคนที่ไปร่วมงานวันเกิด ของท่านราชครูหรงเท่านั้น จึงจะรู้ว่านางคือบุตรสาวคนโต ที่กำเนิดจากภรรยาเอกของท่านเสนาบดีหรงจิ่ง “นางงดงามยิ่งนัก ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ท่านแม่ทัพจ้าวหมิงเยี่ย จึงรอนางโดยไม่คิดถอนหมั้น” หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่ากลับไม่เบาสำหรับหญิงสาวอีกคน ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต้วนชิงชิงกำหมัดแน่น หากไม่เพราะหรงเหลียนฮวา มีหรือคนรักของนาง จะเอาใจออกห่าง จนทำให้นางต้องแต่งกับคนอื่น “คุณหนู เชิญด้านในขอรับ” ผู้ดูแลร้านก้าวเข้ามาโค้งกายให้นายสาว ก่อนจะผายมือเชื้อเชิญผู้เป็นนาย ให้เข้าไปนั่งด้านใน “ท่านอาเมิ่งสบายดีนะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามผู้ดูแลร้าน “ข้าน้อยสบายดีขอรับ คุณหนูกับคุณชายมาถึงเมืองหลวง ข้าน้อยเสียมารยาทนัก มิได้เข้าไปคาร
“หากเจ้ายินยอมแต่โดยดี ข้าจะมอบตำแหน่งที่คู่ให้” “กระบี่เจ้า! ควบคุมมันมิให้สั่นได้เสียก่อน ค่อยคิดสิ่งอื่นดีกว่าไหม…” หญิงสาววางถ้วยชาลง บนโต๊ะอย่างใจเย็น พรึ่บ! ปึก! เคร้ง! รวดเร็วจนชายหนุ่ม ขาสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ กระบี่ในมือร่วงลงพื้น ก่อนที่เขาจะเบนสายตา ไปมองยังหญิงสาว ซึ่งตอนนี้กลับไปนั่งยังที่เดิม เสมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อครู่ มันมิใช่ฝีมือของนาง “จะลงมือกับใครก็ตาม เจ้าต้องศึกษาอีกฝ่ายให้แจ่มแจ้ง หึๆ ยังดีที่ตรงนี้เป็นข้า ถ้าเป็นผู้ติดตามของข้าทั้งสอง เจ้าคงไม่ได้ยืนต่อคำ เกินชั่วอึดใจ...” ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าถอดสี เขาไม่คิดว่าแผนการที่แยบยล จะถูกล่วงรู้จนหมดสิ้นเช่นนี้ “ผู้ใดอยู่ข้างนอก เข้ามานี่เร็ว!” อ๋องน้อยโหว ตะโกนเรียกเหล่าองครักษ์ ทว่ากลับไร้ซึ่งวี่แวว ชายหนุ่มรีบย่อกายลงเก็บกระบี่ โดยที่สายตา หาได้ละไปจากร่างงาม ที่นั่งดื่มชาอย่างเพลิดเพลิน ราวกับเขาที่อยู่ร่วมห้อง เป็นเพียงอากาศธาตุ “หึๆ มิใช่เจ้าสั่งห้ามใครมารบกวนหรอกหรือ แต่คนของข้าอยู่ข้างนอกนะ เรียกได้...” “หญิงแพศยา! สตรีมีคู่หมาย
ยิ่งไม่เคยรู้ถึงฝีมือของคู่ต่อสู้ เขายิ่งต้องรีบเผด็จศึก ให้ได้โดยไว จึงมิคิดที่จะลีลาให้ตนเอง กลายเป็นฝ่ายเสียท่า สิ้นคำของชายหนุ่ม เงาร่างในชุดสีดำสองคน ก้าวออกจากหลังฉากกั้น ซึ่งเป็นส่วนด้านหลังห้องที่มีหน้าต่าง “อือๆ” เจ้าของจวนทำได้แค่...ส่งเสียงทัดทานในลำคอ ทว่ากลับไม่สามารถต่อต้านการกระทำใดๆ ของชายชุดดำได้เลย อาภรณ์เนื้อดีถูกถอดออก จนแหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ก่อนที่ชายชุดดำจะดึงมีดเล่มเล็กออกมา “นายหญิง โปรดพักผ่อนรอสักครู่ขอรับ” ชายผู้ถือมีดเอ่ยกับผู้เป็นนาย จินอู่หันหลังให้ พร้อมสะบัดมือเล็กน้อย เพื่อให้คนของเขา ลงมือได้แล้ว หากไม่ติดว่าที่นี่ คือถิ่นศัตรู...คำว่าเงียบเสียง จะไม่มีเลยสำหรับเขา ความเจ็บปวดของศัตรู ควรประกาศให้โลกรู้ แต่เมื่อสถานที่ไม่อำนวย เขาก็ไม่ติดที่จะลงมืออย่างเงียบๆ โหวอ๋องดวงตาเหลือกลาน แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เมื่ออาวุธคู่กายของเขา กำลังถูกเฉือดเฉือนประหนึ่งหนูถูกถลกหนัง แม้มันจะไม่รู้สึกเจ็บ ทว่าใจของบุรุษแท้เยี่ยงเขา มันแหลกละเอียดจนมิเหลือชิ้นดี “สกุลโหว ควรสิ้นสุดที่เจ้าสองพ่อลูก อย่าได้สร้าง
“คุณหนูเฉินเป็นอย่างไรบ้าง” เป็นสาวใช้อาวุโส ที่เอ่ยถามกับสาวใช้สกุลเฉิน และผู้ติดตามหนุ่ม “คุณหนูดื่มยาแก้เมา และหลับอยู่เจ้าค่ะ” เจินจู ตอบสาวใช้สูงวัย ก่อนจะเหลือบตามองไปยัง สาวใช้ของอนุหรู สตรีผู้เพียรพยายามรั้ง ให้คุณหนูของนางพักในจวน “ข้าจะมาเชิญคุณหนูเฉิน กลับเข้าพักยังเรือนรับรอง ด้วยตอนนี้เฉินฮูหยิน ได้พักผ่อนรออยู่แล้ว” “หากไม่มีคำสั่งใดจากปากของฮูหยิน ข้าคงมิอาจปล่อยให้คุณหนูห่างสายตา เอาเป็นว่าข้าจะให้เจินจู ติดตามท่านเข้าไปพบฮูหยินของเราก็แล้วกัน” “นี่เป็นประสงค์ของท่านอ๋อง ที่มิอยากให้ผู้ใดตำหนิ ว่าดูแลแขกไม่ดี” หญิงชราตวัดสายตาดุใส่ชายหนุ่ม ผู้ไร้ความยำเกรงในอายุและฐานะของนาง ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบเฉย แม้เพียงครึ่งเสี้ยงของใบหน้า นางก็รู้ดีว่าคนผู้นี้ ไม่ได้สะท้านต่อคำของนางเลย “งานเลี้ยงกับคนเมามาย ย่อมเป็นของคู่กัน และมิใช่ทุกคนที่ต้องการพักในจวนของเจ้าภาพ คุณหนูอยู่ในรถม้าแล้ว รอเพียงฮูหยินกลับออกมา เราก็พร้อมกลับจวน” จากความอ่อนน้อม พลันเป็นดุดัน จนทำให้ชายหนุ่มหลายคน ที่ยืนอยู่เบื้องหลังส
“สามหาว! เจ้ากล้าข่มขู่ท่านอ๋องเยี่ยงนั้นรึ!” “ทำไมข้าต้องขู่ผู้ใดด้วย อีกอย่างถ้าท่านบริสุทธิ์ใจจริง จะเป็นเดือดเป็นร้อนไปไย แค่คุณหนูเฉินจะกลับบ้านตนเอง หรือมีสิ่งใดเป็นนอกในอย่างนั้นรึ! ดูรั้งนางจนออกหน้าเยี่ยงนี้” ชายหนุ่มเอียงหน้าช้า พร้อมมุมปากบิดขึ้นน้อยๆ การกระทำนั้นชวนให้อนุคนงาม หนาวสะท้านไปทั้งกาย บุรุษที่น่ากลัวย่อมเป็นคนที่มีหลากหลายบุคลิก ซึ่งปกติแล้วหรงเล่อถงสุขุมนุ่มลึก ทว่าตอนนี้...เขายิ่งกว่าคนจิตวิปลาสอย่างไรอย่างนั้น “นอกในอันใดกัน นางเป็นแขกของสามีข้า การดูแลเอาใจใส่ ย่อมเป็นเรื่องที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว” “เช่นนั้นหลีกทางข้าเถิด อนุหรู” หรงเล่อถง กดน้ำเสียงให้ลึก และชัดเจนว่าเขาพร้อมขัดขวางเรื่องนี้ อย่างไม่คิดยินยอมปล่อยผ่าน ต่อให้สตรีที่กำลังตกที่นั่งลำบาก มิใช่พี่น้อง เขาก็คงปล่อยให้สตรีเหล่านั้น แปดเปื้อนจากคนโสมมได้เป็นอันขาด ถึงเขาจะมิใช่คนดีไปเสียทุกเรื่อง แต่เขามีพี่สาวน้องสาว พวกนางจะเป็นเช่นหากต้องอยู่อย่างอดสู แบกรับความอัปยศไปทั้งชีวิตเฉินหนิงฮวาในตอนนี้ ดวงตาปรือจนแทบจะปิดแล้ว ชายหนุ่มพอจะเดาได้ ว่าเกิดจากสาเ
“หยุดนะ! เจ้าจะทำอะไรลูกข้า!” เจียงชูเหนียง รีบผลักร่างของคนสนิทออก ก่อนจะหันไปหาบุตรชาย มือบางหมายจะเอื้อมไปแตะ ที่ข้างแก้มของผู้เป็นลูก ทว่าร่างสูงกลับเบี่ยงกายหลบ “อย่าล้ำเส้นข้าอีก มิเช่นนั้น...ข้าจะไม่ใจดีเช่นครั้งก่อน” “ครั้งก่อน...” เจียงชูเหนียง ถึงกับเซถอยหลัง คนของนางไม่เคยลงมือกับบุตรชาย มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่ทั้งคู่เคยปะทะกัน เมื่อปีก่อนที่อารามบนเขา แววตาแตกตื่นทำได้เพียง มองตามแผ่นหลังของบุตรชาย ที่กลืนหายไปในความมืด “ไหนเจ้าบอกว่า เขาไม่เห็นเจ้าอย่างไรเล่า แล้ว...หรือเจ้าทำนอกเหนือจากที่ข้ารู้” “เขาก็แค่หยั่งเชิงเรา เจ้าอย่าได้เผยพิรุธจะดีกว่า เลือดในกายเขามีของเจ้าแค่ครึ่งเดียว อย่าคาดหวังให้มาก ว่าเขาจะเหมือนเจ้า เพราะขนาดพ่อแท้ๆ เขายังไม่เหมือนเลย กลับไปได้นิสัยของยายแก่ แม่สามีเจ้ามาแทบทั้งสิ้น” “พูดเรื่องนี้ก็ดี เจ้าหานางพบรึยัง!” “ยัง! หรงเล่อถงไม่เคยเผยร่องรอย ให้ข้าตามไปจนถึงตัวยายแก่นั้นได้เลย” “อย่าช้า! นางรู้เรื่องมากเกินไป หากปล่อยไว้ เล่อถงต้องคิดแปรพักตร์” “เหม