"แม่สบายใจได้ครับ ผมไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกับยัยเด็กกะโปโลนั่นได้หรอก" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มและหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเวลานี้ขวัญข้าวโตเป็นสาวและสวยแค่ไหน
"ขอให้มันจริงแล้วอย่ากลืนน้ำลายตัวเองล่ะ แค่นี้แหละ"
"ครับแม่ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ สวัสดีครับ" พอวางสายจากมารดาบอสหนุ่มถึงกับนั่งเอามือกุมขมับเลยทีเดียว เขายังคงคิดภาพไม่ออกเลยถ้าภายในบ้านของเขามีขวัญข้าว เดินเข้ามาและอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขา ในแต่ละวันชีวิตของเขาจะเป็นยังไง ที่สำคัญอัครเดชและเธอนั้นต้องเจอกันทุกๆ วัน เกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
ขวัญข้าวช่างอาภัพ เธอกำพร้าทั้งบิดาและมารดาตั้งแต่อายุสิบสี่สิบห้า แต่ทว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ที่มารดาของอัครเดชนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับมารดาของเธอ ที่สำคัญน้ำทิพย์มารดาของขวัญข้าวได้ฝากฝังลูกสาวเอาไว้ให้นางช่วยอุปถัมภ์ และดูแลจนกว่าหญิงสาวจะเรียนจบมหา'ลัย น้ำทิพย์ได้ขอร้องแม่เลี้ยงกวางกมลไว้ก่อนตาย จึงทำให้นางนั้นรัก และห่วงใยขวัญข้าวไม่ต่างจากลูกรักในอุทรเลยทีเดียว
"คุณแม่ว่าอะไรนะคะ" ขวัญข้าวเรียแม่เลี้ยงกวางกมลว่าแม่ เพราะนางนั้นไม่อยากให้หญิงสาวมีปมด้อยมากไปกว่านี้
"ขวัญฟังไม่ผิดหรอกจ้า หนูเพิ่งเรียนจบและไม่มีประสบการณ์จะไปทำงานที่ไหนไกลหูไกลตาแม่ก็เป็นห่วง ยิ่งผู้คนสมัยนี้เชื่อใจไม่ค่อยได้ แม่อยากให้หนูไปอยู่กับพี่เสือ ไปทดลองงานที่โชว์รูม เมื่อไหร่มีประสบการณ์หางานทำได้ค่อยว่ากันอีกที" หญิงสูงวัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย แม้ขวัญข้าวจะไม่อยากไปอยู่กับอัครเดช ชายหนุ่มที่เธอนั้นรู้สึก และสัมผัสได้ว่าเขาไม่ชอบหน้าเธอเลยสักนิด แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถโต้แย้ง หรือคัดค้านอะไรได้เลย
"ขวัญไม่อยากไปเลยค่ะ อยากจะช่วยงานที่ไร่มากกว่า แม้ว่าขวัญจะไม่ได้เรียนเกษตรศาสตร์มา แต่ก็พอมีประสบการณ์ ที่จะช่วยคุณแม่แบ่งเบาภาระที่ไร่อยู่ได้บ้างนะคะ" หญิงสาวพูดจาออดอ้อน พร้อมกับโน้มตัวเข้าไปสวมกอดหญิงสูงวัย
"ไม่ต้องห่วงที่ไร่หรอกลูก แม่มีคนช่วยตั้งเยอะแยะ ขวัญไปทำตามความฝันของตัวเองเถอะนะหนูอยากเป็นโบรกเกอร์สาวไม่ใช่เหรอ ให้พี่เสือสอนงานให้ดีแล้ว พี่เขาเก่งเชื่อแม่นะ"
ขวัญข้าวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เธอถึงอยากจะทำงานเป็นโบรกเกอร์ เพราะเรื่องทุกอย่างมันช่างไกลตัวเธอเหลือเกิน ความจริงเธอควรจะทดแทน แม่เลี้ยงกวางกมลด้วยการใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่นี้คอยดูแลหญิงสูงวัยมากกว่าจะก้าวออกไป โดยที่ไม่รู้ว่าในหนึ่งปีจะได้กลับมาที่นี่กี่ครั้ง
"ถ้าไปอยู่ที่นู่นขวัญคงคิดถึงแม่มากเลยนะคะ" ขวัญข้าวพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมา เมื่อนึกถึงวันเวลาที่จะต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ที่สำคัญเธอนั้นต้องไปอยู่ร่วมชายคากับเขา ผู้ชายที่ดูเย็นชาและหมางเมินใส่เธอมาโดยตลอด
"เด็กโง่จะร้องไห้ทำไมเนี่ย...หืม ถ้าคิดถึงแม่ก็บอกให้พี่เสือพามาเยี่ยมบ่อยๆ สิ รายนั้นหนึ่งปีมาไม่กี่ครั้ง ก็ดีเหมือนกันแม่จะเอาหนูเป็นข้ออ้างให้พ่อเสือพากลับมาบ้านบ่อยๆ โอเคไหม" หญิงสูงวัยพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง นางเองก็รู้สึกใจหายไม่น้อยที่รู้ว่าขวัญข้าวจะต้องจากบ้านไปไกลเป็นแรมเดือนหรือปี ซึ่งยังไม่รู้ว่าลูกชายนั้น จะยอมพาหญิงสาวกลับมาเยี่ยมบ้านบ้างหรือเปล่า
"แม่ไม่อยากไปส่งขวัญเหรอคะ ไปค้างที่นู่นสักสองสามคืนค่อยกลับก็ได้" หญิงสาวยังคงพูดจาอ้อนออกมา เพราะอยากให้หญิงสูงวัยไปด้วย ซึ่งเธอนั้นรักและห่วงใยนางไม่ต่างจากมารดาแท้ๆ และมีเหตุผลอีกข้อ นั่นก็คือขวัญข้าวไม่รู้ว่าพี่เสือจะแสนดีกับเธอหรือเปล่า เขาจะใจร้ายเห็นเธอเป็นเพียงแค่กระต่ายน้อยหรือไม่ นั่นคือความกังวลที่เกิดขึ้นภายในใจของขวัญข้าวในเวลานี้
"แม่ไม่ชอบสังคมเมือง ที่แสนจะวุ่นวาย แม้ว่าจะไปอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แม่ก็ไม่อยากไปอยู่ดี หนูมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าขวัญ พี่เสือจะดูแลหนูเป็นอย่างดีเชื่อแม่เถอะนะ เพราะแม่ได้คุยกับพี่เขาแล้วสบายใจได้" หญิงสูงวัยพูดออกมาพร้อมกับแววตาที่ได้ซ่อนเรื่องราวบางอย่างเอาไว้ คงไม่มีใครรับรู้ได้นอกจากใจของนาง ต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่าง ถึงอยากให้ขวัญข้าวไปอยู่กับพ่อเสือหนุ่มแบบนั้น
"ขวัญขอวิดีโอคอลหาแม่ทุกวันได้ไหมคะ" ขณะที่ถามออกมาขวัญข้าวยังคงซุกใบหน้าเข้ากับอกนุ่มของแม่เลี้ยงกวางกมล หญิงสูงวัยที่เธอนั้นรักประหนึ่งว่าเป็นมารดาที่ให้กำเนิดมา
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะจ๊ะ สำหรับลูกสาวของแม่คนนี้ จะโทรมาตอนไหนก็ได้ สำหรับแม่แล้วยี่สิบสี่ชั่วโมงที่มีแม่ยกให้หนูคนเดียว" หญิงสูงวัยพูด พร้อมกับเอามือลูบลงที่ศีรษะของหญิงสาวด้วยความรักและเอ็นดู
"ถ้าพี่เสือได้ยินแบบนี้คงไม่ชอบหน้าขวัญแน่ ที่แม่เล่นยกยี่สิบสี่ชั่วโมงให้ขวัญคนเดียว" หญิงสาวพูดพร้อมกับ ฉีกยิ้มที่มุมปากแล้วเงยหน้าขึ้นไปสบตาหญิงสูงวัย ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
"ถ้าอย่างนั้นก็แบ่งให้พี่เสือสักชั่วโมงก็คงจะพอ เพราะเขาโตเป็นหนุ่มใหญ่คงไม่สนใจแม่แก่ๆ คนนี้แล้วแหละ" คราวนี้นางถึงกับพูดตัดพ้อลูกชายออกมา เพราะไม่รู้ว่าทำไมอัครเดชถึงชอบเมืองกรุงที่แสนจะวุ่นวายนั้นนักหนา
"ไม่มีใครลืมแม่ได้ลงคอหรอกค่ะ ต่อให้แก่แค่ไหนแม่ก็คือแม่อยู่ดี เหมือนกับที่ขวัญรักแม่ยังไงละค่ะ ไม่แน่นะพี่เสืออาจจะเปลี่ยนใจกลับมาดูแลไร่มาอยู่กับแม่ก็ได้ ถ้าเขาเกิดเบื่อเมืองศิวิไลซ์ขึ้นมา" หญิงสาวพูดจาให้กำลังใจหญิงสูงวัยออกไป ทั้งที่เธอรู้อยู่เต็มอก ว่าลูกชายของนางคงไม่มีวันกลับมาใช้ชีวิตที่นี่อย่างแน่นอน
"ถ้าขวัญพาพี่เสือกลับมาอยู่ที่ไร่ได้คงจะดี" หญิงสูงวัยพูดขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่ขวัญข้าวกำลังคิดว่า มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ เธอไม่ได้มีความสำคัญพอที่จะทำให้ชายหนุ่มกลับมาตั้งหลักปักฐานที่บ้านเกิดได้ ในเมื่อธุรกิจของเขานั้น ก็ไปได้สวย แถมกำไรในแต่ละไตรมาสได้หลายร้อยล้าน หรืออาจจะมากกว่านั้นเธอเองก็ไม่แน่ใจ เพราะเคยแอบเข้าไปส่องในเพจของเขาบ่อยครั้ง รถก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ราวกับแจกฟรี คงเป็นเพราะบอสหนุ่มหน้าตาดี แถมสถานะยังโสดอีกด้วย จึงเป็นที่หมายตาของสาวๆ หลายคน
"อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางแล้ว หนูขวัญเตรียมน้ำพริกอ่องและน้ำพริกหนุ่มให้พี่เขาด้วยนะ ของโปรดพ่อเสือเลยล่ะ หนูทำอร่อยก็อย่าลืมทำให้พี่เขากินบ่อยๆ ด้วยนะ"
"ได้ค่ะแม่" ขวัญข้าวตกปากรับคำผู้เป็นมารดา เพราะมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง หากเธอจะแสดงน้ำใจ ให้กับชายหนุ่มบ้าง ที่เขานั้นอุตส่าห์จะสอนงานให้กับเธอ ที่สำคัญเธอไปอยู่บ้านกับเขาแบบนั้น ก็คงต้องลงมือทำอาหารเองทุกวันอย่างแน่นอน ซึ่งมันเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งของขวัญข้าว ที่เธอนั้นสามารถจัดอาหารคาวหวานขึ้นมาได้อย่างน่ารับประทาน และรสชาติยังอร่อยหาตัวจับยากอีกด้วย
"กูว่ามึงมาจำนนให้กับเท้ากูนี่มา! หาเรื่องเจ็บตัวแต่เช้าเลยนะมึง จะลุกไปทำงานดีๆ หรือจะให้กูเตะเข้าไป!" อัครเดชพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง พร้อมกับคว้าข้อมือเรียวของขวัญข้าว ให้เธอมายืนอยู่ทางด้านหลังของเขา โดยมีชาร์ลนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พร้อมกับสายตาที่เอือมๆ เมื่อเพื่อนกำลังหวงน้องสาวราวกับว่าเธอนั้นเป็นแฟนของเขาจนน่าแปลกใจ "น้องขวัญโตแล้วนะ เรียนจบแล้วสมควรที่จะมีแฟนได้แล้วด้วย มึงจะหวงอะไรนักหนา ทีมึงยังคบผู้หญิงมากหน้าหลายตา และพร้อมกันทีละหลายคนเลยไอ้เสือ!" ชาร์ลยังคงลอยหน้าลอยตาพูดออกมา โดยไม่รู้ว่าเพื่อนนั้นกำลังกัดฟัน เพื่อระงับความโกรธเอาไว้ "มึงเสือกอะไรด้วย และที่สำคัญน้องกูมีแฟนแล้วมึงห้ามยุ่ง!" คำพูดของชายหนุ่มทำให้ขวัญข้าวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ชายถึงพูดกับชาร์ลออกไปแบบนั้น "มีแล้วก็เลิกได้...แค่แฟนไม่ใช่ผัว พี่ไปทำงานก่อนนะครับน้องขวัญแล้วเจอกัน...บ๊าย
"ฉะ ฉันขอโทษ" อัครเดชถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย พร้อมกับแววตาที่รู้สึกผิด ก่อนจะกล่าวขอโทษหญิงสาวออกมา ขณะที่น้ำตาของเธอไหลไม่หยุด ดวงตากลมโตเหม่อลอยมองออกไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย ราวกับว่าเธอกำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ขวัญ! พูดอะไรออกมาสักคำสิ! เธอจะด่าจะว่า หรือตบตีฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าเฉยชาชอบแบบนี้" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลูบลงไปที่แก้มนวล แล้วค่อยๆ ปาดน้ำตาให้เธออย่างเบามือ แต่ทว่าขวัญข้าวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา จนทำให้ชายหนุ่มนั้นเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี "ขวัญ....พี่จะพยายามเก็บอารมณ์และมีเหตุผล ให้มากกว่านี้ พี่ขอโทษนะขวัญ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโอบร่างอรชรเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขาควรจะบอกเธอออกไปดีไหมว่าการกระทำเมื่อครู่มันเกิดจากความหึงหวง และกลัวว่าจะมีใครเข้ามาจีบเธอ โดยที่เขานั้นยังไม่กล้าเผยความในใจให้กับเธอได้รู้ "ฮึก...ฮื้อ พี่ทำกับขวัญแบบนี้ได้ยังไง พี่ทำได้ยังไง...ฮื้อ" หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายออกมา เมื่อเธอกำลังคิดว่าสิ่งที่เขาทำไป
หญิงสาวรวบผมมัดหางม้าต่ำ ทำให้แลดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เธอปัดแก้มโทนสีตุ่นๆ ทาปากด้วยสีชมพูนู้ด พร้อมทั้งปัดคิ้วให้ดูตั้งตามเทรน แต่ไม่ฟูจนเวอร์ รับรองว่าใครเห็นต่างก็ต้องตกตะลึงในความงามของเธอที่ดูสวยโดดเด่นเซ็กซี่ในลุคของสาวมั่น เปลือกตาเธอปัดด้วยอายแชโดว์สีชมพูอ่อนดูวิ้งค์เป็นประกายนั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นชายใดได้จ้องคงต้องตกอยู่ในวังวน จนเก็บเอาไปเพ้อฝันจินตนาการอยากได้เธอมาอยู่ข้างกายอย่างแน่นอน ขวัญข้าวหยิบต่างหูห่วงสีทองมาใส่ ซึ่งเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวในตัว แต่มันกลับทำให้ใบหน้าของเธอนั้นโดดเด่นเพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นมาอีก จากนั้นหญิงสาวจึงหยิบสูทสีเทาแขนยาวมาสวมทับ ยิ่งทำให้ขวัญข้าวนั้นดูดีกว่าเดิมเป็นหลายเท่า เธอหยิบรองเท้าคัทชูสีแดงออกมาจากในตู้แล้วเดินลงไปด้านล่าง พร้อมสำหรับการรับประทานอาหารมื้อเช้า ก่อนออกไปทำงานในวันแรกของชีวิต พอขวัญข้าวเดินตรงมายังโต๊ะอาหาร อัครเดชถึงกับมองตาค้าง เขาไม่คิดว่าเธอจะสวยเซ็กซี่และดูดีมา
"อื้ม...แล้วเธอล่ะได้หรือยัง เราไปหาที่นั่งคุยกันก่อนดีไหม" ชายหนุ่มถามหญิงสาวออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ขณะที่ขวัญข้าวชำระเงินเสร็จพอดี "แม่ให้เรามาทำงานกับพี่เสือ พรุ่งนี้เริ่มงานวันแรก เอาไว้ค่อยคุยกันนะ เราต้องรีบกลับเพราะพี่เสือรออยู่ที่รถนานแล้ว" ขวัญข้าวรีบปฏิเสธภูผาออกไป เพราะเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มคิดกับเธอมากเกินกว่าเพื่อน เมื่อเธอกับเขาสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมจวบจนมหา'ลัย แม้เขาเพิ่งจะบอกความในใจเธอได้ไม่นาน แต่ขวัญข้าวก็พอจะรู้และพยายามที่จะถอยห่าง เมื่อเธอนั้นไม่อยากสานสัมพันธ์กับเขา "เดี๋ยวเราเดินไปส่ง" "ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เองเราเดินไปเองได้ เธอรีบไปทำธุระตัวเองเถอะ" ขวัญข้าวพยายามปฏิเสธชายหนุ่มออกมา เพราะหญิงสาวกลัวว่าพี่ชายจะดุ ถ้าหากเขาเห็นผู้ชายมาส่งเธอที่รถแบบนี้ "เอามานี่เดี๋ยวเราถือให้"
ขวัญข้าวไม่ได้สนใจเสือหนุ่มกับคู่ขาของเขา เธอเดินตรงเข้าหาพนักงาน พร้อมกับยื่นบัตรให้ โดยที่ไม่ได้สังเกตชุดที่พนักงานเลือกไว้ "จ่ายด้วยบัตรใบนี้นะคะ" "คุณผู้หญิงจะไม่ดูชุดก่อนเหรอคะ ถูกใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ สำหรับชุดที่ดิฉันเลือกเอาไว้ให้ แต่ก็มั่นใจว่าคุณจะใส่ได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ตัวเล็กๆ แบบนี้ ใส่ชุดไหนก็สวยแถมคุณยังเป็นคนที่สวยอยู่แล้ว" พนักงานสาวกล่าวชื่นชมขวัญข้าวออกมาจากใจเพราะเธอมองมุมไหนหญิงสาวก็สวยสะดุดตา มีเพียงแค่แพมคู่ขาของเสือหนุ่ม ที่มองเห็นเธอเป็นเพียงแค่คนรับใช้ "ขอบคุณนะคะ ชุดไหนขวัญก็ใส่ได้ทั้งนั้นละค่ะ ขวัญเองก็เชื่อใจคุณพี่ว่าจะเลือกให้ตรงตามที่สาวออฟฟิศเขานิยมใส่กัน" หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ ไปให้กับพนักงาน เพราะเธอเองก็ไม่ถนัดเลือกชุดสักเท่าไหร่
"เลือกได้หรือยังแม่คุณ! แค่เลือกกระเป๋าก็ปาไปเป็นชั่วโมงแล้วนะขวัญข้าว ชอบใบไหนก็หยิบมาเถอะ! จะเลือกอะไรนักหนาก็ไม่รู้" คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ขวัญข้าวแอบชำเลืองหางตามองค้อนไปที่ใบหน้าคม ด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ ถ้าเธอไปตลาดคงได้มาหลายใบ แต่ตอนนี้คงต้องทำใจหยิบมาสักใบ เพื่อไม่ให้เขานั้นว่าเธอได้ "เอาใบนี้ก็แล้วกันค่ะ" หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมสีดำ ยื่นให้พนักงานไปหนึ่งใบ "ใบนี้ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ ราคาจะเหลือแค่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทเท่านั้น ตกลงคุณผู้หญิงรับใบนี้ใช่ไหมคะ" พนักงานสาวสวยถามขวัญข้าวออกมาด้วยรอยยิ้ม "ใช่ค่ะ" หญิงสาวพูดพร้อมกับหยิบบัตรเครดิตออกมา ซึ่งเธอใช้มันอย่างประหยัด จะรูดบัตรเฉพาะในยามที่จำเป็นเท่านั้น"ไม่ต้องเดี๋ยวฉันจ่ายเอง เอาใบนี้ ใบนี้ แล้วก็ใบนี้ด้วยทั้งหมดรวมเป็นเจ็ดใบ" อัครเดชที่สังเกตการณ์อยู่นาน เขาพอจะเดาได้ว่าทำไมเธอถึงไม่เลือกสักที