แชร์

บทที่ 3 เราต้องได้พบกันอีก (2)

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-20 18:45:34

"ท่านตา ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ยามนี้ร่างกายเขาแข็งแรงม๊ากมาก…ส่วนเรื่องดวงตา แค่มีเทียบยาและวิธีการดูแลให้ญาติของเขาก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ หากรั้งเขาไว้นานญาติของเขาอาจร้อนใจ กระทั่งพลิกแผ่นดินหาก็เป็นได้นะเจ้าคะ" ฟู่ซูหนิงกะพริบตาปริบ ๆ

ต่งควนมันเขี้ยวจึงเคาะกบาลนางไปหนหนึ่ง ฟู่ซูหนิงยกมือลูบศีรษะตนป้อย ๆ "ท่านตาเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์ทำอะไรผิดงั้นหรือ" ฟู่ซูหนิงเหลียวมองฟู่หรงหมายขอความช่วยเหลือ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายศีรษะ

"ตาเคยสอนเจ้าว่าอย่างไร ช่วยคนต้องช่วยให้ถึงที่สุดมิใช่หรือ"

ฟู่ซูหนิงถลาเข้าซบอกผู้เป็นตา พลางเอ่ยเว้าวอน หากไม่แสร้งว่านอนสอนง่ายแผนของนางต้องพังทลายแน่แท้ "ท่านตาเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์รู้ดีเรื่องที่ท่านสอนไว้เสมอ แต่หากท่านหายออกจากบ้านไปเป็นแรมเดือน ข้ากับท่านยายก็ต้องร้อนใจเช่นกัน ท่านยายว่าหรือไม่เจ้าคะ" ฟู่ซูหนิงหันมองผู้เป็นยายเพื่อขอความเห็น ฟู่หรงก็อดใจอ่อนเป็นมิได้

"ก็จริงเช่นหลานว่า"

ฟู่ซูหนิงยิ้มกว้างอวดฟันเรียงสวย จากนั้นปรับน้ำเสียงให้อ่อนหวานดังเดิม "ท่านตาเจ้าคะ…เขาเป็นบุรุษตัวใหญ่โต ได้ยาดีจากหมอเทวดาเช่นท่าน เหตุใดต้องกังวลใจถึงเพียงนั้น ให้หนิงเอ๋อร์ไปส่งเขาเถอะนะเจ้าคะ ยามนี้ญาติของเขาคงรออยู่เพราะหนิงเอ๋อร์ส่งจดหมายไปแจ้งไว้แล้ว"

"เจ้าแอบไปส่งจดหมายเมื่อใด แล้วทราบวิธีติดต่อญาติเขาได้อย่างไรกัน"

ฟู่ซูหนิงหลุกหลิกเมื่อถูกจับพิรุธ "อ่า... อ้อ ก็เขาบอกหนิงเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ อีกอย่าง เขาอยากกลับบ้านแล้วด้วย"

ต่งควนหรี่นัยน์ตาด้วยความคลางแคลง พลางเหลือบมองภรรยาเพื่อขอความเห็น ฟู่หรงรู้ดีว่าฟู่ซูหนิงหัวรั้นเพียงใด กระนั้นนางก็มิเคยทำสิ่งใดผิดพลาดมิใช่หรือ นางจึงพยักหน้าเล็กน้อย

"เอาล่ะ เช่นนั้นตาจะไปกับเจ้า"

"ท่านตา...ข้าไปกับเขาเพียงสองคนก็พอเจ้าค่ะ"

"ไม่ได้ ขาไปเจ้ามีเขาเป็นสหาย ทว่าดวงตาของเขาก็ยังมองไม่เห็น ขากลับยิ่งแล้วใหญ่ เจ้าต้องเดินทางเพียงลำพัง ข้าไม่วางใจ"

"โถ่...ท่านตาเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์รับรอง จะกลับมาอย่างครบสามสิบสองแน่นอน" ฟู่ซูหนิงชูสามนิ้ว เปลือกตากะพริบถี่ออดอ้อน

ต่งควนถอนหายใจ "แต่ตาเป็นห่วงเจ้า"

ฟู่ซูหนิงรัดรึงชายชราแน่นขึ้น พลางแหงนมองตาละห้อย "ท่านตาวางใจ หลานของท่านก็เหมือนท่าน ข้าเติบโตมาอย่างไรท่านตาท่านยายย่อมรู้ดีเป็นที่สุด ท่านตาดูนี่สิเจ้าคะ…"

มือเรียวล้วงเข้าไปยังสาบเสื้อ จากนั้นยื่นบางอย่างออกมาเบื้องหน้า ต่งควนลดตามองก็ทราบว่าห่อกระดาษขนาดเล็กนั่นบรรจุสิ่งใดเอาไว้ ดูเหมือนเขาคงมิอาจปรามฟู่ซูหนิงได้แล้วจริง ๆ

มือเหี่ยวย่นยกขึ้นยีศีรษะฟู่ซูหนิง "ก็ได้ ๆ ตามใจเจ้า เช่นนั้นระวังตัวด้วย อย่าเที่ยวเถลไถลจนดึกดื่นเล่า เดินทางในป่างูเงี้ยวเยอะนัก"

ฟู่ซูหนิงยิ้มร่า ในที่สุดนางก็ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียที มือเรียวเก็บกระดาษห่อเล็กกลับเข้าย่ามดังเดิม "เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์ ทราบแล้ว ๆ ไม่กลับดึกแน่นอน เช่นนั้นกลับเช้าได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ"

มือเหี่ยวย่นเคาะกะโหลกหลานรักไปอีกหนึ่งครา

"โอ๊ย! ท่านตา มันเจ็บนะเจ้าคะ" ฟู่ซูหนิงลูบศีรษะเพื่อคลายความระบม

"เจ็บสิดีจะได้รู้จักจำ เจ้าเป็นสาวเป็นนาง ออกจากเรือนอีกวันแล้วคิดจะกลับอีกวันได้อย่างไร ซ้ำยังออกไปพร้อมบุรุษเสียด้วย อยากให้เกิดเรื่องใหญ่โตงั้นรึ"

ฟู่ซูหนิงทำหน้าบิดเบี้ยว "หนิงเอ๋อร์เพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง อีกอย่างส่งเขาแค่ครู่เดียว จากนั้นแค่ชวนอาเป่ามาเที่ยวเล่นเป็นเพื่อน หนิงเอ๋อร์ไม่เจออาเป่านานมากแล้ว คิดถึงจะแย่เจ้าค่ะ"

"พอ พอ เลิกพูดเป็นต่อยหอยเสียที อาเป่าโตเป็นหนุ่มแล้ว อีกอย่างคงทำงานในโรงเตี๊ยมจนหัวหมุน เขาจะมีเวลาเที่ยวเล่นกับเจ้าได้อย่างไร นิสัยม้าดีดกะโหลกเช่นนี้ สามีในอนาคตของเจ้าต้องปวดกบาลแน่แท้ ถึงอย่างไรก็ต้องกลับวันนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าได้เห็นดีกับตาแน่"

ฟู่ซูหนิงยู่หน้า "หนิงเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะ แต่เรื่องสามี ไม่ว่า อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต หนิงเอ๋อร์ก็ไม่เอา!"

หลังกอดเอวซบอกผู้เป็นตาจนพอใจ ฟู่ซูหนิงก็ถลาเข้าหอมแก้มหญิงชราอีกฟอดใหญ่ อารมณ์พลิกกลับไปมาเสียจนสองตายายตามไม่ทัน "ท่านยาย อยากได้อะไรหรือไม่ หนิงเอ๋อร์จะซื้อมาฝากท่าน"

ฟู่หรงคลี่ยิ้มอบอุ่น "ยายไม่อยากได้อะไรเลย โรงหมอกลางหุบเขาของเรามิขาดแคลนสิ่งใด เพียงเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ"

"ฮื่อ...ท่านยาย อย่าพูดให้เศร้าสิเจ้าคะ"

"อะไรกันเด็กคนนี้ ทำตัวขี้แยไปได้"

มือเหี่ยวย่นยกขึ้นซับน้ำตาให้หลานตัวดีบางเบา "โตเป็นสาวแล้ว ไม่ร้อง ถ้ายังกระจองอแง ยายจะให้ตาของเจ้าไปด้วย"

ฟู่ซูหนิงเด้งกายยืดตัวตรงแน่ว พลางปาดน้ำตาลวก ๆ ผู้เฒ่าทั้งสองต่างส่ายศีรษะกับความแก่นแก้วของนาง "หนิงเอ๋อร์ไม่ร้องแล้ว ไม่ร้องแล้ว ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย และสัญญาจะอยู่กับท่านทั้งสองชั่วชีวิต"

"เอาล่ะ ๆ พล่ามพอแล้ว เข้าตัวเมืองไม่กี่ลี้เท่านั้น ทำราวใกล้จากกันชั่วชีวิต" ต่งควนส่ายศีรษะอ่อนใจ ฟู่ซูหนิงก็เลยวัยปักปิ่นมาตั้งหนึ่งปีแล้ว ไฉนยังตัวติดตากับยายราวเด็กสามขวบ

"เจ้าค่ะ เช่นนั้นหนิงเอ๋อร์ไปแล้ว ข้าจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาฝากนะเจ้าคะ" ก่อนผละจากฟู่ซูหนิงยังไม่ลืมหวนมาหอมแก้มซึ่งมีริ้วรอยแห่งวัยประดับอยู่อีกฟอดใหญ่

ฟู่หรงขบขัน "อะไรกันเด็กคนนี้"

บทสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่ ฉืออิ้งเทียนได้ยินทั้งหมด แม้ยามปกติเขาไม่คิดสอดส่องสิ่งใด ทว่าก่อนจากเขาเห็นควรว่าต้องเก็บเกี่ยวข้อมูลผู้มีพระคุณไว้บ้าง

ดูเหมือนนางจงใจแต่งกายเป็นบุรุษเพื่อไปส่งเขา หนำซ้ำยังอ้างว่าเขาอยากกลับเอง เหตุใดนางจึงเร่งร้อนผลักไสเขาราวตัวเห็บหมัด นี่นางรังเกียจบุรุษพิการงั้นหรือ

หนิงเอ๋อร์ นี่นามของเจ้าหรือ

เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ฉืออิ้งเทียนจึงถลากลับไปยังเตียงของตนดังเดิม แม้ดวงตาอาจพร่าเลือนไปบ้าง ทว่ายามนี้เขาสามารถคลำทางได้ดีทีเดียว

พรึบ!

"คุณชาย ไปกันเจ้าค่ะ"

ฉืออิ้งเทียนใจกระตุกวูบ ฟู่ซูหนิงเลิกคิ้ว นางสังเกตเห็นอาการลนลานผ่านท่าทีของเขาแม้จะเพียงพริบตาเดียวก็ตาม "ท่านเป็นอะไรหรือ"

ร่างระหงเดินเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างนึกลืมตัว ฉืออิ้งเทียนยังนั่งห้อยขาอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ฟู่ซูหนิงโน้มกายลงจากนั้นใช้หลังมือวัดอุณหภูมิบริเวณหน้าผากของเขา

กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสตรีลอยละล่องปะทะเข้าโสตประสาท ส่งผลให้ใบหูชายหนุ่มซับสีแดงระเรื่อ ใจของเขาเต้นรัวโครมใหญ่

"อ๊ะ เมื่อครู่ก็ยังปกติ เหตุใดยามนี้จึงได้หน้าแดงหูแดงเช่นนั้นเล่า"

ฉืออิ้งเทียนกระแอมเพื่อลดความเก้อกระดาก "เอ่อ...อากาศร้อนเล็กน้อย ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ ข้าตาบอดอาจทำให้การเดินทางล่าช้า"

"ไม่เป็นไร นี่ของท่าน"

นางยื่นไม้ค้ำยันไปให้เขา ฉืออิ้งเทียนเอื้อมรับสะเปะสะปะ ใช่ว่าเขาไม่เห็น ทว่ายามนี้เขากำลังเสแสร้งอยู่ต่างหาก

"ท่านคว้าที่ใดกัน นี่เจ้าค่ะ"

ฟู่ซูหนิงจับมือที่ควานไม่รู้ทิศเอาไว้ จากนั้นจึงยัดไม้เท้าเข้าไปยังฝ่ามือหยาบระคายโดยไม่ทันคิดสิ่งใด บุรุษผู้มิเคยต้องกายสตรีมาก่อนตัวแข็งทื่อตะลึงงัน ทั้งกลิ่นกายหญิงสาว และเรียวมืออันเนียนนุ่ม เป็นเหตุให้โลหิตในกายบุรุษกำลังเดือดพล่าน กลิ่นหวานหอมที่ส่งออกมาช่างต่างจากบรรดาสตรีในวังหลวงที่เขาเคยเฉียดผ่านยิ่งนัก ริมฝีปากได้รูปพลันกระตุกแผ่ว

หนิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นสตรีคนแรกที่แตะต้องกายของข้าแทบทุกตารางเนื้อ เจ้าหน้าตาเช่นไรข้าก็ยังไม่เห็น คิดว่าเพียงส่งข้ากลับแล้วข้าจะถอดใจหรือ เราจะต้องได้พบกันอีกแน่นอน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   สะพานสายรุ้ง (ตอนพิเศษ)

    เมืองเป่ยเหลียนและเมืองเทียนหลันเป็นเมืองที่ห่างกันเพียงแม่น้ำกั้น หลังจากฉืออิ้งเทียนเข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองเป่ยเหลียนจึงมีการหารือกับเหออ๋องและเหอหยางซื่อจื่อพร้อมส่งเรื่องรายงานไปยังเมืองหลวง เพื่อจัดแจงการก่อสร้างสะพานเชื่อมไมตรีระหว่างสองเมือง และให้นามว่าสะพานไฉ่หง [1] อีกทั้งสองฟากฝั่งยังเป็นแหล่งการค้าที่อุดมสมบูรณ์สะพานจึงถูกสร้างขึ้นด้วยความประณีตและงดงาม ราษฎรทั้งสองเมืองล้วนแช่มชื่นและเบิกบานที่การเดินทางสัญจรนั้นสะดวกมากขึ้น แม้การสร้างสะพานใช้เวลานานถึงสามปีแต่ทุกอย่างกลับคุ้มค่าเป็นที่สุดค่ำคืนนี้คือเทศกาลโคมไฟ จึงมีการจัดงาน ณ สะพานไฉ่หงเป็นครั้งแรก"ท่านพี่เพคะ อาภรณ์ตัวนี้งามหรือไม่"ริมฝีปากได้รูปยกโค้งอบอุ่น ฉืออิ้งเทียนมองสีหน้าฟู่ซูหนิงซึ่งประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข"ไม่ว่าเจ้าสวมชุดไหนก็งามที่สุด ไม่สวมยิ่งงดงาม""ท่านพี่ นี่พระองค์ทำไมจึงพูดจาไร้ยางอายยิ่งนัก"ฉืออิ้งเทียนอมยิ้ม ชายหนุ่มลุกยืนเต็มความสูง จากนั้นเยื้

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 45 ความรักทำให้คนตาบอด (2) (จบ)

    ฟู่ซูหนิงตัวแข็งค้างดั่งดินปั้นไม้แกะสลัก เมื่อลมหายใจอุ่น ๆ เป่าปะทะบริเวณลำคอและปรางแก้มของตน แขนแกร่งดุจคีมเหล็กรวบเอวของนางพลันกระชับด้วยใจคะนึงหา"หนิงเอ๋อร์ เจ้าเลิกผลักไสข้าเสียที ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ชายาของข้า"ฟู่ซูหนิงหนาวยะเยือกไปทั่วสรรพางค์ กระบอกตาสองข้างร้อนรื้นแดงก่ำ เสียงใสสั่นเครือ "ทะ...ท่านอ๋อง เหตุใดเป็นท่าน""หนิงเอ๋อร์ เจ้าให้โอกาสข้าได้ดูแลเจ้าอีกครั้งมิได้เชียวหรือ เรื่องในตอนนั้นเป็นข้าที่ผิด เป็นข้าเพียงคนเดียวไม่อาจดูแลเจ้าได้"น้ำสีใสหลั่งลงตรงหางตาเมื่อนางรับรู้ว่ายามนี้เขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่างจากนาง "ท่านอ๋อง ท่านรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร""ครึ่งปีมานี้ข้าติดอยู่ในวังวนมายาแห่งหนึ่ง ข้าฝันเห็นเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้ามิอาจช่วยเหลือเจ้าได้ ข้าเป็นสามีที่ไร้สามารถเอง หนิงเอ๋อร์ เจ้าจะเกลียดข้า โกรธข้าก็ได้ แต่เจ้าอย่าไปจากข้าอีกได้หรือไม่"ฟู่ซูหนิงใจเต้นโครมครามหูของนางอื้ออึงไปหมด ภาพในวันนั้นที่เขาวิ่งเข้ามาตระกองกอดนาง ฟู่ซูหนิงเองก็ฝันในทุก ๆ คืน เขาไม่เคยทิ้งนางเลย วันนั้นเขากลับ

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 45 ความรักทำให้คนตาบอด (1)

    ร่างระหงเยื้องย่างเข้าสู่ด้านในห้องพักส่วนตัวของเจ้าเมืองเป่ยเหลียน นัยน์ตาดอกท้อกวาดมองโดยรอบก็รู้สึกใจเต้นครึกโครมด้วยความประหวั่น รูปแบบการตกแต่งภายในห้องเหตุใดจึงคล้ายกับห้องหอของนางและเขาในชาติก่อน"นี่เป็นการตบแต่งแบบใดกัน ยังมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่อีกหรือ" ฟู่ซูหนิงกระซิบกับตนเองเสียงแผ่ว"ท่านหมอ มาแล้วหรือ"ฟู่ซูหนิงสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังลอดออกจากม่านผืนโปร่งบริเวณเตียงนอน แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูแหบแห้ง ทว่ากลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด"ท่านเจ้าเมือง" ฟู่ซูหนิงยอบกายลง นางทราบมาจากเหอหยางว่าท่านเจ้าเมืองคนนี้เพิ่งมาประจำการใหม่ และเขายังพ่วงตำแหน่งอ๋องเฉกเช่นบิดาของเหอหยางฟู่ซูหนิงได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วผ่านลำคอของอีกฝ่าย ส่งผลให้หัวใจของนางเต้นโครมคราม"ขออภัย ทำให้ท่านหมอตกใจแล้ว""เปล่าเลยเพคะ เป็นหม่อมฉันที่ใจลอยเอง""ใจลอยงั้นหรือ กำลังคิดถึงผู้ใดเล่า""เอ่อ..."ยังไม่ทันได้รับคำตอบ เขาก็ถามนางขึ้นอีก "ท่านหมอชอบห้องนี้

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 44 ความรักช่างยากแท้หยั่งถึง (2)

    และรถม้าก็วนกลับมาที่โรงหมอของฟู่ซูหนิงอีกครั้งเสี่ยวไป๋เอ่ยขึ้น "อ้าว ซื่อจื่อเพิ่งออกไปไม่ใช่หรือขอรับ ไยจึงกลับมาอีกเล่า หรือว่าลืมของ"ฟู่ซูหนิงมองตามสายตาของเสี่ยวไป๋ สหายของนางหัวรั้นใช้ได้ เหตุใดคนที่อยู่รอบกายต้องมีแต่พวกเอาแต่ใจกันนะ จะว่าไปแล้วนางก็คงเอาแต่ใจไม่ต่างจากพวกเขา มิน่าเล่าเขาถึงบอก โลกจะเหวี่ยงคนประเภทเดียวกันให้มาพบกัน ช่างน่าปวดหัวจริงเชียว"ซื่อจื่อ ท่านมีเรื่องใดอีกหรือ""หนิงเอ๋อร์ ข้าขอถามเจ้าว่ายังอยากรักษาโรงหมอแห่งนี้ไว้หรือไม่""แน่นอนเจ้าค่ะ""แต่เจ้าค้างค่าเช่ามานานมากแล้ว หุบเขาร้อยโอสถเจ้าก็ยังไม่อยากกลับ"แววตาคู่งามระริกไหว "ข้ารู้ ข้ากำลังพยายามหาวิธีอยู่เจ้าค่ะ""หากข้ามีวิธีให้เจ้า โดยที่ข้าไม่ได้ควักเงินของตน หรือเป็นเรื่องผิดศีลธรรมใด เจ้าจะยินยอมทำหรือไม่"ฟู่ซูหนิงหยุดมือที่ง่วนกับเทียบยาลง "ซื่อจื่อ ท่านไม่เคยจริงจังเช่นนี้มาก่อน มีอะไรก็ว่ามาเถิดเจ้าค่ะ""เจ้ายังจำเมืองเป่ยเหลียนได้หรือไม่"ริมฝีปากสีกุหลาบขยับเอ่ย "เมืองเป่ยเหลียนงั้นหรือ" ฟู่ซูหนิงครุ่นคิดคร

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 44 ความรักช่างยากแท้หยั่งถึง (1)

    ณ ตำหนักฮ่องเต้"อิ้งเทียนเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าต้องการเช่นนี้""พ่ะย่ะค่ะ ลูกแน่ใจ"ฮ่องเต้ฉือเจียฉีถอนหายใจแผ่ว "เจ้าต้องการไปเช่นนี้เสด็จแม่ของเจ้าเล่า ยินยอมงั้นหรือ""เรื่องนี้เสด็จแม่ทรงทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกจากไปเพียงกาย ใช่ว่ามิอาจหวนกลับมาเยี่ยมเยียน เสด็จพ่อโปรดอนุญาตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ""ได้ เช่นนั้นก็ตามแต่ใจเจ้า"ฉืออิ้งเทียนเดินทางจากเมืองหลวงภายในวันที่ตนฟื้นขึ้นด้วยความเร่งร้อนฮ่องเต้หมายปูนบำเหน็จให้เขาหลังจากได้สติทว่าสิ่งที่ฉืออิ้งเทียนต้องการ กลับเป็นสิ่งที่ผู้เป็นบิดาล้วนลำบากใจยิ่ง แต่ในเมื่อเป็นเรื่องของหัวใจผู้ใดก็มิอาจบังคับ ราชโองการนี้จึงนับว่าสมควรแล้วกระมังอีกคนพยายามวิ่งหนีไม่ลืมหูลืมตาส่วนอีกคนพยายามไล่ตามอย่างไม่ย่อหย่อน ความรักหนุ่มสาวช่างยากแท้หยั่งถึงเหลือเกินเติ้งเหวยค้อมศีรษะ "ท่านอ๋อง ที่หุบเขาร้อยโอสถไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าท่านหมอคงมิได้กลับมาที่นี่"คิ้วเข้มขมวดมุ่น "นางจะไปที่ใดได้"

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 43 อดีตที่เสมือนกระจกสะท้อนความจริง (2)

    จู่ ๆ ฟู่ซูหนิงก็ถูกควบคุมตัวให้คุกเข่าลง "นี่เรื่องใดกัน อยู่ ๆ ก็มาจับกุมข้า อยากหัวขาดงั้นรึ"บุรุษผู้หนึ่งย่างกรายมาเบื้องหน้าของนาง พร้อมย่ามสุดรักในมือ เขาชูของสิ่งนั้นขึ้น ครั้นเห็นกระจะตาว่าเป็นผู้ใดนางก็เบิกตากว้าง"หมอชุย!"ชุยว่านเหวินเหยียดยิ้ม "พระชายา นี่ของท่านใช่หรือไม่"ฟู่ซูหนิงเมียงมองครู่หนึ่ง "ของข้า แล้วไปอยู่กับเจ้าได้อย่างไร""เป็นชายาชินอ๋องไม่ผิดแน่ นางสารภาพแล้วว่าคือของนาง"คิ้วสวยขมวดฉับ "หมายความว่าอย่างไร""พระชายา ท่านแสร้งทำตาใสเรื่องใดงั้นหรือ ลอบวางยาพิษฝ่าบาทรู้หรือไม่ว่ามีโทษสถานใด""ลอบวางยาพิษ! ไร้หลักฐานไยคิดปรักปรำข้า อีกอย่างข้าเป็นชายาชินอ๋อง ควบคุมตัวข้าทั้งที่ยังไม่ไต่สวน ทำเช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้วรึ หากชินอ๋องรู้เข้า อย่าหมายว่าศีรษะของเจ้าจะยังอยู่บนบ่า"เสียงทุ้มหัวเราะร่วน "พระชายา หลักฐานคาตา ทุกคนก็เห็นกันหมด และนี่..." เขาเทของออกจากย่ามใบโปรดของฟู่ซูหนิง ยาพิษหลากชนิดร่วงกราวดั่งใบไม้แห้ง "ของพวกนี้ ยาพิษใช่หรือไม่""ก็ใช่ แต่นั่นข้าเอาไว้ศึกษาทดลอง และย่ามของข้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status