บทที่ 3 สหาย
ทางด้านหงเฟยหย่าที่เดินทางกลับมายังตำหนักของตน เขาก้าวเท้าตรงไปยังห้องนอนด้วยท่าทางอ่อนเพลียยิ่งนัก ชายหนุ่มหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า และอ่อนใจกับสิ่งที่มารดาของเขาพยายามยัดเยียดให้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นนวดระหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นจนแทบจะเป็นปมขึ้นมา
หลิวรั่วอันเดินมารินน้ำชาให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ท่าทางอ่อนน้อมเมื่อสักครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกันเองและผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
“เฟยหย่า...ท่านจะลำบากใจอันใดกันนักหนา กับแค่หญิงสาวข้างกายเพียงไม่กี่คน ท่านก็รับเข้าตำหนักหลังก็เพียงพอแล้ว” หลิวรั่วอันเอ่ยปากออกมาอย่างเป็นกันเอง คำเรียกขานที่ดูเป็นทางการก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสนิทสนมขึ้นมา
อันที่จริงหลิวรั่วอันนั้นเป็นเพื่อนเล่นวัยเยาว์ของหงเฟยหย่ามาตั้งแต่เด็ก พวกเขาเรียกได้ว่าแทบจะตัวติดกันไปเสียทุกเวลาทีเดียว ชายหนุ่มเป็นบุตรชายของหลิวฟู่เว่ย เสนาบดีกรมคลัง แต่เพราะชายหนุ่มชื่นชอบการต่อสู้ตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจไปกับการฝึกซ้อมวรยุทธ์ และได้กลายเป็นสหายร่วมเรียนกับหงเฟยหย่า จนกระทั่งบัดนี้เขาได้กลายมาเป็นองครักษ์ข้างกายของชายหนุ่มในที่สุด
หงเฟยหย่ายกน้ำชาขึ้นมาจิบพร้อมกับปรายตามองชายหนุ่มด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
“เฮอะ...เจ้าก็อีกคน นี่ข้าคงจะตามใจเจ้ามากเกินไปเสียแล้ว เจ้าถึงกล้าสั่งสอนข้าเช่นนั้น”
หลิวรั่วอันหัวเราะในลำคอออกมาอย่างนึกอ่อนใจกับความหัวแข็งของสหาย “ท่านก็อย่าได้โมโหไปเลย อันที่จริง สิ่งที่ฮองเฮาตรัสออกมาก็มิได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว ท่าน เป็นถึงรัชทายาทของแคว้น แต่กลับยังมิมีทายาทแม้แต่คนเดียว เช่นนั้นภายภาคหน้าตำแหน่งของท่านอาจสั่นคลอนได้จากเรื่องนี้ ดังนั้นการที่ฮองเฮาจะทรงวิตกกังวลก็มิได้นับว่าแปลกอันใด” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างมีเหตุผลโดยมิได้สนใจท่าทีฮึดฮัดของเขาแต่อย่างใด
“เช่นนั้นเจ้าก็คิดว่าข้าควรรับหญิงสาวสักคนเข้ามาในหลังตำหนักแห่งนี้เช่นนั้นหรือ” หงเฟยหย่ากล่าวเยาะออกมาพร้อมจ้องมองใบหน้าของหลิวอันรั่วอย่างประชดประชัน
“ก็สมควรเป็นเช่นนั้น...หากข้าเป็นท่านจะรีบรับพวกนางเข้ามาและใช้เวลาชื่นชมความงามของเหล่าบุปผา แค่เพียงคิดข้าก็นึกครึ้มใจยิ่งนัก” หลิวรั่วอันตอบกลับพร้อมดวงตาลุกวาว ดวงตายิ้มหยีเมื่อนึกถึงเหล่าหญิงสาวที่เอาแต่ล้อมหน้าล้อมหลัง ออดอ้อนปรนนิบัติเขาในทุกวี่วัน
หงเฟยหย่ามองท่าทางเช่นนั้นก็นึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างมิอาจห้าม เขาเบือนหน้าพร้อมกำหมัดแน่น “เจ้าเลิกพูดมากได้แล้ว หากเจ้าอยากได้หญิงสาวเหล่านั้น ข้าจะขอให้เสด็จแม่ประทานพวกนางให้เจ้าสักโหลจะเป็นไร”
“อ่า...ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น” หลิวรั่วอันรีบปฏิเสธออกมา ก่อนจะปิดปากเงียบด้วยรู้ดีว่าเวลานี้พูดไปก็รังแต่จะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าหัวฟัดหัวเหวี่ยงมากยิ่งขึ้น
“เจ้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าที...ข้าเหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อนเสียที” หงเฟยหย่ากล่าวตัดบทออกมา พร้อมกับลุกขึ้นยืนกางแขนรอให้เขาปรนนิบัติ
“เฮ่อ...” เสียงถอนใจหนักดังขึ้นตามด้วยเสียงบ่นอุบขึ้นมา “ท่านมีสาวใช้ตั้งมากมาย เหตุใดเอาแต่ใช้ข้าทำเรื่องเช่นนี้อยู่เรื่อย”
หงเฟยหย่าไม่ตอบคำถามใดๆ ใบหน้าของเขาผ่อนคลายลงพร้อมกับรอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก
หลิวรั่วอันก้าวเข้ามาด้านหน้าของหงเฟยหย่า พร้อมกับบรรจงถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นจึงเอื้อมตัวปลดเข็มขัดของเขาอย่างชำนาญ มือเรียวยาวปลดเข็มขัดที่คาดแน่นตรงเอวออก เผยให้เห็นเรือนกายแข็งแกร่งภายใต้ชุดชั้นในตัวบาง กล้ามเนื้อแน่นตึงสะท้อนถึงความอุตสาหะในการฝึกฝนวรยุทธ์ตลอดปีที่ผ่านมา
ร่างสูงใหญ่ทว่ากลับผอมเพรียวได้รูปของหลิวอันรั่ว เมื่อยืนตรงหน้าของชายหนุ่มที่สูงใหญ่ไม่แพ้กัน ทำให้ชายหนุ่มต้องย่อตัวลงต่ำเพื่อให้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น
แต่แล้วหลิวรั่วอันก็สัมผัสกับลมหายใจอุ่นที่กระทบบนใบหน้าของเขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหงเฟยหย่าที่ก้มลงมองเขาอย่างไม่ละสายตา
“ท่านก็แหงนหน้าขึ้นเสียหน่อย ข้าจัดการไม่สะดวกนัก” ชายหนุ่มบ่นออกมาในทันที
เสียงหัวเราะหึๆ ดังขึ้นในลำคอของหงเฟยหย่า ก่อนที่เขาจะยอมแหงนใบหน้าขึ้นโดยมิได้ปริปากอันใดออกมา
หลังจากที่หลิวรั่วอันผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้านายและเป็นสหายคนสนิทในเวลาเดียวกันเรียบร้อย
ชายหนุ่มยังคงบ่นกระปอดกระแปดออกมาไม่หยุดเช่นเคย “ต่อไปงานเช่นนี้ ท่านก็สั่งสาวใช้ในตำหนักให้จัดการเสียเถอะ ข้าเป็นองครักษ์ของท่าน มิใช่คนรับใช้เสียหน่อย”
หงเฟยหย่ายกมือขึ้นปัดเสื้อผ้าอย่างเนิบนาบ ก่อนจะปรายตามองหลิวรั่วอันอีกครั้ง “ก็ใครใช้ให้เจ้าปรนนิบัติข้าดีเช่นนี้ ข้าคงหาสาวใช้ที่ถูกใจได้ยากเสียแล้ว”
หลิวรั่วอันค้อนขวับใส่หงเฟยหย่าด้วยความหมั่นไส้ ขึ้นมา “ท่านลืมแล้วหรือว่าข้าเป็นองครักษ์ของท่าน แถมยังเป็นสหายของท่านอีกด้วย”
“แต่เจ้าก็ไม่เคยปฏิเสธข้านี่นา” หงเฟยหย่ากล่าวออกมาอย่างเอาแต่ใจ
หลิวรั่วอันพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง เขาได้แต่ส่ายหน้าระอากับความเอาแต่ใจของชายหนุ่ม อันที่จริงนับตั้งแต่เติบใหญ่ขึ้นมา เขาก็มิเคยเห็นชายหนุ่มข้องแวะกับสตรีนางใด วันๆ นอกจากราชกิจที่ได้รับ เขาก็เอาแต่หมกมุ่นกับการฝึกซ้อมวรยุทธ์ร่วมกับตน ดังนั้นหลิวรั่วอันก็ยังมิเห็นทางที่ชายหนุ่มจะมีหญิงข้างกายตามพระประสงค์ของฮองเฮาแม้แต่น้อย
“ข้าเหนื่อยจะพูดกับท่านแล้ว หากไม่มีธุระอันใดอีก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลิวรั่วอันกล่าวจบก็โค้งตัวลาในทันที เขาเองก็อยากกลับไปพักผ่อนเสียเต็มประดาแล้ว
“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด เห็นหน้าเจ้าแล้วมีแต่ทำให้ข้าหงุดหงิดมากขึ้น” หงเฟยหย่ากล่าวไล่ พร้อมกับเดินตรงไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ ก่อนจะหย่อนกายลงนอนโดยมิได้สนใจหลิวรั่วอันอีกต่อไป
หลิวรั่วอันจึงหันกายเดินออกจากห้องไปในทันที
หงเฟยหย่าเบนหน้ากลับมามองตามแผ่นหลังนั้นไปจนลับสายตา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง สายตาเหม่อลอยมองไปยังประตูที่ปิดสนิท พร้อมกับความคิดมากมายที่พรั่งพรูขึ้นมาในหัว
ตอนที่ 58 ความจริงดั่งฝัน หลังจากกลับมาจากการเยี่ยมเยียนเจียงอันเล่อที่สกุลหาน หงฟางซินก็นิ่งเงียบไปจนตลอดทาง สายตาดูเหม่อลอยออกไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เฉินเส้าหว่านจ้องมองชายหนุ่มอย่างผิดสังเกต แต่นางก็ไม่อยากเซ้าซี้เขาให้รู้สึกรำคาญใจ ดังนั้นนางจึงยังรักษาอาการเอาไว้ และพยายามขบคิดอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มกันแน่ ภายในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำยาน หงฟางซินถอดเสื้อตัวนอกออก พร้อมกับปลดสายคาดเอวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขานั่งลงบนโต๊ะ มือหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบ พลางทอดสายตามองออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกหวิวโหวงอย่างบอกไม่ถูก “พี่เฟย...ท่านเป็นอันใดไป เหตุใดตั้งแต่กลับมาจากจวนสกุลหานถึงได้ดูเคร่งขรึมเช่นนี้” เฉินเส้าหว่านที่อดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยทักออกมา เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของสามี “ตอนนี้ใต้เท้าหานก็มีบุตรชายบุตรสาวเป็นของตัวเองแล้ว แต่ว่าข้ากลับยังไร้วี่แวว” หงฟางซินบ่นอุบออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานทั้งสอง เขาก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ “พี่เฟย...ท่านอย่าคิดมาก
ตอนที่ 57 มิพรากจาก ยามรุ่งสางของวัน หลิวรั่วอันปรือตาตื่นขึ้น เขานั้นราวกับอยู่ในความฝัน เมื่อร่างกายรู้สึกถึงสัมผัสที่เล้าโลมขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มขยับกายดิ้นรนด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง และเมื่อตื่นเต็มตา เขาก็ได้เห็นหงเฟยหย่าที่กำลังคลอเคลียอยู่บนตัวเขาไม่ห่าง “เฟยหย่า...เจ้าคนลามก” เสียงโวยวายดังขึ้นอีกหน สองมือพยายามปัดและผลักไสคนบนร่างออกห่าง “เมื่อคืนข้าตามใจเจ้าแล้ว เช้านี้เจ้าตามใจข้าสักครั้งไม่ได้หรือ” หงเฟยหย่ากระซิบเสียงสั่นอย่างออดอ้อนออเซาะ ท่าทางเช่นนี้ยิ่งทำให้หลิวรั่วอันเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อคืนเจ้าทำข้าจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว...นี่เจ้าคิดจะทำอยู่อีกหรือ...หรือเจ้าอยากให้ข้าตายไปเสีย” หงเฟยหย่าทำหน้าสลดลงไป เขาทอดสายตามองหลิวรั่วอันอย่างนึกน้อยใจ “ข้าผิดหรือที่ข้ารักเจ้ามากเกินห้ามใจ...ข้ายอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อมีเจ้าอยู่เคียงข้าง...แต่แค่เวลาไม่ถีงปี เจ้ากลับเบื่อหน่ายและรำคาญข้าเช่นนี้” หงเฟยหย่าโอดครวญอย่างมีมารยา หลิวรั่วอันสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามหักห้ามอารมณ์ นี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเชียว ที
ตอนที่ 56 เคียงกัน ลมหนาวจากเทือกเขาฉางหลงพัดวูบผ่านสายลม ลมเย็นโบกพัดสัมผัสใบหน้าคมเข้มจนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่กำลังมา เสียงฝีเท้าของม้ายังคงย่ำก้าวไปตามทางอย่างต่อเนื่อง บุรุษสองคนควบขี่ม้าเคียงกันไปราวกับภาพวาด “เฟยหย่า...ข้าว่าเราควรพักที่โรงเตี๊ยมด้านหน้าเสียก่อน” เสียงเข้มของหลิวรั่วอันดังขึ้น พร้อมขยับชายเสื้อเข้าหาตัวด้วยความรู้สึกเหน็บหนาว “ข้าตามใจเจ้า” หงเฟยหย่าตอบกลับอย่างว่าง่าย พร้อมเร่งบังเหียนควบขี่ไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านหน้า บุรุษทั้งสองลงจากหลังม้าก้าวเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม หลิวรั่วอันหยิบตำลึงในชายเสื้อยื่นให้กับเถ้าแก่ “ห้องพักหนึ่งห้อง พักสองคน” เมื่อได้รับเงินดังกล่าว เถ้าแก่ก็รีบพาคนทั้งสองไปยังห้องพักที่อยู่ด้านบนสุด หลังจากที่หงเฟยหย่าหลบลี้ตนเองออกจากความวุ่นวาย เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับหลิวรั่วอันไปยังสถานที่ต่างๆ บ้างก็หยุดพักแรม บ้างก็อยู่ชั่วคราว แต่เมื่อมีคนเริ่มจับสังเกตได้ พวกเขาก็ออกเดินทางต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย ห้องพักของโรงเตี๊ยมอยู่ชั้นบน แม้จะไม่หรูหราสะดวกสบายมากนัก แต่ก็สะอาดสะอ
ตอนที่ 55 จดหมายลึกลับ หลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของหงฟางซินกับเฉินเส้าหว่านผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ภายในตำหนักของหงฟางซินก็คึกคักขึ้นอีกครั้ง เมื่อหงจูเหลียงมีราชโองการแต่งตั้งหงฟางซินขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเจี้ยน และแต่งตั้งเฉินเส้าหว่านเป็นพระชายารัชทายาท ราชโองการถูกประกาศออกไปโดยถ้วนหน้า เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมและแสดงความยินดีต่อรัชทายาทคนใหม่ ผู้ที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต เม่งฉีเต๋อเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโปรดปรานลูกสะใภ้ของตนมากเพียงใด นางไม่เพียงมอบเครื่องประดับและข้าวของอันมีค่ามากมายให้แก่เฉินเส้าหว่าน แต่ยังออกปากอย่างหนักแน่นว่าหากมีผู้ใดกล้าลบหลู่ลูกสะใภ้ของตน นางจะจัดการอย่างเด็ดขาด แม้อยากตายก็มิอาจตายได้ นั่นยิ่งทำให้เฉินเส้าหว่านกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีแต่คนเคารพและยำเกรง แม้กระทั่งจวนสกุลเฉินเองที่เคยเงียบเหงา บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลุ่มคน ทั้งขุนนางและพ่อค้าที่พากันมาร่วมยินดีกับเฉินกวนซีและเฉินซูเถิงที่ได้เป็นถึงพ่อตาแม่ยายของรัชทายาทแห่งแคว้น สกุลเฉินจึงมีหน้ามีตาขึ้นมาในชั่วพริบตา สร้างความปลาบปลื้มใจให
ตอนที่ 54 คืนเข้าหอ หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เฉินเส้าหว่านก็ยังนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม ความประหม่าและเขินอายเข้ามาแทนที่ สองมือเรียวกำชายกระโปรงแน่นจนเนื้อผ้าแทบจะฉีกขาด ปลายนิ้วสั่นระริกอย่างไม่รู้จะทำตัวเช่นใด หงฟางซินโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว “เจ้าสวยเหลือเกิน...” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นเบาๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะท้านไหว เฉินเส้าหว่านสบตากับชายหนุ่มในที่สุด น้ำเสียงสั่นพร่าดังแผ่วออกมา “พี่เฟย...” หงฟางซินเอื้อมมือแตะมือบางของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง ริมฝีปากประกบลงบนริมฝีปากบางอย่างหิวโหย ลิ้นร้อนดูดดื่มเกี่ยวพันด้านในอย่างรุกล้ำรุนแรง เฉินเส้าหว่านหอบหายใจอย่างยากลำบาก สองมือบีบกำไหล่กว้างของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ลำแขนของหงฟางซินค่อยๆ โอบกระชับร่างบางเข้ามาแนบไว้ที่แผงอก เฉินเส้าหว่านสั่นเทาเล็กน้อย แต่นางก็มิได้ขัดขืนสัมผัสอันเรียกร้องและเร่าร้อนนั้นแต่อย่างใด นางกลับทำเพียงยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของเขา ตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เมื่อริมฝีปากของทั้งสองค่อยๆ ผละจากกัน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว
ตอนที่ 53 พิธีแต่งงาน หลังจากที่หงฟางซินปรับความเข้าใจกับเฉินเส้าหว่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันรุ่งขึ้นหงฟางซินก็รีบส่งจดหมายไปยังมารดาของตนโดยทันที เกี้ยวของฮองเฮาออกเดินทางตรงไปยังจวนสกุลเฉินอย่างยิ่งใหญ่เปิดเผย เฉินกวนซีจำต้องรีบออกมาต้อนรับฮองเฮาอย่างมิอาจเลี่ยงได้ “ใต้เท้าเฉิน...เชิญตามสบายเถิด” เม่งฉีเต๋อกล่าวออกมาเมื่อนั่งลงภายในห้องโถง เฉินกวนซีและเฉินซูเถิงแสดงสีหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ข้ามาในวันนี้คงมิได้เป็นการรบกวนพวกท่านหรอกนะ” คำกล่าวทักดังกล่าวทำเอาคนทั้งสองได้แต่โค้งกายลงอย่างนอบน้อม “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” “ข้ามาในวันนี้เนื่องจากมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับพวกท่าน...เส้าหว่านเป็นหญิงสาวที่ข้ารักและเอ็นดูยิ่งนัก ข้าจึงอยากสู่ขอนางให้เป็นพระชายาขององค์ชายเก้า พวกท่านมีความเห็นเป็นเช่นใด” เม่งฉีเต๋อกล่าวความต้องการอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงนั้นดูราบเรียบแต่ทว่าฉายแววบีบคั้นอยู่ในที เฉินกวนซีมองหน้าภรรยาอย่างเลิ่กลั่ก เขารู้สึกงุนงงกับท่าทีของหงฟางซินยิ่งนัก เหตุใดก่อนหน้าจึงได้ตัดสัมพันธ์อย่างแล้งน้