공유

บทที่11ขวัญผวาฉายาดวงพิฆาต

last update 최신 업데이트: 2025-09-25 14:09:42

ด้วยคำเตือนก่อนหน้านี้ของเสิ่นอวี้เจา เหล่าคุณหนูล้วนรู้ว่าไท่จื่อชอบสตรีที่กล้าหาญและตรงไปตรงมา พวกนางจึงพยายามแสดงท่าทีที่งดงามที่สุด ดวงตายั่วเย้า มือหยกกวักเรียก แต่แล้วคุณหนูจากตระกูลเฉียนที่ดูจะกระฉับกระเฉงเกินไป กลับสะบัดสะโพกใหญ่อันอวบอิ่มของนางเข้าใกล้ฉู่มู่ฉือ

ในใจที่ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา ฉู่มู่ฉือขบฟันแน่น ยกมีดผลไม้บนโต๊ะขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ใครจะคาดคิดว่าเสิ่นอวี้เจาจะตบหลังมือเขาอย่างรวดเร็ว มีดจึงลื่นหลุดจากมือและบินออกไป ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ได้เห็นหายนะความผิดพลาด ในยามที่ฉู่มู่ฉือโกรธเกรี้ยว มีดที่หลุดมือพุ่งตรงไปหาขาซ้ายของคุณหนูเฉียน

เสียงกรีดร้องดังก้องเหมือนหมูถูกเชือด

เจียงเฉินกลับรู้สึกสงบในทันที เขารู้ดีว่าหากมีการนองเลือดเล็กน้อย การแสดงเลือกคู่ในวันนี้อาจต้องจบลง การเสียสละคนหนึ่งเพื่อให้คนอื่นมีความสุข นับเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า อีกทั้งคุณหนูเฉียนมีรูปร่างที่อ้วนท้วม การเสียเลือดเพียงเล็กน้อยคงไม่ทำให้นางอ่อนแอลง

ด้วยความคิดเชิงบวกเช่นนี้ เขาจึงรีบสั่งการให้คนรับใช้ พาคุณหนูเฉียนไปรักษา พร้อมจัดการให้เหล่าคุณหนูที่หวาดกลัวขึ้นเกี้ยวอย่างเรียบร้อย และกล่าวอธิบายเสียงต่ำ

“เรื่องนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ ปกติฝ่าบาทมิได้เกรี้ยวกราดและโผงผางเช่นนี้…” แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องโกหก

ท่ามกลางเหตุการณ์อันชุลมุน เสิ่นอวี้เจาเพียงแค่ย่อตัวลงเก็บมีดเปื้อนเลือดขึ้นมา เช็ดมันจนสะอาด พร้อมมุ่งหน้าไปยังเกี้ยวด้วยท่าทีสบายๆ

แต่เพราะการต่อต้านอย่างดุเดือด นางจึงถูกฉู่มู่ฉืออุ้มกลับมายังห้องใหญ่ หัวนางทิ่มลงแทบตลอดทาง จนกระทั่งถูกโยนลงบนเตียงดัง "โครม" นางถึงได้มีโอกาสหายใจ สีหน้าของเสิ่นอวี้เจาแดงก่ำ เพราะเลือดที่ไหลลงใบหน้า ดูราวกับมะเขือเทศลูกเต่ง

"ฝ่าบาท ในตำหนักมีคนรับใช้อยู่มาก หากทรงกระทำเช่นนี้ เกรงว่าจะเกิดข่าวลือเหลวไหลขึ้นได้ง่ายๆ"

"ท่านหญิงเสิ่นเองก็กลัวข่าวลือเหลวไหลด้วยหรือ?" ฉู่มู่ฉือยิ้มที่มุมปาก "ไม่ใช่เจ้าหรือ ที่เคยให้ข้ารับข่าวลือเหล่านั้นไว้เสียทั้งหมด?"

"ฝ่าบาทอย่าได้กล่าวหาหม่อมผิดๆ" เสิ่นอวี้เจาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง "หม่อมฉันได้พยายามเต็มที่ เพื่อการแต่งงานของฝ่าบาท โดยจงใจคัดเลือกเหล่าคุณหนูที่มีชะตานางหงส์ เพื่อให้คู่ควรกับฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทกลับไม่เห็นน้ำใจของหม่อมฉัน ทำให้รู้สึกเสียใจยิ่งนัก ฝ่าบาททราบหรือไม่ว่าหม่อมฉันยอมเสี่ยงต่อการถูกเล่นงานเพราะความล้มเหลวนี้"

ฉู่มู่ฉือปรายตามองนาง "ชื่อเสียงของเจ้าควรถูกทำลายไปตั้งนานแล้ว ควรปลดเกษียณตนเองเสียเถิด เพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกระคายใจทุกครั้งที่เห็นสตรีในราชสำนัก"

"หม่อมฉันก็ไม่ชอบเข้าราชสำนักเช่นกัน เรื่องสำคัญคนอื่นเป็นผู้สนทนา หม่อฉันทำได้เพียงยืนฟังเงียบๆ ช่างโดดเดี่ยวและอ้างว้างยิ่งนัก" นางเหลือบมองเล็บที่เพิ่งแต้มสีใหม่อย่างเชื่องช้า ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "แต่หม่อมฉันไม่สามารถลาออกได้ หากลาออกก็จะพลาดโอกาสสำคัญ หม่อมฉันได้ให้คำปฏิญาณไว้แล้ว ว่าจะสืบทอดความรักอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดาผู้ล่วงลับต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่"

ฉู่มู่ฉือฟังคำแก้ตัวของนางด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนริมฝีปากบางจะยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "งั้นหรือ? เหตุใดท่านหญิงเสิ่นจึงเลือกด้ายแดงที่ไร้คุณภาพที่สุดให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า?"

"นั่นนับว่าไม่จริง หม่อมฉันปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม"

"นำพาสตรีที่ไม่มีใครต้องการเข้ามาในจวนรัชทายาท มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ทำได้" เขายิ้มกริ่มก่อนจะเดินเข้าใกล้เตียงทีละก้าว "หรือว่าเจ้าต้องการยั่วโมโหข้า? อยากเห็นข้ากลืนเลือดด้วยความโกรธหรือไร?"

เสิ่นอวี้เจารู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางแสร้งทำเป็นไม่สนใจและลุกขึ้น หวังจะหลบออกจากที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยข่าวลือ และเจ้าของห้องที่ดูเหมือนคนวิกลจริต

แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นสองก้าว นางก็ถูกอีกฝ่ายดึงกลับมาอีกครั้ง ฉู่มู่ฉือกดนางไว้กับหัวเตียง มือทั้งสองข้างยันข้างหูของนางเอาไว้ พร้อมกับเส้นผมสีดำของเขาที่ปรกลงมาบนใบหน้าของนาง

"หากท่านหญิงเสิ่นไม่ตั้งใจเลือกพระชายาให้กับข้าอย่างจริงจัง ข้าก็จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ง่ายๆ อย่างไรข้าก็ต้องหาวิธีชดเชยความทุกข์ที่ได้รับ"

"ฝ่าบาท โปรดสำรวมพระองค์ด้วย หม่อมฉันย้ำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่ามิใช่ไม่จริงจัง เพียงแต่เงื่อนไขนั้นจำกัดยิ่งนัก สตรีที่ไม่กลัวตายนั้นมีน้อยเกินไป..." เสิ่นอวี้เจาพยายามใช้พัดในมือ ดันเขาออกเพื่อสร้างระยะห่าง แต่กลับถูกไท่จื่อจับไว้แน่นจนหนีไปไม่ได้ ทำได้เพียงถอนหายใจลึก "หากฝ่าบาทยังคงจู้จี้เลือกเฟ้นเช่นนี้ เกรงว่าในภายหน้าคงหาพระชายาไม่ได้ ในฐานะองค์รัชทายาทผู้สง่างาม หากข่าวแพร่ออกไปว่าไม่สามารถหาพระชายาได้ เราสองคนคงต้องขายหน้าทั่วราชสำนัก"

ฉู่มู่ฉือหัวเราะเย็นชา "พวกนางกลัวตาย แล้วท่านหญิงเสิ่นเล่า? กลัวตายด้วยหรือไม่?"

"หม่อมฉันก็กลัวเช่นกัน แต่จะให้ทำอย่างไรได้ นี่เป็นบัญชาของฮ่องเต้ หม่อมฉันมิอาจปฏิเสธได้"

"ท่านหญิงเสิ่นช่างพูดจาตรงไปตรงมานัก เจ้าไม่กลัวหรือว่าคำพูดของเจ้าจะทำให้ข้าเสียใจหรือ?"

เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงใช้พัดโบกไล่เขาไปสองสามครั้ง เสียงของนางอ่อนโยน "ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทจริงจังเมื่อใด หม่อมฉันจะทุ่มเทสุดกำลัง เพื่อสนับสนุนพระองค์แน่นอน"

เขาไม่กล่าวอะไร พลันยึดพัดจากนางไปอย่างรวดเร็ว แล้วโยนมันไปด้านข้าง เสียงกระดูกพัดงาช้างกระทบกันดัง แกร๊ง ฟังแล้วเย็นชา

"ฝ่าบาท พัดอันนี้เป็นของประทานจากฮ่องเต้ มีความสำคัญยิ่งดั่งหยก"

"ถ้ามันพัง ข้าจะซื้อคืนให้เจ้าเอง" เขามองนางด้วยสายตาสูงส่งเย็นชา "ตอนนี้ ข้าต้องการพูดเรื่องราชการกับเจ้า"

คำว่า "ถ้ามันพัง ฝ่าบาทก็คงไม่สามารถชดใช้ได้" เกือบจะหลุดจากปากของนาง แต่เสิ่นอวี้เจากลับจับความหมายในน้ำเสียงของเขาได้ จึงปิดปากนิ่งเคารพและพยักหน้าให้อีกฝ่ายพูดต่อ

เมื่อเห็นนางเชื่อฟัง รอยยิ้มของฉู่มู่ฉือยิ่งลึกขึ้น เขากล่าวแต่ละคำอย่างช้าๆ ชัดเจน "ในความเห็นของข้า ทำไมเจ้าไม่อยู่ในจวนข้า และมาเป็นพระชายาของข้าเสียเลยเล่า เท่านี้ก็พ้นข้อครหาแล้ว"

เสิ่นอวี้เจาถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ สีหน้าของนางเขียนคำว่า "ฝ่าบาทล้อข้าเล่นใช่ไหม" อย่างชัดเจน นางรีบมองหาทางหนีแต่ยังคงแสร้งทำตัวใจเย็น และตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้วและต้องการลงโทษหม่อมฉัน แต่โปรดอย่าเลือกวิธีนี้ได้หรือไม่? หม่อมฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักสองสามปี เหตุใดจึงรีบฆ่าหม่อมฉันนักเล่า?"

"หา? ท่านหญิงเสิ่นพูดเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าเป็นคนสนิทของข้า ภายใต้รัศมีมังกร ย่อมมีอายุยืนถึงร้อยปีแน่นอน"

เสิ่นอวี้เจากล่าวอย่างจริงจัง "รัศมีมังกรของฝ่าบาท คุ้มครองได้แค่ร่างกายของฝ่าบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังไม่พอให้หม่อมได้ผลประโยชน์ด้วยซ้ำ เมื่อถึงเวลาหม่อมฉันก็ต้องตายอยู่ดี"

"ดี…" ฉู่มู่ฉือลอกเลียนน้ำเสียงของนาง "มีคำกล่าวว่า 'อยู่ร่วมเตียงเดียวกัน ตายร่วมหลุมเดียวกัน' เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะพิจารณาไปกับเจ้าด้วย"

"ฝ่าบาท โปรดอย่าคิดเช่นนั้นเลย หากฝ่าบาททรงเลิกคิดเรื่องแต่งงานกับหม่อมฉัน ทุกคนย่อมมีความสุข"

เมื่อได้ยินดังนี้ เขาส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ "เป็นไปไม่ได้!"

"..."

"ข้าตามใจเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ยอมเจ้าไปเสียทุกเรื่อง หลังจากผ่านมาหลายปี เจ้าไม่มีความรู้สึกใดต่อข้าเลยหรือ?" ฉู่มู่ฉือแสร้งทำเป็นดูโดดเดี่ยวและอ่อนไหว ยกมือขึ้นลูบผมของนางอย่างช้าๆ แต่คำพูดที่ออกจากปากกลับสวนทางกับท่าที "ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจงใจหาสตรี 'ผลแตงที่เสีย' และ 'ผลแอปเปิลที่แตก' ให้ข้า มิใช่เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าแต่งงานหรือ? เจ้าคงไม่อยากช่วยข้าเลือกพระชายา เพราะเจ้ากำลังคิดจะลงสนามเองใช่หรือไม่?"

"ไม่เลย ไม่มีเรื่องเช่นนั้น" เสิ่นอวี้เจาที่เดิมหน้าตาเรียบเฉยเริ่มกระตุกเล็กน้อย นางแตะต้นแขนของตนเองที่ขนลุกชัน สงสัยอย่างจริงจังว่าบุรุษผู้นี้ทำไมถึงหน้าด้าน และเอาแต่ใจได้ถึงเพียงนี้ "โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย หม่อมฉันไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น และยิ่งไปกว่านั้น หม่อมฉันเองก็จำไม่ได้ว่าเมื่อใดกันที่ฝ่าบาททรงตามใจ"

ฝ่าบาทคิดเองเออเองเก่งมากเพคะ!!

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่65 ตอนจบ

    ฮ่องเต้ถอนหายใจด้วยความท้อ"ยี่สิบปี...ข้าก็รอคอยมาถึงยี่สิบปี ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยความยากลำบากถึงเพียงนี้ แถมยังโง่เขลาอ่อนข้อให้เจ้า จนเกือบทำลายความสุขของคนรุ่นหลัง"เล่อเฟยหัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ นางหัวเราะไม่หยุดจนใบหน้าแดงระเรื่อ น้ำตาไหลพราก "ใช่เพคะ ฝ่าบาททรงโง่เขลาอย่างที่สุด! แล้วตอนนี้ทรงเสียพระทัยแล้วหรือ? หม่อมฉันไม่เสียใจ ไม่เคยเสียใจเลย แต่...หม่อมฉันก็ไม่อาจยกโทษให้ฝ่าบาทได้"เล่อเฟยจ้องมองฮ่องเต้เงียบๆ ชายที่นอนเคียงข้างนางมานาน ชายผู้ที่รักและโปรดปรานนางมาตลอด รู้ว่านางยังนึกถึงคนในอดีต แต่ไม่เคยโกรธเคืองแม้แต่น้อย ชายที่เคยละเลยนางสนมคนอื่นเพื่อเอาใจนาง ปฏิเสธการเลือกนางสนมใหม่เพื่อเห็นแก่นาง เดินทางไปยังเจียงหนานเพื่อสนองความต้องการของนาง และยอมรับความผิดพลาดของนางชายคนนี้คือฮ่องเต้ผู้โง่เขลาที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เพราะความโง่เขลานี้เอง นางจึงไม่อยากให้เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาต้องอับอายต่อคำถามของบุตรธิดา นางรู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่มีทางลงโทษนางอย่างเด็ดขาดถ้าเช่นนั้น นางก็จะไม่เป็นหนี้บุญคุณของเขาอีกต่อไป เพราะสิ่งที่ผิดก็ได้ทำลงไปแล้ว เล่อเฟยได้ปลดปล่อยความ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่64 แผนการถูกเปิดโปง

    "หม่อม...หม่อมฉันไม่รู้จักคนผู้นี้"คนแซ่จูถึงกับถอนหายใจ "เจ้าจะไม่อยากเกี่ยวข้องกับข้า ก็ถือเป็นเรื่องที่ฝืนใจไม่ได้ แต่ข้าไม่คิดเลย ว่าตอนแรกข้าคิดว่าที่เจ้าทิ้งข้าไป เพราะข้าดูแลเจ้าไม่ดีพอ แต่มาตอนนี้กลับเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะเจ้าเห็นแก่ลาภยศสมบัติ...ความรักที่ข้ามีให้เจ้ามาหลายปี กลับกลายเป็นข้าทุ่มเทผิดคน"ฮ่องเต้แทบประทับไม่ติด พระองค์ทอดพระเนตรสองคน ที่คุกเข่าอยู่ไม่ไกลด้วยความตกตะลึง แล้วหันถามฉู่มู่ฉือหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง "เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?""เรื่องนี้อธิบายยาวพ่ะย่ะค่ะ" ฉู่มู่ฉือตอบอย่างสงบนิ่ง "ลูกได้ยินข่าวมาว่า สหายสนิทของราชครูซูซึ่งก็คือเจ้าของโรงสุราจุ้ยเซียนเป็นชาวเจียงหนาน ในอดีตนางเคยท่องยุทธภพ ลูกจึงขอให้ราชครูซูช่วยฝากฝังให้นางเดินทางไปเจียงหนานพร้อมกับเจียงเฉิน เพื่อช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด"เจียงเฉินก้มตัวคารวะด้วยความเคารพและกล่าว "ข้าน้อยสามารถยืนยันได้ว่าทุกคำที่องค์รัชทายาทกล่าวเป็นความจริง อีกทั้งยังได้ตรวจสอบพบว่า ท่านหญิงอวี้หนี่ว์ก่อนที่จะรู้จักองค์รัชทายาท นางหาใช่หญิงบริสุทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้เถ้าแก่จูเจ้าของร้านสามารถเป็นพยานได้"เยว่

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่63 ความจริง

    "บังอาจ!" ฮ่องเต้ที่เหมือนโดนแทงจุดเจ็บ ทรงโยนถ้วยชาใบที่สองลงพื้น จนแตกกระจายใต้เท้าของฉู่หยุนชิง เสียงแตกดังก้องสะท้อนทั่วห้อง "ข้าไม่อนุญาต! เจ้าจงเลิกล้มความคิดนี้เสียตั้งแต่ตอนนี้!"พระสนมเล่อเฟยเห็นฮ่องเต้แสดงท่าทีแน่วแน่ ก็เหมือนจะโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้สติกลับคืน นางรีบไล่ทั้งสองคนออกไปจากตำหนักทันที"อย่าให้ความวู่วามชั่วครู่ ทำให้เจ้าตัดสินใจผิดพลาด อย่าทำให้เสด็จพ่อของเจ้าขุ่นเคืองไปมากกว่านี้ รีบพาท่านหญิงเสิ่นกลับไป...โอ้ข้าเกือบลืมไป เสิ่นอวี้เจามิใช่ข้าราชบริพารฝ่ายในแล้ว" แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังไม่ลืมที่จะพูดเสียดสีเสิ่นอวี้เจาแม่สื่อเสิ่นได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่คิดแม้แต่จะตอบโต้"อวี้เจา รอข้าก่อน ข้ามีบางสิ่งที่ต้องบอกกับเจ้า""หวู่อ๋องพูดมาเถิด""มีความจริงบางอย่าง ที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่เก็บงำเอาไว้ไม่เคยบอกเรา แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว การปิดบังต่อไปคงไม่ยุติธรรมกับเจ้าอีก"เสิ่นอวี้เจาหันกลับมาอย่างตื่นตะลึง และแทบจะพร้อมกันนั้น สีหน้าของพระสนมเล่อเฟยก็ซีดเผือดลงทันที ฉู่หยุนชิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่ปลายชายเสื้อออกอย่างสงบ จาก

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่62 โปรดพระราชทานสมรส

    "เสิ่นอวี้เจา เจ้าอยู่กับฉู่หยุนชิงได้อย่างไร...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เสิ่นอวี้เจาทำหน้าเรียบเฉย ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจ"ทูลเสด็จพ่อ ลูกพาตัวเสิ่นอวี้เจากลับมาเอง ความจริงแล้วช่วงนี้ เราสองคนอยู่ด้วยกันตลอด""..." ความรู้สึกไม่ดีแล่นเข้ามาในใจอย่างรุนแรง นางชำเลืองมองฉู่หยุนชิงด้วยความกังวล รู้สึกว่าคำพูดต่อจากนี้คงยิ่งน่าตกใจและเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่นี่ใช่ชายผู้สูงส่งที่นางรู้จักจริงหรือ?ดูเหมือนว่าฮ่องเต้เองก็เริ่มจะงุนงงไม่น้อย พระองค์ทรงคิดไม่ออกเลยว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ "อยู่ด้วยกัน" อย่างไม่น่าเชื่อ และเหตุใดถึงพากันมาที่ตำหนักกวนซือ เพื่อรายงานสถานการณ์"เรื่องนี้...เจ้าหมายถึงอยู่ด้วยกัน ในความหมายเดียวกับที่เราคิดหรือไม่?"ฉู่หยุนชิงเหลือบมองไปทางเล่อเฟย โดยไม่เผยอารมณ์ใดๆ พระมารดาก็จ้องตอบเขาอย่างแน่วแน่ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความโกรธที่ซ่อนอยู่ คล้ายจะส่งคำเตือนทั้งสองแม่ลูกดูเหมือนจะใช้สายตาเป็นอาวุธ แข่งกันสร้างแนวป้องกันทางจิตใจ ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียวบรรยากาศที่เงียบงันและอึดอัดนั้น ทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจ เ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่61 พรไม่อาจเป็นจริง

    แม้เสิ่นอวี้เจาไม่มีคำอธิษฐานขอพร แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของฉู่หยุนชิง นางจึงพยักหน้าเบาๆ และก้าวไปยังต้นไม้ใหญ่แห่งวาสนา เลียนแบบท่าทางของคนอื่นๆ ยกมือประนมไหว้ใต้แสงจันทร์ ก่อนจะก้มลงกราบสามครั้งใต้ต้นไม้มีชายชราผู้ดูสง่างามในอาภรณ์นักพรต ส่งเครื่องรางคู่หนึ่งที่ร้อยด้วยด้ายทองให้ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“จากรูปโฉมของคุณหนู ข้ามั่นใจว่าท่านมีคนในใจอยู่แล้ว”“ท่านนักพรตน่าเลื่อมใสยิ่งนัก แต่ข้าคงต้องบอกว่าเครื่องรางนี้คงไม่มีความหมายสำหรับข้าอีกแล้ว”นักพรตชราเพียงหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา “เก็บมันไว้เถิด อะไรที่เป็นของท่าน ท้ายที่สุดก็จะกลับมา”คำพูดนี้ทำให้เสิ่นอวี้เจายิ้มออกมาเล็กน้อย แม้เป็นรอยยิ้มขมขื่น แต่ลึกๆ ในใจ นางรู้สึกขอบคุณต่อความหวังเล็กๆ นั้น เมื่อกลับมา ฉู่หยุนชิงยังรออยู่ที่เดิม ในมือของเขามีถุงขนมสนอบน้ำตาล องค์ชายห้ายิ้มพร้อมยื่นขนมชิ้นหนึ่งส่งให้ “รู้ว่าเจ้าชอบกินที่สุด”“องค์ชายห้ารู้ใจข้าเสียจริง” รสหวานล้ำละลายในปาก แต่ใจของนางยังคงลังเล “ข้าขอถามได้หรือไม่ ทำไมท่านพาข้ามาที่นี่?”“ไม่มีเหตุผล เพียงแค่อยากอยู่กับเจ้าในคืนฉงเฉียวเท่านั้น” ฉู่หยุนชิงตอ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่60 ปรารถนาดีกับเจ้าตลอดไป

    เวลาผ่านไปพักใหญ่ จึงมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาแต่มั่นคงดังมาจากด้านใน คนที่มีประสบการณ์ย่อมทราบได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธ์ ประตูเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของสตรีที่คิ้วคมตาดูสง่างามสายตาสองคู่ประสานกัน คนหนึ่งแปลกใจ อีกคนหนึ่งสงบนิ่ง"ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ท่านหญิงเสิ่น"เสิ่นอวี้เจาแสดงท่าทางสะท้านเล็กน้อย ก่อนจะก้มสายตาลง พลางผายมือเชื้อเชิญอย่างสุภาพ "เชิญองค์ชายห้าเข้ามาก่อน ข้าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว จึงไม่เหมาะกับคำเรียก 'ท่านหญิง' อีกต่อไป หากไม่รังเกียจ โปรดเรียกข้าว่าเสิ่นอวี้เจาก็พอ"จากนั้นทั้งสองเดินเคียงข้างกันอย่างเงียบๆ ทางเดินที่ปูด้วยหินเย็นเฉียบ ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังสวนหลังเรือน ข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ยังไม่ออกดอก แต่กิ่งใบเขียวชอุ่มชวนให้ชื่นชมฉู่หยุนชิงถอนหายใจเบาๆ "ทุกสิ่งที่นี่ได้รับการรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม"เสิ่นอวี้เจาตอบอย่างธรรมชาติ "ทุกปีข้าจะกลับมาทำความสะอาดเอง หากไม่มีเวลาก็จะมอบหมายให้เฉินเฉินกลับมาดูแลให้ ไม่อาจปล่อยให้จวนแม่ทัพรกร้างได้""เจ้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่ถาวรงั้นหรือ?""ที่นี่เหมาะสมที่สุดสำหรับข้า บางทีอาจเปิดร้านบนถนนใหญ่ เพื่อช่วยจัดหาคู่ให้ประ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status