LOGINหญิงสาวเงียบเสียงลง เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่ให้นางไปทำ “อ้าวว่าเช่นไร ทำไมเจ้าเงียบไป”
“อ๋อ…เอ่อ…เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าอาบน้ำให้ท่านเสร็จแล้ว ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง”
เฉิงวั่งซูรีบหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ลู่เสี่ยนไม่ได้หลบสายตา วั่งซูเองก็ไม่ตั้งใจที่จะแกล้งนางเช่นครั้งแรก
“มีเรื่องอันใดใช่หรือไม่ เหตุใดเจ้าไม่เล่าให้ข้าฟังตรงนี้ เจ้ารู้อะไรมาลู่เสี่ยน” เฉิงวั่งซูลุกขึ้นจากน้ำก้าวเท้าออกจากอ่างทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า เผยแผ่นอกร่อนเล็กแบบเด็กชายที่กำลังเข้าสู่วัยหนุ่ม และรูปกายที่เป็นชายงดงามต่อสายตาสาวใช้คนสนิท
ลู่เสี่ยนได้แต่ก้มหน้ามองต่ำ แล้วรีบหมุนตัวไปหยิบผ้าซับน้ำ และเสื้อคลุมมาห่มให้เขา จากที่คุยหยอกล้อสนุกสนาน กลับเงียบขรึม ลู่เสี่ยนรู้ดีว่าอาการเช่นนี้ ไม่ว่าใครหากไม่เกี่ยวข้องก็ห้ามรบกวนเป็นอันขาด ด้วยรู้กันดีว่า หากเฉิงวั่งซูโกรธจัดเด็กชายผู้นี้จะส่งพลังบางอย่างให้รู้สึกถึงความน่าเกรงขาม เพียงใครมองเห็นสายตาของเขา ก็เหมือนดั่งถูกเผาโดยไม่รู้ตัว
เฉิงวั่งซูเพียงเดินผ่านฉากบังตา ก็สามารถทะลุมายังอีกห้อง เข้าสู่เขตพื้นที่ส่วนตัว ลู่เสี่ยนรีบเดินตามหลังเขามา พร้อมโบกมือเป็นสัญญาณต่อเด็กรับใช้ด้านนอก ให้พวกนางเข้ามาจัดการทำความสะอาด
วั่งซูจ้องมองใบหน้าของนางด้วยความไม่พอใจ ตั้งแต่เห็นนนางเดินเข้ามา ใบหน้านึ่งขรึมของเขาในเวลานี้ ยิ่งทำให้ลู่เสี่ยนทั้งอึดอัดและหวาดกลัว
“บอกข้าได้รึยัง สิ่งที่เจ้ารู้มาคืออะไร”
“คุณชาย…สวมเสื้อก่อนนะ ด้านนอกอากาศชื้นฝนใกล้ตกแล้ว ใส่แค่เสื้อบาง ๆ จะไม่สบายเอาได้นะ”
เด็กชายลุกขึ้นจากที่นอน กางแขนออก ยอมให้นางสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้ แล้วเริ่มทวงคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างใกล้เสร็จเรียบร้อย
“มีจดหมายหนึ่งฉบับจากคุณชายรองเจ้าค่ะ”
“ข้อความในนั้นว่าอย่างไร รีบว่ามา”
“การศึกเรียบร้อยดี อีกไม่กี่เดือนคงได้กลับบ้าน ฮูหยินรองกำชับหนักหนาให้คุณชายเล็ก หมั่นศึกษาตำราพิชัยยุทธ และเริ่มฝึกวรยุทธพลังปราณ และอาวุธต่าง ๆ ให้ชำนาญ กลับจากศึกครานี้ นายท่านจะนำท่านไปฝากฝังกับท่านเสนาบดี ห้ามทำให้ตระกูลต้องขายหน้าเป็นอันขาด”
“ก็เรื่องทั่วไป ไยพี่ลู่เสี่ยนต้องดูลนลานตื่นตระหนกนัก ข้าหลงคิดว่ามีเรื่องร้ายแรงเสียอีก”
“มะ…ไม่ ไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแต่คุณชายอาจต้องเหนื่อยมากหน่อย เพราะในจดหมายระบุไว้ว่า อีกไม่กี่เดือน ฮูหยินรองมาถึง คงทดสอบความสามารถท่านเป็นแน่”
“ท่านแม่เข้มงวดมากเช่นนั้นรึ แล้วท่านพ่อล่ะ”
“ข้าไม่รู้ ข้ามาถึงจวนตระกูลเฉิง ก็ไม่พบนายท่านทั้งสองแล้ว มีแต่ฮูหยินแม่เฒ่า แต่จากคำบอกเล่า ฮูหยินรอง นางเป็นคนเจ้าระเบียบเข้มงวด เก่งกาจทั้งงานเรือนและงานสงคราม นอกจากฮูหญิงแม่เฒ่าแล้ว ในจวนแห่งนี้ก็ต้องเป็นฮูหยินรอง หรือก็คือมารดาของท่านที่เป็นใหญ่กว่าผู้ใด”
“ดี ๆ เมื่อถึงเวลานนั้น ข้าจะได้ไม่โดนใครดูถูกอีก”
“คุณชาย ในจวนแห่งนี้ ข้าก็ยังไม่เห็นมีใครดูถูกท่านเลยนะ ท่านไปเอาความคิดเช่นนี้มาจากไหน”
วั่งซูลุกขึ้นเดินไปยืนดูสายฝนที่เริ่มโปรยปรายจากด้านนอก สายลมและกลิ่นอายดินยามต้องหยาดฝนจากฟ้ามันช่างหอมชื่นใจ “เจ้าไม่เป็นข้าจะรู้ได้เช่นไร ดูอย่างเช่นวันนี้ สายตาชื่นชมของท่านย่า ที่มองเจ้านั่น ข้าเห็นแล้วให้รู้สึกหงุดหงิดใจนัก คอยดูนะ ข้าจะต้องเก่งกว่าเจ้าหมอนั่น ท่านแม่กับท่านพ่อกลับมา ข้าจะใช้สิ่งนี้ เป็นของขวัญต้อนรับเขาทั้งสองกลับบ้าน”
ลู่เสี่ยน มองดูแผ่นหลังของผู้เป้นนาย เฉิงวั่งซูหากตั้งใจที่จะทำอะไรแล้ว ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่สำเร็จ หากแต่ความตั้งใจนี้คงเป็นเรื่องแรกในชีวิต ที่เขาอาจต้องเสียใจไปตลอดกาล
ลู่เสี่ยนหยิบพู่เอ๋อร์ขึ้นมาบรรเลงบทเพลงแสนเศร้า เคล้าคลอสายฝน วั่งซูหันมาส่งยิ้มให้นาง แล้วเดินไปกางกระดาษ พร้อมกับฝนหมึก วาดภาพสาวใช้คนงามที่กำลังบรรเลงดนตรีเสียงเพราะ ลู่เสี่ยนต้องการเพียงสร้างความสุขสร้างรอยยิ้มให้กับเจ้านายของนาง และได้แต่ภาวนาให้เรื่องร้ายแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องดี อยากให้รอยยิ้มและดวงตาซุกซนของวั่งซู จ้องมองนางเช่นนี้ทุกเช้าค่ำ
เฉิงวั่งซูใช้พลังปราณเพลิงของตน พยายามปัดป้องอะไรบางอย่างที่กำลังควบคุมร่างกายของตนออก เปลวไฟไหม้ลุกลามเป็นเส้นตรงขึ้นไปบนอากาศ หลากหลายทิศทาง เหมือนในความว่างเปล่านั้น มีเส้นด้ายที่มองไม่เห็นอยู่มากมาย“วิชาชักใย”ฟ่านถิงถิงอุทานขึ้น เมื่อเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเฉิงวั่งซู“มันคืออะไร วิชาชักใย” ลี่ฉุนถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ“มันคือวิชาลึกลับของเผ่าปีศาจแมงมุม ไม่คิดเลย ว่าซีห่าวจะฝึกฝนวิชานอกเผ่า เห็นทีหลายปีมานี้ ข้าคงไม่รู้อะไรหลายเรื่องในเผ่าปีศาจ”“ถูกต้อง ฟ่านถิงถิง เจ้ามันไม่ใช่คนของเผ่าปีศาจอีกต่อไปแล้ว และเจ้าก็คงไม่รู้ ว่าข้าในตอนนี้ หาใช่แค่ราชาปีศาจซีห่าวคนเดิมที่เจ้ารู้จักอีกแล้ว แต่ข้าในตอนนี้คือผู้นำของเผ่าปีศาจทั้งมวล ข้าจะทำให้เผ่าปีศาจกลับมายิ่งใหญ่ แม้นรกหรือสวรรค์ ข้าซีห่าวผู้นี้ ที่จะเป็นใหญ่เหนือดินแดนทั้งปวง และที่นี่ ก็จะเป็นที่แรกที่ข้าจะยึดครอง พวกเจ้ามันหน้าโง่ ไม่รู้หรอกว่าเวลานี้ ในเผ่ามนุษย์ของตน ได้ถูกข้าครอบงำควบคุมเอาไว้หมดแล้ว”“เจ้ามันหลงตัวเองเกินไปแล้วซีห่าว มนุษย์ล้วนถูกคุ้มภัยโดยเผ่าเทพมาเนิ่นนาน ไม่มีอันตรายใดจะทำร้ายพวกเขาได้ ตราบใดที่ผู้ค
ไม่ทันที่เฉิงวั่งซูจะหลอกล่อ ต้อนเหล่าทหารหุ้นเชิดให้มารวมตัวกัน กองกำลังจากนอกกำแพง ก็บุกทะลวงเข้ามาจนถึงจุดที่เกิดเหตุได้พอดี ทหารหุ่นเชิดต่างแตกตื่น ต่อกองกำลังที่บุกเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จนพากันถอยร่นมารวมตัวกันโดยที่เฉิงวั่งซู ไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย“เป็นอย่างไรบ้าง…” เฉิงเหรินควบม้าฝ่ากองกำลังทหารหุ่นเชิดเข้ามาหาน้องชายและสหายของเขา ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม“ท่านพี่ นี่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วท่านยกกองกำลังมาเช่นนี้ จะไม่ฝืนคำสั่งทัพหลวงรึ”“นางปีศาจแมงมุมพาตัวท่านเจ้าเมืองออกมาได้อย่างปลอดภัย ข้าถึงได้รู้ว่าพวกเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ส่วนเรื่องทัพหลวง เอาไว้ข้าจะขอรับโทษเอง ตอนนี้พวกเจ้าสำคัญที่สุด” เฉิงเหรินมองดูตัวต้นเหตุ ที่กำลังถูกลี่ฉุนและฟ่านถิงถิงต้านทานเอาไว้“ท่านพี่ ทหารพวกนี้ถูกปีศาจครอบงำ ที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ หาใช่ตัวตนของพวกเขาไม่”“แบบนี้ หมายความว่า…”“ใช่ท่านพี่ ท่านห้ามลงมือกับคนพวกนี้เป็นอันขาด เพราะแท้จริงแล้ว เขาไม่รู้เรื่องเลย ว่าตอนนี้บ้านเมืองของตนอยู่ในสถานการณ์ใด วิญญาณของพวกเขา ถูกปีศาจควบคุมจนไม่เป็นตัวของตนเอง”“แบบนี้เราควรทำอย่
“ทำไม มีแต่เจ้ารึที่มีพัฒนาการ ฟ่านถิงถิง ข้าก็ไม่ต่างกับเจ้า อดีตข้าอาจพ่ายแพ้ต่อเผ่าเทพ แต่ยามนี้ไม่ใช่อีกแล้ว เจ้ามองดูให้ดี ตอนนี้ภายใต้อำนาจของข้า ที่นี่ทั้งเมืองตกเป็นของข้าอย่างง่ายดาย โดยที่ข้าไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้ว เจ้าคิดบ้างหรือไม่ ว่าอาวุธกระจอกเช่นนี้ มีหรือที่จะทำอะไรข้าได้ เด็กน้อย เจ้ามันก็แค่เด็กน้อย ฟ่านถิงถิง”ราชาปีศาจหัวเราะชอบใจ พร้อมกับทำท่าจะเดินจากไปนางปีศาจพังพอนฟ่านถิงถิง ใช้พลังปราณเรียกอาวุธของตนกลับคืน แล้วสั่งการให้มันพุ่งเข้าใส่ด้านหลังของผู้ที่กำลังเดินจากไปในทันที แต่ทั้งหมดก็ยังเป็นเช่นเดิม ดาบกรงเล็บพังพอนหยุดนิ่งกลางอากาศ ราชาปีศาจซีห่าวเพียงตวัดข้อมือเล็กน้อย กรงเล็บพังพอนกลับย้อนเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเข้าหาฟ่านถิงถิงด้วยความเร็วหญิงสาวมองเห็นคมอาวุธที่พุ่งแหวกอากาศเข้าหาร่างของตน จนสัมผัสได้ถึงแรงพลังงานที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เพียงชั่วอึดใจ เสียงโลหะกระทบกันดังหวีดหวิวอยู่ตรงหน้าฟ่านถิงถิงที่ยืนหลับตาสนิทพร้อมรับความตาย ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“ลี่ฉุน ทำไมเป็นท่าน…”“ถ้าไม่เป็นข้า เจ้าก็คงตายไปแล้ว”ลี่ฉุนใช้ดาบใหญ่ของตน ต้านรับกรงเล็บพั
จ้าวตงหยางและเฉิงวั่งซู ควบม้ามาตามเส้นทางที่เด็กเลี้ยงม้าชี้นำ แต่กลับพบว่าเส้นทางดังกล่าว กลับไม่ได้มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองตามที่ตั้งใจ “เจ้าเด็กนี่ ท่าจะไม่ได้เลี้ยงแค่ม้าเสียแล้ว เห็นทีมันจะเลี้ยงแกะด้วย โกหกเก่งเช่นนี้ กลับไปข้าจะต้องจัดการเขาให้รู้สำนึก”“พอก่อนเถิดเรื่องนั้น ตอนนี้เจ้าช่วยข้าดูก่อน จากตรงนี้ เจ้าคิดว่าเราควรไปทางไหนดี ซ้ายหรือขวา”เส้นทางทอดยาว มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงที่ส่องสว่างตามถนนหนทาง นาน ๆ จะมีคนเดินผ่านมาสักคน จ้าวตงหยางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่เต็มไปด้วยดาวดวงเล็ก ๆเฉิงวั่งซูเหลียวซ้ายแลขวา หาใครสักคนที่พอจะเรียกถามเส้นทางได้ แต่บรรยากาศกลับว่างเปล่า ต่างจากเมื่อครู่ ในยามนี้ไม่มีใครผ่านทางมาแม้แต่คนเดียว “ตงหยางคืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ แค่ดูดาว เจ้าจะได้คำตอบรึ”“ได้สิ หากเจ้าเป็นฮองเต้ เจ้าจะสร้างเมืองแล้วหันประตูสำคัญ ไปในทิศทางใด”เฉิงวั่งซูเงียบไปอึดใจ “ทิศตะวันออก ข้าสังเกตเห็น สถานที่สำคัญมักหันประตูไปทิศนั้น เพื่อรับพลังจากสุริยะ”“ฉลาดนี่ ไปกันเถิด” จ้าวตงหยางกระตุกเชือกบังเหียน สั่งม้าหันไปตามทิศทางที่ตนต้องการ ม้าตัวใหญ่พร้อมชายหนุ่มสองคนบนหล
จ้าวตงหยางวางจอกสุราลง พร้อมกับหันไปมองตามสายตาของเฉิงวั่งซู“ซีห่าว…ไม่ผิดจากที่คิดจริง ๆ เหตุใด ตอนเดินสวนกันเมื่อครู่ ข้ากลับมองไม่ออกว่าเขาคือปีศาจ"“เอาเช่นไรดี” เฉิงวั่งซูพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกเดินไปยังบุคคลที่ตนเฝ้ารอคอย“ช้าก่อนวั่งซู…”“ช้าก่อนอันใด นั้นมันราชาปีศาจเลยนะ เหตุใดไม่รีบลงมือ”จ้าวตงหยางมองหน้าเฉิงวั่งซูด้วยความไม่พอใจ“ลงมืออันใด เจ้าไม่เห็นรึ ว่าที่นี่มีผู้คนมากมายเพียงใด การที่ข้าเข้ามาที่นี่ ตอนแรกก็ตั้งใจมาสืบดูความเคลื่อนไหวของผู้คนในเมืองแห่งนี้ ข้าเองก็คิดไม่ถึง ว่าจะได้มาเจออริเก่าเช่นราชาปีศาจซีห่าว เจ้าก็ใจเย็นลงก่อนเถิด ซีห่าวปลอมตัวออกมาปะป่นกับมนุษย์ เจ้าไม่คิดบางรึ ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ”เฉิงวั่งซูถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด แล้วนั่งลงตามเดิม ราชาปีศาจหยุดจ้องมองสตรีสองนางอยู่ชั่วครู่ แล้วเดินจากไปพร้อมผู้ติดตาม หญิงสาวทั้งสอง หลังจากที่จ้องตากับแขกพิเศษแล้ว นางก็หมดสติ ล้มตัวลงนอนบนพื้นในทันที “ได้เวลาแล้ว ไปกันเถิด” จ้าวตงหยางวางจอกสุรา แล้ววางเงินหนึ่งก้อน ก่อนจะเดินนำหน้าเฉิงวั่งซูออกจากร้าน เร่งติดตามผู้ที่ตนเรียกว่าราชาปีศาจออกจากหอคณิกาไปหญิ
สองชายหนุ่มเดินลงมาด้านล่าง พร้อมกับสวนทางเข้ากับชายฉกรรจ์จำนวนสามคน ที่ดูท่าจะเป็นผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ของเมือง หนึ่งในชายทั้งสาม เหล่ตามองใบหน้าของจ้าวตงหยางเล็กน้อย แล้วเดินผ่านไป“เขาทั้งสามนั่น คงเป็นคนที่สตรีเหล่านั้นรอคอยสินะ”“ดูทีท่าคนพวกนี้แล้ว พวกนางไม่น่าจะจำผิดคนคิดว่าเป็นพวกเรา คงเห็นเราสองคนหน้าตาดี เลยคิดเข้าหา” เฉิงวั่งซูพูดขึ้นพร้อมยิ้มเยาะให้กับความคิดของตนเอง“คุณชาย…” สตรีนางเดิม รีบเดินมาดักหน้าพวกเขาทั้งสองในทันที“อ่อ…เป็นเจ้า”“เจ้าค่ะ ข้าเอง ด้านบนนั่นเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ทำไมกลับลงมาเร็วเช่นนี้ จะกลับกันแล้วหรือเจ้าคะ”“เปล่า พวกข้าแค่ไม่ชอบความครึกครื้น เจ้าพอจะมีสถานที่ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ฟังดนตรีขับกล่อมลิ้มรสสุราชั้นดีหรือไม่”หญิงสาวใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี “มีสิเจ้าค่ะ…เชิญคุณชายทั้งสองด้านนี้เลยเจ้าค่ะ” นางรีบนำทางเฉิงวั่งซูและจ้าวตงหยาง มายังอีกด้านหนึ่งของหอนางโลม ซึ่งมีฉากกั้นบังตาระหว่างโต๊ะรับรอง แยกแขกแต่ละโต๊ะออกจากกัน ดูมีความเป็นส่วนตัวตำแหน่งที่นั่งของชายหนุ่มทั้งสอง จัดว่ามีความลงตัวดี มีการพรางสายตาจากคนอื่น







