นายอัครเดช รุ่งเจริญทรัพย์ไพศาล อายุยี่สิบแปดปี มีชื่อเล่นว่าเสือ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีคู่ควงไม่ซ้ำหน้าเพราะเขานั้นมีฉายาว่าเป็นเสือผู้หญิง สมกับชื่อเล่นที่บิดาได้ตั้งให้ ที่สำคัญเขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ร่างกายบึกบึนเต็มไปด้วยมัดกล้าม จนใครหลายคนคิดว่าเขานั้นเป็นซูเปอร์สตาร์ด้วยซ้ำไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยคบกับใครจริงจังสักคน เพราะเขานั้นกลัวเหลือเกินกับการใช้ชีวิตคู่ เมื่อบิดาและมารดาได้แยกทางกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น บิดาของเขาได้เอ่ยคำว่าหมดรักมารดาออกมาและกำลังจะไปเริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงอีกคน จนเขานั้นไม่คิดที่จะศรัทธาในความรักไปตลอดชีวิต
แต่วันนี้เขากลับต้องมานั่งปวดหัวและกุมขมับที่โต๊ะทำงาน เมื่อนางกวางกมล มารดาของเขาโทรมาจากเชียงใหม่ฝากฝังขวัญข้าวให้เขานั้นช่วยดูแล และสอนงานให้กับเธอ หญิงสาวที่มารดาของเขารักยิ่งกว่าลูกในไส้เสียอีก
นางสาวขวัญข้าว สิริพาขวัญ อายุยี่สิบสามปี รูปร่างสูงขาวสวยหุ่นเซ็กซี่ แต่ทว่าเธอนั้นกลับแต่งตัวเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ เธอสูญเสียบิดาและมารดาไปตั้งแต่อายุสิบสี่สิบห้า เมื่อทั้งคู่เสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย แม่เลี้ยงกวางกมลก็เป็นผู้เลี้ยงดูและอุปการะเธอมาตลอด เนื่องจากมารดาของเธอนั้นเป็นเพื่อนรักกับแม่เลี้ยง จึงไม่ยากที่นางนั้น จะรักขวัญข้าวเหมือนกับลูกในไส้และห่วงใยหญิงสาวมากกว่าเสือหรือชื่อจริงว่าอัครเดช
ซึ่งเป็นลูกชายของนางด้วยซ้ำ หญิงสาวเพิ่งเรียนจบใหม่ดีกรีเจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะเศรษฐศาสตร์ แต่แม่เลี้ยงกวางกมลกลับไม่ให้เธอนั้นไปสมัครงานที่ไหน เมื่อหญิงสูงวัยต้องการให้ขวัญข้าวมาช่วยงานลูกชายที่โชว์รูมรถยนต์ในเมืองกรุง เหตุผลของนางเพียงเพราะไม่ไว้ใจใครให้ดูแลขวัญข้าว แต่แม่เลี้ยงกวางกมลจะรู้หรือเปล่าว่ากำลังฝากปลาย่างไว้กับแมว ไม่สิฝากชิ้นเนื้อไว้กับเสือต่างหาก!
ภายในห้องทำงานของบอสหนุ่ม อัครเดชหรือว่าเสือกำลังนั่งจับจ้องไปที่จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งในเวลานี้มันแสดงกราฟยอดขาย พุ่งทะยานทะลุเป้าจนน่าพอใจ
Rrrr!!! เสียงสมาร์ตโฟนเครื่องแพงดังขึ้น พร้อมกับโชว์ใบหน้าของมารดา เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา ก่อนที่เขาจะรับสายชายหนุ่มได้ฉีกยิ้มกว้าง มองไปที่รูปในจอสมาร์ตโฟนด้วยความรู้สึกคิดถึงผู้เป็นมารดาอย่างสุดซึ้ง
"สวัสดีคร้าบ คุณนายแม่โทรมาหาผมตั้งแต่ เช้าคิดถึงลูกชายล่ะสิ" เสียงทุ้มพูดจาอ่อนหวานไปตามสาย เพื่อออดอ้อนมารดาอย่างเคย
"ถ้าแม่ไม่โทรหา เสือก็จะไม่โทรหาแม่เลยใช่ไหม ไม่คิดถึงแม่เลยเหรอ ใช่สิ! แม่มันแก่แล้วนี่ คงกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกลืมไปแล้วมั้ง จะไปสู้สาวๆ สวยๆ ข้างกายลูกได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ พ่อเสือหนุ่ม" มารดาของเขาพูดออกมาด้วยถ้อยคำกระเซ้าเย้าแหย่ผู้เป็นลูกชาย เพราะนางรู้จักนิสัยของอัครเดชดี ชายหนุ่มมีดีกรีเป็นถึงเดือนมหา'ลัย ด้วยหน้าตาและโพรไฟล์ของเขานั้น มีหรือที่ผู้หญิงจะไม่วิ่งเข้าหา แล้วยิ่งเงินหนาแบบนี้
"โธ่! แม่ครับ ผู้หญิงที่ถูกลืมอะไรกันเล่า แม่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในใจของผมเสมอ และเป็นเพียงคนเดียวที่ผมรักและเทิดทูนบูชา ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่เดินผ่านเข้ามาแล้วก็จากไป ผมไม่เคยจริงจังกับใครหรอกครับ" ชายหนุ่มรีบพูดจาอ้อนมารดาออกมาอีกครั้ง จนนางนั้นรู้สึกหมั่นไส้ลูกชายตัวดี นานๆ ทีถึงจะกลับบ้าน ปีละไม่กี่หนด้วยซ้ำ
"ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะพ่อเสือ งานที่โชว์รูมเป็นยังไงบ้างช่วงนี้ขายดีไหม" คราวนี้หญิงสูงวัยเปลี่ยนน้ำเสียงเอ่ยถามลูกชายออกมาด้วยความห่วงใย
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ใครเป็นผู้บริหารนี่นายอัครเดชลูกชายของแม่เลี้ยงกวางกมล บอสหนุ่มที่มากความสามารถ ยอดขายในแต่ละวันพุ่งเกินคาด แม่สบายใจได้ครับ" ชายหนุ่มคุยโม้ออกมาด้วยความพึงพอใจ เมื่อความสามารถของเขานั้น ทำให้ธุรกิจที่ตั้งใจเอาไว้ไปได้สวย เพราะส่วนตัวแล้วอัครเดชเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ไปที่สนามบ้างเมื่อมีโอกาส แม้งานจะรัดตัว แต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งความชอบในการแข่งรถ
"งานที่โชว์รูมคงยุ่งมากเลยสินะ เหนื่อยไหมลูก พักผ่อนบ้างนะแม่เป็นห่วง" ประโยคคำถามจากมารดากำลังทำให้หัวใจของเขาพองโต เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ เมื่อคำถามเหล่านั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
"ผมคิดถึงแม่จังเลยครับอยากกอด"
"แม่ก็คิดถึงเสือเหมือนกัน อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวแม่จะฝากน้องเอาไปให้" คำว่าน้องที่มารดากล่าวถึง ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
"ขอเป็นน้ำพริกก็แล้วกันนะครับแม่ แล้วอย่าลืมแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มด้วย ผมอยากกินมากเลยตอนนี้ ว่าแต่น้องที่ไหนเหรอครับใครจะแวะมา" จากน้ำเสียงที่ออดอ้อนเริ่มแฝงไปด้วยความสงสัย เมื่อลางสังหรณ์ของเขานั้นกำลังนึกถึงใบหน้าของหญิงสาว ที่ไม่ได้เจอกันหลายปีเพราะเวลาที่เขากลับบ้าน เธอก็จะไปเรียนในตัวเมืองและพักที่หอหญิง ทั้งสองจึงไม่ได้พบกัน
"ขวัญข้าวเรียนจบแล้ว แม่ห่วงน้อง จะให้ไปทำงานที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยเท่ากับทำงานกับลูก แม่ฝากให้เสือสอนงานให้น้องหน่อยสิ ถือว่าแม่ขอร้อง" จากคำพูดและน้ำเสียงของมารดาทำให้ชายหนุ่มเข้าใจเลยว่า นางรักขวัญข้าวมากแค่ไหน
"แม่ครับเธอโตแล้วนะครับ ขวัญข้าวก็อาจจะอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง แม่ก็ปล่อยๆ เธอไปเถอะ ร้านที่โชว์รูมของผมไม่เหมาะกับเธอหรอก แล้วจะให้เธอพักที่ไหน อยู่บ้านเดียวกับผมน่าเกลียดตายเลยไม่เอาหรอกครับแม่" ชายหนุ่มพยายามพูดหว่านล้อมจิตใจของมารดา เพื่อให้นางนั้นยกเลิกในสิ่งที่ตั้งใจ ที่จะให้ขวัญข้าวมาอยู่กับเขา
" ขวัญข้าวก็เหมือนน้องสาวของเรานะเสือ ลูกจะไม่ดูดำดูดีน้องเลยหรืออย่างไร ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะปล่อยให้ไปเผชิญชะตากรรมที่โหดร้ายในโลกกว้างแม่ทนไม่ได้ แม่เชื่อว่าน้องจะทำงานที่โชว์รูมนั่นได้ดี เสือจะไปสนใจหรือแคร์ใครทำไม ในเมื่อขวัญข้าวก็คือคนในครอบครัวของเรา" ฟังจากคำพูดของมารดาดูเหมือนว่านางนั้นจะไม่ฟัง หรือยอมรับความคิดเห็นใดๆ จากเขาเลย
"แต่ความเป็นจริงเธอก็ไม่ใช่น้องผมนี่ครับแม่ และที่บ้านผู้ชายก็เข้าออกบ่อยๆ เพื่อนผมมักจะมาจัดปาร์ตี้สังสรรค์ที่นี่ เธอทนได้ไหมล่ะครับ คุณหนูขวัญข้าวของแม่จะทนได้หรือเปล่า" ชายหนุ่มรีบหาข้ออ้างขึ้นมา เพื่อให้มารดาเปลี่ยนใจ
"แม่เชื่อใจเสือนะ เชื่อว่าเสือจะดูแลและปกป้องขวัญข้าวได้ ชีวิตของน้องน่าสงสารมากเลยนะลูก ในชีวิตของแม่ มีคนที่รักปานดวงใจแค่สองคน ก็คือเสือและขวัญข้าว แม่ขอแค่นี้เสือทำให้แม่ได้หรือเปล่า" ฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของมารดาต่อให้เขาชักแม่น้ำทั้งห้าก็คงไม่เป็นผล สรุปแล้วเขาคงต้องยอมรับขวัญเข้าเข้ามาในชีวิต แม้ว่าเธอนั้นจะมาในฐานะน้องสาว แต่เขาและเธอนั้นก็ไม่ได้สนิทกัน ถึงขนาดเวลาที่เจอกันคงเหมือนคนแปลกหน้าด้วยซ้ำ
"เธอจะมาวันไหนครับแม่" ชายหนุ่มจำใจต้องถามว่าไปแบบนั้น เพราะไม่มีทางเลี่ยงแล้วจริงๆ
"น้องจะไปวันเสาร์เดี๋ยวแม่ขอดูเวลาก่อนแล้วจะโทรไปบอกอีกทีอย่าลืมไปรับน้องที่สนามบินด้วยล่ะ"
"ตกลงครับแม่ แค่นี้นะครับสวัสดีครับ"
"เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งวางสาย" หญิงสูงวัยรีบพูดแทรกขึ้นมาในทันทีก่อนที่ลูกชายจะวางสาย
"มีอะไรหรือเปล่าครับแม่"
"เสือจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนะ ขวัญข้าวคือน้องสาวเป็นดั่งแก้วตาดวงใจอีกดวงของแม่ ดูแลน้องให้ดีและที่สำคัญที่สุดอย่าคิดฉวยโอกาสหรือเกินเลยกับน้องเป็นอันขาด น้องไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน ไม่ใช่ผู้หญิงของเสือ ถ้าเห็นน้องเป็นแค่ของเล่นแล้วละก็ แม่ก็จะคิดว่าเสือไม่ใช่ลูกเช่นกันและจะไม่มีวันอภัยให้ลูกตลอดชีวิต" คำพูดของมารดาทำให้ชายหนุ่มถึงกับส่ายศีรษะไปมา เพราะเขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
"กูว่ามึงมาจำนนให้กับเท้ากูนี่มา! หาเรื่องเจ็บตัวแต่เช้าเลยนะมึง จะลุกไปทำงานดีๆ หรือจะให้กูเตะเข้าไป!" อัครเดชพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง พร้อมกับคว้าข้อมือเรียวของขวัญข้าว ให้เธอมายืนอยู่ทางด้านหลังของเขา โดยมีชาร์ลนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พร้อมกับสายตาที่เอือมๆ เมื่อเพื่อนกำลังหวงน้องสาวราวกับว่าเธอนั้นเป็นแฟนของเขาจนน่าแปลกใจ "น้องขวัญโตแล้วนะ เรียนจบแล้วสมควรที่จะมีแฟนได้แล้วด้วย มึงจะหวงอะไรนักหนา ทีมึงยังคบผู้หญิงมากหน้าหลายตา และพร้อมกันทีละหลายคนเลยไอ้เสือ!" ชาร์ลยังคงลอยหน้าลอยตาพูดออกมา โดยไม่รู้ว่าเพื่อนนั้นกำลังกัดฟัน เพื่อระงับความโกรธเอาไว้ "มึงเสือกอะไรด้วย และที่สำคัญน้องกูมีแฟนแล้วมึงห้ามยุ่ง!" คำพูดของชายหนุ่มทำให้ขวัญข้าวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ชายถึงพูดกับชาร์ลออกไปแบบนั้น "มีแล้วก็เลิกได้...แค่แฟนไม่ใช่ผัว พี่ไปทำงานก่อนนะครับน้องขวัญแล้วเจอกัน...บ๊าย
"ฉะ ฉันขอโทษ" อัครเดชถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย พร้อมกับแววตาที่รู้สึกผิด ก่อนจะกล่าวขอโทษหญิงสาวออกมา ขณะที่น้ำตาของเธอไหลไม่หยุด ดวงตากลมโตเหม่อลอยมองออกไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย ราวกับว่าเธอกำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ขวัญ! พูดอะไรออกมาสักคำสิ! เธอจะด่าจะว่า หรือตบตีฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าเฉยชาชอบแบบนี้" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลูบลงไปที่แก้มนวล แล้วค่อยๆ ปาดน้ำตาให้เธออย่างเบามือ แต่ทว่าขวัญข้าวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา จนทำให้ชายหนุ่มนั้นเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี "ขวัญ....พี่จะพยายามเก็บอารมณ์และมีเหตุผล ให้มากกว่านี้ พี่ขอโทษนะขวัญ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโอบร่างอรชรเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขาควรจะบอกเธอออกไปดีไหมว่าการกระทำเมื่อครู่มันเกิดจากความหึงหวง และกลัวว่าจะมีใครเข้ามาจีบเธอ โดยที่เขานั้นยังไม่กล้าเผยความในใจให้กับเธอได้รู้ "ฮึก...ฮื้อ พี่ทำกับขวัญแบบนี้ได้ยังไง พี่ทำได้ยังไง...ฮื้อ" หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายออกมา เมื่อเธอกำลังคิดว่าสิ่งที่เขาทำไป
หญิงสาวรวบผมมัดหางม้าต่ำ ทำให้แลดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เธอปัดแก้มโทนสีตุ่นๆ ทาปากด้วยสีชมพูนู้ด พร้อมทั้งปัดคิ้วให้ดูตั้งตามเทรน แต่ไม่ฟูจนเวอร์ รับรองว่าใครเห็นต่างก็ต้องตกตะลึงในความงามของเธอที่ดูสวยโดดเด่นเซ็กซี่ในลุคของสาวมั่น เปลือกตาเธอปัดด้วยอายแชโดว์สีชมพูอ่อนดูวิ้งค์เป็นประกายนั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นชายใดได้จ้องคงต้องตกอยู่ในวังวน จนเก็บเอาไปเพ้อฝันจินตนาการอยากได้เธอมาอยู่ข้างกายอย่างแน่นอน ขวัญข้าวหยิบต่างหูห่วงสีทองมาใส่ ซึ่งเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวในตัว แต่มันกลับทำให้ใบหน้าของเธอนั้นโดดเด่นเพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นมาอีก จากนั้นหญิงสาวจึงหยิบสูทสีเทาแขนยาวมาสวมทับ ยิ่งทำให้ขวัญข้าวนั้นดูดีกว่าเดิมเป็นหลายเท่า เธอหยิบรองเท้าคัทชูสีแดงออกมาจากในตู้แล้วเดินลงไปด้านล่าง พร้อมสำหรับการรับประทานอาหารมื้อเช้า ก่อนออกไปทำงานในวันแรกของชีวิต พอขวัญข้าวเดินตรงมายังโต๊ะอาหาร อัครเดชถึงกับมองตาค้าง เขาไม่คิดว่าเธอจะสวยเซ็กซี่และดูดีมา
"อื้ม...แล้วเธอล่ะได้หรือยัง เราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนดีไหม" ชายหนุ่มถามหญิงสาวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ขณะที่ขวัญข้าวชำระเงินเสร็จพอดี "แม่ให้เรามาทำงานกับพี่เสือ พรุ่งนี้เริ่มงานวันแรก เอาไว้ค่อยคุยกันนะ เราต้องรีบกลับเพราะพี่เสือรออยู่ที่รถนานแล้ว" ขวัญข้าวรีบปฏิเสธภูผาออกไป เพราะเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มคิดกับเธอมากเกินกว่าเพื่อน เมื่อเธอกับเขาสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมจวบจนมหา'ลัย แม้เขาเพิ่งจะบอกความในใจเธอได้ไม่นาน แต่ขวัญข้าวก็พอจะรู้และพยายามที่จะถอยห่าง เมื่อเธอนั้นไม่อยากสานสัมพันธ์กับเขา "เดี๋ยวเราเดินไปส่ง" "ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เองเราเดินไปเองได้ เธอรีบไปทำธุระตัวเองเถอะ" ขวัญข้าวพยายามปฏิเสธชายหนุ่มออกมา เพราะหญิงสาวกลัวว่าพี่ชายจะดุ ถ้าหากเขาเห็นผู้ชายมาส่งเธอที่รถแบบนี้ "เอามานี่เดี๋ยวเราถือให้"
ขวัญข้าวไม่ได้สนใจเสือหนุ่มกับคู่ขาของเขา เธอเดินตรงเข้าหาพนักงาน พร้อมกับยื่นบัตรให้ โดยที่ไม่ได้สังเกตชุดที่พนักงานเลือกไว้ "จ่ายด้วยบัตรใบนี้นะคะ" "คุณผู้หญิงจะไม่ดูชุดก่อนเหรอคะ ถูกใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ สำหรับชุดที่ดิฉันเลือกเอาไว้ให้ แต่ก็มั่นใจว่าคุณจะใส่ได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ตัวเล็กๆ แบบนี้ ใส่ชุดไหนก็สวยแถมคุณยังเป็นคนที่สวยอยู่แล้ว" พนักงานสาวกล่าวชื่นชมขวัญข้าวออกมาจากใจเพราะเธอมองมุมไหนหญิงสาวก็สวยสะดุดตา มีเพียงแค่แพมคู่ขาของเสือหนุ่ม ที่มองเห็นเธอเป็นเพียงแค่คนรับใช้ "ขอบคุณนะคะ ชุดไหนขวัญก็ใส่ได้ทั้งนั้นละค่ะ ขวัญเองก็เชื่อใจคุณพี่ว่าจะเลือกให้ตรงตามที่สาวออฟฟิศเขานิยมใส่กัน" หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ ไปให้กับพนักงาน เพราะเธอเองก็ไม่ถนัดเลือกชุดสักเท่าไหร่
"เลือกได้หรือยังแม่คุณ! แค่เลือกกระเป๋าก็ปาไปเป็นชั่วโมงแล้วนะขวัญข้าว ชอบใบไหนก็หยิบมาเถอะ! จะเลือกอะไรนักหนาก็ไม่รู้" คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ขวัญข้าวแอบชำเลืองหางตามองค้อนไปที่ใบหน้าคม ด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ ถ้าเธอไปตลาดคงได้มาหลายใบ แต่ตอนนี้คงต้องทำใจหยิบมาสักใบ เพื่อไม่ให้เขานั้นว่าเธอได้ "เอาใบนี้ก็แล้วกันค่ะ" หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมสีดำ ยื่นให้พนักงานไปหนึ่งใบ "ใบนี้ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ ราคาจะเหลือแค่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทเท่านั้น ตกลงคุณผู้หญิงรับใบนี้ใช่ไหมคะ" พนักงานสาวสวยถามขวัญข้าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "ใช่ค่ะ" หญิงสาวพูดพร้อมกับหยิบบัตรเครดิตออกมา ซึ่งเธอใช้มันอย่างประหยัด จะรูดบัตรเฉพาะในยามที่จำเป็นเท่านั้น"ไม่ต้องเดี๋ยวฉันจ่ายเอง เอาใบนี้ ใบนี้ แล้วก็ใบนี้ด้วยทั้งหมดรวมเป็นเจ็ดใบ" อัครเดชที่สังเกตการณ์อยู่นาน เขาพอจะเดาได้ว่าทำไมเธอถึงไม่เลือกสักที