------
"จะอยู่ที่หอพักนี้จริงเหรอ ให้พ่อพาไปดูหอพักอื่นก่อนไหม"
"ไม่เป็นไร ผมอยากอยู่ที่นี่"
"แต่มันดูเก่า คนก็เยอะ พ่อว่าไปอยู่คอนโดพ่อดีกว่า"
เสียงคนถกเถียงกันดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฉันจึงลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างสำหรับติดต่อบานเล็กออก เห็นหนุ่มหล่อตัวสูงโปร่งรูปร่างกำยำล่ำสันผิวขาวเหลืองสวมแว่นเดินนำหน้า ชายวัยกลางคนดูมีอายุในชุดสูทสีดำ ก่อนหนุ่มแว่นจะหยุดเดินและหันมาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"ที่นี่ยังมีห้องพักว่างอยู่ไหมครับ"
"!!!"
คุณพระ! หล่อมากหล่อทะลุแว่น ใบหน้าคมตาตี๋คิ้วเฉี่ยวจมูกโด่งปากบางสีอมชมพู ไหล่กว้างอกแกร่งในชุดนักศึกษา แม่เจ้าโว้ยหล่อบาดใจอะไรขนาดนี้
"สรุปมีห้องว่างไหมครับ?"
"มะ มีค่ะ! แต่ทางหอเราไม่มีห้องแอร์นะคะ"
อยากตบปากตัวเอง เห็นผู้ชายหล่อทีไรเผลอทำเสียงสองเสียงสามตลอด
"ครับ ผมขอหนึ่งห้องค่ามัดจำหรือรายละเอียดอย่างไงบอกได้เลยนะครับ"
"รายละเอียดมะ---"
"ถึงลูกไม่อยากอยู่บ้าน แต่ไปอยู่ที่คอนโดดีกว่า เรื่องแม่เดี๋ยวพ่อจัดการเอง"
อ่าผู้ชายมีอายุที่เดินมาด้วยเป็นพ่อนี่เอง สวัสดีพ่อผัวเลยดีไหม ไม่ได้สิเดี๋ยวลูกค้าหนีหมด
"ไม่ใช่แค่เรื่องผู้หญิงคนนั้น ผมอยากออกมาอยู่คนเดียวสักพักก็เท่านั้นเอง"
"แล้วลูกเป็นไร ทำไมไม่บอกพ่อล่ะ พ่อจะได้ช่วยจัดการให้"
"........." ถ้าบอกว่าเบื่อลูกติดเมียใหม่พ่อ พ่อจะเชื่อไหมล่ะ
"อยู่ที่นี่ไม่สะดวกสบายเท่าบ้านเราหรอก"
จากสีหน้าและอาการของหนุ่มแว่นคงจะมีเรื่องกับทางบ้านมาแหง เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาไม่ยอมพูดอะไร เข้าไปสะเหล่อจะโดนด่าไหมนะ
"ค่ามัดจำไม่ต้องจ่าย เข้าอยู่ได้เลยเดี๋ยวเจ๊พาไปดูห้อง"
"ครับ!"
ทันทีที่ฉันพูดจบหันไปมองยังกระดาษเลขห้องที่ว่าง ก่อนจะคว้ากุญแจที่แขวนอยู่เดินออกมาในทันที สุดท้ายก็เข้าไปสะเหล่อจนได้
"เดี๋ยวฮ่องเต้! พ่อว่าลูกใจเย็นก่อนจะดีกว่านะ กลับไปคุยกันบนรถเถอะ"
ฉันหันไปมองยังหน้าประตูหอพัก เห็นรถเบนซ์คันสีขาวหรูหราจอดอยู่ ดูท่าคงมีฐานะไม่เบาแล้วไหงถึงได้มาอยู่ในหอพักธรรมดาแบบนี้ได้ คงจะเจอปัญหามาหนักจริงๆ
"คุณพ่อคะ ไม่ต้องห่วงไปหรอกค่ะ หอพักที่นี่รับแค่ผู้ชายเพียงเท่านั้น เรื่องชู้สาวไม่มีเกิดขึ้นในหอพักนี้แน่นอน แม้สภาพตึกจะดูเก่าไปหน่อย แต่ภายในห้องกว้างขวางมีเฟอร์นิเจอร์ให้ครบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย"
"ฉันไม่ได้ถาม!"
"อุ้ย"
เหยียบเบรกหัวทิ่มเลยฉัน ตาแก่คนนี้ดูจะหัวดื้อหัวรั้นไม่เบา พวกคนรวยนี่มันน่าเบื่อซะจริงชอบคิดว่าตัวเองอยู่สูงส่ง ไล่ออกไปทั้งพ่อทั้งลูกเลยดีไหม
"พี่พาผมขึ้นไปดูห้องเลยครับ"
"ไม่ได้! พ่อไม่อนุญาตให้แกอยู่ที่นี่ กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้"
ตาแก่คงจะหมดความอดทนกับลูกชายเต็มทนจึงเอ่ยเสียงดังลั่น ฝีเท้าของหนุ่มแว่นหยุดชะงักลงทันที เอาแล้วไงศึกพ่อลูกครั้งนี้ใครจะเป็นฝ่ายชนะกัน
"พ่อไม่มีสิทธิ์"
"!!!"
แววตาที่เห็นผ่านเลนส์แว่นหนานั้นทำเอาฉันถึงกับสะดุ้ง แววตาโกรธแค้นแววตาดุดันที่พร้อมจะปะทะคนมองได้ตลอดเวลา จากหนุ่มติ๋มกลายเป็นหนุ่มเลือดร้อนเพียงชั่วพริบตาเดียว นี่มันอะไรกันความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้
"นำไปได้เลยครับ"
"อะ อ้อจ้ะ"
ท้ายที่สุดตาแก่ก็ยอมปล่อยลูกชายไป ส่วนตัวเองเอาแต่ยืนแน่นิ่งไม่พูดไม่จา ก้มหน้ามองพื้นอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง ระหว่างขึ้นบันไดฉันหันมองเช็คอาการของหนุ่มแว่นเป็นระยะ เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉยดังเดิมราวกับสีหน้าเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
"ห้องนี้แหละ"
เดินขึ้นบันไดมาสามชั้น ห้องว่างนี้อยู่ถัดจากบันไดมาหนึ่งห้อง ประตูเปิดออกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตมีครบครัน ร่วมถึงพัดลมติดผนังตู้เย็นและไมโครเวฟ ภายในห้องน้ำมีฝักบัวชักโครกและอ่างล้างหน้า ขณะเดินดูรอบห้องสีหน้าของหนุ่มแว่นไม่แสดงท่าทีหรืออาการใด ก่อนจะหันกลับมาถามฉันอีกครั้ง
"มีห้องว่างชั้นสองหรือหนึ่งบ้างไหมครับ"
"หะ ห๊ะ?"
ปกติลูกหอจะไม่ค่อยอยู่ชั้นล่างๆ สักเท่าไหร่ ก็เพราะข่าวลือของฉันนั่นแหละ เลยกลัวว่าฉันจะไปเก็บดอกตอนกลางคืน แสดงว่าพ่อหนุ่มแว่นคนนี้คงไม่รู้สิท่า
"ก็มี อยากอยู่ชั้นหนึ่งเหรอ"
"ครับ ตอนเดินเข้ามาผมเห็นห้องล็อกอยู่สามสี่ห้อง ผมอยู่ได้ไหมครับ"
แววตาไร้อารมณ์เป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลย
"ดะ ได้สิ"
"ถ้าไม่เป็นการรบกวน พาผมลงไปดูห้องได้ไหมครับ"
"แน่นอน"
อึดอัด! ทำตัวไม่ถูกเสียชื่อเจ๊ซีเปียหมดเลยเว้ย ฉันเดินออกมาก่อนจะล็อกห้องเช่นเดิม แต่เมื่อก้าวเท้าลงบันไดขั้นสุดท้าย กลับเห็นเพียงกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองสามใบวางอยู่แล้ว และยังมีกล่องพลาสติกวางอยู่อีกสองสามกล่อง ฉันรู้ได้ในทันทีว่านี้คงจะเป็นสัมภาระของหนุ่มแว่น จึงพยายามเดินเลี่ยงเข้าไปหยิบกุญแจห้องใหม่อีกครั้ง เดินตรงไปยังห้องพักที่อยู่ห้องสุดท้ายของชั้นล่าง เปิดออกและให้หนุ่มแว่นเดินนำเข้าไป
"ชั้นล่างจะกว้างกว่าชั้นบนนิดหน่อย เพราะด้านหลังมีครัวต่อเติม แต่ถ้าไม่ใช้ก็ปิดตายได้เลย"
"ครับ ถ้าผมจะจัดห้องใหม่จะเป็นไรไหมครับ"
คราวนี้หนุ่มแว่นหันมามองด้วยแววตาอ้อนวอน ว๊าย! หัวใจแม่หม้ายมันสั่นระทวยแม้จะไม่รู้ว่านั่นคือแววตาอ้อนวอนไหมก็เถอะ
"ดะ ได้สิ! แต่ถ้าจะเจาะอะไรต้องไปบอกพี่ก่อนนะ"
"ครับ งั้นผมขออยู่ห้องนี้"
"โอเค ให้เจ๊ช่วยขนของไหม"
"ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ"
"โอ๊ย จะเกรงใจทำไมคนกันเองทั้งนั้น ถ้ามีอะไรบอกพี่ได้เสมอ อ้อพี่ชื่อซีเปียนะ เรียกพี่เปียก็ได้"
"ครับ ผมชื่อ ฮ่องเต้ เรียก เต้ เฉยๆ ก็ได้"
"แหม่ อยู่ดีๆ ก็อยากกินฮ่องเต้ขึ้นมาซะงั้น คิกคิก"
เก็บอาการไม่อยู่แล้วอีแก่ เดี๋ยวเด็กมันกลัวหนีไปอีก
"กินได้นะครับ ฮ่องเต้ทั้งหวาน มันส์ สู้ลิ้นสู้ฟันดีอีกด้วย ^^ "
"!!!"
กรี๊ดด! เด็กคนนี้มันร้าย หนุ่มแว่นรุกหนักท่าจะเป็นเรื่องจริง
"ติดตลกนะเรา"
ฉันจึงแก้เขินโดยการเดินเข้าไปตีไหล่ฮ่องเต้เบาๆ เผื่อลดความตึงเครียดในบรรยากาศลง
"งั้นพี่ไปแล้วนะ ถ้ามีอะไรก็ไปหาพี่ที่ห้องแรกแล้วกัน"
"ครับ ^^ "
ยิ้มทีทำเอาใจแม่หม้ายละลาย~ ให้ตายสิเมื่อวานพึ่งจะบอกไปว่าไม่อยากมีความรักอยู่แท้ๆ ไหงวันนี้พระแม่ถึงได้ส่งคนตรงไทป์มากลั่นแกล้งกันซะได้ ให้ตายสิความอดทนของหนูยิ่งมีน้อยอยู่
-------------
-------"อ๊า!! ซี๊ดด~" พึ่งรู้ว่าลิ้นสวรรค์ที่ทำด้วยลิ้นมันเป็นอย่างไง ทันทีที่ปลายลิ้นร้อนฉ่ามันตวัดโดนเข้ากับเม็ดส้ม ในหัวฉันมันขาวโพลนไปหมดหูอื้อตาลอยจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองประคองเอวไว้มั่น สายตาที่มองขึ้นมาจากหน้าท้องระหว่างกลางเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ซุกซน เสียวชนิดที่ฉันครางออกมาเสียงดังแบบไม่อาย ลิ้นตวัดลากผ่านกลีบส้มบดขยี้จุดกึ่งกลางแม่นยำ "อ๊า~ พี่เสียว ชะ ช้าๆ หน่อยได้ไหม" ไม่ไหว ฉันทรงตัวไม่ไหวอีกแล้ว ร่างกายอ่อนแรงและร้อนรุ่มไปหมด เพียงพริบตาเดียวลิ้นเด้าขยี้เม็ดส้มจนน้ำหวานหลั่งออกมาเยิ้มเปรอะรอบบริเวณปาก "อะ อ๊างงง!" "จ๊วบ! อ่า" ร่างกายมันกระตุกไม่หยุด ร่างฉันร่วงลงไปนอนกองข้างกายฮ่องเต้ ไม่ทันที่จะหายเหนื่อยกลับโดนกวาดข้อเท้าไปบริเวณปลายเตียง ถูกจับเรียวขาพาดลงบนไหล่กว้าง ไม่ถูกตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ร่างของฮ่องเต้เปลือยเปล่า ก้มมองไปอีกทีก็็เห็นเข้ากับไอ้กล้วยปีศาจที่มันผงาดใหญ่ชี้หน้าอยู่ก่อนแล้ว "พร้อมรับรักของผมหรือยังครับ" "มะ ไม่! ซี๊ด~"คำพูดของฉันถูกกลืนลงคอ เมื่อเอวหนากระแทกดันกล้วยปีศาจเข้ามาลึกสุดลำ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมลงมากุมเต้าทั้งสองของฉันสลับไปม
-------"นี่จะพาพี่ไปไหน?"ผ่านเหตุการณ์วุ่นววายไปได้ไม่ถึงสามวัน จู่ๆ ก็ถูกลากให้มาขึ้นรถ โดยฉันไม่รู้ถึงจุดหมายปลายทางแม้แต่น้อย รถถูกขับออกมาสักพักคนด้านหลังพวงมาลัยได้เอ่ยขึ้น"ผมจะไปดูที่บ้านหน่อยน่ะ เมื่อวานครอบครัวนั้นพึ่งย้ายออกไป""อ่าอื้ม"ฉันเข้าใจดีถึงสภาพจิตใจในช่วงนี้ของฮ่องเต้ จึงพยายามไม่ซักถามมากมายนอกซะจากเจ้าตัวจะเป็นคนเอ่ยปากพูดออกมาเอง รถถูกขับเข้ามายังบ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา โดยมีเหล่าแม่บ้านสวมชุดยูนิฟอร์มเหมือนกันยืนเรียงแถวเตรียมตัวต้อนรับ ฉากนี้เหมือนในหนังไม่มีผิดต้องรวยเบอร์ไหนถึงได้มีแม่บ้านเยอะขนาดนี้?"ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณฮ่องเต้""อื้ม"ผู้ชายคนหนึ่งยืนหัวแถวในชุดสูทสีดำเหมือนกับพ่อบ้านในนิยาย พอมองดูตัวเองในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนขายาวรองเท้าแตะทำเอาอาย นี่ฉันมาทำอะไรที่คฤหาสน์หลังนี้กันเนี่ย!"คุณยายมาหรือยัง""ครับ คุณหญิงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารได้สักครู่แล้ว""!!!"รอในห้องอาหาร! ไอ้เด็กบ้านี่ไม่เห็นจะบอกกันสักคำว่าจะมาทานข้าวกับคุณยาย ฉันจึงหยิกเข้าที่เอวไปที"โอ๊ย!""เป็นอะไรครับคุณฮ่องเต้!!"ผู้ชายในเสื้อสูทเตรียมจะวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น
--------------"คุณแม่จะขอบใจมันทำไมครับ ในเมื่อฮ่องเต้ต้องจ่ายเงินค่าหอพักให้ทุกเดือนอยู่แล้ว"จากความสดใสแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดเพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณยายเหือดแห้งหายไปมีเพียงสายตาเย็นชาจ้องมองใบหน้าของอดีตลูกเขยตัวเอง"นอกจากจะไม่พัฒนาแล้ว ระบบแยกแยะความคิดในสมองของแกคงจะด้อยลงไปด้วยสินะ""คุณแม่พูดแบบนี้ได้ไงครับ!""เตวิชนี่แกไม่รู้จริงๆ หรอว่าตัวเองทำอะไรลงไป"เสียงเย็นชาแววตาไร้เยื่อใยของคุณยายทำเอาสองสามีภรรยาได้แต่นั่งนิ่งกัดฟันแน่นไม่ได้ตอบสิ่งใด คงพอรู้อยู่แก่ใจตัวเอง"เรื่องที่แกเที่ยวไปป่าวประกาศว่าจะขึ้นเป็นเจ้าของโรงแรม ไหนจะเอาชื่อของลูกชายไปขายว่าจะยกให้กับคนนั้นคนนี้อีก แกยังมีความเป็นพ่ออยู่ในตัวแกไหม""ผะ ผมพูดผิดตรงไหนเพราะโรงแรมสาขาหลัก คุณแม่ก็ตั้งใจจะยกให้กลับฮ่องเต้อยู่แล้ว""นี่แกโง่ถึงขนาดไม่เข้าใจความหมายที่ฉันพูดเลยหรือไง ฉันจะยกโรงแรมให้กับหลานชายไม่ใช่พ่อของหลานชายสักหน่อย""ตะ แต่ถึงแบบนั้นฮ่องเต้ก็ยังไม่พร้อมที่จะดูแลโรงแรมหรอกครับ ใช่ไหมลูก"มองจากนอกโลกยังรู้ทั้งแววตาและน้ำเสียงที่หันมาถามฮ่องเต้มันแฝงไปด้วยความกดดันบีบบังคับมากแค่ไหน โ
--------------- ผั๊วะ!!! "อั๊ก!!!" "เต้ใจเย็น!" ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงเสี้ยววินาทีฮ่องเต้ประชิดตัวของไอ้เด็กเปรต กำปั้นต่อยเข้าที่มุมปากอย่างจังจนคราวนี้มันล้มลงไปนอนกองที่พื้น หมดสติมุมปากเยิ้มไปด้วยเลือดสีแดงฉ่า เห็นท่าไม่ดีฉันเร่งเข้าไปขวางทางไม่ให้ฮ่องเต้เข้าใกล้เด็กคนนั้นอีก "กรี๊ดดด!! มัวชักช้าอยู่ได้ไม่เห็นหรือไงว่า ตะวันของฉันสลบไปแล้ว" เสียงยัยแม่เลี้ยงฟิลเลอร์หนาดังขึ้นมาพร้อมกับวิ่งถลาเข้ามาประคองร่างลูกชายบนพื้น ตามมาด้วยร่างของคนเป็นพ่อแต่แปลกที่ในสายตาของตาแก่ไม่ได้สนใจลูกชายที่มาจากสายเลือดของตัวเองเลยสักนิด กลับไปประคองร่างของลูกใครก็ไม่รู้ด้วยสีหน้าและสายตาที่ห่วงใย "พ่อขอโทษตะวันพ่อผิดเองที่มาช้า! ตะวันเป็นอะไรตอบพ่อสิ" "เป็นเพราะแกไอ้ฮ่องเต้! แกทำตะวันลูกฉันทำไม!!" สายตายายแม่เลี้ยงตวัดมองฮ่องเต้ราวกับเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ไม่ต่างอะไรจากสายตาของพ่อแท้ๆ ทำเอาฮ่องเต้เสียหลักได้แต่ยืนนิ่งก้มหน้าไม่กล้าตอบโต้สิ่งใด ในฐานะเมียฉันจะไม่ยอมให้ใครมาว่าคนของฉันเด็ดขาด "นี่ป้าแก่จนสายตาสั้นไปแล้วหรือไง มองไม่เห็นหรอ ว่าคนที่เข้ามาหาเรื่องก่อนคือลูกชายป้า" "ใค
-------"ช่วงนี้ทองกำลังขึ้นคงต้องไปรื้อหาทองไปขายบ้างซะแล้ว อย่างน้อยก็เอาไปลงทุนทำธุรกิจทางอื่นเผื่อจะงอกเงยมาได้บ้าง" เห็นแบบนี้ฉันก็มีทองเก็บกับเขาเหมือนกันนะ ไหนจะเงินสดและโฉนดที่ดินอีกจำนวนหนึ่ง เพราะหลังจากที่ผัวเก่าฉันตายไปฉันก็ได้ทำธุรกิจอยู่หลายอย่างกับเพื่อนมีเจ๊งไปบ้างได้ไปต่อบ้างแต่ที่หลักๆ ก็เห็นจะเป็นหอพักแห่งนี้นี่แหละ วันนี้เองก็เป็นวันปกติธรรมดาอย่างทุกวัน หลังทำกิจวัตรประจำวันในช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อย ฉันมานั่งดูซีรีส์ที่โซฟาตัวเดิมซึ่งเป็นมุมโปรดในการใช้ชีวิตของทุกวัน แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ได้กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันเห็นจะเป็นฮ่องเต้ หนุ่มแว่นสุดฮอตที่กำลังดังในหออยู่ตอนนี้ ที่บอกว่าดังก็เพราะว่ามีเด็กในหอเริ่มพูดคุยถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฮ่องเต้มากขึ้น อาจจะเห็นว่าฮ่องเต้เข้ามาหาฉันที่ห้องอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็นอนค้างคืนบางครั้งก็เข้ามาในช่วงกลางดึก จนถึงขนาดมีข่าวลือว่าฉันชอบหนุ่มแว่นทรงตี๋ไปแล้ว ก็นะฉันไม่ปฏิเสธยอมรับว่าตอนนี้ติดใจหนุ่มแว่นเข้าแล้วเต็มเปา "เจ๊ซีเปีย! เจ๊อยู่ไหม!!" เสียงเคาะประตูพร้อมเสียงเรียกดังเข้ามาในห้องพักของฉัน เสียงนี้เป็นเสียงของลูกหอข
------"มะ ไม่นะฟังพี่กะ ก่อน!!!" ผมจะมองจากตรงไหนก่อนดีไม่ว่าจะหน้าตาลำคอเนินอกทุกส่วนล้วนต้องตาต้องใจ อันที่จริงผมเริ่มรู้สึกได้ตั้งแต่ที่ปลายนิ้วของพี่เปียลูปผ่านชั้นในตัวบางจนไอ้กล้วยปีศาจมันเริ่มผยองเดชขึ้นมา ความเสียวเริ่มผันแปรเป็นความปวดร้าว ผมปวดหนึบไปทั่วทั้งลำเหมือนกับว่ากล้วยปีศาจมันพร้อมจะระเบิดตัวเองได้ทุกเมื่อ และที่ทำให้ผมแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็ตอนที่ถูกพี่เปียขึ้นครูขย่มเอง จังหวะที่กลีบส้มของเธอเคลื่อนตัวไปมาแนบชิดกับไอ้กล้วยปีศาจทำเอาผมแทบคลั่ง ผมพยายามกำผ้าปูที่นอนข่มอารมณ์ตัวเองไว้กลัวว่าจะไปขัดจังหวะถึงขอบสวรรค์ของพี่เปีย จนในตอนนี้ได้เวลาผมเอาคืนบ้างแล้ว "จะให้ผมฟังอะไรอีกครับ ในเมื่อหลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้" ผมก้มมองลงดูไอ้กล้วยปีศาจที่ขณะนี้ลำของมันเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวาน ไม่ต่างอะไรกับกลีบส้มอวบอิ่มของพี่เปียเลย "พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ ทั้งหมดก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง" "หื้ม? อารมณ์ชั่ววูบแต่เสร็จคาไอ้กล้วยเลยนี่นะครับ" ผมเลิกคิ้วยกยิ้มมุมปากรอดูคำพูดเฉไฉของเจ้าของหอ ร่างบางกระอึกกระอักไม่พูดอะไรแถมยังเบือนหน้าหันหนีจากสายตาผมอีก "หึ คงต้องง้าง