共有

บทที่ 5

作者: อี้ซัวเยียนอวี่
กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำ

นางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”

เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้

ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้

ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแล

หัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบ

นางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”

……

หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ

“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี

“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?

“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”

“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงเย็นชา แววตาคมปลาบ

นางไม่เห็นด้วยกับวิธีอบรมสั่งสอนเช่นนี้

เพราะสิ่งที่อาจารย์และอาจารย์หญิงสอนนางมาคือมีคุณต้องตอบแทน มีแค้นต้องชำระ ชีวิตนี้มีหนเดียวก็ต้องใช้ให้เต็มที่ จะได้ไม่นึกเสียดาย

ความจริง มารดาก็เพียงแต่อบรมสั่งสอนบุตรีตามแนวทางของตระกูลเฟิ่ง

ตระกูลเฟิ่งหวังให้บุตรีเป็นหงส์จึงอบรมอย่างเข้มงวดกวดขัน

ความสำเร็จด้านดนตรี การเดินหมาก วิชาความรู้และการวาดภาพของสตรีในตระกูลล้วนไม่แพ้คนนอก

ทั้งยังต้องรักษาคุณธรรมอันดีงาม มีชื่อเสียงอันดีงามอยู่ข้างนอก

เวยเฉียงเขียนจดหมายมาระบายความในใจมากกว่าหนึ่งครั้งว่า นางอิจฉาตนเองมากที่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี นางไม่อยากเข้าวังไปเป็นฮองเฮา

ยามนี้มาคิดดูแล้ว หากเวยเฉียงได้เข้าวังมาเป็นฮองเฮาจริง จะทนรับการเคี่ยวกรำจากผู้คนในวังเหล่านี้ได้อย่างไร?

เหลียนซวงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในจวนตระกูลเฟิ่งที่ทราบตัวตนที่แท้จริงของเฟิ่งจิ่วเหยียน

นางมีไหวพริบยิ่งนัก ไปปิดหน้าต่างโดยไม่ต้องหยุดคิดเลยสักนิด

“ฮองเฮา! กำแพงมีหู สิ่งที่ควรลืม ท่านก็ลืมไปเถิดเพคะ อย่าพูดถึงอีกเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงสงบเยือกเย็น

“พวกเขาอยู่ไกล ไม่ได้ยินหรอก”

นางเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ สามารถสัมผัสได้ถึงเสียงลมหายใจของคนอื่น

ถ้าความสามารถเล็กน้อยแค่นี้ยังไม่มี ช่วงเวลาสองปีที่ไปท่องยุทธภพก่อนจะเข้าร่วมกองทัพไม่รู้ว่าตายไปกี่ครั้งแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนมีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ถนัดพูดจาอ้อมค้อม

“วันนี้ที่ข้าไปตำหนักหลิงเซียว อ้างว่าไปส่งยา แท้จริงคือไปสำรวจการอารักขาของที่นั่น”

เหลียนซวงถามอย่างระมัดระวัง “การอารักขา? ฮองเฮา ท่านคิดจะทำอะไรเพคะ?”

“ข้าจะสังหารนางด้วยมือตัวเอง”

“อะไรนะ!” เหลียนซวงยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ ป้องกันไม่ให้ตนเองพลุ่งพล่านใจจนหลุดร้องเสียงดังออกมา

ฮองเฮาคิดจะลอบสังหารหวงกุ้ยเฟย!

หลังสงบสติได้แล้ว เหลียนซวงก็รีบเกลี้ยกล่อมนาง “ไม่ได้นะเพคะ ฮองเฮา แบบนั้นเสี่ยงเกินไป!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง

“เสี่ยงจริง ๆ นั่นแหละ สมกับที่เป็นสนมคนโปรด การอารักขาของตำหนักหลิงเซียวแน่นหนามาก สองฝั่งของชายคาทางเดินยังติดตั้งกลไกเอาไว้ ตอนนี้ยังหาจุดบอดไม่เจอ ข้าต้องไปอีกหลายรอบถึงจะหาพบ”

เหลียนซวงกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น

“แต่ฮองเฮาเพคะ นายหญิงบอกว่า...”

แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “คำพูดก่อนหน้านี้ของเจ้ากล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก สิ่งที่ควรลืมก็ต้องลืมไปเสีย”

เหลียนซวงคิด : ฮองเฮาของข้า บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะเพคะ!

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองมาที่นาง

“ข้าไม่บังคับเจ้า ถ้าเจ้าอยากแก้แค้นให้เวยเฉียงก็มาร่วมมือกับข้า

“ถ้าเจ้ากลัว ไม่กล้าร่วมมือกับข้า ก็ทำเสมือนว่าข้าไม่เคยพูดมาก่อน แต่สิ่งที่ข้าต้องการทำ เจ้าก็ไม่อาจแพร่งพรายต่อคนอื่น ไม่อย่างนั้น ข้าจะฆ่าเจ้า”

คนข้างกายนางสามารถไม่ช่วยเหลือได้ แต่ไม่อาจเป็นตัวถ่วงนางได้

หน้าผากของเหลียนซวงมีเหงื่อผุดพราย หัวใจเต้นรัว

ต่อสู้กับตัวเองอยู่นาน ภาพใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนของเฟิ่งเวยเฉียงปรากฏขึ้นในหัว นางหลับตาลง

“ฮองเฮา คุณหนูเวยเฉียงปฏิบัติต่อบ่าวเสมือนพี่สาวน้องสาว นางถูกทำร้ายแสนสาหัสเช่นนั้น บ่าวเองก็เจ็บปวดใจเหมือนกัน ถ้าสามารถทำอะไรเพื่อนางได้ บ่าวก็ไม่เสียดายเพคะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเก็บสายตากลับมา แววตายังคงสงบดุจน้ำนิ่ง

“ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็อย่าเสียใจทีหลัง”

หลังเหลียนซวงปรับสภาพอารมณ์ได้แล้วก็มีความกังวลใหม่ผุดขึ้นมา

“ฮองเฮา คืนเข้าหอคืนนี้ ฝ่าบาทจะต้องทราบแน่ว่าท่านยังบริสุทธิ์อยู่ หลังจากนั้นหวงกุ้ยเฟยก็คงจะได้รู้เช่นกัน แล้วก็คงจะสงสัยในตัวท่าน ควรทำเช่นไรดีเพคะ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ข้อแรก ฝ่าบาทเป็นราชาของแว่นแคว้น ย่อมไม่พูดเรื่องบนแท่นบรรทมออกไปอยู่แล้ว โดยเฉพาะการพูดให้สนมคนโปรดของตัวเองฟัง มีแต่จะทำให้นางไม่พอใจเปล่า ๆ

“ข้อสอง ต่อให้ฝ่าบาทพูด กุ้ยเฟยก็ไม่มีทางเชื่อ มีแต่จะคิดว่าบุรุษรักศักดิ์ศรี ต่อให้ภรรยาไม่ใช่หญิงพรหมจารีก็จะต้องกล้ำกลืนความอัปยศนี้ลงไป หรือมิฉะนั้นก็คงจะสงสัยว่าพวกเราใช้เล่ห์กลอันใด

“ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด หวงกุ้ยเฟยก็ไม่มีทางสืบเรื่องนี้อย่างเอิกเกริก เพราะนั่นจะเป็นการตบหน้าฝ่าบาทอย่างเปิดเผย”

เหลียนซวงกล่าว “แต่ก่อนพิธีอภิเษกสมรส หวงกุ้ยเฟยก็...”

“ก่อนพิธีอภิเษกสมรส ข้ายังไม่ใช่ฮองเฮา หลังพิธีอภิเษกสมรส ฐานะของข้าก็เปลี่ยนไปแล้ว”

เหลียนซวงพลันเข้าใจถ่องแท้

“ถ้าแบบนี้ก็ไม่กลัวว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาแล้วเพคะ”

ทว่าพวกนางรออยู่นานมาก เห็นว่าใกล้จะถึงยามจื่อ[1]แล้ว ฮ่องเต้ก็ยังไม่เสด็จมา

เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดนอนผ้าไหมสีแดงเข้ม นั่งอยู่บนขอบเตียงในห้องหอ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบ

“เขาคงไม่มาแล้ว พวกเราเข้านอนกันเถอะ”

“เพคะ ฮองเฮา” เหลียนซวงรู้สึกไม่พอใจ ฮ่องเต้ไม่รักษาคำพูดนี่!

เฟิ่งจิ่วเหยียนปรับตัวตามสถานการณ์มาจนชิน จึงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว

ช่วงครึ่งคืนหลัง คนผู้หนึ่งพลันทับโถมลงมา ลมหายใจหนักหน่วง สัมผัสหยาบกระด้าง หมายจะปลดสายรัดเอวของนาง

นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นทันที ชักกริชออกมาจากใต้หมอนโดยสัญชาตญาณ...

ท่ามกลางความมืด คนผู้นั้นกดข้อมือนางไว้

นางกำลังจะตอบโต้ น้ำเสียงทุ้มต่ำดุร้ายเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

“ฮองเฮา คิดจะปลงพระชนม์สวามีงั้นรึ?”

----------------------------------------------

[1] ยามจื่อ คือ ช่วงเวลาระหว่าง 23:00-01:00 น.
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (14)
goodnovel comment avatar
Joom
I love this novel.
goodnovel comment avatar
Atitan Srikul
สนุกมากน่าอ่านมาก
goodnovel comment avatar
เจนจิลา
สนุกครับ อยากอ่านต่อ
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1649

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่หรือความลวงที่ยิ่งใหญ่ ล้วนทำเพื่อกษัตริย์ที่ตนภักดีทั้งสิ้น“ที่ถานไถเหยี่ยนกำหนดตนเองว่าเป็น ‘ความลวงที่ยิ่งใหญ่’ คือการแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่ต่างจากการบอกฝ่าบาทว่า ‘ข้าคือขุนนางของท่าน จะวางแผนครองใต้หล้าเพื่อท่าน”เสียวอู่รู้สึกเหมือนกระจ่างขึ้นมาในทันทีไม่คิดเลยว่า คำกล่าวง่าย ๆ และสั้น ๆ เพียงไม่กี่ตัวอักษร กลับซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้มากมายเพียงนี้!“ทว่า... คำพูดนั้นมาจากใจจริงหรือไม่?“ถานไถเหยี่ยนจะทำเพื่อศิษย์พี่ได้อย่างไร?”“นี่ต้องเป็นแผนล่อศัตรูของเขาเป็นแน่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น“ดังนั้นข้าถึงบอกว่า ฝ่าบาททรงกำลังเดิมพัน”ตงฟางซื่อบอกความคิดเห็นของเขา“ข้าเชื่อคำพูดนั้น”เสียวอู่เบิกตากว้าง คล้ายกับจะบอกว่าเขาบ้าไปแล้ว ถึงเชื่อคำพูดหลอกลวงของถานไถเหยี่ยนตงฟางซื่อเอ่ยอย่างช้า ๆ“เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เคยมีคนผู้หนึ่งนามว่าจางจื่อที่ทำงานรับใช้แคว้นฉิน ช่วยแคว้นฉินเตรียมพร้อมกำลังพล ก่อนจะพิชิตแคว้นอื่นทีละแคว้น“เรื่องที่ถานไถเหยี่ยนทำ โดยพื้นฐานแล้ว ก็ไม่แตกต่างจากเขา“หากปฏิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1648

    เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย: “ในวลี ‘อยู่เหนือกว่าคน’ ตัวอักษร ‘ซ่าง’ หมายถึง ด้านบน หรือตำแหน่งข้างหน้า หากนำขีดแรกของตัวอักษรสามตัวคือ ‘ไจ้[1]’ ‘เหริน[2]’ และ ‘จือ[3]’ มารวมกัน ก็จะได้ตัวอักษรหนึ่งตัว” เสียวอู่ได้ยินดังนั้น จึงรีบใช้กิ่งไม้ เขียนลงบนพื้นทันทีขีดขวาง ขีดลากซ้าย และจุด...แต่เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่า จะได้เป็นตัวอักษรใดในเวลานั้น ตงฟางซื่อก็ใช้กระบี่ ลากออกมาเป็นตัวอักษรหนึ่ง“คือตัว ‘ต้า[4]’”เสียวอู่มองดูแล้ว พลันกระจ่างในทันทีใช่จริงด้วย!“ศิษย์พี่สะใภ้ แล้ววลีที่ว่า ‘มองคนเป็นคน’ล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยยังไม่ทันรอให้นางเอ่ย ตงฟางซื่อก็เดาได้แล้วเขาถาม: “คือตัว ‘เหว่ย[5]’ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”“ตัว ‘เหริน’ กับ ‘เหวย[6]’ รวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวอักษร ‘เหว่ย’”เสียวอู่ถึงกับนิ่งงัน“ศิษย์พี่สะใภ้ ตัว ‘ต้า’ ข้าพอเข้าใจ แต่ตัว ‘เหว่ย’ ได้มาจากที่ใดกัน? มันดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?”ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อได้เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะขับเข็มพิษออกมา ร่างกายยังคงพักฟื้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1647

    ถานไถเหยี่ยนกลับเปิดเผยตรงไปตรงมาเขาอธิบาย: “เมื่อครู่ตอนที่นางปะทะฝ่ามือกับข้า ในวินาทีที่ข้าถอนมือออก ก็แทงเข็มพิษเข้าไปในฝ่ามือนางแล้ว”เสียวอู่ตาทั้งคู่เบิกกว้าง มองไปยังศิษย์พี่สะใภ้ที่อ่อนแรงอยู่ข้าง ๆ“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! มิน่าเล่าเมื่อครู่ศิษย์พี่สะใภ้ถึงไม่ได้หลบฝ่ามือนั้นของเจ้า! ถานไถเหยี่ยน เจ้าช่างเลวทรามยิ่งนัก!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกัดฟันทน พยายามใช้พลังภายใน ขับเอาเข็มพิษนั้นออกมาทว่ากลับไร้ผลถานไถเหยี่ยนมีสีหน้านิ่งเฉย ดูเหมือนจะรู้สึกจนใจอยู่บ้าง“ข้ามิใช่เคยบอกเจ้าหรือว่า เวลาปะทะฝ่ามือกับผู้อื่น ต้องระวังให้ดี”“ถานไถเหยี่ยน—” เสียวอู่แผดเสียงด้วยความโกรธ “เจ้าคนชั่วไร้สำนึก!”เขายืนอยู่ด้านหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน เพื่อปกป้องนาง“ศิษย์พี่สะใภ้ ท่านไปก่อน ข้าจะคุ้มกันด้านหลังให้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างทันควัน ดูเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเสียวอู่ก็รู้ตัวเองดีแม้แต่ศิษย์พี่สะใภ้ยังสู้ถานไถเหยี่ยนไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลยแต่เขาก็ไม่อาจมองดูศิษย์พี่สะใภ้ถูกถานไถเหยี่ยนฆ่าตายได้!“ถึงอย่างไรข้าก็ตัวคนเดียวอยู่แล้ว! ศิษย์พี่สะใภ้ไม่เหมือน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1646

    เสียวอู่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ: “ขึ้นมาแล้ว! พวกเราขึ้นมาแล้ว!”ถานไถเหยี่ยนกลับมีสีหน้าคร่ำเคร่ง คล้ายกับว่าไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้“ไม่ควรเป็นเช่นนี้...”บริเวณใกล้กับหลุมบริวาร ควรจะเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพพวกเขาผ่านด่านต่าง ๆ มาแล้ว ก็ควรจะถึงทางเข้าหลุมฝังศพ และพบจุดศูนย์กลางของค่ายกลแล้วดังนั้น เพราะเหตุใดเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอกระบี่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนพาดเข้ามาในแนวขวาง แค่ชั่วพริบตาก็สามารถฟันคอเขาให้ขาดได้ทว่าทันใดนั้น คมกระบี่กลับถูกถานไถเหยี่ยนใช้มือเปล่ารับไว้—เขาใช้สองนิ้วหนีบคมกระบี่ไว้ พลังภายในอันลึกล้ำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับสั่นสะท้าน“เจ้าแอบซ่อนพลังภายในมาตลอด?”ถานไถเหยี่ยนที่ดูเหม่อลอย พึมพำกับตัวเอง: “ไม่ควรเป็นเช่นนี้... มันมีปัญหาที่ใดกันแน่”เฟิ่งจิ่วเหยียนโจมตีอีกครั้ง แต่ถานไถเหยี่ยนกลับหลบหลีกได้นางจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้านางถานไถเหยี่ยนซ่อนความสามารถได้ลึกมากพลังภายในของเขา ย่อมต้องเหนือกว่านางอย่างแน่นอนนางมิได้ยึดติดกับการต่อสู้โดยเฉพาะในทางเดินคับแคบ ที่มี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1645

    กองทัพฉียึดเมืองอู๋โจวได้ ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามบนหอประตูเมือง หร่วนฝูอวี้ได้รับบาดเจ็บหนักมิใช่ได้รับบาดเจ็บจากทหารหนานเจียงเหล่านั้น แต่เป็นเพราะถูกนกไม้กลไกของกองทัพฉียิงพลาดจนบาดเจ็บเพราะอย่างไร กองทัพฉีก็ไม่คาดคิดว่า บนกำแพงเมืองจะมี “พันธมิตร” อยู่ด้วยถึงแม้จะรู้ ก็คงไม่ยอมทิ้งโอกาสในการโจมตี เพราะหร่วนฝูอวี้เพียงคนเดียวบาดแผลที่หร่วนฝูอวี้ได้รับล้วนเกิดจากลูกธนูเก๋อสือชีประคองนางไว้ ด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ถูกบาดแผลของนางเมื่อลงมาจากกำแพงเมือง หร่วนฝูอวี้ก็พบกับเซียวอวี้ที่นำทัพมาด้วยตัวเองนางยิ้มอย่างขมขื่น“ข้าเข้าใจมาตลอดว่า การมีวรยุทธ์สูงส่ง ก็เพียงพอที่จะปกป้องแคว้นหนานเจียงได้ แต่ ‘มังกรไฟ’ กับ ‘นกไม้กลไก’... การปรากฏตัวของพวกมัน ในที่สุดก็ทำให้ข้าได้เห็นความหยิ่งทะนงของตัวเองอย่างชัดเจน“แคว้นหนานเจียงล้าหลังแคว้นอื่น ๆ มานานเกินไป นานจนไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในใต้หล้านี้ ข้าไม่สามารถฆ่าถานไถเหยี่ยนได้แล้ว ฮ่องเต้ฉี ที่เหลือ ก็ฝากไว้กับพวกท่านแล้ว”เซียวอวี้นั่งอยู่บนหลังม้า และขี่ผ่านหน้านางไป พร้อมทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง“รักษาตั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1644

    ณ เมืองอู๋โจวหร่วนฝูอวี้พาราษฎรชาวหนานเจียงกลุ่มหนึ่งบุกโจมตีเมืองภายในเมือง ก็เป็นราษฎรชาวหนานเจียงเช่นกันทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบกัน เมืองอู๋โจวนั้นง่ายต่อการป้องกันแต่ยากต่อการโจมตีทหารบนกำแพงเมืองโยนก้อนหินขนาดใหญ่ลงมา ทำให้กระแทกใส่คนที่กำลังปีนอยู่บนกำแพงเมืองจนตายทั้งเป็นการเสียสละของคนเหล่านี้ ทำให้หร่วนฝูอวี้ได้โอกาสในการโจมตีนางฉวยโอกาสขณะที่กองกำลังป้องกันบนกำแพงเมืองไม่ทันระวังตัว ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้สำเร็จทหารนายหนึ่งที่เห็นนางเป็นคนแรก ก็ตะโกนขึ้นทันที “มีคนขึ้นมาแล้ว!”ชั่วพริบตาถัดมา เขาก็ถูกหร่วนฝูอวี้สังหารในสายตาของหร่วนฝูอวี้ พวกเขาไม่นับเป็นชาวหนานเจียง ล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของถานไถเหยี่ยน! ล้วนสมควรตาย!นางจับคนผู้หนึ่งไว้ แล้วถาม: “ถานไถเหยี่ยนอยู่ที่ใด!”“ไม่... ไม่รู้! อ๊าก!” สิ้นเสียง ก็ถูกหร่วนฝูอวี้สังหารนางยังคงจับคนอื่น ๆ และถามต่อไปทว่า ไม่มีใครตอบนางทันใดนั้นลูกธนูคมดอกหนึ่งก็พุ่งมาจากด้านหลังหร่วนฝูอวี้เบี่ยงตัวหลบได้ทันหลังจากลูกธนูดอกนั้นตกถึงพื้น สิ่งที่ตามมา ก็คือลูกธนูอีกนับไม่ถ้วน ที่ยิงเข้ามาหาหร่วนฝูอวี้อย่างพร้อมเพรีย

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status