ลูกธนูที่นกไม้ยิงออกมา ปลายลูกธนูมีพิษ ทหารที่ถูกยิงก็จะกลายเป็นมนุษย์โอสถเมื่อพิษกำเริบหลังจากลู่เฉียนคิดได้ดังนี้ ก็รีบตะโกนเตือนเหล่าทหารแคว้นต้าเซี่ยที่อยู่ใต้เชิงกำแพงเมืองแต่ก็สายไปแล้วนกไม้บินผ่านด่าน ทะลวงฝูงชนด้วยลูกธนูนับหมื่นหากเป็นลูกธนูที่ยิงมาจากที่อื่น ยังพอมีโอกาสหลบได้บ้าง แต่ลูกธนูที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ราวกับพายุธนู ไม่มีทางซ่อนตัวได้เลยนกไม้นั้นไม่เพียงติดกล่องธนูไว้ที่ปีกทั้งสองข้าง ข้างใต้ท้องก็เต็มไปด้วยกล่องธนูผู้คนมักจะหวาดกลัวอาวุธที่ตนไม่เคยรู้จักอยู่เสมอเหล่าทหารแคว้นต้าเซี่ยเพิ่งเคยเห็นสิ่งที่น่ากลัวขนาดนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่อาจรับมือได้ทันไม่นาน คนที่ถูกยิงก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มนุษย์โอสถก็เพิ่มตามมาเป็นเงามากขึ้นเรื่อย ๆแม้นจะหลบพ้นลูกธนู แต่ก็ไม่อาจหนีรอดจากสหายร่วมรบที่กลายเป็นมนุษย์โอสถในถนนตรอกซอย เต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของพวกทหารแคว้นต้าเซี่ยประชาชนพากันอุ้มลูกจูงหลาน หนีตายกันอลหม่านหญิงและเด็กวิ่งหนีไม่ทัน ถูกทหารที่ควรจะปกป้องพวกเขารุมกัดกินแทนทั่วทั้งเมืองซง กลายเป็นเหมือนนรกบนดินลู่เฉียนถึงกับขาอ่อนไม่ใช่เพราะหวา
ตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนพักผ่อนบำรุงครรภ์อย่างสงบ แต่ก็อดกังวลความเคลื่อนไหวภายนอกไม่ได้ โดยเฉพาะทางด้านตงฟางซื่อแม้นยังสร้างนกไม้กลไกขึ้นมาไม่ได้ ก็ต้องหาจุดอ่อนของมันให้เจอเสียก่อน มิฉะนั้นหากต้องเผชิญในสนามรบในอนาคต จะรับมือไม่ได้ที่ผ่านมา อาวุธที่พวกเขาใช้ต่อกร ไม่เคยมีสิ่งใดสามารถบินอยู่บนฟ้าได้ธนูไม่อาจยิงขึ้นฟ้าสูง อาวุธร้ายแรงอย่าง “ปืนมังกรไฟ” ก็ไม่อาจรับมือนกไม้ที่กระจายตัวเหล่านั้นหากนกไม้กลไกของถานไถเหยี่ยนพัฒนาได้สมบูรณ์ ก็จะสามารถข้ามกำแพงเมืองได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นการป้องกันทั้งหมดบนภาคพื้นดินของแคว้นหนานฉี ล้วนจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงนี่ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างมากดังนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ในวังก็ไม่ได้นิ่งเฉยนางพยายามค้นหาวิธีรับมือ อ่านตำราด้านกลไกไม่น้อยน่าเสียดายที่ไม่มีความคืบหน้าเลยตำหนักฉือหนิงอาการประชวรของไทเฮาดีขึ้นตามลำดับยามที่หนิงเฟยมาเยี่ยม ไทเฮาเอ่ยถาม “ใกล้ถึงวันคล้ายวันประสูติขององค์ชายทั้งสองคนแล้ว เหตุใดในวังถึงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ?”หนิงเฟยถอนหายใจ“ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ช่วงนี้ในวังดูเงียบเหงามาก“ข้าก็คิดว่า ฉวยโอ
เซียวอวี้มองหน้าท้องของนางอย่างไม่อยากเชื่อ “จิ่วเหยียน เจ้า เจ้าท้องแล้วหรือ? !”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าเบา ๆ“อืม”เซียวอวี้พลันดีใจสุดขีด กอบกุมมือของนางไว้แน่น เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น“รู้ตั้งแต่เมื่อใด! ทำไมไม่บอกเรา?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างสงบ“เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ถานไถเหยี่ยนสร้างนกไม้กลไกตัวแรกเสร็จ คืนนั้นก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้ ตอนนั้นไปหาหมอข้างนอกวัง ให้เขาตรวจชีพจร ตอนนั้นชีพจรทารกยังอ่อน ตรวจไม่แน่ชัด“ภายหลังหมอหลวงมาตรวจอีกหลายครั้ง ค่อยยืนยันว่าเป็นชีพจรตั้งครรภ์“ที่ไม่บอกท่าน อย่างแรกคือช่วงนี้มีเรื่องมากมาย กลัวท่านจะกังวล อย่างที่สองคือสัญญาณตั้งครรภ์ยังไม่มั่นคง กลัวท่านจะดีใจเสียเปล่า ๆ”เซียวอวี้ทั้งดีใจ ทั้งรู้สึกผิด“เรากลับไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง ลูกปลอดภัยดีหรือไม่?”เขาดีใจจนยิ้มแย้มไม่หุบเกิดเรื่องร้ายต่อเนื่องมากมาย ในที่สุดก็มีข่าวดีสักทีลูกคนนี้มาในเวลาที่เหมาะเจาะจริง ๆกลับเห็นว่า จิ่วเหยียนไม่ได้ยินดีไปด้วย“เป็นอะไร? เจ้ากังวลอะไรอยู่?” เขาถามอย่างห่วงใย“มีความกังวลอยู่บ้าง ตอนนี้สถานการณ์ศึกตึงเครียด ตั้งท้อง
เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาถึงตำหนักหย่งเหอ เซียวอวี้กับลูกทั้งสองคนนอนหลับกันหมดแล้วนางเดินเข้าไปอย่างเบามือเบาเท้า ดึงผ้าห่มให้กับพวกเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่ยากจะอธิบายหนึ่งเดือนต่อมาแคว้นต้าเซี่ยพ่ายศึกที่ด่านอวี้ถง หนานเจียงได้รับชัยชนะฝ่ายหนานเจียงอ้างธงแคว้นต้าโจว รุกไล่กวาดล้างไปทั่วทุกทิศข่าวศึกสู้รบส่งมาถึงวังหลวงแห่งแคว้นหนานฉีภายในห้องทรงพระอักษร ตาคิ้วเซียวอวี้ปกคลุมไปด้วยความเคร่งเครียดขุนนางสำคัญหลายคนต่างแสดงความคิดเห็น บ้างก็ว่าให้ส่งทัพไปช่วยหนานเจียง โจมตีทางเหนือ กวาดล้างแคว้นตงซาน แต่ก็มีบางคนเสนอว่า ควรช่วยแคว้นต้าเซี่ยเซียวอวี้รู้ดีว่า เบื้องหลังหนานเจียงคือถานไถเหยี่ยนกับเซียวเหิงด้วยเหตุสองคนนี้ แคว้นหนานฉีจึงไม่มีทางให้การสนับสนุนการรุกรานผู้อื่นของหนานเจียงอย่างเด็ดขาด……ภายในตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการงานฝ่ายในก่อนหน้านี้คดีที่กุ้ยหมัวมัววางยารัชทายาท มีความเกี่ยวพันกับไส้ศึกแคว้นตงซานต้องจับตัวไส้ศึกแคว้นตงซาน ทว่าจับได้ไม่หมด กำจัดไม่สิ้นกุ้ยหมัวมัวกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเป็นรายแรก ถูกส่งไปยังกรมควบคุมความปร
เซียวอวี้มีตำแหน่งสูง จึงให้ความสำคัญกับสถานการณ์ส่วนรวม“ก็จริง ประเด็นสำคัญในตอนนี้ ไม่ใช่การช่วยเหลือเสียวอู่“พวกถานไถเหยี่ยนต้องการเสียวอู่ ก็ไม่มีทางทำร้ายเขาเด็ดขาด“รองลงมา ตอนนี้หนานเจียงถูกพวกเขาควบคุม แม้แต่หร่วนฝูอวี้ก็ยังถูกล้อมจับจนไร้ที่ไป การที่พวกเราจะส่งคนไปช่วยเหลือที่หนานเจียง จึงค่อนข้างยาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์ “ใช่ ต้องมีคนตายมากมาย อย่างน้อยหลายสิบชีวิต แลกกับการพาตัวเสียวอู่กลับมาที่แคว้นอย่างปลอดภัย ทว่าหลังจากกลับมาที่แคว้น ถานไถเหยี่ยนก็ยังจะแย่งชิงต่อ คราวนี้จะทำให้พวกเราเสียเวลาและชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก”เซียวอวี้ตัดสินใจ“เราจะเขียนจดหมายบอกรุ่ยอ๋องเอง ตอนนี้ดึกแล้ว เจ้ากับพวกอาหลิ่นเข้านอนก่อนได้เลย”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดทันที“คืนนี้ท่านอยู่กับพวกเขา หม่อมฉันจะต้องออกนอกวัง”เซียวอวี้อดเป็นห่วงไม่ได้“ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะออกนอกวังไปทำอะไร?”“ท่านลืมไปแล้วหรือ? หม่อมฉันเชิญตัวตงฟางซื่อมา เพราะเรื่องนกไม้กลไก ตอนนี้เขาสร้างนกไม้ออกมาแล้วหนึ่งตัว หม่อมฉันต้องไปดู”“ดูตอนกลางวันไม่ได้หรือ?” เซียวอวี้พูดออกไปจากนั้นก็กลัวนางเข้าใจผิด จึงรีบอธิบา
หร่วนฝูอวี้หันกลับไป มองบุตรชายเขายื่นแขนออกมา ท่าทางเหมือนอยากรั้งนางไว้ ส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา ไม่รู้ว่าพูดอะไรหร่วนฝูอวี้ใจอ่อนไหวหากเคยได้อุ้มลูกแล้ว ก็ยากจะตัดความสัมพันธ์นั้นได้ลงสู้ไม่แตะตัวตั้งแต่แรกดีกว่า…ทว่าตอนนี้พูดอะไรก็สายเกินไปนางแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หันเดินไปหาสองพ่อลูกสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ซึมลึกถึงกระดูกจี๋เอ๋อร์รักท่านแม่ ไม่สนใจว่านางจะงดงามหรืออัปลักษณ์มือเล็ก ๆ ของเขากำชายเสื้อของหร่วนฝูอวี้ไว้ กำหมัดอย่างแรงนี่เป็นแรงทั้งหมดที่เขามี รุ่ยอ๋องถอนหายใจ “อุ้มจี๋เอ๋อร์อีกหน่อยเถอะ”หร่วนฝูอวี้ไม่ปฏิเสธ นางยื่นมือออกไปอุ้มลูก ถูไถใบหน้าของเขาเบา ๆ ผ่านผ้าหลายชั้นรุ่ยอ๋องเห็นภาพสองแม่ลูก รู้สึกสะท้อนใจดีแล้วที่เขาเขียนจดหมายขอคำแนะนำจากฝ่าบาทโดยเฉพาะ——ต้องทำให้บุตรจดจำหร่วนฝูอวี้ได้ ถึงขั้นที่ว่า เห็นหน้าแล้วจำได้ และเรียกแม่ออกมาดังนั้นทุกวันเขาจึงให้ลูกดูภาพวาดของหร่วนฝูอวี้ โดยเฉพาะดวงตาของนางสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ โชคดีที่ลูกชายฉลาดหร่วนฝูอวี้อาลัยอาวรณ์จี๋เอ๋อร์ แต่ก็ต้องจากไปนางตั้งสติ แข็งใจส่งจี๋เอ๋อร์คืนกลับไปให้รุ่ยอ๋อง