LOGINฮ่องเต้ซวี่หยางทรงเลือก “ใยแมงมุม”แต่ในใจเขาก็ยังไม่ละทิ้งถานไถหมิ่นการจะสร้าง “ใยแมงมุม” นั้น หาใช่จะทำสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืนเขาเชื่อมั่นว่า ขอเพียงมีเวลามากพอ ไม่ช้าก็เร็วถานไถหมิ่นจะต้องเปลี่ยนใจ และกลับมาอยู่ข้างกายเขาถึงอย่างไรสามีของนางผู้นั้น ก็ดูธรรมดาเหลือเกินเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ถานไถหมิ่นชอบชายผู้นั้นตรงที่ใด!หารู้ไม่ว่า หนึ่งในความแตกต่างระหว่างพวกเขาอยู่ตรงที่ สามีของถานไถหมิ่น จะไม่ยอมให้นางทำสิ่งที่เหน็ดเหนื่อยเพียงนั้น ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ฮ่องเต้ซวี่หยางนำชายผู้นั้นมาเป็นตัวประกัน และพากลับเมืองหลวงพร้อมกันตลอดทาง เขาเห็นอยู่ตลอดว่า ชายผู้นั้นวนเวียนอยู่รอบถานไถหมิ่น ทั้งป้อนน้ำให้นาง ทั้งยังเป็นห่วงว่านางจะวิงเวียนเพราะนั่งรถม้าฮ่องเต้ซวี่หยางทรงเยาะเย้ยในใจเดิมทีถานไถหมิ่นหาใช่หญิงสาวประเภทอ่อนแอไม่ แม้แต่ขี่ม้านางก็ยังไม่กลัว จะวิงเวียนเพราะนั่งรถม้าได้อย่างไร?ชายผู้นั้น ช่างไม่รู้ประสีประสา ไม่เข้าใจถานไถหมิ่นเลยแม้แต่น้อยฮ่องเต้ซวี่หยางคิดว่าเขาสามารถควบคุมทุกสิ่งได้แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เขากลับบีบบังคับหญิงอันเป็นที่รักจนถึงขั้นเสียสติ
ณ ภูเขาเทียนเหมินในวันแต่งงานของถานไถหมิ่น เมฆดำทะมึนก่อตัว ราวกับเป็นลางร้ายและเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อพิธีดำเนินมาได้ครึ่งทาง มีคนในตระกูลผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา “แย่แล้ว! ทหารทางการกรูกันเข้ามาทางประตูขึ้นเขา จะสังหารผู้คน!”ผู้คนในตระกูลต่างมองไปทางเจ้าสาวถานไถหมิ่นมีท่าทีสงบนิ่งอย่างมาก“พวกเขาเข้ามาไม่ได้ พิธีแต่งงานดำเนินตามปกติ”ภูเขาเทียนเหมินมีประตูอยู่สองบานประตูขึ้นเขาด้านนอก เป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อเข้าประตูบานนั้นมา ก็จะเจอค่ายกลพันลี้ที่นางได้วางไว้ ทันทีที่ผู้ใดก้าวเข้ามาในค่ายกล ก็จะหลงทางจนหาทางออกไม่เจอถึงแม้จะทำลายค่ายกลพันลี้ได้ ก็ยังมีกลไกอีกมากมายที่รอพวกเขาอยู่พิธีแต่งงานจึงดำเนินต่อไปส่วนด้านนอกภูเขาเทียนเหมิน แม่ทัพคู่ใจของฮ่องเต้ซวี่หยางร้อนใจจนเดินวนไปวนมาฮ่องเต้ทรงมอบภารกิจสำคัญเช่นนี้ให้เขา แต่เขากลับไร้ความสามารถถึงเพียงนี้......เมื่อฮ่องเต้ซวี่หยางทรงทราบข่าวและเสด็จมาถึง ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากถานไถหมิ่นเข้าพิธีแต่งงานแล้วนางกับสามีต่างให้เกียรติกันและกัน แม้จะไม่มีความรักอันร้อนแรง และลึกซึ้งตราตรึง แต่สองฝ่ายก็เข้าใจกัน และคอยสน
ณ วังหลวงดวงอาทิตย์ร้อนแรงอยู่เหนือศีรษะ บนประตูเมืองมีศพจำนวนหนึ่งแขวนอยู่ดวงอาทิตย์กำลังแผดเผาซากศพ จนส่งกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระยะ...ชาวบ้านที่เข้าออกประตูเมือง ไม่มีผู้ใดไม่อกสั่นขวัญแขวนณ สถานที่พักแรมนอกเมืองเสี่ยวเอ้อร์กำลังต้อนรับแขกเข้ามาด้านใน“แม่นางเชิญด้านใน! จะรับอะไรดีขอรับ?”หญิงสาวในชุดขาว สวมผ้าคลุมหน้า ดูพลิ้วไหวราวกับเทพเซียนทว่า ด้วยกระบี่ที่ถืออยู่ในมือ ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้หลังจากนางมองไปรอบ ๆ ก็นั่งลงที่ตำแหน่งมุมห้อง——ที่มองเห็นได้ทั่วทั้งบริเวณ“บะหมี่น้ำสามชาม”เสี่ยวเอ้อร์ถามด้วยความสอดรู้: “แม่นาง ท่านคนเดียวหรือ?”หญิงสาวกินบะหมี่สามชามใหญ่ จะกินไหวหรือ?หญิงสาวเงยหน้ามองด้วยสายตาเย็นเยียบ เสี่ยวเอ้อร์รีบยิ้มเจื่อน ๆ: “ได้เลย! บะหมี่น้ำสามชาม!”แขกที่อยู่โต๊ะกลางดื่มสุราไปมาก ก็เริ่มพูดจาขาดสติ“ครั้งนี้ตายไปแล้วอีกกี่คน?”“ทางเข้าประตูเมืองก็แขวนอยู่สิบเจ็ดศพแล้ว เบื้องหลังของแต่ละศพ ก็คือตระกูลหนึ่งที่ถูกประหารทั้งตระกูล เฮ้อ! บาปกรรมจริง ๆ!”“ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงโหดเหี้ยม ต้าโจวก่อตั้งได้ไม่ถึงครึ่งปี ขุนนางในราชสำนักก็เปลี่ยน
ครึ่งเดือนต่อมาด้านหลังเขาตงฟางซื่อยืนอยู่เพียงลำพังหน้าหลุมศพของภรรยา ราวกับร่างหนึ่งที่ไร้วิญญาณเฟิ่งจิ่วเหยียนเดินเข้ามา“ข้าจะไปแล้ว”นัยน์ตาของตงฟางซื่อฉายแววผิดแปลกจากเดิมวูบหนึ่ง จากนั้นก็กลับสู่ความสงบ“ไปกันให้หมดเถอะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หลายวันก่อน ข้าพบอู๋เซียงแล้ว แต่... ข้าก็ยังฆ่าเขาไม่ได้ ปล่อยให้เขาหนีไปได้อีกครั้ง”ตงฟางซื่อหันมามองนาง ด้วยแววตาร้อนรุ่ม“เขาอยู่ที่ใด!!”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าทีสุขุมเยือกเย็น“ตอนนี้เขาไปที่ใดแล้ว ข้าไม่รู้“แต่ข้าเชื่อว่า หากท่านไม่ลุกขึ้นสู้ ท่านจะไม่มีวันหาเขาเจอ ความแค้นของพี่สะใภ้ ท่านจะไม่มีวันล้างแค้นได้”ตงฟางซื่อยิ้มอย่างขมขื่น“ซูฮ่วน จนถึงตอนนี้ เจ้ายังคิดว่าข้าไม่ผิดใช่หรือไม่?”สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง“ความผิดไม่ได้อยู่ที่ท่าน พี่น้องสองคนนั้นของอู๋เซียง เป็นข้ากับท่านที่ร่วมกันฆ่า ท่านมีพี่สะใภ้ ส่วนข้างกายข้า... ก็มีหร่วนฝูอวี้ อู๋เซียงไม่กล้าจับหร่วนฝูอวี้ แต่จับแค่พี่สะใภ้ไป นั่นแสดงว่าเขากลัวคนที่แข็งแกร่งและรังแกคนที่อ่อนแอ ท่านตงฟาง ท่านกับข้าได้ฆ่าสองคนนั้น ก็เท่ากับได้ช่
หลังจากอู๋เซียงหลบหนีไป พันธมิตรอู่หลินยังไม่สามารถจับตัวเขาได้วันนี้ ขณะเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังพักรักษาตัวอยู่ในห้อง เหล่าฝานก็วิ่งเข้ามา“ซูฮ่วน! พี่สะใภ้ถูกจับตัวไป!”เฟิ่งจิ่วเหยียนสายตาเย็นเยียบ “รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ”“ต้องเป็นอู๋เซียงแน่ ๆ! เขาต้องการล้างแค้นพวกเรา!”เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรีบตรงไปยังหอประชุมหร่วนฝูอวี้เพิ่งจะปรุงหนอนพิษเสร็จออกมาหนึ่งตัว เตรียมจะให้ซูฮ่วนใช้บำรุงร่างกาย พอเห็นเขาเดินออกไป ก็รีบตามไปทันที“มีอะไร? จะออกไปอีกแล้วหรือ?”พอรู้ว่าฮูหยินตงฟางถูกจับตัวไป หร่วนฝูอวี้กลับมีท่าทีเมินเฉย“ในพันธมิตรอู่หลินมีคนตั้งมากมาย เหตุใดต้องเป็นเจ้าที่ออกหน้าด้วยเล่า? แขนของเจ้ายังไม่หายดีเลยนะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวเดินไม่หยุด ทิ้งหร่วนฝูอวี้ไว้ข้างหลังที่หอประชุมตงฟางซื่อนั่งอยู่ที่นั่น สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะเดินเข้ามา กำลังจะถามว่ามีร่องรอยเบาะแสของอู๋เซียงหรือไม่ ก็มีคนวิ่งเข้ามา“ท่านผู้นำพันธมิตร! ท่านผู้นำพันธมิตร! พบสิ่งนี้ที่ทางเข้าหมู่บ้าน! ด้านบนมีกระดาษข้อความ บอกให้ท่านเปิดดูด้วยตัวเอง!”ตงฟ
การประลองที่ภูเขาฉงหัว ตงฟางซื่อพร้อมคณะรวมสามคน ต้องต่อสู้กับสามจอมโฉดนั่นตามกฎของยุทธภพ ไม่คำนึงถึงเรื่องเป็นหรือตายทั้งสามคนชั่วเห็นซูฮ่วน ก็เยาะเย้ยเสียงดังลั่น“ตัวผอมบางเท่านี้ คนพวกนั้นของหอเฟิ่งหวง ตายด้วยน้ำมือของเจ้าหนุ่มน้อยนี่จริงหรือ?”“อู๋เซียง เจ้าหนุ่มน้อยนั่นยกให้เจ้า ไม่มีปัญหากระมัง!”อู๋เซียงยิ้มเยาะ: “ข้าจะสู้กับคนที่เก่งที่สุดผู้นั้น”พูดจบ นิ้วมือก็ชี้ไปที่ตงฟางซื่อตงฟางซื่อยิ้มตาหยี “ยินดีร่วมสู้จนถึงที่สุด”ทั้งสามแยกย้ายกันต่อสู้ ตงฟางซื่อหันไปบอกคนทางซ้ายและขวา“เหล่าฝาน ซูฮ่วน พวกเจ้าระวังตัวด้วย”ฝานจิ้นยิ้มเยาะ: “วางใจเถอะ แค่พวกเศษสวะนี่ ข้าจัดการด้วยหมัดละคน!”สายตาภายใต้หน้ากากของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นเฉียบคม และระแวดระวัง“เหล่าฝาน อย่าประมาทศัตรู สามคนนี้ไม่ใช่คนชั่วธรรมดาทั่วไป”การต่อสู้พร้อมจะเริ่มขึ้นทุกเมื่อคนอื่น ๆ ของพันธมิตรอู่หลินต่างอยู่ที่เชิงเขา ไม่อาจแทรกแซงการประลองครั้งนี้ได้ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียง “ตูม” ดังสนั่นจากนั้นก็เห็นเศษหินกับฝุ่นฟุ้งกระจายบนยอดเขากลุ่มคนของพันธมิตรอู่หลินอุทานด้วยความตกใจ: “นี่เกิดอะไรขึ้น!







