“แน่ใจหรือว่าผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของคุณ เจ้านายผมฝากมาบอกพวกคุณว่าถ้ายังไม่อยากตาย เลิกยุ่งกับคุณหนูเล็กซะ ไม่อยากนั้นจะได้กิน ‘ลูกปืน’ แทนข้าว” พ่อหมียักษ์ส่งสารตามที่เจ้านายสั่งไว้จนจบ เขาอุ้มร่างของคุณหนูเล็กขึ้นแนบอกแล้วก้าวยาวๆ ออกไปจากห้อง ตามด้วยชายชุดดำรั้งท้ายอีกเป็นขบวน
“โธ่เว้ย! พวกมันเป็นใครกวิน ฉันต้องการรู้ในสิบนาที มันกล้าทำขนาดนี้หยามกันชัดๆ สารเลวเอ๊ย!” ก่นด่าด้วยแรงอารมณ์ ของที่อยู่ใกล้มือที่สุดมีอันต้องลอยละลิ่วด้วยถูกปาจากมือเจ้าของ
วาคิมกลับเข้าไปในห้องนอน ระบายความโกรธแค้นที่โหมแรงราวพายุน้ำแข็งลงกับข้าวของในนั้น ยี่สิบนาทีต่อมาพายุลูกใหญ่ก็พัดผ่านเหลือเพียงเศษซากอารมณ์ที่พังยับ มันเกลื่อนกระจายบนพื้นห้อง อาจจะกองรวมกับเศษแจกันหรือไม่ก็โคมไฟทรงพระจันทร์สีนวลที่ตอนนี้เว้าแหว่งเหลือเพียงครึ่งเสี้ยว
กวินกวาดสายตามองไปรอบห้อง พายุอารมณ์เริ่มอ่อนแรงแล้ว เขาเองก็อยากระบายอารมณ์ให้หายแค้นกับอะไรสักอย่าง แต่เจ้านายที่เคารพคงไม่อาจอยู่ได้ลำพังในสภาพนี้
“ไม่ต้องรอถึงสิบนาทีหรอก ถ้าเป็นไอ้หมียักษ์นั่น ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็นมันติดสอยห้อยตามเจ้าสัวแห่งเพิร์ลออกงานอยู่บ่อยๆ แต่ว่าเรื่องของเรื่อง คุณมุกไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ได้ยังไง คนพวกนี้ค่อนข้างลึกลับ บ้างก็เล่าปากต่อปากว่าเป็นพวกอิทธิพลมืด ตั้งตัวเป็นมาเฟียคุมธุรกิจสีเทา แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว ถ้าจะพูดให้ถูกละก็ เจ้าสัวแห่งเพิร์ลก็คืออดีตเจ้าพ่อดีๆ นี่เอง” พูดแล้วก็ถอนหายใจ เห็นทีว่าเจ้าชายน้ำแข็งจะเจอตอเสียแล้ว
“มาเฟียงั้นเหรอ ฉันไม่กลัวหรอก ถ้าเกล็ดมุกไม่อยู่ในมือของมัน รับรองว่าไอ้หมียักษ์นั่นไม่ได้กลับไปครบสามสิบสองแน่!” เขาคาดโทษเจ้าหมียักษ์หัวทองด้วยความโกรธที่เต็มเปี่ยม เตรียมจะระเบิดออกมาอีกระลอก
“ตามคุณอาวัลลภให้ฉันที ให้เขาเอาประวัติส่วนตัวของเกล็ดมุกขึ้นมาด้วย ฉันอยากรู้ว่าเธอได้อะไรจากเราไปบ้าง”
‘นอกจากหัวใจของฉัน’ ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดมันออกไป แต่เก็บมันไว้รอคิดบัญชีกับเจ้าตัว
“ครับ เจ้านาย”
______________
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในความรู้สึกของเกล็ดมุก ทุกวันคืนที่ผันผ่านช่างเงียบเหงาหัวใจ บิดาและพี่ชายคอยหยิบยื่นความรักความเอาใจใส่ไม่เคยขาด แต่มันไม่สามารถเติมเต็มความโหยหาที่เธอมีต่อวาคิมลงไปได้ ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ วาคิมยังเงียบหายเหมือนตายจาก คำว่าเมียที่เขาประกาศชัดก่อนจากกันคงเป็นเพียงคำลวง วาคิมไม่ผิด ไม่ผิดสักเรื่องเดียว เธอเองที่ผิด ผิดที่รักเขา ผิดที่ลืมเขาไม่ได้สักที
เธอเตือนตัวเองเป็นร้อยครั้งว่าควรตัดใจให้ขาด ลบเขาออกไปจากใจให้ได้ แต่มันยากเย็นเหลือเกิน เมื่อต้นรักที่วาคิมโยนใส่หัวใจบอบบางดวงนี้ ได้หยั่งรากลึกลงจิตใจจนยากจะถอดถอนเสียแล้ว เธอทำได้เพียงลิดกิ่งก้านใบทิ้งเสีย ไม่ให้มันเติบใหญ่หรือผลิดอกออกช่อ เธอจะให้มันเฉาตายไปทีละนิด...ทีละนิด แม้ว่าหยาดน้ำตาแห่งความคะนึงหาจะรินรดให้ต้นของมันชุ่มฉ่ำทุกวินาทีก็ตาม
มือเรียวจับช้อนเขี่ยข้าวในจาน สองตาเฝ้ามองมันแต่ไม่ได้รู้สึกอยากกิน นอกจากวาคิมแล้วยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เธอเริ่มเป็นทุกข์ ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอเคยวาดฝันไว้ มันกำลังจะเป็นจริง
เจ้าสัวเมฆินทร์มองบุตรสาวด้วยความห่วงใย คุณหนูเล็กของบ้านนั่งเขี่ยข้าวมาเกือบสิบนาที ท่านกำลังสงสัยบางอย่าง แต่ไม่อาจคาดคั้นเอาความ อยากให้เจ้าตัวสารภาพออกมาเอง หากว่านั่นเป็นเรื่องจริง
“กับข้าวไม่อร่อยหรือลูก ป๋าเห็นหนูนั่งเขี่ยมันมาเกือบสิบนาทีแล้วนะ” ทักท้วงด้วยห่วงใย พักนี้บุตรสาวบอกว่าไม่ค่อยสบาย หากข้าวปลาไม่ยอมแตะอย่างนี้เมื่อไรเล่าจะหาย
“คิดถึงฝีมือนมน้อมหรือหนูเล็ก เข้าเหมืองพร้อมเฮียไหมล่ะ นมน้อมคงดีใจที่หนูเล็กไปเยี่ยม” คนเป็นพี่ยกเอาแม่นมขึ้นมาอ้าง เขาอยากเห็นน้องสาวที่ร่าเริงสดใสคนเดิม ไม่ใช่ผู้หญิงตรงหน้าที่มีแต่ตัวแต่ไร้หัวใจ ทว่าถามออกไปเกล็ดมุกก็ยังเงียบ
“ยัยหนูเป็นอะไร อย่าเอาแต่เงียบ ลูกสาวเจ้าพ่อต้องกล้าเผชิญกับความจริง อย่าขี้ขลาด เก็บมันไว้ก็ทุกข์เปล่าๆ สู้พูดมันออกมา แล้วหาทางแก้ไขดีกว่า เรา...มีกันสามคนแค่นี้นะ ป๋ากับเฮียไม่ทอดทิ้งหนูแน่นอนลูกรัก” เจ้าสัวใหญ่เตือนสติลูกด้วยความปรารถนาดี ในใจก็หวังลึกๆ ว่าขอให้ท่านเข้าใจผิดไปเองในเรื่องที่ค้างคาใจนั้น
เมื่อได้ฟังคำปลอบประโลมและให้กำลังใจจากคนทั้งสอง น้ำตาเม็ดโตๆ ของคุณหนูเล็กก็พลันหยดแหมะลงบนจานข้าว มันอึดอัดเหลือเกินที่ต้องมาสารภาพความจริง แต่ไม่พูดก็ไม่ได้ ความจริงมันกำลังจะฆ่าเธอ
“คุณป๋าขา...เฮียเมฆ หนูเล็ก...คือว่า...” เหมือนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าปล่อยน้ำตาเจ้ากรรมให้มันรินหล่นบนหลังมือ พยายามรวบรวมความกล้าอีกครั้ง แม้ว่ามันต้องใช้เวลาหลายนาทีก็ตาม
เมฆารู้สึกอิ่มขึ้นมาดื้อๆ เขารวบช้อนแล้วจิบน้ำหวานสีสวย รอคอยคุณหนูเล็กของบ้านเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่าง เห็นทีว่าคราวนี้ปัญหาที่หล่อนกำลังเผชิญคงหนักหนาเกินกว่าที่เจ้าตัวจะเยียวยาเพียงลำพัง
เจ้าสัวเมฆินทร์เอื้อมมือของท่านไปเกาะกุมมือน้อยๆ ของบุตรสาว บีบมันเบาๆ ส่งผ่านกำลังใจไปให้
“พูดออกมาลูก พูดมันออกมา”
“ฮึกๆ หนูเล็ก...ฮึก ขอโทษคุณป๋า...กับเฮียด้วย ฮึกๆ หนูเล็กขอโทษ... หนูเล็กกำลังจะมี...เด็ก หนูเล็กท้องค่ะ หนูเล็กท้อง...”
ท้ายประโยคเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา ได้แต่ก้มหน้าสะอื้นไห้ รอรับโทษทัณฑ์จากคนทั้งสองด้วยความเต็มใจ เธอผิดเองเธอรู้ดี เธอผิดสัญญาที่ให้ไว้กับบิดาเพียงเพราะอยากได้ตัวแทนจากเขา ผู้ชายที่ไม่เคยรักเธอเลยคนนั้น
เธอหยุดชั่วครู่แล้วหันไปมองหน้าเจ้าบ่าวเล็กน้อย เขาดูหล่อเหลาเอาการ ไม่แพ้พี่ชายเธอเลย เขาดูสุขุมเยือกเย็นแต่แววตาเต็มไปด้วยแววบางอย่างที่เธอมองแล้วอบอุ่นหัวใจ อบอุ่น...เหมือนวันนั้นเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด“ตอนมุกไปเรียนที่อังกฤษ มุกได้เจอกับวีวี่ เอ่อ...น้องวา ที่มหาวิทยาลัย เราสองคนเป็นเพื่อนรักกันนับแต่วันแรกที่พบหน้า แล้วอยู่ๆ วันหนึ่ง กามเทพก็เล่นตลก คือตอนนั้นมุกไม่รู้จริงๆ ว่าคุณวาเป็นพี่ชายของวีวี่ ตอนนั้นมุกเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในทะเลสาบหน้ามหาวิทยาลัย น้ำนี่เย็นเฉียบเลยค่ะ มุกยังจำได้ดี ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย อัศวินขี่ม้าขาวก็ยื่นมือเข้ามาช่วย และตั้งแต่นั้นมา ใบหน้าของอัศวินคนนั้นก็ไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจของมุก หัวใจของมุกไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นแม้สักวินาที มุกยอมแลกแม้กระทั่ง...ศักดิ์ศรี”เกล็ดมุกสะดุดถ้อยคำที่เตรียมเอาไว้ในใจเมื่อวาคิมแย่งไมโครโฟนจากมือเธอ เขาคงกลัวว่าเธอจะเอ่ยในสิ่งที่ต้องทำร้ายหัวใจตัวเองอีกครั้งวาคิมเอื้อมมือไปรั้งเอวของเจ้าสาวเข้ามาใกล้ ดันตัวหล่อนให้ซบใบหน้ากับอกอุ่นของเขา เป็นเหมือนสัญญาณเตือนบอกว่าให้เลิกพร่ำเสียที“พอแล้ว...พอเถอะมุก ผมรู้แล
“เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว ไปอยู่บ้านเขาต้องเป็นแม่บ้านที่ดีรู้หรือเปล่า อย่าวู่วามอย่าใจร้อน หัดคิดก่อนพูด ระลึกเอาไว้เสมอว่านั่นไม่ใช่บ้านเรา จะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ถี่ถ้วน ไม่ใช่ทำแล้วมาเสียใจสำนึกผิดทีหลัง ลูกต้องอดทนให้มากๆ หัดฟังพี่เขาให้จบ อย่าตีโพยตีพายเหมือนตอนที่อยู่บ้านเรา พ่อเมฆคนนี้แม่ดูออก แม่มั่นใจ หัวใจของเขามีลูกสาวของแม่แล้ว จงรักษาไว้ให้ดี รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พิจารณาให้ถ้วนถี่ อย่าใช้แต่อารมณ์เหมือนที่ผ่านมา สุดท้ายนี้แม่ก็ขอให้ลูกสาวแม่...มีความสุข มีเวลาก็กลับมาเยี่ยมแม่บ้าง...นะลูกนะ”นางกลั้นก้อนสะอื้น วารินทร์กอดรัดมารดาแนบแน่น น้ำตาไหลพรากๆ ไม่หยุดเกล็ดมุกหยิบกระดาษเช็ดหน้าไปซับหยาดน้ำตาให้เพื่อนรักและแม่สามี ก่อนที่ทั้งสามจะสวมกอดกันอีกครั้งเกล็ดมุกยังคิดถึงมารดา แม่ขา...หนูเล็กมีความสุขเหลือเกิน แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูเล็กจะดูแลตัวเองและหลานของแม่ให้ดีที่สุด แม่มองมาจากสวรรค์เอาใจช่วยหนูเล็กด้วยนะคะ______________คุณหนูคนเล็กของสองตระกูลในชุดเจ้าสาว เดินกรุยกรายผ่านประตูบานใหญ่เข้ามา เจ้าสัวรีบไปรับบุตรสาวจากมือคุณหญิงเพื่อไปส่งให้ถึงมือเจ้าบ่าว
[18]วิวาห์หวาน___________อาทิตย์ถัดมา วันแต่งงานใบหน้าของเจ้าสาวคนงาม ถูกแต่งแต้มไว้ด้วยเครื่องสำอางราคาแพงจนเนียนกริบ พร้อมพรั่งด้วยเสื้อผ้าทรงผมที่ถูกช่างหลายชีวิตเนรมิตให้เธอสวยที่สุดในงานวันนี้ วารินทร์เพ่งพินิจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ภาพที่สะท้อนผ่านกระจกเงาบานใหญ่ช่างงดงามประดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย ไม่น่าเชื่อว่าชุดเจ้าสาวจะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งดูสง่างามได้ถึงเพียงนี้ มันช่างมีมนต์ขลังเมื่อเธอจะได้ใส่ชุดนี้เดินกรุยกรายอยู่เคียงข้างเจ้าบ่าว มวลความสุขคงอบอวลไปทั่ว แต่จะดีกว่านี้ หากเจ้าบ่าวของเธอมีหัวใจรักให้เธอบ้างเพื่อนรักของวารินทร์ก็เช่นกัน เกล็ดมุกกำลังจ้องอยู่กระจกเงาอีกบานที่สูงใหญ่ไม่แพ้กัน ผิดก็แต่ชุดเจ้าสาวของเธอฟูฟ่องกว่าของวารินทร์ ช่วยพรางหน้าท้องนูนน้อยๆ ของว่าที่คุณแม่ได้ดีเหลือเกิน เกล็ดมุกกำลังคิดว่าวันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก อาทิตย์ที่แล้วเธอเพิ่งไปถ่ายรูปและลองชุดที่สตูดิโอแท้ๆ แต่วันนี้กลับเป็นวันงานจริงๆ แล้ว พิธีตักบาตรและพิธีหมั้นผ่านพ้นไปด้วยดีในตอนเช้า รวมทั้งพิธียกน้ำชาด้วย บรรดาแขกเหรื่อมาร่วมยินดีกันล้นหลาม ทุกคนต่างอวยพรให้ชีวิ
“โธ่เอ๋ย ฉันก็เลยปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม ริสอนเขาทำกับข้าว แถมยังบอกให้เขากลับไปทำให้น้องมีนผู้น่ารักกินอีก”‘นั่นละว่าที่ลูกเขยเรานะที่รัก’วาคิมคิดอยู่ในใจ แต่เรื่องสำคัญเขาต้องหาเวลาเคลียร์กับเจ้าบอดี้การ์ดหน้าตี๋เสียก่อน มันมาให้เมียเขาสอนทำกับข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“ฉันเอ็นดูพ่อหนูนั่นนะ ฉันทำขนมไปฝากแกบ่อยๆ พวกกับข้าวแล้วก็อาหารที่ฉันทำให้คุณแต่คุณไม่เคยแตะ ฉันก็เคยชวนสองพ่อลูกนั่นมาร่วมวงกินด้วยกัน” บอกอย่างอยากประชดเขา แต่ประชดออกมาแล้วกลับเป็นตัวเองที่เจ็บหัวใจ“ผมสัญญา หลังแต่งงานผมจะรอกินฝีมือคุณทุกวันเลย”หากเป็นคู่รักคู่อื่น ฝ่ายหญิงคงได้ยิ้มแก้มปริ แต่ไม่ใช่คู่ของเกล็ดมุก ยิ่งเขาพูดออกมาอย่างนั้นเธอก็ยิ่งช้ำใจ เหมือนว่าเขามาสะกิดแผลใจให้มันปริแยกแตกออกอย่างไรอย่างนั้น“ไม่ละ ฉันเบื่อที่ต้องเอาใจคนอื่น”“แม้แต่สามีงั้นเหรอ”“ใช่! อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ”เขาพยักหน้า รับรู้และเข้าใจความเจ็บปวดที่หล่อนสื่อออกมาทางแววตา“แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากให้หล่อนคิดมากในเรื่องอดีต เขากลับไปแก้ไขมันไม่ได้จริงๆ“ก็นิดหน่อย แค่ช่วงนี้ไม่ชอบกินของหวาน”“อืม...เห
เกล็ดมุกหน้าเจื่อน เธอแค่อยากประชดคนที่มานั่งรอเท่านั้นเอง“หนูเล็กขอโทษค่ะคุณป๋า หนูเล็กหงุดหงิดนิดหน่อย ความจริงหนูเล็กไปลองชุดกับวีวี่ก็ได้ เห็นเขาบ่นๆ ว่างานยุ่งหนูเล็กก็เลยไม่อยากให้เขาเสียเวลา”“ไม่หรอก ป๋ารู้ดี ที่เขามาเพราะอยากให้เกียรติหนูนะลูก”“คุณป๋าแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะถูกบังคับทางอ้อม เขาอาจจะทำเพื่อเด็กที่กำลังจะเกิดมาก็ได้ แล้วเรื่องในอดีตคุณป๋าลืมมันได้เหรอ ไม่โกรธแล้วหรือคะ”“โกรธสิ โกรธมากด้วย แต่ถ้าอนาคต เขาสามารถทำให้ลูกสาวป๋ามีความสุขได้ ป๋าก็จะทำลืมๆ ไปซะ หนูเองก็เหมือนกัน อย่าทิฐิให้มากนัก คิดถึงวันแรกที่หนูตัดสินใจไปอยู่กับเขาให้มากๆ หนูรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอยากให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้นมากแค่ไหน ป๋าพูดถูกใช่ไหมลูกรัก”ท่านให้ข้อคิด มือลูบศีรษะบุตรสาวให้กำลังใจ เกล็ดมุกยอมตัดขาดจากวาคิมช่วงหนึ่งก็เพราะเห็นแก่พ่อคนนี้ แล้วท่านจะใจร้ายทำลายความรักของบุตรสาวได้อย่างไร“หนูเล็กขอโทษนะคะ รู้ทั้งรู้ว่าคุณป๋าไม่ชอบเขาแต่หนูเล็กก็ยังตกลงแต่งงาน”“ป๋ารู้ว่าหนูไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเพียงคนเดียว ไม่ต้องรู้สึกผิดกับป๋า ตราบใดที่หนูมีความสุข ป๋าก็มีความสุขนะลูกรัก เปิดใ
“บ้าน่ะสิ ฉันเพิ่งท้อง”“อ้อ...แล้วลูกจะอยู่ในท้องเธออีกหลายเดือนเลยเหรอ”นัยน์ตาคมกล้าจับจ้องที่หน้าท้องบางๆ อีกหน“ใช่...น่าร้อนปีนี้ฉันอดใส่ทูพีชแหงๆ” ว่าที่คุณแม่ทำหน้าปุเลี่ยน เมื่อนึกถึงสภาพตัวเองตอนท้องป่องแล้วใส่ทูพีชสีชมพูแปร๋นตัวโปรด“หึๆๆ ดี” เขาตอบสั้นๆ หัวเราะในลำคออย่างสมใจ พออดไม่ไหวก็เอื้อมมือไปวางบนหน้าท้องของหล่อนไอร้อนที่ซึมผ่านเนื้อผ้าลงมาทำให้วารินทร์ถึงกับน้ำตาซึม เขาคงอยากสัมผัสลูกบ้าง“คุณเคยคิดฆ่าลูกจริงๆ หรือเปล่า” ถามออกไปแล้วก็หวั่นใจในคำตอบ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่คิด“ฉันแค่ขู่ไปอย่างนั้นเอง เธอนั่นแหละบ้าดีเดือดเกือบทำให้ฉันกลายเป็นฆาตกรฆ่าลูกตัวเอง” เขาพูดความจริง โบ้ยความผิดมาให้หล่อนซึ่งหน้า แต่วารินทร์กลับยิ้มรับทั้งน้ำตา“ฉันขอโทษที่ทำบ้าๆ อย่างนั้น ก็...มันโมโหนี่นา”เมฆาปาดน้ำตาให้วารินทร์ด้วยปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน เขารวบร่างบางที่สะอื้นน้อยๆ มาไว้ในอ้อมแขน ปลอบประโลมหล่อนด้วยการลูบแผ่นหลังขึ้นลงเป็นจังหวะ ทำแบบนั้นอยู่นานก่อนจะดันหล่อนออกเพื่อเผชิญหน้าอีกครั้งริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นสะอื้นของวารินทร์ ช่างยั่วยวนเมฆาด้วยเจตนาบริสุ