บทที่ 4 งานเลี้ยงชมดอกไม้
“องค์ชายได้เวลาไปร่วมงานเลี้ยงในวังแล้วขอรับ” คนสนิทเดินเข้าตามหงฟางซิน เมื่อได้เวลาเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกไม้ในวังตามคำสั่งของฮองเฮา
หงฟางซินลุกขึ้นแต่งกายด้วยชุดที่สง่างามเป็นพิเศษ เขาหันไปหาคนสนิทอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “เรื่องคุณหนูเจียงที่ข้าให้ไปสืบเป็นเช่นใดบ้าง”
“ข้าน้อยให้คนตรวจสอบแล้ว คุณหนูเจียงจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยขอรับ”
รายงานที่คนสนิทบอกมาทำให้หงฟางซินยิ้มกริ่มขึ้นมาด้วยความเบิกบานใจ ท่าทางเบื่อหน่ายก่อนหน้าหายวับไปในทันที ปรากฏเพียงความตื่นเต้นที่มีบนใบหน้า
“เช่นนั้นก็รีบไปเถิด”
หงฟางซินรีบเดินทางไปยังวังหลวงในทันที ภายในใจร้อนรนอยากเจอหน้าหญิงสาวผู้นั้นอีกสักหน ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าก้าวไปตามทางเดินด้วยใจที่เหม่อลอย ฉับพลันร่างบางก็ปะทะเข้ากับแผงอกของเขาเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย...” เสียงร้องดังขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ลอยหวือจนเกือบจะก้มลงไปกับพื้น
หงฟางซินยกมือขึ้นคว้าเอวบางเอาไว้แน่นตามสัญชาตญาณพร้อมกับดึงร่างบางเข้าหาตัวเองก่อนที่ร่างของนางจะก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น แรงกระชากส่งผลให้ทั้งสองสะดุด ก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้น ร่างบางทาบทับบนแผงอกหนา หน้าผากมนนูนกระแทกลงไปที่คางของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง
“ปึก...โอ๊ะ” เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นอีกครั้ง
หงฟางซินนอนแผ่หลาด้วยความจุกเจ็บ แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะบอบบางอยู่มากนัก แต่แผ่นหลังที่กระแทกลงบนพื้นหิน กับแรงกระแทกของศีรษะเล็กที่เสยเข้าที่คางของเขาอย่างจัง ก็ทำให้เขารู้สึกจุกเจ็บจนเสียอาการไปเลยทีเดียว
“ท่าน...ท่านเป็นอะไรหรือไม่” เสียงหวานร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบหยัดกายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
หงฟางซินลุกขึ้นอีกครั้ง มือของเขายกขึ้นลูบคางที่ตอนนี้มีรอยแดงเรื่อเกิดขึ้น “ข้า...ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่”
“ข้าไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบกลับในทันที สายตายังคงจับจ้องที่ไปที่รอยแดงตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดในใจ
“เช่นนั้นก็ดี...เมื่อไม่มีอันใดแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน” หงฟางซินกล่าวปัดพร้อมขอตัวลา ด้วยความไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงแทบมิได้ปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าเสียด้วยซ้ำไป
เมื่อหงฟางซินกล่าวจบ ชายหนุ่มก็สะบัดชายเสื้อแล้วเดินจากไปในทันที
“เจ้าไปนำชุดมาให้ข้าเปลี่ยนที เสื้อผ้าข้าเปรอะเปื้อนหมดแล้ว” หงฟางซินปัดเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับหันไปสั่งองครักษ์ข้างกายด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว จากนั้นเขาก็ตรงดิ่งไปยังเรือนรับรองด้านข้างเพื่อผลัดเปลี่ยนชุดใหม่อีกครั้ง
เมื่อหงฟางซินจัดแจงเสื้อผ้าจนเป็นที่เรียบร้อย เขาก็รีบสาวเท้าตรงไปยังงานเลี้ยงอย่างไม่รอช้า
“องค์ชายห้าเสด็จ” เสียงร้องของขันทีดังก้องไปทั่วบริเวณงาน
หงฟางซินก้าวเดินเข้ามาภายในงานเลี้ยง สายตาของหญิงสาวนับสิบคู่ต่างจับจ้องไปที่เขาอย่างไม่วางตา แววตาหวานซึ้งต่างพากันทอดมองราวกับต้องการเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่ชายหนุ่มกลับหาได้สนใจไม่ เขาได้แต่นิ่วหน้าอย่างนึกรำคาญใจ
จนกระทั่งหงฟางซินเดินมาจนเกือบด้านหน้าของงานเลี้ยง สายตาของเขาก็ปรายตามองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับเผยรอยยิ้มยกออกมาเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่พึงใจนั่งอยู่
“องค์ชายห้าเจ้ามาแล้วเหรอ แล้วพี่ชายของเจ้าเล่า” เม่งฉีเต๋อร้องทักออกมา หว่างคิ้วของนางนิ่วลงด้วยความขัดเคืองใจ แม้จะรู้ว่าบุตรชายตัวดีของนางจะเบี้ยวนางอีกหน แต่ก็ยังอดที่จะถามออกมาไม่ได้
“เสด็จพี่ติดราชกิจจึงมิอาจปลีกตัวได้ เสด็จแม่...ข้าก็มาแล้วเช่นใด ท่านก็อย่าได้ขัดเคืองเลย” หงฟางซินรีบเข้าไปนั่งด้านข้างพร้อมกล่าวประจบเอาใจมารดาอย่างรู้งาน
“พวกเจ้านี่นะ...” เม่งฉีเต๋อบ่นกระปอดกระแปดออกมา แต่เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาของบุตรชายคนเล็กที่เอาแต่จับจ้องไปยังเจียงอันเล่อ บุตรสาวของเจียงเสิ่นเย่ว ท่านโหวแห่งสกุลเจียงอย่างไม่วางตา นางก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความพึงพอใจ
แม้สกุลเจียงจะมิได้มีตำแหน่งหรืออำนาจในราชสำนักในทางตรง แต่เพราะเป็นเชื้อสายของราชวงศ์เก่าทำให้เขาได้รับความยำเกรงและมีอำนาจภายนอกราชสำนักเป็นอันมาก หากบุตรชายของนางได้เกี่ยวดองกับสกุลเจียง เช่นนั้นต่อไปภายภาคหน้าบุตรชายทั้งสองของนางย่อมไม่ตกที่นั่งลำบากเป็นแน่
“เอาเถิดในเมื่อเจ้าก็มาแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มงานเถิด ข้าปล่อยให้เหล่าคุณหนูทั้งหลายรอเสียนานเช่นนี้ ช่างเสียมารยาทยิ่งนัก” เม่งฉีเต๋อหันไปสั่งขันทีข้างกาย
หงฟางซินหัวเราะแห้งออกมา ก่อนจะลุกขึ้นกล่าวออกไปอย่างถ่อมตน “ข้าต้องขออภัยทุกท่านด้วย” เขากล่าวออกไปแต่ก็ยังมิวายจับจ้องไปยังเจียงอันเล่ออีกครั้ง
บรรดาหญิงสาวพยักหน้ารับด้วยความเหนียมอาย พวกนางเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชายตามองชายหนุ่มสูงศักดิ์ตรงหน้าอย่างหวานซึ้ง รอยยิ้มหวานส่งผ่านมายังหงฟางซินราวกับต้องการเชื้อเชิญให้เขาเมียงมองและสนใจ
หงฟางซินมิได้สนใจท่าทีของคนเหล่านั้นมากนัก เพราะความสนใจทั้งหมดของเขากับพุ่งตรงไปยังเจียงอันเล่อแต่เพียงผู้เดียว
แต่ในขณะนั้นเจียงอันเล่อกลับยังคงนั่งนิ่งด้วยท่าทีที่เรียบเฉย ใบหน้ายู่คล้ายจะรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่ในที
หงฟางซินที่สังเกตเห็นท่าทางเช่นนั้นกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกถูกดึงดูดและสนใจในตัวหญิงสาวเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ตลอดทั้งงาน เม่งฉีเต๋อพยายามแนะนำหญิงสาวจากตระกูลต่างๆ ให้หงฟางซินได้รู้จัก แต่เขาก็ทำเพียงยิ้มบางรับอย่างไม่ใคร่จะสนใจมากนัก
“ซินเอ๋อร์...เจ้าน่ะเก็บอาการสักนิดเถิด” เม่งฉีเต๋อหันไปกระซิบแซวกับบุตรชายอย่างต้องการหยอกเย้า
หงฟางซินยกมือขึ้นลูบลำคอด้วยความเก้อเขินที่ถูกมารดาจับพิรุธได้ “เสด็จแม่ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ชายหนุ่มรีบเฉไฉ ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกมาในทันที
ตอนที่ 58 ความจริงดั่งฝัน หลังจากกลับมาจากการเยี่ยมเยียนเจียงอันเล่อที่สกุลหาน หงฟางซินก็นิ่งเงียบไปจนตลอดทาง สายตาดูเหม่อลอยออกไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เฉินเส้าหว่านจ้องมองชายหนุ่มอย่างผิดสังเกต แต่นางก็ไม่อยากเซ้าซี้เขาให้รู้สึกรำคาญใจ ดังนั้นนางจึงยังรักษาอาการเอาไว้ และพยายามขบคิดอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มกันแน่ ภายในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำยาน หงฟางซินถอดเสื้อตัวนอกออก พร้อมกับปลดสายคาดเอวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขานั่งลงบนโต๊ะ มือหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบ พลางทอดสายตามองออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกหวิวโหวงอย่างบอกไม่ถูก “พี่เฟย...ท่านเป็นอันใดไป เหตุใดตั้งแต่กลับมาจากจวนสกุลหานถึงได้ดูเคร่งขรึมเช่นนี้” เฉินเส้าหว่านที่อดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยทักออกมา เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของสามี “ตอนนี้ใต้เท้าหานก็มีบุตรชายบุตรสาวเป็นของตัวเองแล้ว แต่ว่าข้ากลับยังไร้วี่แวว” หงฟางซินบ่นอุบออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานทั้งสอง เขาก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ “พี่เฟย...ท่านอย่าคิดมาก
ตอนที่ 57 มิพรากจาก ยามรุ่งสางของวัน หลิวรั่วอันปรือตาตื่นขึ้น เขานั้นราวกับอยู่ในความฝัน เมื่อร่างกายรู้สึกถึงสัมผัสที่เล้าโลมขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มขยับกายดิ้นรนด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง และเมื่อตื่นเต็มตา เขาก็ได้เห็นหงเฟยหย่าที่กำลังคลอเคลียอยู่บนตัวเขาไม่ห่าง “เฟยหย่า...เจ้าคนลามก” เสียงโวยวายดังขึ้นอีกหน สองมือพยายามปัดและผลักไสคนบนร่างออกห่าง “เมื่อคืนข้าตามใจเจ้าแล้ว เช้านี้เจ้าตามใจข้าสักครั้งไม่ได้หรือ” หงเฟยหย่ากระซิบเสียงสั่นอย่างออดอ้อนออเซาะ ท่าทางเช่นนี้ยิ่งทำให้หลิวรั่วอันเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อคืนเจ้าทำข้าจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว...นี่เจ้าคิดจะทำอยู่อีกหรือ...หรือเจ้าอยากให้ข้าตายไปเสีย” หงเฟยหย่าทำหน้าสลดลงไป เขาทอดสายตามองหลิวรั่วอันอย่างนึกน้อยใจ “ข้าผิดหรือที่ข้ารักเจ้ามากเกินห้ามใจ...ข้ายอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อมีเจ้าอยู่เคียงข้าง...แต่แค่เวลาไม่ถีงปี เจ้ากลับเบื่อหน่ายและรำคาญข้าเช่นนี้” หงเฟยหย่าโอดครวญอย่างมีมารยา หลิวรั่วอันสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามหักห้ามอารมณ์ นี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเชียว ที
ตอนที่ 56 เคียงกัน ลมหนาวจากเทือกเขาฉางหลงพัดวูบผ่านสายลม ลมเย็นโบกพัดสัมผัสใบหน้าคมเข้มจนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่กำลังมา เสียงฝีเท้าของม้ายังคงย่ำก้าวไปตามทางอย่างต่อเนื่อง บุรุษสองคนควบขี่ม้าเคียงกันไปราวกับภาพวาด “เฟยหย่า...ข้าว่าเราควรพักที่โรงเตี๊ยมด้านหน้าเสียก่อน” เสียงเข้มของหลิวรั่วอันดังขึ้น พร้อมขยับชายเสื้อเข้าหาตัวด้วยความรู้สึกเหน็บหนาว “ข้าตามใจเจ้า” หงเฟยหย่าตอบกลับอย่างว่าง่าย พร้อมเร่งบังเหียนควบขี่ไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านหน้า บุรุษทั้งสองลงจากหลังม้าก้าวเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม หลิวรั่วอันหยิบตำลึงในชายเสื้อยื่นให้กับเถ้าแก่ “ห้องพักหนึ่งห้อง พักสองคน” เมื่อได้รับเงินดังกล่าว เถ้าแก่ก็รีบพาคนทั้งสองไปยังห้องพักที่อยู่ด้านบนสุด หลังจากที่หงเฟยหย่าหลบลี้ตนเองออกจากความวุ่นวาย เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับหลิวรั่วอันไปยังสถานที่ต่างๆ บ้างก็หยุดพักแรม บ้างก็อยู่ชั่วคราว แต่เมื่อมีคนเริ่มจับสังเกตได้ พวกเขาก็ออกเดินทางต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย ห้องพักของโรงเตี๊ยมอยู่ชั้นบน แม้จะไม่หรูหราสะดวกสบายมากนัก แต่ก็สะอาดสะอ
ตอนที่ 55 จดหมายลึกลับ หลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของหงฟางซินกับเฉินเส้าหว่านผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ภายในตำหนักของหงฟางซินก็คึกคักขึ้นอีกครั้ง เมื่อหงจูเหลียงมีราชโองการแต่งตั้งหงฟางซินขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเจี้ยน และแต่งตั้งเฉินเส้าหว่านเป็นพระชายารัชทายาท ราชโองการถูกประกาศออกไปโดยถ้วนหน้า เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมและแสดงความยินดีต่อรัชทายาทคนใหม่ ผู้ที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต เม่งฉีเต๋อเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโปรดปรานลูกสะใภ้ของตนมากเพียงใด นางไม่เพียงมอบเครื่องประดับและข้าวของอันมีค่ามากมายให้แก่เฉินเส้าหว่าน แต่ยังออกปากอย่างหนักแน่นว่าหากมีผู้ใดกล้าลบหลู่ลูกสะใภ้ของตน นางจะจัดการอย่างเด็ดขาด แม้อยากตายก็มิอาจตายได้ นั่นยิ่งทำให้เฉินเส้าหว่านกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีแต่คนเคารพและยำเกรง แม้กระทั่งจวนสกุลเฉินเองที่เคยเงียบเหงา บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลุ่มคน ทั้งขุนนางและพ่อค้าที่พากันมาร่วมยินดีกับเฉินกวนซีและเฉินซูเถิงที่ได้เป็นถึงพ่อตาแม่ยายของรัชทายาทแห่งแคว้น สกุลเฉินจึงมีหน้ามีตาขึ้นมาในชั่วพริบตา สร้างความปลาบปลื้มใจให
ตอนที่ 54 คืนเข้าหอ หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เฉินเส้าหว่านก็ยังนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม ความประหม่าและเขินอายเข้ามาแทนที่ สองมือเรียวกำชายกระโปรงแน่นจนเนื้อผ้าแทบจะฉีกขาด ปลายนิ้วสั่นระริกอย่างไม่รู้จะทำตัวเช่นใด หงฟางซินโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว “เจ้าสวยเหลือเกิน...” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นเบาๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะท้านไหว เฉินเส้าหว่านสบตากับชายหนุ่มในที่สุด น้ำเสียงสั่นพร่าดังแผ่วออกมา “พี่เฟย...” หงฟางซินเอื้อมมือแตะมือบางของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง ริมฝีปากประกบลงบนริมฝีปากบางอย่างหิวโหย ลิ้นร้อนดูดดื่มเกี่ยวพันด้านในอย่างรุกล้ำรุนแรง เฉินเส้าหว่านหอบหายใจอย่างยากลำบาก สองมือบีบกำไหล่กว้างของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ลำแขนของหงฟางซินค่อยๆ โอบกระชับร่างบางเข้ามาแนบไว้ที่แผงอก เฉินเส้าหว่านสั่นเทาเล็กน้อย แต่นางก็มิได้ขัดขืนสัมผัสอันเรียกร้องและเร่าร้อนนั้นแต่อย่างใด นางกลับทำเพียงยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของเขา ตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เมื่อริมฝีปากของทั้งสองค่อยๆ ผละจากกัน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว
ตอนที่ 53 พิธีแต่งงาน หลังจากที่หงฟางซินปรับความเข้าใจกับเฉินเส้าหว่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันรุ่งขึ้นหงฟางซินก็รีบส่งจดหมายไปยังมารดาของตนโดยทันที เกี้ยวของฮองเฮาออกเดินทางตรงไปยังจวนสกุลเฉินอย่างยิ่งใหญ่เปิดเผย เฉินกวนซีจำต้องรีบออกมาต้อนรับฮองเฮาอย่างมิอาจเลี่ยงได้ “ใต้เท้าเฉิน...เชิญตามสบายเถิด” เม่งฉีเต๋อกล่าวออกมาเมื่อนั่งลงภายในห้องโถง เฉินกวนซีและเฉินซูเถิงแสดงสีหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ข้ามาในวันนี้คงมิได้เป็นการรบกวนพวกท่านหรอกนะ” คำกล่าวทักดังกล่าวทำเอาคนทั้งสองได้แต่โค้งกายลงอย่างนอบน้อม “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” “ข้ามาในวันนี้เนื่องจากมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับพวกท่าน...เส้าหว่านเป็นหญิงสาวที่ข้ารักและเอ็นดูยิ่งนัก ข้าจึงอยากสู่ขอนางให้เป็นพระชายาขององค์ชายเก้า พวกท่านมีความเห็นเป็นเช่นใด” เม่งฉีเต๋อกล่าวความต้องการอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงนั้นดูราบเรียบแต่ทว่าฉายแววบีบคั้นอยู่ในที เฉินกวนซีมองหน้าภรรยาอย่างเลิ่กลั่ก เขารู้สึกงุนงงกับท่าทีของหงฟางซินยิ่งนัก เหตุใดก่อนหน้าจึงได้ตัดสัมพันธ์อย่างแล้งน้