“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีสาวสวยขนาดนี้!”“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? นี่มันนางฟ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์ชัด ๆ!”“สาวน้อย เธอมาทำอะไรแถวนี้? ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนไหมจ๊ะ?”…คนเหล่านี้มองหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยสายตาหื่นกระหาย และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายรูปร่างหน้าตาของเธอสวยเกินไปจริง ๆยิ่งกว่านั้น คนเหล่านี้เดิมทีเป็นพวกขี้เกียจราวกับพวกขยะสังคม เมื่อพวกเขาเห็นสาวสวยจึงรีบเข้ามาแซวเธอหลิ่วเมิ่งอิ๋นซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเย่ซิวโดยสัญชาตญาณ คนเหล่านี้ดูดุร้ายและน่ากลัวมาก“เฮ้ ไอ้หน้าอ่อนนี่ใคร? แฟนเธอเหรอ?”“ฉันสงสัยจังว่าผอมกระหร่องดูอ่อนแอขนาดนี้ จะทนต่อหมัดฉันได้หรือเปล่า”“สาวน้อย เธออยู่กับคนอย่างนั้นไม่มีอนาคตหรอก มาอยู่กับพี่ดีกว่า”…คนเหล่านี้ไม่ได้สนใจเย่ซิวเลยดูจากรูปลักษณ์ที่ผอมสูงแบบนี้ จะไปมีแรงขนาดไหนกันเชียว?รูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาและมีเสน่ห์ของหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นจนทนไม่ไหว และอดไม่ได้ที่จะลงมือทำสีหน้าของเย่ซิวดูเย็นชามาก “พวกคุณกำลังทำเรื่องแบบนี้ในเวลาทำงาน คุณไม่กลัวถูกเจ้านายไล่ออกเหรอ!”ชายคนหนึ่งหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ทำไมเจ้านาย
“ใช่ครับหัวหน้า พวกผมยังมีคนแก่กับเด็กเล็กที่ต้องดูแล หัวหน้าอย่าไล่พวกเราออกเลยนะครับ!”เมื่อกี้พวกเขาเย่อหยิ่งมากเท่าไร ตอนนี้พวกเขาก็อับอายขายหน้ามากเท่านั้นเมื่อหนิวเอ้อร์ได้ยินคำพูดนี้จากพวกเขา ก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่กับเขามาได้สักยะหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนี้เขากลับทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดจาอะไรสักคำคนพวกนี้โง่จริง ๆ ถ้าขืนยังอยู่ต่อ ไม่แน่ว่าต่อไปพวกเขาอาจจะก่อเรื่องราวใหญ่โตให้เขาเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ตอนนี้ให้เจ้านายคนใหม่จัดการไล่พวกเขาออกไปอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดสีหน้าของเย่ซิวนั้นเย็นชาจนไม่แสดงอาการใด ๆ “ไม่ต้องพูดมาก ไปจัดการเรื่องเงินเดือนให้เรียบร้อยแล้วออกไปซะ!” เมื่อเห็นเย่ซิวนั้นมีท่าทีเด็ดขาด พวกเขาก็โกรธมากจนถึงขีดสุด พวกเขารีบลุกขึ้นและเริ่มพับแขนเสื้อขึ้นดวงตาของพวกเขาแต่ล่ะคนฉายแววอันตราย“หัวหน้า คุณอยากจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”“จะบอกอะไรให้ ผมไม่กลัวคุณหรอก ผมยังมีพวกพ้องที่อยู่ข้างนอกอีกมากมาย ถ้าคุณไล่พวกเราออก ผมกล้ารับประกันได้เลยว่าต่อไปบริษัทของคุณจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ ๆ!”“ถ้างั้น เราลองถอยหลังคนละก้าวดูไหม? เร
รถมอเตอร์ไซค์และรถตู้จอดลงบนรถมอเตอร์ไซค์แต่ละคันมีคนนั่งอยู่ทั้งหมดสามคน เมื่อประตูรถตู้เปิดออกก็มีกลุ่มคนจำนวนสิบกว่าคนออกมากลุ่มคนจำนวนมากราวกับฝูงผึ้งรีบวิ่งเข้ามาที่หน้าบริษัทจนปิดการเข้าออกของพื้นที่นั้น“ใครมารังแกน้องชายฉัน!”“ก้าวออกมาให้ฉันดูหน่อยซิว่าใครกันที่มันกล้ามากขนาดนี้!”“ให้ตายเถอะ ที่นี่มีคนสวยขนาดนี้ด้วยเหรอนี่!”…หลังจากที่พวกอันธพาลมากกว่าสองร้อยคนลงจากรถมาแล้ว สายตาของพวกเขาก็มองไปที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นอย่างรวดเร็วแม้ว่าเธอจะยืนอยู่ที่นั่นโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไร แต่เธอก็เหมือนกับอัญมณีที่เปล่งประกายจนดึงดูดสายตาของผู้คนที่พบเห็นในกลุ่มคนที่ถูกไล่ออก มีคนหนึ่งชี้ไปที่เย่ซิวด้วยความโกรธและพูดว่า “พวกพี่ ไอ้หมอนี่แหละที่ไล่พวกเราออก! มาเถอะทุกคน มาทำให้มันพิการไปเลย ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ มันจะได้กลายเป็นของพวกเรา!"ทันใดนั้น พวกอันธพาลก็หัวเราะดังลั่นพร้อมกับหยิบอาวุธต่าง ๆ ออกมาแล้วเดินตรงไปหาเย่ซิวสีหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นซีดลง เธอคว้าแขนของเย่ซิวโดยไม่รู้ตัว “พี่เย่ซิว ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี?” เย่ซิวลูบศรีษะของเธอ “เธอเชื่อใจฉันไหม?”หลิ่วเมิ่งอิ
กำลังภายในนี้ปกติแล้วจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับพวกเขาแต่ถ้าพลังชี่และเลือดของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น ความโกรธของพวกเขาก็จะระเบิดออกมาและสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของพวกเขาพูดง่ายๆ คือ ถ้าต่อไปเขาไม่ทำความชั่วอีก กำลังภายในที่อยู่ในร่างกายของพวกเขาจะค่อย ๆ หายไปเอง“ออกไปซะ! อย่าให้ผมเจอพวกคุณอีก”พวกเขารู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ พวกเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป รีบพากันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เย่ซิวดึงหลิ่วเมิ่งอิ๋นเข้าไปในบริษัทหนิวเอ้อร์และคนอื่น ๆ แม้แต่จะหายใจก็ไม่กล้าหายใจแรง เมื่อเห็นเย่ซิวลับสายตาไปแล้ว ก็มีใครบางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำ“ลูกพี่ หัวหน้าคนใหม่ของเรานี่เป็นใครกันแน่?“นี่มันน่ากลัวมากเลยนะครับ คน ๆ เดียวสามารถล้มคนมากกว่าสองร้อยคนได้อย่างง่ายดาย”“ขนาดละครหลังข่าวยังสู้ไม่ได้เลย”…สีหน้าของหนิวเอ้อร์เข้มขึ้น “อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม รีบตามฉันไปหาหัวหน้าคนใหม่ซะ เขาพูดอะไรพวกเราก็ต้องทำตาม ห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาด!”ทุกคนรีบพยักหน้าอย่าเชื่อฟังแล้วเดินตามหนิวเอ้อร์เข้าไปในบริษัทเมื่อเย่ซิวเข้ามาในบริษัทก็เห็นว่ามันไม่เป็นระเบียบเหมือนที่เขาคิดไว้ สภาพค่อนข้
“จากที่ผมดู พวกคุณหลายคนไม่มีคุณสมบัติและจะต้องถูกไล่ออก”“และเพื่อในอนาคต การบริหารบริษัทจะได้ไม่กระทำผิดอีก ตอนนี้ใครถูกเรียกชื่อแล้วยืนขึ้นด้วย!”เย่ซิวเริ่มทำการเรียกชื่อเขาเลือกมายี่สิบห้าคนจากมากกว่าสองร้อยคนในนั้นมีผู้ชายห้าคน ส่วนอีกยี่สิบคนที่เหลือเป็นผู้หญิงเย่ซิวเคยเห็นหน้าตาพวกคนเหล่านี้ ถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียวส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ถูกเรียกก็มีทีท่ากระวนกระวายใจ และแอบเป็นกังวลว่าเย่ซิวจะไล่พวกเขาเย่ซิวได้เอ่ยขึ้นต่อว่า “ผมได้ดูโครงสร้างเงินเดือนของพวกคุณในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณสี่หมื่นต่อเดือน เงินเดือนแบบนี้ถือว่าไม่เลวสำหรับเมืองเจียงเฉิง”เพราะเงินเดือนคนปกติก็แค่สองหมื่นหรือสองหมื่นห้าเท่านั้นเมื่อพวกเขามีท่าทีกังวล เย่ซิวก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาตกใจมากยิ่งขึ้น“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยึดปฏิบัติตามระดับนะครับ”“แบ่งตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงสิบ หลักการเลื่อนขั้นคือ หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้วจะมีคะแนนที่สอดคล้องกัน”"เงินเดือนพื้นฐานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับหนึ่งคือสองหมื่นห้า บริษัทจะมีค่าทำประกัน ค่าที่พักและค่าอาหาร
“พวกคุณสามารถออกไปข้างนอกเพื่อไปรับการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ ถ้าพวกคุณได้รับใบรับรอง ผมก็จะรับพวกคุณกลับมาทำงาน”เรื่องตบหัวแล้วลูบหลังเย่ซิวล่ะถนัดนักแน่นอนว่าคนเหล่านี้เริ่มมีความหวังขึ้นมาทันทีหลังจากที่กึ่งพูดกึ่งไล่ให้พวกเขาออกไป เย่ซิวก็หันกลับมามองยี่สิบห้าคนที่เลือกเอาไว้ ซึ่งรวมถึงหนิวเอ้อร์ด้วยเริ่มจากพูดกับหนิวเอ้อร์ก่อนคนแรก “ส่วนตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ยังเป็นคุณที่รับผิดชอบ แต่ผมจะให้เวลาประเมินคุณแค่สามเดือนเท่านั้นหากถึงตอนนั้นคุณยังไม่สามารถพาบริษัทก้าวไปอีกขั้น คุณก็ควรจะพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก”หนิวเอ้อร์รีบแสดงความภักดีทันที “วางใจได้เลยครับหัวหน้า ผมจะทุ่มเทสุดความสามารถ ทำงานเพื่อบริษัทอย่างเต็มที่”เย่ซิวพยักหน้า หลังจากนั้นก็มองไปที่คนอื่น “ส่วนพวกคุณ ไปเป็นผู้รักษาความปลอดภัยที่วิลล่าของผมหากพวกคุณทำผลงานออกมาดี นอกจากจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ผมจะทำให้พวกคุณได้เป็นจอมยุทธ”ในบรรดาผู้รักษาความปลอดภัย หนิวเอ้อร์เป็นคนเดียวที่เป็นจอมยุทธ ส่วนคนอื่น ๆ เป็นเพียงบุคคลธรรมดาแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาและเก่งเรื่องการต่อสู้มากเช่นกันห
เนื่องจากขนาดของบริษัทที่สองค่อนข้างที่จะเล็ก จึงจัดการได้ค่อนข้างง่ายเป็นเวลาประมาณสามทุ่ม คนที่ได้อยู่ต่อต่างก็รับผิดชอบหน้าที่ของตนไปจะไม่มีการปล่อยให้ความเสี่ยงใด ๆ เกิดขึ้นประสิทธิภาพการทำงานของหลางสือปาถือว่ารวดเร็วมากผ่านไปไม่นานก็สืบภูมิหลังของคนยี่สิบสี่คนได้อย่างชัดเจนเพราะฉะนั้น ในคืนนั้นเย่ซิวจึงปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในวิลล่าอีกทั้งทุกคนยังได้รับอั่งเปาคนละหมื่นห้าบาท เขายังแต่งตั้งหนึ่งในนั้นให้เป็นหัวหน้าทีมบริษัทรักษาความปลอดภัยทั้งสองแห่งรวมเข้าด้วยกัน และทั้งหมดอยู่ในความดูแลของหนิวเอ้อร์เย่ซิวขอให้เขาขยับขยายออกไปให้กว้างขึ้นพวกเขาจำเป็นจะต้องรับสมัครคนเพิ่ม อย่างน้อยห้าพันคนขึ้นไปเมื่อเขาซื้อที่ดินในเขตชานเมืองและพัฒนามันเป็นหมู่บ้านจัดสรรแล้ว เขาก็จะก่อตั้งบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์อีกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องก็จะถูกย้ายมาจากบริษัทของเขาด้วยบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มากมายมหาศาลอีกทั้งยังมีรายได้ที่มั่นคงแต่แน่นอนว่าเงินมหาศาลเช่นนี้ เขาจะไม่สามารถปล่อยให้คนนอกมาจัดการได้เขาให้หลิ่วเมิ่งอิ๋นพักอยู่ใน
ภายในวิลล่านั้นใหญ่มาก ห้องที่อยู่บนชั้นสองมีสิบกว่าห้องเมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง ห้องทางขวาก็เปิดออกก็เห็นหญิงสาวยืนขึ้น แล้วเอ่ยถามเย่ซิวว่า “ลู่เจิ้นเฟิงไปแล้วใช่ไหม?”เย่ซิวพยักหน้าตอบ“นายเข้ามาเดี๋ยวนี้!”เย่ซิวไม่เคยได้ยินเสียงของชายที่ชื่ออี้หรงมาก่อน เลยเลียนแบบไม่ได้ ขืนหลุดปากพูดออกไปคงถูกจับได้แน่ เขาจึงทำได้แค่ตามเธอเข้าไปหญิงสาวรีบปิดประตูแล้วล็อกประตูทันทีสายตาเย่ซิวมองไปรอบ ๆ ห้อง จากนั้นก็มองไปทางอีกฝ่าย เขาคิดว่าตัวเองถูกจับเรื่องปลอมตัวแล้วสไตล์ของห้องนี้ถือว่าดีมาก เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหราผ้าม่านถูกดึงลงมา แสงไฟในห้องเปลี่ยนเป็นสีชมพู เต็มไปด้วยความคลุมเครือเดิมทีเย่ซิวคิดว่าหญิงสาวจับได้ว่าเขาปลอมตัวมา เลยต้องการจะจัดการเขาแต่ไม่นานก็พบว่ามันผิดปกติทันใดนั้นเธอก็ถอดเสื้อผ้าของเธอต่อหน้าเขาเพียงชั่วพริบตา ก็เหมือนกับไข่ที่ถูกปอกเปลือกจนหมดเปลือกแต่ต้องพูดว่าเรือนร่างของเธอนั้นดีเลยทีเดียว เธอรักษาหุ่นได้ดีมากหน้าท้องส่วนล่างแบนราบ ผิวพรรณเต่งตึงขาวราวหิมะ ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าเธอมีลูกสาววัยยี่สิบแล้วหญิงสาวกัดฟันเล็กน้อย เธอค่อนข้างรู้ส
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน