บทที่ 2 สะดุดตา
หลังจากหงฟางซินออกจากตำหนักของเม่งฉีเต๋อแล้ว เขาก็รีบวิ่งไล่ตามหงเฟยหย่าไปในทันที ดวงตากวาดมองไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาเขาที่เดินนำหน้าไปก่อนหน้านี้ และกว่าที่หงฟางซินจะวิ่งตามหงเฟยหย่าทันก็เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับหอบเหนื่อยขึ้นมาในทันที
“เสด็จพี่ โปรดรอข้าก่อน” หงฟางซินตะโกนเรียกเสียงดังขณะพยายามเร่งฝีเท้าตามหลังไปด้วยความกระหืดกระหอบ
หงเฟยหย่าชะงักเท้าตามเสียงร้องพร้อมกับหันหลังกลับมายังน้องชายของตน ดวงตาคมกริบมองสบกับใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อของน้องชาย ใบหน้ายังคงเคร่งเครียดจากการสนทนาเมื่อครู่กับพระมารดา
“เจ้ายังมีธุระอันใดกับข้าอีกหรือ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดไม่หาย
“โธ่...เสด็จพี่ ท่านอย่าได้เอาอารมณ์มาลงใส่ข้าเลย ข้าแค่จะถามท่านว่างานเลี้ยงชมดอกไม้ เสด็จพี่จะไปหรือไม่” หงฟางซินถามอย่างระมัดระวัง กลัวจะไปกระตุ้นอารมณ์ที่กำลังเดือดของพี่ชาย
หงเฟยหย่าได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าบูดบึ้งและเคร่งเครียดลง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากตนเองก่อนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ “งานเลี้ยงเช่นนั้นมิได้อยู่ในสายตาของข้า หญิงสาวเหล่านั้นก็น่ารำคาญยิ่ง เอาเป็นว่างานนี้ ข้าฝากเจ้าดูแลด้วยแล้วกัน”
“เสด็จพี่ เหตุใดท่านถึงโยนเผือกร้อนมาให้ข้าเช่นนี้ ท่านมิเห็นท่าทีของเสด็จแม่หรอกหรือ หากพวกเราสองพี่น้องมิยอมปรากฏกายในงานเลี้ยงนั้น ท่านคิดว่าชีวิตของท่านกับข้าจะสามารถสงบสุขได้เช่นนั้นหรือ” หงฟางซินรีบเอ่ยประท้วงขึ้นมาในทันที เขารู้ดีว่าหากงานนี้พี่ชายของเขามิยอมเข้าร่วม ความซวยทั้งหมดคงตกอยู่กับเขาแต่เพียงผู้เดียวเป็นแน่
หงเฟยหย่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้สึกยี่หระอันใด เขามองน้องชายราวกับกำลังจะกล่าวว่า ก็ไม่ใช่เรื่องของข้านี่นา
“เสด็จพี่...ท่านก็รู้จักอารมณ์ของเสด็จแม่ดีมิใช่หรือ ขืนท่านไม่ไป...เป้าหมายต่อไปก็ย่อมเป็นข้าเป็นแน่” หงฟางซินยังคงไม่ยอมแพ้ เขารีบกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ฝากเจ้าด้วยแล้วกัน ข้านั้นรู้ดีว่าเจ้าย่อมมีวิธีจัดการเสด็จแม่เป็นแน่” หงเฟยหย่ากล่าวออกมาอย่างเอาแต่ใจ พร้อมกับยกยิ้มให้กับน้องชายอย่างเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาพร้อมกับตบบ่าของน้องชายอีกหนอย่างให้กำลังใจ
คำกล่าวปัดความรับผิดเช่นนี้ทำให้หงฟางซินถึงกับยืนอึ้ง เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาก่อนกันดีที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางสงครามประสาทระหว่างมารดากับพี่ชายของตน
“ท่านนี่นะ...เอาเถิด...เช่นนั้นข้าจะไปร่วมงานนี้ก็ได้ แต่ท่านต้องจำไว้ว่าท่านติดหนี้ก้อนใหญ่แก่ข้า”
“ได้...ถือว่าข้าติดหนี้เจ้าหนหนึ่ง แล้วข้าจะชดใช้ให้” หงเฟยหย่ากล่าวคำมั่นออกมา
“เสด็จพี่สัญญาแล้วนะ”
“เจ้านี่มันช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง” หงเฟยหย่าส่ายหน้า ด้วยความอ่อนใจกับน้องชายจอมกะล่อนผู้นี้เสียจริง
“เช่นกัน” หงฟางซินกล่าวอย่างประชด ก่อนจะยิ้มมุมปาก “พวกท่านก็ต่างเอาแต่ใจ จนข้ารู้สึกเหนื่อยใจแล้วเช่นกัน”
หงเฟยหย่าหัวเราะเบาๆ ออกมาเป็นการตอบรับ “เอาแหละ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ชายหนุ่มกล่าวลาน้องชายอีกครั้ง ก่อนจะหันไปสบตากับหลิวรั่วอันพร้อมกับสะบัดชายเสื้อและก้าวออกไปในทันที
หงฟางซินมองพี่ชายของตนจนลับสายตา เขายกยิ้มขึ้นมาบนมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ในเมื่อเขามิอาจหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงชมดอกไม้นี้ได้ด้วยรู้ดีถึงความหัวแข็งของพี่ชายของตนอย่างน้อยเขาก็ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมา ก็นับได้ว่าการค้านี้มิได้เสียซะทีเดียว
“ไปหอเปี้ยนจี้” หงฟางซินรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจไม่น้อยทีเดียว
หลังจากออกจากวัง เขาจึงสั่งให้คนรถตรงไปยังตลาดในทันที เวลานี้ชายหนุ่มยังไม่คิดจะกลับจวนจึงได้ตัดสินใจออกไปเตร็ดเตร่ชั่วครู่เพื่อคลายความเบื่อหน่ายที่มี
ภายในหอเปี้ยนจี้ หอสุราเลี่ยงชื่อที่คลาคล่ำไปด้วยเหล่าชนชั้นสูงที่มักจะแวะเวียนมาพบปะสังสรรค์กัน
หงฟางซินเลือกที่นั่งตรงบริเวณระเบียงชั้นบนสุด สุราชั้นดีถูกนำมาวางตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า
หงฟางซินทอดสายตาไปด้านล่างอย่างเหม่อลอย มือหนายกสุราขึ้นจิบอย่างช้าๆ ปล่อยความคิดล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย ผู้คนด้านล่างล้วนขวักไขว่ไปมา พ่อค้าต่างพากันกวักมือโบกเรียกผู้คนที่เดินตรงหน้าเพื่อค้าขายสินค้าของตนอย่างขะมักเขม้น
หงฟางซินทอดอารมณ์ไปกับบรรยากาศตรงหน้าอย่างรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ปะทะ เข้ากับหญิงสาวผู้หนึ่ง ดรุณีน้อยที่ก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะเยื้องกรายเดินเข้าไปในร้านเครื่องประทินโฉม ใบหน้าขาวเนียนราวกับหิมะแรก กับดวงตากลมโตที่ดึงดูดสายตาของเขาราวกับถูกมนต์สะกด
หงฟางซินเบิกตากว้างขึ้นพร้อมกับเพ่งมองไปที่ร่างบางจนลับสายตา หญิงสาวผู้นั้นช่างดึงดูดสายตาของเขาและทำให้เขาเกิดความสนใจยิ่งนัก “นางคือผู้ใดกัน” ชายหนุ่มหันไปถามคนสนิทข้างกายในทันที
“นั่นคือคุณหนูเจียงอันเล่อ บุตรสาวคนเดียวของท่านโหวแห่งสกุลเจียงขอรับ”
“คุณหนูเจียงหรือ เหตุใดข้าไม่เคยพบนางมาก่อน” หงฟางซินกล่าวถามอย่างนึกแปลกใจ หญิงสาวที่สะดุดตาเช่นนี้ เขากลับไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ตามปกติท่านโหวเป็นผู้สมถะยิ่งนัก คุณหนูเจียงเองก็เช่นเดียวกัน น้อยครั้งที่สกุลเจียงจะออกมาพบปะหรือสังสรรค์ดื่มกินกับผู้ใด”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง เจ้าจงไปสืบมาว่านางจะไปร่วม งานเลี้ยงที่เสด็จแม่จัดขึ้นหรือไม่” หงฟางซินสั่งการพร้อมฉายแววตาวาววับขึ้นมา ไม่แน่ทีเดียวงานเลี้ยงครั้งนี้ เขาอาจทำให้มารดาได้สมดังใจก็เป็นได้
“ขอรับ” ชายหนุ่มข้างกายของหงฟางซินโค้งตัวรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว
หงฟางซินเบนความสนใจกลับไปยังด้านหน้าของร้านเครื่องประทินโฉมอีกครั้ง รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าพร้อมความคิดเพ้อฝันขึ้นมา “ข้าจะต้องได้เจอเจ้าอีกหนเป็นแน่”
ตอนที่ 58 ความจริงดั่งฝัน หลังจากกลับมาจากการเยี่ยมเยียนเจียงอันเล่อที่สกุลหาน หงฟางซินก็นิ่งเงียบไปจนตลอดทาง สายตาดูเหม่อลอยออกไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เฉินเส้าหว่านจ้องมองชายหนุ่มอย่างผิดสังเกต แต่นางก็ไม่อยากเซ้าซี้เขาให้รู้สึกรำคาญใจ ดังนั้นนางจึงยังรักษาอาการเอาไว้ และพยายามขบคิดอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มกันแน่ ภายในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำยาน หงฟางซินถอดเสื้อตัวนอกออก พร้อมกับปลดสายคาดเอวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขานั่งลงบนโต๊ะ มือหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบ พลางทอดสายตามองออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกหวิวโหวงอย่างบอกไม่ถูก “พี่เฟย...ท่านเป็นอันใดไป เหตุใดตั้งแต่กลับมาจากจวนสกุลหานถึงได้ดูเคร่งขรึมเช่นนี้” เฉินเส้าหว่านที่อดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยทักออกมา เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของสามี “ตอนนี้ใต้เท้าหานก็มีบุตรชายบุตรสาวเป็นของตัวเองแล้ว แต่ว่าข้ากลับยังไร้วี่แวว” หงฟางซินบ่นอุบออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานทั้งสอง เขาก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ “พี่เฟย...ท่านอย่าคิดมาก
ตอนที่ 57 มิพรากจาก ยามรุ่งสางของวัน หลิวรั่วอันปรือตาตื่นขึ้น เขานั้นราวกับอยู่ในความฝัน เมื่อร่างกายรู้สึกถึงสัมผัสที่เล้าโลมขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มขยับกายดิ้นรนด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง และเมื่อตื่นเต็มตา เขาก็ได้เห็นหงเฟยหย่าที่กำลังคลอเคลียอยู่บนตัวเขาไม่ห่าง “เฟยหย่า...เจ้าคนลามก” เสียงโวยวายดังขึ้นอีกหน สองมือพยายามปัดและผลักไสคนบนร่างออกห่าง “เมื่อคืนข้าตามใจเจ้าแล้ว เช้านี้เจ้าตามใจข้าสักครั้งไม่ได้หรือ” หงเฟยหย่ากระซิบเสียงสั่นอย่างออดอ้อนออเซาะ ท่าทางเช่นนี้ยิ่งทำให้หลิวรั่วอันเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อคืนเจ้าทำข้าจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว...นี่เจ้าคิดจะทำอยู่อีกหรือ...หรือเจ้าอยากให้ข้าตายไปเสีย” หงเฟยหย่าทำหน้าสลดลงไป เขาทอดสายตามองหลิวรั่วอันอย่างนึกน้อยใจ “ข้าผิดหรือที่ข้ารักเจ้ามากเกินห้ามใจ...ข้ายอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อมีเจ้าอยู่เคียงข้าง...แต่แค่เวลาไม่ถีงปี เจ้ากลับเบื่อหน่ายและรำคาญข้าเช่นนี้” หงเฟยหย่าโอดครวญอย่างมีมารยา หลิวรั่วอันสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามหักห้ามอารมณ์ นี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเชียว ที
ตอนที่ 56 เคียงกัน ลมหนาวจากเทือกเขาฉางหลงพัดวูบผ่านสายลม ลมเย็นโบกพัดสัมผัสใบหน้าคมเข้มจนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่กำลังมา เสียงฝีเท้าของม้ายังคงย่ำก้าวไปตามทางอย่างต่อเนื่อง บุรุษสองคนควบขี่ม้าเคียงกันไปราวกับภาพวาด “เฟยหย่า...ข้าว่าเราควรพักที่โรงเตี๊ยมด้านหน้าเสียก่อน” เสียงเข้มของหลิวรั่วอันดังขึ้น พร้อมขยับชายเสื้อเข้าหาตัวด้วยความรู้สึกเหน็บหนาว “ข้าตามใจเจ้า” หงเฟยหย่าตอบกลับอย่างว่าง่าย พร้อมเร่งบังเหียนควบขี่ไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านหน้า บุรุษทั้งสองลงจากหลังม้าก้าวเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม หลิวรั่วอันหยิบตำลึงในชายเสื้อยื่นให้กับเถ้าแก่ “ห้องพักหนึ่งห้อง พักสองคน” เมื่อได้รับเงินดังกล่าว เถ้าแก่ก็รีบพาคนทั้งสองไปยังห้องพักที่อยู่ด้านบนสุด หลังจากที่หงเฟยหย่าหลบลี้ตนเองออกจากความวุ่นวาย เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับหลิวรั่วอันไปยังสถานที่ต่างๆ บ้างก็หยุดพักแรม บ้างก็อยู่ชั่วคราว แต่เมื่อมีคนเริ่มจับสังเกตได้ พวกเขาก็ออกเดินทางต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย ห้องพักของโรงเตี๊ยมอยู่ชั้นบน แม้จะไม่หรูหราสะดวกสบายมากนัก แต่ก็สะอาดสะอ
ตอนที่ 55 จดหมายลึกลับ หลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของหงฟางซินกับเฉินเส้าหว่านผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ภายในตำหนักของหงฟางซินก็คึกคักขึ้นอีกครั้ง เมื่อหงจูเหลียงมีราชโองการแต่งตั้งหงฟางซินขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเจี้ยน และแต่งตั้งเฉินเส้าหว่านเป็นพระชายารัชทายาท ราชโองการถูกประกาศออกไปโดยถ้วนหน้า เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมและแสดงความยินดีต่อรัชทายาทคนใหม่ ผู้ที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต เม่งฉีเต๋อเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโปรดปรานลูกสะใภ้ของตนมากเพียงใด นางไม่เพียงมอบเครื่องประดับและข้าวของอันมีค่ามากมายให้แก่เฉินเส้าหว่าน แต่ยังออกปากอย่างหนักแน่นว่าหากมีผู้ใดกล้าลบหลู่ลูกสะใภ้ของตน นางจะจัดการอย่างเด็ดขาด แม้อยากตายก็มิอาจตายได้ นั่นยิ่งทำให้เฉินเส้าหว่านกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีแต่คนเคารพและยำเกรง แม้กระทั่งจวนสกุลเฉินเองที่เคยเงียบเหงา บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลุ่มคน ทั้งขุนนางและพ่อค้าที่พากันมาร่วมยินดีกับเฉินกวนซีและเฉินซูเถิงที่ได้เป็นถึงพ่อตาแม่ยายของรัชทายาทแห่งแคว้น สกุลเฉินจึงมีหน้ามีตาขึ้นมาในชั่วพริบตา สร้างความปลาบปลื้มใจให
ตอนที่ 54 คืนเข้าหอ หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เฉินเส้าหว่านก็ยังนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม ความประหม่าและเขินอายเข้ามาแทนที่ สองมือเรียวกำชายกระโปรงแน่นจนเนื้อผ้าแทบจะฉีกขาด ปลายนิ้วสั่นระริกอย่างไม่รู้จะทำตัวเช่นใด หงฟางซินโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว “เจ้าสวยเหลือเกิน...” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นเบาๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะท้านไหว เฉินเส้าหว่านสบตากับชายหนุ่มในที่สุด น้ำเสียงสั่นพร่าดังแผ่วออกมา “พี่เฟย...” หงฟางซินเอื้อมมือแตะมือบางของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง ริมฝีปากประกบลงบนริมฝีปากบางอย่างหิวโหย ลิ้นร้อนดูดดื่มเกี่ยวพันด้านในอย่างรุกล้ำรุนแรง เฉินเส้าหว่านหอบหายใจอย่างยากลำบาก สองมือบีบกำไหล่กว้างของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ลำแขนของหงฟางซินค่อยๆ โอบกระชับร่างบางเข้ามาแนบไว้ที่แผงอก เฉินเส้าหว่านสั่นเทาเล็กน้อย แต่นางก็มิได้ขัดขืนสัมผัสอันเรียกร้องและเร่าร้อนนั้นแต่อย่างใด นางกลับทำเพียงยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของเขา ตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เมื่อริมฝีปากของทั้งสองค่อยๆ ผละจากกัน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว
ตอนที่ 53 พิธีแต่งงาน หลังจากที่หงฟางซินปรับความเข้าใจกับเฉินเส้าหว่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันรุ่งขึ้นหงฟางซินก็รีบส่งจดหมายไปยังมารดาของตนโดยทันที เกี้ยวของฮองเฮาออกเดินทางตรงไปยังจวนสกุลเฉินอย่างยิ่งใหญ่เปิดเผย เฉินกวนซีจำต้องรีบออกมาต้อนรับฮองเฮาอย่างมิอาจเลี่ยงได้ “ใต้เท้าเฉิน...เชิญตามสบายเถิด” เม่งฉีเต๋อกล่าวออกมาเมื่อนั่งลงภายในห้องโถง เฉินกวนซีและเฉินซูเถิงแสดงสีหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ข้ามาในวันนี้คงมิได้เป็นการรบกวนพวกท่านหรอกนะ” คำกล่าวทักดังกล่าวทำเอาคนทั้งสองได้แต่โค้งกายลงอย่างนอบน้อม “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” “ข้ามาในวันนี้เนื่องจากมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับพวกท่าน...เส้าหว่านเป็นหญิงสาวที่ข้ารักและเอ็นดูยิ่งนัก ข้าจึงอยากสู่ขอนางให้เป็นพระชายาขององค์ชายเก้า พวกท่านมีความเห็นเป็นเช่นใด” เม่งฉีเต๋อกล่าวความต้องการอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงนั้นดูราบเรียบแต่ทว่าฉายแววบีบคั้นอยู่ในที เฉินกวนซีมองหน้าภรรยาอย่างเลิ่กลั่ก เขารู้สึกงุนงงกับท่าทีของหงฟางซินยิ่งนัก เหตุใดก่อนหน้าจึงได้ตัดสัมพันธ์อย่างแล้งน้