เมฆายิ้มร้าย มัดเชือกที่ข้อมือน้อยแน่นหนึบ ชนิดที่ว่ามันไม่มีวันหลุดออกหากว่าไม่มีคนแกะมัน
“ทีนี้ก็เดินลงไปในน้ำ”
วารินทร์งุนงง น้ำตายังไหล กลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า น้ำไหลเชี่ยวมาก และเธอ...ว่ายน้ำไม่เป็น
“ฝนมันกำลังจะตกหนัก น้ำก็ไหลเชี่ยว ฉันกลัว” วารินทร์สารภาพ แม้จะอยากตายแต่ความกลัวก่อนตายมันก็รังแกหัวใจเธออยู่ดี
“นั่นแหละที่ฉันต้องการ ลงไปเดี๋ยวนี้!”
วารินทร์กัดฟันแน่น เดินลุยน้ำลงไปอย่างน้อยใจ เขาอยากให้เธอเจ็บปวด อยากให้เธอกลัว ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว สายน้ำช่างเย็นเฉียบและไหลแรงเหลือเกิน น้ำตกก็ร่วงหล่นอย่างหนักแน่นราวกับจะทับถมมนุษย์ตัวเล็กๆ เช่นเธอ
“เดินลงไปอีก อย่างนั้น เดินลงไปเรื่อยๆ หันหน้ามาทางนี้ด้วย”
เขาสั่งอยู่บนท่าน้ำ วารินทร์ร่ำไห้ หันหน้ากลับมาหาเขา น้ำลึกลงไปทุกคราที่ก้าวถอยหลัง เธอถอยลงไปจนระดับน้ำปริ่มที่ริมฝีปาก น้ำเย็นมากและไหลแรงจนขาเธอแทบจะยืนไม่ติดพื้น ด้านล่างฝ่าเท้ามีแต่ก้อนหิน ทั้งลื่นทั้งแหลม เจ็บเท้าไปหมด
“ยกมือซ้ายขึ้นมาให้ฉันเห็น”
วารินทร์ทำตาม ริมฝีปากสั่นกึกๆ เพราะความหนาว เมฆายิ้มสะใจ
“ฟังฉันให้ดี เธอต้องมุดลงไปใต้น้ำ ถ้าฉันไม่กระตุกเชือก อย่าได้คิดโผล่หน้าขึ้นมา ไม่อย่างนั้นพี่เธอมันเหลือแต่ชื่อแน่ๆ ได้ยินชัดไหม!”
วารินทร์น้ำตาร่วงกราว พยักหน้าให้เขา ยกแขนซ้ายขึ้นแล้วย่อกายลงไปในน้ำ แรงอัดจากกระแสน้ำทำให้อึดอัดอย่างไม่เคยเป็น ปลายเท้าเธอเริ่มไม่แตะพื้น เธอพยายามทรงกาย พ่นอากาศออกทางปากทีละน้อยเพื่อให้อยู่ใต้น้ำได้นานที่สุด เธอกลับตาแน่น ทั้งหวาดกลัวและเหน็บหนาว สายน้ำที่โอบล้อมรอบกายเหมือนเข็มแช่เย็นที่พุ่งมาทิ่มแทงตัวเธอ เธอเจ็บ เธอทรมาน และเธอใกล้จะไม่ไหวแล้ว
เมฆาครุ่นคิดอยู่ที่บันไดท่าน้ำ เขาทำมากไปไหมที่ลงโทษวารินทร์ด้วยวิธีนี้ ฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นจนเหน็บหนาว เขารีบกระตุกเชือกแรงๆ โล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่วารินทร์โผล่ขึ้นมา เขาจ้องไปยังหล่อนที่อยู่กลางเวิ้งน้ำ ดวงตาหล่อนแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นระริก
“ขึ้นมาสิ!” เขาสั่งแต่วารินทร์ไม่ทำตาม หล่อนจ้องมองมาด้วยแววตาที่เห็นแล้วเสียวสันหลังวาบๆ หล่อนร้องไห้อยู่ เขารู้แม้ว่าตอนนี้ฝนจะลงเม็ดหนักขึ้นก็ตาม หล่อนร้องไห้แต่ไยเล่าจึงแค่นยิ้มกลับมา
แล้วบางสิ่งก็ผุดขึ้นในสมอง ไม่...เขาหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น
“ยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้นะวารินทร์ ยกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เขาสั่งด้วยหัวใจสั่นไหวรัวๆ กระตุกเชือกถี่ๆ ก็รับรู้ว่ามันยังหนักอึ้ง แต่นั่นยังไม่พอ ลางสังหรณ์บอกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
วารินทร์ยกมือขวาขึ้นมา น้ำในลำธารไหลแรงขึ้นไปอีกจนเธอแทบจะยืนไม่อยู่ เธอพร้อมจะไปจากเขาแล้ว แต่ก่อนไปขอแกล้งผู้ชายใจร้ายให้หนำใจก่อน ความรู้สึกผิดจะได้เกาะกินใจเขาบ้าง
“ยกมือซ้ายสิวารินทร์ มือซ้าย! ให้ตายเถอะ! เธอกำลังป่วนประสาทฉันใช่ไหม!”
เมฆาร้องลั่น แต่วารินทร์ไม่ทำตาม เขาเร่งสาวเชือกมือเป็นระวิง ใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มด้วยว่าเชือกเบาจนน่าใจหาย และเมื่อสาวเชือกจนสุดก็มีเพียงหยดน้ำเท่านั้นที่เป็นของฝากกลับมา เขามองกลับไปยังวารินทร์ ใจเต้นถี่ระรัวเพราะที่กลางเวิ้งน้ำไม่มีร่างหล่อนอีกแล้ว!
“วารินทร์! วารินทร์!”
เขารีบเอาปลายเชือกด้านหนึ่งมัดกับเสาไม้ของท่าน้ำ ก่อนกระโจนลงไปโดยมีปลายเชือกอีกด้านติดมือไปด้วย สายน้ำกำลังไหลเชี่ยวเพราะเม็ดฝนเบื้องบน เขาต้องหาวารินทร์ให้เจอ
“วารินทร์! เธออยู่ไหน! วารินทร์!”
เมฆาดำผุดดำว่ายหาร่างบางท่ามกลางแรงบีบรัดของกระแสน้ำ มันไหลแรงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เชี่ยวกราก
วารินทร์พยายามทรงกายในน้ำด้วยการถีบเท้า ทว่ายิ่งถีบถี่ขึ้นแรงเธอยิ่งน้อย ยิ่งถีบก็เหมือนว่าตัวเองจะถูกพัดไปตามสายน้ำที่กำลังไหลบ่า
“เฮือก!” วารินทร์โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาหายใจก่อนจะถูกดูดลงไปอีกครั้ง ตัวเธอเหมือนลูกข่างอันน้อยที่กำลังหมุนอยู่กลางสายน้ำไหลเชี่ยว มันไหลแรงและพัดเธอไกลออกไปจากจุดเดิมทุกที...ทุกที
“วารินทร์!” เมฆามุดลงไปใต้น้ำ วารินทร์อยู่ห่างจากเขาหลายช่วงตัว และหล่อนกำลังถูกสายน้ำพัดออกไปเรื่อยๆ เขาผูกเชือกกับข้อเท้าแล้วรีบว่ายน้ำไปควานหาร่างหล่อนก่อนที่ความยาวของเชือกจะสิ้นสุด
“วารินทร์! วารินทร์ แค่กๆ” เขาสำลักน้ำหูตาแดงก่ำ สองมือดึงร่างวารินทร์ไว้ได้ก่อนที่หล่อนจะถูกพัดไปพร้อมกับสายน้ำ
“แค่กๆ แค่กๆ คุณ...ฉะ...กลัว ฉันกลัว!”
วารินทร์พร่ำบอก หน้าซีดปากสั่น เมฆาใจหาย รีบดึงเชือกออกจากข้อเท้าเพื่อจะได้ใช้มันนำทางเพื่อกลับไปยังท่าน้ำ เขาพาหล่อนเดินเลียบริมน้ำ มันไม่ลึกก็จริงแต่ก็ไหลแรงมิใช่น้อย
“ขึ้นมานี่เร็ว เธอจะทำให้ฉันช้า” เขาร้องบอกแล้วดันวารินทร์ไปข้างหลัง มือหนายึดเชือกไว้มั่นกลัวว่าจะหลุดจากสิ่งยึดสิ่งเดียวที่มี หล่อนปีนขึ้นหลังเขา กอดคอเขาแน่นในขณะที่เขาต้องเดินลุยน้ำที่สูงถึงเอวโดยแบกวารินทร์ไว้
“เรา...จะตายไหม!” ร้องถามเสียงตะกุกตะกัก แลเห็นท่าน้ำอยู่ไม่ไกลแต่สายน้ำก็เชี่ยวเหลือเกิน มองไปทางม่านน้ำตกผืนใหญ่ก็เห็นแต่ละอองน้ำหนาแน่นเพราะน้ำที่ตกลงมามีมวลมหาศาล มันแปรผันตามพายุฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา
“ไม่! ฉันไม่ให้เธอตาย!” เขาประกาศ ดึงเชือกแรงขึ้นเพื่อจะได้พาสาวน้อยที่อยู่บนหลังไปให้ถึงที่หมาย ปลายเท้าที่ก้าวอยู่ใต้ผิวน้ำกำลังจะแข็งเพราะความหนาวเย็น ก้อนกรวดก้อนหินที่อยู่ใต้มันก็เป็นเหมือนดั่งเข็มฉีดยาเย็นเฉียบที่กำลังทิ่มแทงฝ่าเท้าเขา นี่เขาเป็นบ้าอะไรถึงได้บอกให้วารินทร์ทำอะไรบ้าๆ อย่างนั้น เขาทำอะไรลงไป!
วารินทร์กัดฟันแน่นบนหลังของนายเหมืองหนุ่ม สองแขนเรียวคล้องคอเขาด้วยกลัวว่าตัวเองจะถูกน้ำพัดไป ความรู้สึกตอนใกล้ตายมันเป็นอย่างนี้นี่เอง จะตายก็ไม่ตาย จะสู้ต่อไปก็ท้อเหลือเกิน
“หลับตาซะวารินทร์หลับตา แค่อึดใจเดียวแล้วเธอจะไปยืนบนนั้น เชื่อฉัน!”
วารินทร์กลับตาปี๋ กอดคอเขาแน่น ขาเรียวที่เกี่ยวเอวสอบก็เกี่ยวมันไว้แน่นหนึบ แก้มเธอชาไปหมดเพราะเม็ดฝน มันทั้งเย็น ทั้งเจ็บเพราะฝนที่ร่วงหล่นไม่ปรานีแก้มบางๆ ของเธอเลย เมฆายังพาเธอลุยน้ำไปเรื่อยๆ เธอไม่รู้ว่าเขาเดินไปถึงไหน ฝนตกหนักเสียจนลืมตาแทบไม่ได้ แผ่นหลังเขาช่างอบอุ่นแม้ว่ามันจะชุ่มด้วยน้ำฝน เขาเป็นผู้ชายใจร้ายที่อยากให้เธอตาย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ใจร้ายปล่อยให้เธอตายไปจริงๆ
“ถึงแล้ว! เรามาถึงแล้ว!”
เมฆาหอบแฮ่กๆ ดึงวารินทร์ลงจากหลังแล้วส่งหล่อนให้ไปนั่งบนท่าน้ำ ก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไป เขาดึงหล่อนขึ้นมากอดแต่ร่างบางอ่อนแรงเกินกว่าจะยืนไหว เขาเลยต้องอุ้มขึ้นมาแล้วพาเดินตากฝนกลับไปที่เรือนใหญ่ ด้วยสองขาที่ยังเข้มแข็งเพื่อวารินทร์!
เปลือกตาอันหนักอึ้งของเกล็ดมุกเปิดขึ้นช้าๆ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาล โชยเข้าจมูกจนเธออยากจะอาเจียน เธอขยับกายด้วยความเมื่อยล้า แต่ร่างกายที่ผิดปกติทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบแตะที่หน้าท้อง“ลูก...ลูกจ๋า...ฮือออ...”“หนูเล็ก อย่าร้องลูกอย่าร้อง”เจ้าสัวใหญ่รีบเข้าปลอบบุตรสาวที่เริ่มโวยวายด้วยความเข้าใจผิด“คุณป๋าขา...ฮึกๆ ลูก...”“เขายังอยู่ลูก หลานของป๋าเขาเข้มแข็งมากรู้ไหม”คำบอกเล่าเพียงเท่านั้น ก็สามารถทำให้คนกำลังจะเป็นแม่ยิ้มได้ทั้งน้ำตา เกล็ดมุกไม่ขออะไรมากมาย เธอขอแค่ให้ลูกในครรภ์ปลอดภัยเท่านั้น“มุก! คุณฟื้นแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจดังขึ้นทันทีที่ประตูถูกผลักเข้ามา เจ้าสัวหน้าตึงใส่โทนี่ที่ไม่สามารถรั้งหมาบ้าตัวนี้เอาไว้ได้ การ์ดหนุ่มได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดอยู่หน้าประตู“มุก...คุณไม่เป็นไรใช่ไหม คุณปลอดภัยแล้วนะที่รัก”วาคิมพร่ำพูด เข้าไปเกาะขอบเตียง จับมือแม่ของลูกมากุมไว้อย่างแสนรักเกล็ดมุกใจเสีย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลทำเอาเ
[12]น้ำตาของวาคิม___________ร่างอวบท้วมของนมน้อมเดินออกมาจากห้องของนายเหมืองหนุ่ม นางถือกะละมังใบเล็กมีผ้าผืนหนึ่งวางพาดบนปากขอบ มันเป็นภาพที่เมฆาเฝ้ามองมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วารินทร์เป็นไข้และยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย“เสียใจด้วยนะคะคุณชาย ดิฉันยืนยันว่าแม่หนูคนนั้นยังมีลมหายใจ”นางน้อมค้อนให้เจ้านายอย่างเคย แต่วันนี้มีหน้างอง้ำและคำแทนตัวประชดประชันแถมมาด้วย นางรู้เรื่องที่เจ้านายทำกับวารินทร์เมื่อเช้า หลังจากคะยั้นคะยอว่าไปแกล้งเจ้าหล่อนท่าไหนถึงได้ป่วยนอนซม แล้วความจริงก็ทำให้นางอดเคืองไม่ได้ คุณชายใหญ่ของนางทำเกินไปจริงๆเมฆามัวแต่กังวลเรื่องคนที่นอนซมตั้งแต่เมื่อวาน เลยมองผ่านการประชดประชันของแม่นมคนดี เขากลับเข้าห้องอีกครั้ง หลังจากรบกวนแม่นมให้ช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วารินทร์ หล่อนยังนอนแบ็บอยู่บนเตียง ดวงตาสีนิลปิดสนิท มีคราบน้ำตาจางๆ ติดอยู่ที่พวงแก้ม สีหน้าหล่อนดีขึ้นมาก ลองเอามืออังที่หน้าผากก็พบว่าหล่อนไม่มีไข้แล้วนายเหมืองหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก กวาดไล้สาย
เมฆายิ้มร้าย มัดเชือกที่ข้อมือน้อยแน่นหนึบ ชนิดที่ว่ามันไม่มีวันหลุดออกหากว่าไม่มีคนแกะมัน“ทีนี้ก็เดินลงไปในน้ำ”วารินทร์งุนงง น้ำตายังไหล กลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า น้ำไหลเชี่ยวมาก และเธอ...ว่ายน้ำไม่เป็น“ฝนมันกำลังจะตกหนัก น้ำก็ไหลเชี่ยว ฉันกลัว” วารินทร์สารภาพ แม้จะอยากตายแต่ความกลัวก่อนตายมันก็รังแกหัวใจเธออยู่ดี“นั่นแหละที่ฉันต้องการ ลงไปเดี๋ยวนี้!”วารินทร์กัดฟันแน่น เดินลุยน้ำลงไปอย่างน้อยใจ เขาอยากให้เธอเจ็บปวด อยากให้เธอกลัว ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว สายน้ำช่างเย็นเฉียบและไหลแรงเหลือเกิน น้ำตกก็ร่วงหล่นอย่างหนักแน่นราวกับจะทับถมมนุษย์ตัวเล็กๆ เช่นเธอ“เดินลงไปอีก อย่างนั้น เดินลงไปเรื่อยๆ หันหน้ามาทางนี้ด้วย”เขาสั่งอยู่บนท่าน้ำ วารินทร์ร่ำไห้ หันหน้ากลับมาหาเขา น้ำลึกลงไปทุกคราที่ก้าวถอยหลัง เธอถอยลงไปจนระดับน้ำปริ่มที่ริมฝีปาก น้ำเย็นมากและไหลแรงจนขาเธอแทบจะยืนไม่ติดพื้น ด้านล่างฝ่าเท้ามีแต่ก้อนหิน ทั้งลื่นทั้งแหลม เจ็บเท้าไปหมด“ยกมือซ้ายขึ้นมาให้ฉันเห็น”
“เอาเลยหมอ ชีวิตลูกสาวผมสำคัญกว่า”เจ้าสัวตัดสินใจโดยไม่ต้องคิด อย่างไรเสียชีวิตของบุตรสาวต้องมาก่อน“ไม่! เอาไว้ทั้งสองคนเถอะ ขอร้อง”วาคิมสวนเสียงกร้าว ไม่นำพาต่อสายตาขุ่นเคืองของเจ้าสัว“ลื้อไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่ง นั่นมันลูกสาวอั๊ว” โวยลั่นด้วยความโกรธ มันเริ่มปะทุตั้งแต่เห็นสีหน้าท่าทางของคนจองหองอวดดีคนนี้“นั่นก็เมียกับลูกผมเหมือนกัน มุกรักลูกมากแค่ไหนเจ้าสัวน่าจะรู้ ถ้าไม่มีลูกก็เหมือนฆ่าเธอทั้งเป็น”เจ้าสัวไม่อยากฟัง แทบจะเบือนหน้าหนี“คนไข้อาการแย่มาก แถมเลือดของเธอก็เป็นเลือดกรุ๊ปหายาก หมอเกรงว่าถ้าช่วยเด็กด้วย....”“ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับเธอ! ผมจะให้เลือดเธอเอง เร็วเข้าสิครับหมอ!” ชายหนุ่มเร่งเร้าในที่สุดก็ไม่มีใครขัดประกาศิตเจ้าชายน้ำแข็งได้ ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจึงได้มานอนให้เลือดแก่หญิงสาวในขณะนี้ หยาดโลหิตจากตัวเขาถูกถ่ายเทให้เกล็ดมุกหยดแล้วหยดเล่า กระทั่งใบหน้าซีดเซียวเริ่มซับสีเลือดขึ้นมาทีละน้อย ทีมแพทย์ที่ทำการรักษา เร่งป
[11]ตัวจริงของเกล็ดมุกตัวปลอมของเมฆา______________________‘ห้อง 211 น.ส. เกล็ดมุก เฉิน’วาคิมกัดฟันกรอดๆ จ้องประตูห้องพักฟื้นไม่วางตา ป้ายเลขห้องไม่ยอกแสยงใจเท่านามสกุลที่แปะอยู่ข้างชื่อของหล่อน มันไม่ใช่นามสกุลที่หล่อนใช้ตอนสมัครงาน แต่เป็นนามสกุลของเจ้าสัวแห่งเพิร์ล“นี่ขนาดจดทะเบียนสมรสกับผัวแก่เลยเหรอ เธอนี่มันแน่จริงๆ’สายตาคมมองผ่านช่องกระจกของบานประตู ก่อนจะหันมาสั่งกวิน“นายรออยู่ข้างนอก อย่าให้ไอ้หัวทองมันเข้าไปจนกว่าฉันจะออกมา”“ครับ เจ้านาย” กวินรับคำ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้เจ้านายและปิดมันลงเบาๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปในนั้นเรียบร้อยบอดี้การ์ดหนุ่มยืนปักหลักเฝ้าหน้าห้อง เตรียมพร้อมรับมือไอ้หมียักษ์หัวทองที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ______________ภายในห้องพักฟื้นร่างเล็กบอบบางนอนแบ็บอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หลังมือด้านขวาของหล่อนถูกพันธนาการไว้ด้วยเข็มน้ำเกลือ ใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคยบัดนี้ซีดเซียวไร้สีสัน
“นี่! นายจะเอาอะไร ทำไมไม่ยอมพูดล่ะ เอ๊ะ...หรือว่านายเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ไม่ๆๆ นายห้ามอาบน้ำเด็ดขาด! อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวไข้ขึ้น หรือว่านายหิวข้าว? เดี๋ยวฉัน...เดี๋ยวฉัน ฉัน...กลับห้องดีกว่า...”วารินทร์สะดุดกึกเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเมฆา เธอรีบหยุดความห่วงใยที่ส่งผ่านคำพูดรัวเป็นชุด รีบดึงมือน้อยออกจากการเกาะกุม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเตรียมตอบคำถามว่าเพราะเหตุใด เธอถึงยังอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาไล่กลับห้องไปแล้ว“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้ามานะ พอดีฉันได้ยินเสียงนายคราง คงเพราะพิษไข้ ฉันก็เลย...” แก้ตัวไม่ทันจบก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง วารินทร์นิ่งอึ้งไม่ขัดขืน ยินยอมให้ไหล่น้อยๆ ของเธอเป็นที่พักพิงแก่นายเหมืองผู้เอาแต่ใจ เขากอดเธอแน่น เกยศีรษะได้รูปบนบ่าของเธอ“นายเหมือง...เป็นอะไร” เธอถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลยนั่งอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน กระทั่งแรงสะท้านจากคนตัวใหญ่ทำให้เธอใคร่รู้ เธอดันเขาออกห่าง และได้รู้ว่าบ่าน้อยๆ กำลังเปียกชุ่ม“นะ...นายร้องไห้ทำไม ไม่อยากจะเชื่อ! สงสัยนายคงยัง