Home / รักโบราณ / โชคชะตาวิญญาณนำพารัก / บทที่ 2 เก็บเกี่ยวทรัพยากร 1

Share

บทที่ 2 เก็บเกี่ยวทรัพยากร 1

last update Last Updated: 2025-05-09 15:41:32

เอ่อ คือว่าเจ้าจะนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเช้าเลยหรือ หวังหรูอี้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงยามเช้าเข้าไปทุกทีแล้ว

“จะเช้าแล้วเหรอเนี่ย ท่านโดนแสงแดดได้หรือไม่” พะพายหันมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มจะเห็นแสงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้วก่อนจะหันไปถามหวังหรูอี้

โดนได้ แต่ข้าว่านะ เจ้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ อีกอย่างเจ้าก็กลับไปที่บ้านของเจ้าไม่ได้แล้วด้วย

หวังหรูอี้กล่าวเตือนหญิงสาว

“ก็จริง”

เจ้าจะทำอะไรต่อไปละ หวังหรูอี้เอ่ยถามสิ่งที่หญิงสาวต้องการ

“คงต้องหาที่ตั้งหลักก่อนละนะ” พะพายกล่าวตามสิ่งที่คิดว่าควรจะเริ่มทำอะไรก่อน

เจ้าต้องเปลี่ยนการพูดด้วย หวังหรูอี้กล่าวเตือนขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง

“เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว” พะพายพูดอย่างประชดประชันเล็กน้อย

อืม ดีมาก หวังหรูอี้พยักหน้าอย่างพอใจ

“เฮ้อ! เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องสู้กันต่อ ยังไงซะก็กลับไปไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ฉันคือ หวงหลี่อิง เป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าจากหมู่บ้านยากจนแห่งหนึ่งเท่านั้น”พะพายพยายามสะกดจิตตนเองให้ยอมรับเรื่องราวที่เกิดนี้ให้ได้

ใครว่าเจ้ายากจน

อยู่ๆ หวังหรูอี้ก็พูดขึ้นมา

“อ้าว...ก็ท่านเป็นคนบอกเองว่าร่างนี้ยากจน” พะพายถึงกับมองหวังหรูอี้ตาปริบ ๆ

ข้าไม่ยอมให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าเป็นคนยากจนหรอกนะ” หวังหรูอี้กล่าวพร้อมกับกวาดตามองพะพายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ต้องส่ายหน้า

“ที่ท่านพูดหมายความว่ายังไงเจ้าค่ะ” พะพายถามด้วยความฉงน

บุตรชายข้าที่เจ้ารู้จักมีฐานะเช่นไรเล่า

“อืม เป็นบุรุษรูปงาม ชาติตระกูลดี บิดาเป็นถึงขุนนางขั้น 2 ในราชสำนัก การศึกษาก็โดดเด่น เป็นที่หมายปองของเหล่าคุณหนูในเมือง” เมื่อพะพายลองนึกถึงภาพลักษณ์ที่ซีรีส์ได้บรรยายเอาไว้ของพระรองแล้วก็รู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่เธอกับเขาจะลงเอ่ยกันได้นั้นไม่มีเลย

ใช่หรือไม่ แล้วเจ้าคิดว่าด้วยฐานะของเจ้าในตอนนี้จะเข้าใกล้บุตรชายข้า ไม่สิ จะเข้าไปยังเมืองหลวงก็…” หวังหรูอี้ปรายตามองพะพายแล้วลากเสียงคำสุดท้ายยาว ๆ

“เจ้าค่ะๆ ข้าทราบแล้ว ว่าแม้แต่ค่าเดินทางเข้าเมืองหลวงข้าก็ไม่มีปัญญาจะจ่าย แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไรละเจ้าค่ะ” พะพายเอ่ยถามเสียงเล็กเสียงน้อย

อืม เจ้าต้องสร้างฐานะของตนเองขึ้นมาให้ได้เสียก่อน

หวังหรูอี้กล่าว

“สร้างฐานะ ข้าตอนนี้…” พะพายถามอย่างฉงน

ใช่แต่หวังหรูอี้กลับตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน

“ท่านลืมอะไรไปหรือไม่ ข้าในตอนนี้นั้นเป็นเพียงหญิงสาวตัวคนเดียว แถมยังยากจนอีก แล้วจะเอากำลังที่ไหนไปสร้างตัวสร้างฐานะละเจ้าค่ะ” พะพายรีบชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงในตอนนี้

มีข้าอยู่จะกลัวอะไรละ ในเมื่อข้าลงทุนพาเจ้ามา แถมยังเป็นแม่สื่อทาบทามเจ้าให้กับบุตรชายของข้า เช่นนั้นย่อมมีวิธีทำให้เจ้ากลายเป็นคุณหนูที่มีฐานะเท่าเทียมและเพียบพร้อมที่จะเป็นสะใภ้จวนขุนนางได้แน่นอน

หวังหรูอี้กล่าวอย่างมั่นใจ

“จะรอดไหมเนี่ย หนึ่งผีกับหนึ่งคนเนี่ย” หญิงสาวได้แต่พึมพำกับตนเอง

เอาละ สิ่งที่เจ้าต้องทำความเข้าใจในตอนนี้คือร่างที่เจ้าอยู่ ต่อจากนี้ไปเจ้าคือหวงหลี่อิง งั้นข้าเรียกเจ้าว่าอิงอิงละกัน

“เจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าคือ หวงหลี่อิง ว่าแต่เช้าแล้วเราจะต้องไปที่ไหนกันเจ้าค่ะ” หลี่อิงถามหวังหรูอี้พร้อมกับแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว

เจ้าพอจะรู้จักสมุนไพรบ้างหรือไม่ หรือว่าล่าสัตว์เป็นไหม เราต้องหาเงินกันก่อน

หวังหรูอี้ถามพะพายอย่างคาดหวัง

“เจ้าค่ะ สมุนไพรนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า แต่ล่าสัตว์เห็นทีจะไม่ไหว” พะพายตอบกลับตามจริง

เช่นนั้นดีเลย ป่าแถบนี้อุดมสมบูรณ์มากเดี๋ยวข้าจะนำทางให้ ส่วนเจ้าก็เก็บสมุนไพรไปนะ หวังหรูอี้บอกอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ตนพามานั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด

“ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบรับคำบอกกล่าวนั้นแต่โดยดี

งั้นก็ไปกันเลยเถอะ

ว่าแล้วหวังหรูอี้ก็ลอยลิ่วนำหน้าหวงหลี่อิงเข้าสู่ผืนป่าไปในทันที

พะพายมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นอย่างเหม่อลอย ต่อจากนี้ เธอต้องใช้ชีวิตในฐานะของหวงหลี่อิงแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ดี เธอขอให้คนที่อยู่ทางโน้นไม่เศร้าเสียใจมากนัก และใช้ชีวิตกันให้ดีต่อไป เธอเองก็จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีเช่นกัน

“ท่านรอข้าด้วย!” พะพายตะโกนไล่ตามหลังหวังหรูอี้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลอยนำไปไกลแล้ว

หวังหรูอี้นำทางหวงหลี่อิงเข้าป่ามาเรื่อยๆ จนถึงเขตป่าลึก

บริเวณนี้ไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามาเพราะลึกมาก อีกทั้งยังมีสัตว์ป่าดุร้ายอยู่ด้วย แต่เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าดูแล้วมันไม่ได้อยู่แถวนี้

หวังหรูอี้บอกกับหญิงสาว

“เช่นนั้นข้าจะเดินดูรอบ ๆ นี้นะเจ้าค่ะ เผื่อมีอะไรที่สามารถเก็บไปได้บ้าง” หวงหลี่อิงบอกพร้อมกับเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ

ได้ เดี๋ยวข้าจะดูสัตว์ป่าให้นะ

ว่าแล้วหวังหรูอี้ก็ลอยขึ้นไปด้านบนเพื่อที่จะตรวจดูความปลอดภัยให้กับหญิงสาวทางด้านหลี่อิงเองก็เดินสำรวจไปเรื่อย ๆ เช่นกัน

“นั้นมันโสมเหรอ ไม่จริงมั้ง อะไรจะโชคดีขนาดนั้น” ร่างบางที่ยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้น คือสิ่งที่คิดอยู่ ก็เดินเข้าไปสำรวจดูใกล้ๆ “บ้าไปแล้ว อายุของโสมต้นนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยปีแน่ๆ” หวงหลี่อิงพึมพำอยู่คนเดียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เจออะไรบ้างหรือไม่

“เห้ย!!” หวังหรูอี้ที่อยู่ๆ ก็โผล่มา ทำให้หลี่อิงตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นเลยทีเดียว

ตกใจอะไรขนาดนั้นข้าไม่ใช่ผีซะหน่อย” หวังหรูอี้พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตกใจนางที่เข้ามาถาม

“ข้าให้ท่านพูดใหม่” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับมองหวังหรูอี้ตาเขียวปั๊ด

เอ่อ ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าตกใจนะ

หวังหรูอี้เอ่ยเสียงอ่อย

“ท่านตายมากี่ปีแล้ว ท่านยังคิดว่าตนเองเป็นคนอยู่อีกหรือ”

“.....” หวังหรูอี้ที่ได้ยินดังนั้นก็เอาแต่ก้มหน้านิ่ง

“คือ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตอกย้ำท่านนะ ก็คนมันตกใจนี่น่า” หญิงสาวรีบเอ่ยขอโทษเมื่อรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดอะไรออกไป

ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็ผิดที่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงทำเจ้าตกใจ หวังหรูอี้กล่าวเสียงอ่อน

“อืม แต่ยังไงข้าก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับท่าน ข้าขอโทษท่านอีกครั้งนะ” หวังหรูอี้เพียงยิ้มรับแล้วส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

แล้วเจออะไรบ้างหรือไม่ หวังหรูอี้ถามอีกครั้ง

“อ่อ ข้าว่าเราเจอของดีเข้าแล้วละ” ร่างบางกล่าวพร้อมกลับมองไปที่จุดหนึ่งตรงหน้า

อะไรเหรอ หวังหรูอี้มองตามไปทันที

“นี่ไง” หญิงสาวชี้ไปยังต้นโสมที่พบ

มันคือต้นอะไรเหรอ

หวังหรูอี้ถามอย่างสงสัย

“ท่านไม่รู้จักเหรอ มันคือโสมไงเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกมึนงงที่อีกฝ่ายไม่รู้จักโสม

โสมเหรอ

หวังหรูอี้ตาโตก่อนจะหันมองหญิงสาวเพื่อขอความแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไป

“ท่านไม่รู้จักมันจริงๆ นะเหรอเจ้าค่ะ” หญิงสาวถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าหวังหรูอี้จะไม่รู้จักต้นโสมจริง ๆ

ข้าเคยเห็นโสมนะแต่มันไม่เหมือนแบบนี้

หวังหรูอี้บอกเมื่อนึกถึงรูปร่างของโสมที่นางเคยเห็น

“อ่อ ท่านคงจะหมายถึงที่เขาขุดมันขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่” หญิงสาวพอจะเข้าใจที่หวังหรูอี้ต้องการจะบอกแล้ว

แล้วเจ้ารู้วิธีขุดมันไหม

“พอจะรู้บ้างเจ้าค่ะ ท่านช่วยข้าหาไม้แหลมๆ หน่อยได้หรือไม่ ข้าจะเอามาขุด” หญิงสาวบอก

ได้ๆ

หลังจากได้ไม้ที่เหมาะสมในการขุดแล้วหลี่อิงก็ลงมือทันที การขุดเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพราะการจะให้ได้รากโสมที่สมบรูณ์นั้นรากโสมจะต้องไม่ขาด เมื่อขุดได้โสมมาแล้วหลี่อิงก็นำเอาใบโสมมาห่อรากโสมเอาอย่างดี

ข้านึกออกแล้ว หากเป็นต้นไม้แบบนี้ละก็ ข้าเคยเห็นอยู่อีกฝั่งหนึ่งของป่า มีหลายสิบต้นทีเดียว

หวังหรูอี้นึกขึ้นได้ว่าตอนที่ตนนั้นล่องลอยอยู่ในป่าเคยเห็นต้นไม้หน้าตาแบบนี้อยู่ที่ป่าอีกฝั่งหนึ่งใกล้กับถ้ำที่นางเคยใช้พักพิงเมื่อครั้งเป็นวิญญาณใหม่ๆ

“จริงเหรอ งั้นเรารีบไปกันเถอะ หากขุดได้เยอะเราก็จะได้มีเงินมากพอเอาไว้ตั้งตัวกัน” หนึ่งคนหนึ่งผีก็พากันออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปทันที ระหว่างทางหญิงสาวก็เก็บแอปเปิ้ลป่ากินไปด้วยเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าแล้ว

เดินกันมาได้ราวหนึ่งชั่วยามในที่สุดก็ถึงที่หมาย ป่าแถบนี้มีความรกชัฏและชื้นกว่าที่เดิม แต่กลับเหมือนจะมีทางเล็กๆ ให้สามารถเดินได้ราวกับว่ามีคนเคยใช้เส้นทางนี้เมื่อนานมาแล้ว

ถึงแล้วละ

หวังหรูอี้บอกกับหญิงสาวเมื่อมาถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง

“ถ้ำนี่” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น

ใช่แล้วถ้ำ หวังหรูอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม

“ไหนท่านบอกว่าจะพาข้าไปขุดโสมไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวถามด้วยความมึนงงปนสงสัยว่าอีกฝ่ายพานางมาที่ถ้ำทำไมกัน

ใช่ มันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เดินไปประมาณหนึ่งเค่อก็ถึงแล้ว แต่ที่ข้าพาเจ้ามาที่ถ้ำแห่งนี้ เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้มีที่พักกันในคืนนี้อย่างไรเล่า หวังหรูอี้อธิบาย

“คืนนี้ เดี๋ยวนะ ท่านไม่คิดจะพาข้าออกจากป่า แต่กลับหาที่พักในป่าแทนอย่างงั้นหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจนัก

ข้าตั้งใจจะพาเจ้าออกจากป่าอยู่แล้ว แต่สภาพเจ้าตอนนี้ ต่อให้ถือทองคำไปขายเจ้าก็จะโดนหาว่าเป็นขโมย แล้วถูกโยนออกมาจากร้านค้าอย่างแน่นอน เผลอๆ เขาอาจจับส่งทางการด้วยซ้ำ หวังหรูอี้บอก พร้อมกับมองสำรวจหญิงสาวไปด้วยแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เสื้อผ้าเก่าๆ มีรอยปะ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวสกปรกมีแต่ดินกับเหงื่อ ต่อให้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ขโมยก็ยากจะมีใครเชื่อ

“แล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า ถึงอยากจะจับข้าแต่งตัวใหม่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเราไม่มีชุดให้เปลี่ยนเลยสักชุดเดียว” หญิงสาวบอกตามความเป็นจริง จะให้ไปเอาชุดที่ไหนมาให้นางเปลี่ยนละ ก็ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็เจอแต่ป่ากับป่าเนี่ย

เข้าไปในถ้ำก่อนแล้วเจ้าจะรู้เอง หวังหรูอี้บอกพร้อมกับลอยนำหญิงสาวเข้าไปในถ้ำ เมื่อเข้ามาในถ้ำแล้ว หลี่อิงถึงกับตะลึงตาค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า

“นี้มันอะไรกันเนี่ย” สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือหีบไม้เนื้อดีขนาดใหญ่สี่ใบด้วยกัน

หากข้าจำไม่ผิดเหมือนว่าหีบพวกนี้จะเป็นของที่โจรปล้นมาจากขบวนพ่อค้าคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว พวกมันเอาของมาซ่อนไว้ที่นี่ หวังหรูอี้เล่าความเป็นมาของหีบเล่านี้ให้กับหญิงสาวฟังคร่าว ๆ

“แล้วพวกโจรไม่กลับมาเอาของหรืออย่างไร” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

ไม่แล้วละ เพราะพวกมันถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว หวังหรูอี้ตอบเสียงเรียบ

“แล้วขบวนพ่อค้าละ” หญิงสาวไม่ได้รับรู้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของหวังหรูอี้เลยสักนิด

ถูกพวกโจรฆ่าจนหมดเสียงของหวังหรูอี้ยังคงราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์

“แล้วท่านรู้ได้ยังไง” ยิ่งถามหลี่อิงก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

ที่ข้ารู้เพราะขบวนพ่อค้าที่ถูกฆ่าตายเป็นญาติของข้าเองหวังหรูอี้ตอบเสียงนิ่ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   ตอนพิเศษ (End)

    วิญญาณของหวงหลี่อิงนั้นไม่ได้ต้องการอันใดเพียงแค่อยากมาดูเท่านั้นว่าร่างตนเป็นอย่างไรบ้าง“ข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าไม่สบายใจ” หวงหลี่อิงเอ่ยขึ้นขณะที่นั่งอยู่ตรงหน้าหลี่อิง“ไม่เป็นไร ตอนแรกข้าก็กังวล พอรู้เช่นนี้ก็สบายใจขึ้น” หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มยินดี หลี่อิงคิดว่านี้น่าจะเป็นฝันที่อีกคนสร้างขึ้นเพื่อพูดคุยกับนางเป็นแน่“จริงสิ ข้ารบกวนเจ้าหน่อยได้หรือไม่” หวงหลี่อิงเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ“อะไรหรือ”“ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากทำมาตลอดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าจะรบกวนเจ้าให้ทำให้จะขอมากไปหรือไม่”“พูดมาเถอะ” หลี่อิงบอก“ข้าอยากไปที่วัดแห่งหนึ่งที่หวงโจ มันเป็นความปรารถนาของท่านแม่ข้าก่อนที่นางจะตาย”“ได้ข้าจะไปให้ เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรให้ที่นั่นหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามความต้องการของหวงหลี่อิง“มีคำพูดหนึ่งที่นางมักจะบอกข้าเสมอว่าหากมีโอกาสได้ไปวานข้าบอกกับเจ้าอาวาสที่นั่น”“…..”“แม้ชีวิตนี้ของข้าจะได้ทำเพียงหน้าที่อุ้มชูร่างของคนผู้หนึ่ง แต่ข้าก็ยินดีที่จะให้ความรักทั้งหมดกับคนผู้นั้น เมื่อวิญญาณของนางมาถึงหวังว่าท่านจะดูแลอุ้มชูให้มีความสุขสงบดังที่นางตั้งใจให้เป็นไป ข้าเพียงมาทวงสัญญา”“อ

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 35 ความสุขที่เฝ้ารอ

    “พวกท่านจะตะโกนทำไมเจ้าค่ะ อายคนอื่นเขาไหมนั้น”หวังเยว่ชิงเอ่ยอย่างตื่นตระหนก“เอาละ ๆ พอแล้ว พวกเจ้าก็เหมือนกันน้องโตเพียงนี้แล้ว อีกไม่นานก็ต้องออกเรือน ท่านพี่ก็ด้วย”หวังเหลียนฮวาเอ่ยปราม“จริงเจ้าค่ะท่านแม่”หวังเยว่ชิงเดินเข้าไปเกาะแขนมารดาเอาไว้อย่างออดอ้อน ทำให้บุรุษตระกูลหวังได้แต่มองอย่างไม่ยินยอม“เอาเป็นว่าพวกเราแยกย้ายกันไปเที่ยวตามที่ตนเองต้องการ แล้วค่อยกลับมารวมตัวกันตรงนี้ก่อนยามจื่อ (23.00-00.59) นะเจ้าค่ะ”หลี่อิงเอ่ยขึ้น เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเดินเที่ยวตามที่ต้องการและแน่นอนว่าหวังชิงเฟิงย่อมชิงตัวหลี่อิงออกมาก่อนใครทั้งคู่เดินชมบรรยากาศตามท้องถนน จนมาหยุดยืนอยู่ตรงสะพานที่มองเห็นทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำที่ถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟมากมายงดงาม“ใกล้ถึงเวลาจุดพลุแล้ว อยู่ตรงนี้จะเห็นได้ชัดมากกว่า”หวังชิงเฟิงเอ่ยขึ้น มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวนุ่มเอาไว้และไม่นานเสียงพลุก็ดังขึ้น หลี่อิงมองพลุที่ถูกจุดขึ้นตาเป็นประกาย พร้อมรอยยิ้มกว้าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตกอยู่ภายใต้การมองของชายหนุ่มทั้งหมด“ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็ยังงดงามมากเช่นเดิมท่านว่าหรือไ

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 34 เทศกาลหยวนเซียว

    ในยามนี้ที่จวนตระกูลเซียวทุกคนต่างก็พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ทุกคนเริ่มลงมือทานอาหารนั้นหลี่ซินก็เดินเข้ามาแจ้งว่าหวังชิงเฟิงมาถึงแล้วตอนนี้อยู่ที่ห้องโถง หลี่อิงกวาดสายตามองทุกคนที่กำลังสนใจนางอยู่ตอนนี้ก็เอ่ยขอตัวออกมาหญิงสาวเดินออกมาถึงห้องโถงก็เจอกับสายตาเรียบนิ่งที่มองมาอย่างแง่งอน หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับอมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม“เป็นอันใดเจ้าค่ะ”“เจ้าไม่รอข้า” เขาพูดอย่างแง่งอนที่หญิงสาวไม่รอให้ตนเองมาถึงก่อนค่อยเริ่มฉลองเทศกาลกัน“ท่านเป็นเด็กหรือเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่มาถึงแล้วอย่างไรก็ไม่ควรให้รอ อีกอย่างท่านติดธุระอื่นอยู่ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไร ท่านจะใจร้ายปล่อยให้พวกท่านหิ้วท้องรอได้หรือ”หญิงสาวเอ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้มเอ็นดูคนรัก แต่นางก็เข้าใจชายหนุ่มว่าต้องการฉลองเทศกาลอย่างพร้อมหน้ากับทุกคน“ข้าขอโทษเจ้าที่เอาแต่ใจ” ใบหน้าคมคายเอ่ยอย่างออดอ้อน มือหนาคว้ามือนุ่มมานวดคลึงเบา ๆ ให้คลายอารมณ์ขุ่นมัวถึงแม้จะเป็นแค่การแกล้งแสดงออกของหญิงสาว“ข้าไม่ได้โกรธเจ้าค่ะ และเข้าใจท่านด้วย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ หลี่ซิน”หญิงสาวเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิท แล

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 33 วันเวลาที่พ้นผ่าน

    “ข้าจะบอกอะไรให้นะเจ้าคะ สตรีอย่างเราล้วนต้องการเป็นภรรยเดียว ท่านก็เช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่หาทางขายหลี่ซินออกมา สามีท่านเป็นคนที่ไม่เคยพอในเรื่องของสตรี ถ้าเป็นข้า ข้าจะทำให้เขาไม่สามารถเสพสมกับสตรีใดได้อีก”หลี่อิงเอ่ยเสียงเรียบดวงตากลมโตจ้องมองฟงกั๋วหมิงก่อนจะเลื่อนสายตาต่ำลงไปเล็กน้อยจนชายหนุ่มเผลอก้าวถอยหลังรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที“เจ้ากล้าหรือ บุรุษอย่างเรามีสามภรรยาสี่อนุยังได้ แต่สตรีเช่นเจ้าหากชื่อเสียงเสียหายก็ไม่มีใครต้องการแล้ว” ฟงกั๋วหมิงกล่าวอย่างฉุนเฉียว“เจ้าค่ะ สตรีอย่างเราต้องรักษาชื่อเสียงอย่างดีถึงจะสามารถมีชีวิตที่ดีได้ ไม่เหมือนบุรุษเช่นท่านจะเลวจะชั่วอย่างไรก็ยังมีคนให้ท้าย แต่ถ้าเกิดไปเหยียบหางเสือร้ายเข้า ยังจะมีใครกล้าออกหน้าให้อีกหรือไม่เล่าข้าก็อยากรู้เสียจริง”“หึ เจ้าเปรียบตนเองสูงไปหน่อยหรือไม่” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย้ยหยัน“ข้าไม่กล้าเปรียบตนเองเป็นเสือร้ายหรอกเจ้าค่ะ แต่ท่านรู้ดีว่าข้าหมายถึงใคร”ร่างบางฉีกยิ้มหวานจับใจให้ชายหนุ่ม แต่มันกลับดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดในสายตาของฟงกั๋วหมิง“หวังชิงเฟิงนะหรือ เขามีคู่หมั้นแล้วและอีกอ

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 32 ความรู้สึกที่ตรงกัน

    “เอ่อ ไม่ดีเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ“ทำไมเล่า”“นี้มันห้องสตรีนะเจ้าค่ะ” หลี่อิงเอ่ยขึ้นทันที ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มราวกับเห็นผี“แต่เจ้าเป็นคู่หมั้นข้าแล้ว” หวังชิงเฟิงก็ไม่น้อยหน้าเอ่ยอ้างถึงสถานะของเจ้าตัวตอนนี้“แค่ข่าวลือที่ท่านปล่อยออกไปเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยค้านทันที“หากข้าไม่ต้องการเพียงแค่ข่าวลือเล่า” สายตาคมมองหลี่อิงอย่างเจ้าเล่ห์“ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นเพียงข่าวลือเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอกย้ำความเป็นจริง“แต่ก็เป็นข่าวลือที่มีมูลความจริง” ชายหนุ่มเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน“……”“เจ้ากังวลอะไรอยู่” ชายหนุ่มมองเห็นความลังเลไม่มั่นคงในแววตาของหญิงสาว“เรื่องราวของพวกเรา มันไม่เร็วไปหรือเจ้าค่ะ” หลี่อิงถามขึ้นน้ำเสียงมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด“หากเจ้าคิดว่ามันเร็วไป ข้าก็จะรอจนกว่าเจ้าจะพร้อม แต่ระหว่างนี้เรื่องหมั้นของเรา เจ้าคิดเห็นอย่างไร” หวังชิงเฟิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวอย่างจดจ่อและคาดหวังว่าคำตอบนั้นจะตรงกับใจของเขาเช่นกัน“….. ข้ายินดีเจ้าค่ะ” หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบรับคำขอของชายหนุ่ม หวังชิงเฟิงยิ้มกว้างอย่างยินดี“ข้าจะให้ท่านพ่อจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด”“เจ้า

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 31 ถูกหาเรื่องถึงในจวน

    กลุ่มคนที่พากันมาเยือนจวนผู้อื่นแต่เช้าตอนนี้กำลังนั่งรอเจ้าของจวนอย่างสงบอยู่ที่โถงรับรอง สายตาหลายคู่มองไปรอบโถงนี้อย่างริษยาเครื่องตกแต่งถึงจะดูเรียบง่ายแต่กลับมีราคายิ่ง“เป็นเจ้าบ้านอย่างไรปล่อยให้แขกรอ” สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น นางคือฮูหยินของเจ้าเมืองต้าถงวันนี้ได้ข่าวที่ไม่ค่อยจะรื่นหูเท่าไรเกี่ยวกับหญิงสาวเจ้าของจวนจึงรบเร้าให้ผู้เป็นสามีพานางกับบุตรสาวมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ว่าข่าวนั้นเป็นเพียงข่าวลือ“แล้วเป็นแขกอย่างไรถึงกล้าถือวิสาสะเข้าจวนผู้อื่นทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต”เสียงหวานนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองผู้พูดอย่างไม่พอใจนัก“นี่….” นางกำลังจะเอ่ยต่อว่าผู้ที่กล้าด่านาง แต่เมื่อมองไปยังผู้พูดแล้วก็ได้แต่กลืนทุกอย่างลงคอไป ร่างเพรียวระหงของหวังเหลียนฮวาเดินเข้ามาพร้อมกับผู้เป็นสามี ด้านหลังคือหลี่อิงกับหวังชิงเฟิง ทั้งสองคู่บังเอิญเจอกันที่หน้าห้องโถงพอดีทั้งยังได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังของผู้มาเยือน หวังเหลียนฮวาเลยอาสาเป็นผู้จัดการแทนหญิงสาวเพราะอย่างไรนางก็เป็นผู้ใหญ่กว่าให้หลี่อิงออกหน้าเองคงไม่เหมาะ“ท่านเสนาบดี ฮูหยินหวัง” ถงกวนหลี เจ้าเมืองต้าถงลุกขึ้นทำความเคารพทันท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status