บทที่8ทุกคนยอมรับในฝีมือป๋อหลินทันใดนั้นป๋อหลินก็นำเข็มจี้ตามจุดร่างกาย ไม่นานนักเด็กทารกก็กลับมาหัวใจเต้นอีกครั้งพร้อมส่งเสียงร้องให้ทุกคนได้ยิน ผู้เป็นแม่ดีใจโอบอุ้มลูกขึ้นสู่อ้อมกอดอีกครัง ทุกคนต่างอวยพรให้เด็กคนนี่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย นำด้ายสีขาวมาผูกข้อมือให้ทารกเพื่อเรียกขวัญกลับมาชาวบ้าน “รอดตายแล้วเจ้าเด็กน้อย ““ ข้าขอบใจเจ้ามากที่ช่วยชีวิตลูกข้าไว้ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเก่งถึงเพียงนี่ “ป๋อหลิน" นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ขอแค่ข้าได้ช่วยคนข้าก็ดีใจแล้ว "หลังจากนั้นซูซ่านกัยเฟยเถาได้พาป๋อหลินออกจากที่นี่เพื่อกลับเรือน ซูซ่านสงสัยว่าเหตุใดวันนี้ลูก ๆ ของนางถึงเงียบผิดปกติ จึงเร่งเปิดประตูเข้าไปดูในห้องไม่พบใครสักคนอยู่ข้างในเลย ซูซ่าน " ลูก ๆ ทั้งสี่คนของข้าหายไปไหน "ป๋อหลิน " ท่านแม่ พวกพี่ชายกับน้องหญิงคงออกไปดูป้ายประกาศรับสมัคผู้เข้าแข่งขัน วัยเจ็ดปี ที่ลานประชุมหมู่บ้านเป็นแน่ "ซูซ่าน " งั้นแม่จะออกไปดู " ป๋อหลิน " ข้าอยากไปด้วยท่านแม่ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่ " ซูซ่าน " ก็ได้ ๆ " ลานประชุมหมู่บ้านเหล่าแม่ ๆ ในหมู่บ้านได้พร้อมใจหันออกมาดูป้ายสมัค
บทที่6 องค์ชชายเจียวจ้าน องค์ชายเจียวจ้านบุตรชายคนเดียวผู้สืบทอดการครองบัลลังก์จากฮ้องเต้ ปกติแล้วองค์ชายนั้นชอบออกจากวังเป็นประจำเช่นนี้ทุกวันเพื่อเข้าไปในแต่ละหมู่อยากรู้เรื่องการเป็นอยู่ในแต่ละเดือนมีปัญหาขาดอะไรตรงไหนองค์ชายจะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น วันนี้ก็เช่นกันท่านทรงเลือกมาดูที่แค้วเซี่ย แค่ได้ยินเสียงขบวนม้าทางเข้าแคว้นเซี่ยชาวบ้านส่วนใหญ่จะออกไปรอต้อนรับชายที่มีดวงตากลมโตสันกรามเห็นชัดเจนลำตัวสูงโปร่งหน้าตาดุ ๆ แต่ความจริงไม่ดุแค่เป็นคนไม่ค่อยพูดเยอะ นิสัยอกจะเย็นชาแต่ก็รับฟังทุกปัญหา ชาวบ้าน “องค์ชายทรงเดินทางอยากจะนั่งพักก่อนหรือไม่เพคะ “ เจียวจ้าน “ไม่ต้อง “ สิ้นสุดบทสนทนาเจียวจ้านนั้นได้ขึ้นหลังม้าเพื่อสำรวจทุก ๆ บ้านเรือนและมีทหารคอยติดตามตลอดเวลา ทหาร “องค์ชายขอรับ ที่นี่มีร้านขายของเก่าพวกของชิ้นโบราณทั้งหลายตรงไปอีก เลยไปสิบหลังคาเรือนก็จะเจอขอรับ” เจียวจ้าน “เจ้าเคยมาชื้อของที่นี่รึ “ ทหาร “ใช่ขอรับ ข้าชื้อมาแล้วนำไปขายต่อให้คนชั้นสูงได้ราคาสูงนัก “ เจียวจ้าน “หยุด “ เจียวจ้านเกือบชนเด็กแฝดทั้งห้า ยังดีนะที่หันกลับไปมองได้ทันการณ์ เจียวจ้าน “พวกเจ้าเป็นแ
บทที่5 7ปีต่อมา ณ . แคว้นเซี่ย ดินแดนทางใต้ของวังหลวงอยู่ห่างจากวังหลวงประมาณสองลี้ ซึ่งไม่ใกล้และไม่ไกลมากนัก เวลา 09.00 ณ.ร้านขายของเก่าวัตุโบราณ ตงหยาง “ท่านแม่ของเก่าแก่เหล่านี่ช่างขายดีนักขอรับ “ ซูซ่านย่อลำตัวลงจับแก้มหนุ่มๆ ของลูกชายวัยเจ็ดขวบด้วยความเอ็นดู ซูซ่าน “ แน่นอนสิลูก ต่อไปหากแม่ไม่อยู่ลูกจะต้องสืบทอดต่อจากแม่ เข้าใจหรือไม่ “ ตงหยาง “เข้าใจขอรับ “ ในขณะนั้นเสียงที่วุ่นวายของลูก ๆ ทั้งสี่ได้เข้ามาพร้อมดอกบัวเต็มไม้เต็มมือ ลำตัวเปื้อนโคลนเต็มเสื้อผ้าทั้งหน้าเห็นแค่แววตาใส ๆ เล็ก ๆกำลังแหงนหน้ามองแม่ของตัวเอง ซูซ่าน “ ป๋อหลิน ป๋อเหวิน ซูฮวา ซูเซียว แม่บอกพวกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปเล่นใกล้แม่น้ำ “ “ท่านแม่พวกข้าเห็นดอกใบบัวใกล้ฝั่งเลยเก็บมันมาด้วย แต่หากท่านแม่จะลงโทษลูกก็ยอมรับผิด “ คำพูดเสียงเล็กเสียงน้อยทำให้ซูซ่านใจอ่อนทุกทีเลย ซูซ่าน “ ลูกรู้หรือไม่หากโคลนดูดลงไปแล้วแม่จะอยู่อย่างไร ไม่สงสารแม่บ้างรึ “ ซูซ่านทำหน้างอนใส่ลูก ๆ หันหลังเดินจากไปที่หลังบ้านเพื่อทำของว่างให้ลูก ๆ นั่งกินเล่น ทันใดนั้นเด็กทั้งสี่ก็รู้ว่าแม่นั้นน้อยใจจึงวิ่งเข้าโผกอดเพื่อขอโทษ ป
บทที่4 สามเดือนต่อมา ซูซ่าน “ เหตุใดกับข้าววันนี้ถึงมีกลิ่นเหม็น ๆ ข้าจะอ้วก “ แม่ซูซ่านเห็นท่าทางลูกสาวมีอาการแปลกไปหรือว่าปลาตัวนั้นมันเหม็นจริง ๆ แม่ซูซ่านจึงเดินไปหาแล้วหยิบปลาย่างมาขึ้นมาชิมดู....ก็ปกติดีไม่มีกลิ่นเหม็นคาวอะไร แม่ “ปลาตัวนี้แม่หาได้ตัวเป็น ๆ เหตุใดเจ้าถึงกินมันไม่ลง มันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมาก..” จู่ ๆ แม่นางก็นึกถึงตัวเองในสมัยที่ยังสาวอาการเช่นนี้คืออาการของคนท้อง แม่ซูซ่านเลยเดินทางไปบ้านเฟยเถาเพื่อถามและปรึกษาเรื่องนี้ แม่ “เฟยเถาข้ามีเรื่องจะหาความกับเจ้า “ แม่ซูซ่านร้อนใจอยู่ตลอดเวลาขมวดคิ้วจนหน้าหย่น เฟยเถา “ มีเรื่องอะไรรึ ท่านบอกข้ามาได้เลย “ แม่ “ อยู่ ๆ ซูซ่านก็เกิดอาการเหม็นคาวปลา นางบอกว่านางกินไม่ลงมันเหม็นมาก ข้าสงสัยว่านางอาจจะท้อง “ เฟยเถาพูดอะไรไม่ออกได้แต่หลบหน้าแม่ซูซ่านไม่กล้าจะสบตานาน ๆ เพราะกลัวว่าความจริงจะหลุดออกจากปากนางเอง แม่ซูซ่านก็ผ่านเหตุการณ์มามากมายจึงดูออกว่าเฟยเถานั้นมีเรื่องที่กำลังปิดบังอยู่ แม่ “เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่ บอกข้ามา “ แม่ซูซ่านชักสีหน้าข่มขู่ให้เฟยเถานั้นพูดความจริงออกมา เฟยเถาที่เห็นว่าความลับจะปิดไม่อยู่
บทที่3 ซูซ่านถูกข่มขืน ผ้าสีขาวถูกคาดไว้ที่ปากไม่ให้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือมองไปที่ใดก็มีแต่ความมืดมิดแต่หูของซูซ่านนั้นได้ยินแต่เสียงบุรุษทั้งหลายเหมือนกำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างสำราญนางจึงตื่นกลัวมากกว่าเดิมพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อหนีออกจากที่นี่ ซูซ่าน “ปล่อยข้านะ “ เสียงรำไห่สั่นเครือในลำคอร้องขอความช่วยเหลือที่แผ่วเบาอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาด้านในย่องเบาเข้ามาอุ้มซูซ่านไปนอนราบบนเตียง แม่เล้า “ข้าหาสตรีมาทดแทนให้ท่านแล้วหวังว่าท่านจะพอใจ “ ปากสีแดงขยับพูดมาจากด้านหลังเพื่อเอาใจชายผู้มีฐานะ “วันนี่เจ้าทำดีมาก หาสตรีบริสุทธ์ แถมยังสาวหน้าตางดงามมาให้ข้าได้ระเริงเล่นบทรัก ฮ่า ๆ “ แม่เล้า “แค่ท่านพอใจข้าก็ยินดี “ หลังจากพูดจบนางแม่เล้าก็ปิดประตูเดินออกจากห้องไปด้านล่างด้วยความอารมณ์ดี “มาเป็นของข้าเถิด “ ชายผู้นี้กระชากผ้าที่คาดปากออกแล้วให้โอกาสซูซ่านได้เอ่ยออกมาแค่ชั่วคราว ซูซ่าน “ ท่านอย่าทำอะไรข้าเลย ปล่อยข้าไปเสียเถิด “ ซูซ่านอ้อนวอนอย่างน่าสงสารแต่มันก็ไม่เป็นผล “มาเถิด หากเจ้าเป็นของข้า ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าอย่างดี “ ทันใดนั้นมันใช้มือกดลำคอซูซ่านแล้
บทที่2 สวยตะลึง “เจ้ารูปโฉมงดงามนัก หากโตขึ้นกว่านี้คงมีแต่ชายแลมองไม่หยุด “ ซูซ่านจ้องมองตัวเองในกระจกพร้อมฟังเจ้าของร้านกล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก ในขณะนั้นเฟยเถาก็เดินเข้ามาพอดี เฟยเถา “เจ้างดงามยิ่งนัก พร้อมออกไปข้างนอกสู้สายตาผู้คนหรือยัง “ ซูซ่าน “ ข้าพร้อมแล้ว “ เด็กสาวซูซ่านก้าวขาบาง ๆ ออกสู่ข้างนอกสู้สายตาผู้คนที่มองมาเห็นสตรีงามพริ้งจนไม่อาจละสายตาแม้กระทั่งกลิ่นอายของความบริสุทธิ์ทำให้บุรุษทุกคนต้องเลียวมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฟยเถา “ คู่บ่าวสาวเดินคู่กันเต็มไปหมด “ เฟยเถามองไปทางข้างหน้าแหงนเมียงมองท้องฟ้าที่กำลังปกคลุมพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินอย่างเศร้าใจจนผู้คนเดินผ่านเดินชนหัวไหล่นางโดยไม่ได้ตั้งใจ “แม่นางยืนระวัง ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะชนท่านต้องขออภัยข้าเองก็ไม่ทันมอง “ เฟยเถารีบขอโทษหญิงชราที่เดินถือข้าวของเต็มไม้เต็มมือมีทั้งอาหารขนมผลไม้พร้อมจูงมือหลายชายตัวน้อยเดินออกจากเทศกาล เฟยเถา “ ขออภัยข้ามัวแต่เมอ ต่อไปข้าจะระวังให้มากกว่านี้ “ “ไม่เป็นไร งั้นข้าไปก่อนปานนี้ลูก ๆ คงรอข้าอยู่ “ ยายชรายิ้มร่ามองข้าวของที่ชื้อมาพร้อมจูงมือหลานชายออกไปมันช่างอบอุ่นไปทั่วหัวใจ จนนา
ย้อนไปเมื่อ17ปีที่แล้ว หญิงสาวแม่เลี้ยงเดี่ยว ชื่อซูซ่านนางเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนถูกรับเลี้ยงจากยายชราอายุ60ปี จนซูซ่านเติบใหญ่โตเป็นสาวอายุสิบเจ็ดหน้าตาสะสวยผิวขาวนวลผ่องสูงประมาณ 164 ซ.ม นางมีความใฝ่ฝันอยากจะหาเงินได้เยอะ ๆ เพื่อให้มีฐานะดีขึ้นจะได้ไม่ต้องลำบากนางจึงรับจ้างทำงานทุกอย่างเท่าที่สามารถจะทำได้ แม้กระทั้งงานก่อสร้างนางก็ยอมทำ แต่หากจะให้นางไปขายตัวนางไม่ยอม ถึงอย่างนั้นก็ไม่พ้นสายตาแม่เล้าในยานทางเมืองลั่วหยางอยู่ห่างจากราชวังศ์ชิงประมาณหกลี้ ซึ่งเป็นแถบที่ผู้คนเที่ยวเยอะที่สุด อยู่มาวันหนึ่งซูซ่านอยากมาดูเทศการวันตรุษจีนนางจึงขอแม่นางเดินทางไปที่นั้น แม่นางนั้นเห็นว่านางเริ่มเป็นสาวแล้วคงอยากเที่ยวตามประสานารีนึกเหมือนดอกไม้ที่กำลังออกดอก อยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมดา “ไปเถิด อย่ากลับมามืดค่ำละกันมันอันตราย “ น้ำเสียงพลางบอกกล่าวในลำคอที่เบาดังใบไม้แห้งเหี่ยวกล่าว ตักเตือนบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง ไม่ทันจะได้พูดอีกคำซูซ่านก็เดินออกจากเรือนเลยไม่ได้ยินสิ่งที่แม่จะพูดต่อไป จนเจอรถม้าผู้ที่พอมีฐานะมีรถม้าประจำบ้านกำลังออกเดินทางไปยังลั่วหยาง ทันทีที่เห็นซูซ่านวิ่งตา