"ทำไม? บทเรียนครั้งที่แล้วยังไม่พอหรือไง? ตอนนี้คิดจะมารังแกคนของฉันอีกแล้วสินะ"บุคคลที่ยืนอยู่ระหว่างทั้งสองย่อมเป็นเย่ซิว และเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาในเสี้ยววินาทีที่เห็นหงอีปรากฏตัว เย่ซิวก็รู้ทันทีว่าเธอต้องเล่นงานเถียนเถียนแน่แค่พึ่งพาร่างแยกธาตุไฟที่อยู่ที่นี่ คงไม่ใช่คู่มือของหงอีแน่ดังนั้นเขาจึงรีบมาถึงทันทีตู้ม!หงอีเห็นเย่ซิว ก็ลงมือทันทีเธอสะบัดมือขวากลับ แล้วกดลงด้านล่างทันใดนั้น ภูเขาขนาดมหึมาที่ควบแน่นจากเลือดสด ๆ ก็พุ่งลงมากดทับเย่ซิวอย่างรุนแรงเย่ซิวชกออกไปหมัดหนึ่ง ทำให้ภูเขาที่กำลังบดขยี้ลงมาถูกทำลายราบคาบเขาก้มลงมองกำปั้นของตัวเอง คิ้วขมวดเล็กน้อยมีแสงสีเลือดบางเบากำลังกัดกร่อนผิวของเขาต้องใช้เวลาเล็กน้อยถึงจะสามารถกลั่นสลายมันได้ยายเด็กคนนี้ไปได้โชควาสนาอะไรมากันแน่? ถึงทำให้พลังของเธอเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจขนาดนี้อีกทั้งพอปรากฏตัวก็อยู่ในระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ สูงกว่าเย่ซิวถึงสองขั้นย่อยเย่ซิวคิดเพียงชั่วครู่ แล้วก็เก็บร่างแยกธาตุไฟที่อยู่ด้านล่างกลับมาตอนนี้หงอีแข็งแกร่งพอที่เขาต้องใช้พลังทั้งหมดแล้วเพราะจากสัมผัสของเขา เธอ
ต่อมาคือหยางชิงเสวี่ย เธอเลือกเส้นทางที่สองโซเฟียมองเย่ซิวแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือกเส้นทางที่สามทำให้เย่ซิวเหลือเพียงเส้นทางที่สี่ให้เลือกเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้รูปสลักในระยะร้อยเมตร จู่ ๆ มันก็มีชีวิตขึ้นมาพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมา ก่อนพุ่งเข้าจู่โจมเย่ซิวโดยตรงรูปสลักนี้กลับมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นเย่ซิวปะทะกับมันตรง ๆ หมัดของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยความแข็งแกร่งของรูปสลักนี้แทบไม่ต่างจากร่างกายของเขาเองในเสี้ยววินาที เย่ซิวเปลี่ยนมือทั้งสองข้างให้กลายเป็นกรงเล็บมังกร พลังของเขาพุ่งขึ้นอีกระดับเขารัวหมัดใส่สิบกว่าครั้ง จนรูปสลักนั้นพังทลายลง ก่อนก้าวเดินเข้าไปในเส้นทางในขณะที่เหยียบย่างเข้าไปในเส้นทาง เย่ซิวรู้สึกถึงแรงกดทับมหาศาลบนไหล่แรงโน้มถ่วงในเส้นทางนี้ กลับเป็นสิบเท่าของภายนอก!โชคดีที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นคงแทบก้าวขาไม่ออก“ฟู่วฟู่วฟู่ว…”ทันใดนั้น ลมดำก็พัดกระโชกขึ้น ตามมาด้วยฝูงหมาป่าสงครามจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นเพียงแค่เห็นก็รู้ว่ามันคือหุ่นเชิดดวงตาของพวกมันเปล่งแสงสีเลือด พออ้าปากก็พ่นคลื่นลมที่คมกร
แท่นบูชาพลันแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นชุดเกราะหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกันนั้น เสียงไร้อารมณ์เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู“ด่านที่สอง สวมใส่ชุดเกราะหนักหนึ่งล้านชั่ง แล้วว่ายข้ามแม่น้ำมรณะ รางวัลสำหรับการผ่านด่านคือวิชา ‘ศึกโลหิตแปดทิศ’”เย่ซิวดวงตาทอประกาย แหงนมองไปทางซ้ายและขวาพวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่แตกต่างจากเย่ซิวเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หยิบชุดเกราะขึ้นมาสวมใส่น้ำหนักหนึ่งล้านชั่ง แม้แต่เย่ซิวเองก็ยังรู้สึกถึงภาระที่หนักอึ้งโชคดีที่ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถแบกรับไหวยิ่งไปกว่านั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเหมือนพวกผู้หญิงสามคนนั้น ที่ต้องใช้ระดับพลังเพื่อลดทอนน้ำหนักลงเขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง ฝืนเดินไปได้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาสมุทรสีดำอันกว้างใหญ่ใต้ผืนน้ำมีเงาดำแหวกว่ายไปมาไม่หยุดกล่าวได้ว่าด่านนี้ไม่ใช่แค่ต้องว่ายข้ามไปเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำอีกด้วยเย่ซิวเหลือบตามองไปเพียงครู่เดียว ก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำสิ่งที่เรียกว่ามหาสมุทรแห่งความตายนั้น ความหนาแน่
ตอนนี้หากเพิ่มเจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้เข้าไปอีก ก็น่าจะเพียงพอแล้วคิดได้ดังนั้น เย่ซิวจึงฝืนต้านทานการโจมตีอันดุเดือดของอีกฝ่าย พลางเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เต่ายักษ์ตัวนั้นสองมือคว้าจับขาหน้าของมันไว้ข้างหนึ่ง จากนั้นวิชาแปรมังกรก็ถูกใช้ออกไปอย่างเฉียบขาด“โฮกกก!”เต่ายักษ์ส่งเสียงคำรามโหยหวน ร่างของมันสั่นสะท้านดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอาคมและวิชาต่าง ๆ ถูกซัดใส่เย่ซิวไม่ยั้งร่างกายของเย่ซิวสั่นสะท้านรุนแรง อวัยวะภายในทั้งห้าถึงกับฉีกขาดแต่เขาก็ยังคงจับขาของเต่ายักษ์ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยพลังที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกถ่ายเทเข้าสู่วิชาแปรมังกรยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังดูดซับพลังอันมหาศาลจากร่างของเจ้าเต่ายักษ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้วิชาแปรมังกรก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วร่างกายของเย่ซิวแปรเปลี่ยนเป็นมังกรโดยสมบูรณ์ อีกทั้งร่างของเขาก็ค่อย ๆ ยืดยาวขึ้น บัดนี้มีความยาวได้ห้าหกเมตรแล้วลักษณะภายนอกของเขายิ่งคล้ายคลึงกับมังกรแท้ในตำนานมากขึ้นเรื่อย ๆเต่ายักษ์สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากความตาย มันคำรามไม่หยุดมันกัดฟันตัดขาที่ถูกเย่ซิวจับไว้ของตัวเอง เพื่อหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการแต่เย่ซิว
ศึกโลหิตแปดทิศซึ่งเป็นพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มานี้ เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งเมื่อใช้ออกมา จะสามารถแบ่งร่างแยกโลหิตออกมาได้แปดร่างในชั่วพริบตาความแข็งแกร่งของร่างแยกไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับพลัง แต่ขึ้นอยู่กับเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของตนเองและสภาพแวดล้อมที่อยู่ในขณะนั้นยิ่งเจตจำนงแห่งการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้น และสภาพแวดล้อมยิ่งอันตรายมากเท่าใด พลังที่สามารถระเบิดออกมาก็ยิ่งมหาศาลเท่านั้นสามารถโจมตีออกไปทั้งแปดทิศพร้อมกัน หรือรวมเป็นหนึ่งเดียวได้เป็นพลังเทพที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการต่อสู้กับกลุ่มศัตรูหรือใช้ฝ่าวงล้อมพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มานี้ล้ำค่ามากอย่างหาที่เปรียบมิได้หากถูกนำออกไปเผยแพร่ภายนอก จะต้องดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาแย่งชิงจนเกิดความโกลาหลอย่างแน่นอนหลังจากเย่ซิวควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็เดินทางมาถึงด่านที่สามที่นี่เป็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งเขาเป็นคนแรกที่มาถึงผ่านไปห้าหรือหกนาที หงอีเป็นคนที่สองที่ตามมา จากนั้นคือหยางชิงเสวี่ยและโซเฟียกลิ่นอายของสตรีทั้งสามต่างก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากแข็งแกร่งกว่าตอนที่พวกเธอเพิ่งเข้ามาไม่รู้กี่เท่า เห็นได้ชัดว่าทั้
เย่ซิวเหวี่ยงพวกเธอลงกับพื้นอย่างรุนแรงเศษหินและดินกระเด็นกระจายไปทั่ว พื้นดินปรากฏหลุมลึกสามหลุมทันทีไม่กี่วินาทีต่อมา พวกเธอก็ลอยขึ้นมาอีกครั้งพลังภายในร่างกายแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าเย็นชา ราวกับพร้อมจะเอาชีวิตเย่ซิวให้ได้"ตรึงตรึงตรึง!"เย่ซิวใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง พลังอันศักดิ์สิทธิ์ทำให้ร่างของพวกเธอแข็งค้างไปชั่วขณะเขาแสยะยิ้ม เผยประกายอันตรายในดวงตา "อย่ารนหาที่ ถ้ายังกล้ามาอีก ฉันจะสังหารทิ้งตรงนี้ทันที"หญิงสาวทั้งสามชะงักค้างอยู่ตรงนั้นช่องว่างระหว่างพวกเธอกับเย่ซิวที่กว้างเกินไป ทำให้พวกเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังทำไมถึงเป็นแบบนี้?พวกเขาต่างก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์และบุตรีแห่งสวรรค์เหมือนกันพวกเธอได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาลจากที่นี่ แต่ทำไมช่องว่างระหว่างพวกเธอกับเย่ซิวยังคงใหญ่โตถึงเพียงนี้เย่ซิวจ้องมองพวกเธอทั้งสามด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่ภายในใจก็รู้สึกหวั่นอยู่บ้างหญิงสาวทั้งสามคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเหตุผลที่เขาสามารถเล่นงานพวกเธอจนบาดเจ็บสาหัสได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์แต่ตอนนี้เขาใช้ไปถึงสองค
กระบี่ยาวเย็นเยียบแทงทะลุผ่านแผ่นหลังของเย่ซิวอย่างกะทันหัน ละอองเลือดสีทองสาดกระเซ็นร่างของเย่ซิวสั่นสะท้าน หันขวับไปทันที ก่อนจะได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย"เธอ!!""คาดไม่ถึงล่ะสิ" ไฉ่เวยเผยรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้า "เจ้าถูกข้าหลอก ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการของข้าเท่านั้นเพื่อทำให้เจ้าฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง แล้วก้าวมาถึงจุดนี้ในวันนี้"เย่ซิวกล่าวเสียงเย็นชา "ตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใครกันแน่?!""ย่อมบอกแก่เจ้าได้อยู่แล้ว ข้าคือหานซวงจุนจื่อ เมื่อปีนั้นข้าเป็นผู้นำสหพันธ์ผู้บำเพ็ญเซียน แต่พ่ายแพ้ในสงคราม สุดท้ายถูกผนึกไว้บนดวงจันทร์จอมปลอมนั่น"มุมปากของเย่ซิวมีเลือดไหลซึม "แล้วชายบนดวงจันทร์นั่นก็เป็นตัวล่อที่เจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อลวงข้าสินะ?""ถูกต้อง" ไฉ่เวยหรือที่ควรเรียกว่าหานซวงจุนจื่อออกแรงกำกระบี่ในมือแน่นขึ้นพลันกระบี่ก็ปลดปล่อยไอเย็นอันน่าสะพรึงออกมาร่างของเย่ซิวถูกแช่แข็งหมดสิ้น ยกเว้นเพียงศีรษะของเขาพลังชีวิตของเย่ซิวร่วงลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น "แต่นี่ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ทุกสิ่งในแดนทดสอบนี้ก็ควรอยู่ในการควบคุมของเธอทั้งหมดสิถ้าเช
หลังจากกล่าวจบ เธอก็แปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษน้ำแข็งขนาดมหึมาเธออ้าปากกว้างเผยให้เห็นขุมเขี้ยวอันน่าสะพรึง ก่อนจะพุ่งเข้ากลืนกินวิญญาณของเย่ซิว"หลิน!"ในขณะนั้นเอง วิญญาณของเย่ซิวพลันเปล่งเสียงแห่งเต๋าอันน่าสะพรึง ทำให้วิญญาณของหานซวงจุนจื่อสะท้านไหวอย่างรุนแรง"นี่มันอะไร!" อีกฝ่ายเผยสีหน้าตื่นตระหนกและสงสัยเย่ซิวคิดในใจว่าได้ผลจริง ๆ"หลินหลินหลิน!!!"เย่ซิวเร่งเร้าพลังวิญญาณของตน สะท้อนเสียงแห่งเต๋าออกมาอย่างต่อเนื่องแรงสั่นสะเทือนทำให้วิญญาณของหานซวงจุนจื่อสั่นสะท้านอย่างหนัก จนเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงภายในเวลาอันสั้น"บัดซบ! นี่คือเก้าวัจนะอาคมแห่งเต๋า เจ้ามีมันได้อย่างไร!"จิตใจของเธอปั่นป่วนจนแทบระเบิดวิธีการของเย่ซิวช่างหลากหลายและคาดเดาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกยุ่งยากอย่างที่สุดเธอรู้ดีว่าหากยังปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป อาจจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่คาดฝันเธอจึงปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในชั่วพริบตาฝืนทนรับแรงโจมตี และเข้าพันรัดวิญญาณของเย่ซิวอย่างแน่นหนาแม้จะต้องยอมสูญเสียพลังวิญญาณบางส่วน แต่เธอก็จะต้องกลืนกินเย่ซิวให้ได้วิญญาณของทั้งสองพันเกี่ยวเข้าหากันแต่แล
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน