“เอ่อ คือว่าเจ้าจะนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเช้าเลยหรือ” หวังหรูอี้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงยามเช้าเข้าไปทุกทีแล้ว
“จะเช้าแล้วเหรอเนี่ย ท่านโดนแสงแดดได้หรือไม่” พะพายหันมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มจะเห็นแสงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้วก่อนจะหันไปถามหวังหรูอี้
“โดนได้ แต่ข้าว่านะ เจ้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ อีกอย่างเจ้าก็กลับไปที่บ้านของเจ้าไม่ได้แล้วด้วย”
หวังหรูอี้กล่าวเตือนหญิงสาว“ก็จริง”
“เจ้าจะทำอะไรต่อไปละ” หวังหรูอี้เอ่ยถามสิ่งที่หญิงสาวต้องการ
“คงต้องหาที่ตั้งหลักก่อนละนะ” พะพายกล่าวตามสิ่งที่คิดว่าควรจะเริ่มทำอะไรก่อน
“เจ้าต้องเปลี่ยนการพูดด้วย” หวังหรูอี้กล่าวเตือนขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว” พะพายพูดอย่างประชดประชันเล็กน้อย
“อืม ดีมาก” หวังหรูอี้พยักหน้าอย่างพอใจ
“เฮ้อ! เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องสู้กันต่อ ยังไงซะก็กลับไปไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ฉันคือ หวงหลี่อิง เป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าจากหมู่บ้านยากจนแห่งหนึ่งเท่านั้น”พะพายพยายามสะกดจิตตนเองให้ยอมรับเรื่องราวที่เกิดนี้ให้ได้
“ใครว่าเจ้ายากจน”
อยู่ๆ หวังหรูอี้ก็พูดขึ้นมา“อ้าว...ก็ท่านเป็นคนบอกเองว่าร่างนี้ยากจน” พะพายถึงกับมองหวังหรูอี้ตาปริบ ๆ
“ข้าไม่ยอมให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าเป็นคนยากจนหรอกนะ” หวังหรูอี้กล่าวพร้อมกับกวาดตามองพะพายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ต้องส่ายหน้า
“ที่ท่านพูดหมายความว่ายังไงเจ้าค่ะ” พะพายถามด้วยความฉงน
“บุตรชายข้าที่เจ้ารู้จักมีฐานะเช่นไรเล่า”
“อืม เป็นบุรุษรูปงาม ชาติตระกูลดี บิดาเป็นถึงขุนนางขั้น 2 ในราชสำนัก การศึกษาก็โดดเด่น เป็นที่หมายปองของเหล่าคุณหนูในเมือง” เมื่อพะพายลองนึกถึงภาพลักษณ์ที่ซีรีส์ได้บรรยายเอาไว้ของพระรองแล้วก็รู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่เธอกับเขาจะลงเอ่ยกันได้นั้นไม่มีเลย
“ใช่หรือไม่ แล้วเจ้าคิดว่าด้วยฐานะของเจ้าในตอนนี้จะเข้าใกล้บุตรชายข้า ไม่สิ จะเข้าไปยังเมืองหลวงก็…” หวังหรูอี้ปรายตามองพะพายแล้วลากเสียงคำสุดท้ายยาว ๆ
“เจ้าค่ะๆ ข้าทราบแล้ว ว่าแม้แต่ค่าเดินทางเข้าเมืองหลวงข้าก็ไม่มีปัญญาจะจ่าย แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไรละเจ้าค่ะ” พะพายเอ่ยถามเสียงเล็กเสียงน้อย
“อืม เจ้าต้องสร้างฐานะของตนเองขึ้นมาให้ได้เสียก่อน”
หวังหรูอี้กล่าว“สร้างฐานะ ข้าตอนนี้…” พะพายถามอย่างฉงน
“ใช่” แต่หวังหรูอี้กลับตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน
“ท่านลืมอะไรไปหรือไม่ ข้าในตอนนี้นั้นเป็นเพียงหญิงสาวตัวคนเดียว แถมยังยากจนอีก แล้วจะเอากำลังที่ไหนไปสร้างตัวสร้างฐานะละเจ้าค่ะ” พะพายรีบชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงในตอนนี้
“มีข้าอยู่จะกลัวอะไรละ ในเมื่อข้าลงทุนพาเจ้ามา แถมยังเป็นแม่สื่อทาบทามเจ้าให้กับบุตรชายของข้า เช่นนั้นย่อมมีวิธีทำให้เจ้ากลายเป็นคุณหนูที่มีฐานะเท่าเทียมและเพียบพร้อมที่จะเป็นสะใภ้จวนขุนนางได้แน่นอน”
หวังหรูอี้กล่าวอย่างมั่นใจ“จะรอดไหมเนี่ย หนึ่งผีกับหนึ่งคนเนี่ย” หญิงสาวได้แต่พึมพำกับตนเอง
“เอาละ สิ่งที่เจ้าต้องทำความเข้าใจในตอนนี้คือร่างที่เจ้าอยู่ ต่อจากนี้ไปเจ้าคือหวงหลี่อิง งั้นข้าเรียกเจ้าว่าอิงอิงละกัน”
“เจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าคือ หวงหลี่อิง ว่าแต่เช้าแล้วเราจะต้องไปที่ไหนกันเจ้าค่ะ” หลี่อิงถามหวังหรูอี้พร้อมกับแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
“เจ้าพอจะรู้จักสมุนไพรบ้างหรือไม่ หรือว่าล่าสัตว์เป็นไหม เราต้องหาเงินกันก่อน”
หวังหรูอี้ถามพะพายอย่างคาดหวัง“เจ้าค่ะ สมุนไพรนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า แต่ล่าสัตว์เห็นทีจะไม่ไหว” พะพายตอบกลับตามจริง
“เช่นนั้นดีเลย ป่าแถบนี้อุดมสมบูรณ์มากเดี๋ยวข้าจะนำทางให้ ส่วนเจ้าก็เก็บสมุนไพรไปนะ” หวังหรูอี้บอกอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่ตนพามานั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด
“ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบรับคำบอกกล่าวนั้นแต่โดยดี
“งั้นก็ไปกันเลยเถอะ”
ว่าแล้วหวังหรูอี้ก็ลอยลิ่วนำหน้าหวงหลี่อิงเข้าสู่ผืนป่าไปในทันทีพะพายมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นอย่างเหม่อลอย ต่อจากนี้ เธอต้องใช้ชีวิตในฐานะของหวงหลี่อิงแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ดี เธอขอให้คนที่อยู่ทางโน้นไม่เศร้าเสียใจมากนัก และใช้ชีวิตกันให้ดีต่อไป เธอเองก็จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีเช่นกัน
“ท่านรอข้าด้วย!” พะพายตะโกนไล่ตามหลังหวังหรูอี้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลอยนำไปไกลแล้ว
หวังหรูอี้นำทางหวงหลี่อิงเข้าป่ามาเรื่อยๆ จนถึงเขตป่าลึก
“บริเวณนี้ไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามาเพราะลึกมาก อีกทั้งยังมีสัตว์ป่าดุร้ายอยู่ด้วย แต่เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าดูแล้วมันไม่ได้อยู่แถวนี้”
หวังหรูอี้บอกกับหญิงสาว“เช่นนั้นข้าจะเดินดูรอบ ๆ นี้นะเจ้าค่ะ เผื่อมีอะไรที่สามารถเก็บไปได้บ้าง” หวงหลี่อิงบอกพร้อมกับเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ
“ได้ เดี๋ยวข้าจะดูสัตว์ป่าให้นะ”
ว่าแล้วหวังหรูอี้ก็ลอยขึ้นไปด้านบนเพื่อที่จะตรวจดูความปลอดภัยให้กับหญิงสาวทางด้านหลี่อิงเองก็เดินสำรวจไปเรื่อย ๆ เช่นกัน“นั้นมันโสมเหรอ ไม่จริงมั้ง อะไรจะโชคดีขนาดนั้น” ร่างบางที่ยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้น คือสิ่งที่คิดอยู่ ก็เดินเข้าไปสำรวจดูใกล้ๆ “บ้าไปแล้ว อายุของโสมต้นนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยปีแน่ๆ” หวงหลี่อิงพึมพำอยู่คนเดียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เจออะไรบ้างหรือไม่”
“เห้ย!!” หวังหรูอี้ที่อยู่ๆ ก็โผล่มา ทำให้หลี่อิงตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นเลยทีเดียว
“ตกใจอะไรขนาดนั้นข้าไม่ใช่ผีซะหน่อย” หวังหรูอี้พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตกใจนางที่เข้ามาถาม
“ข้าให้ท่านพูดใหม่” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับมองหวังหรูอี้ตาเขียวปั๊ด
“เอ่อ ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าตกใจนะ”
หวังหรูอี้เอ่ยเสียงอ่อย“ท่านตายมากี่ปีแล้ว ท่านยังคิดว่าตนเองเป็นคนอยู่อีกหรือ”
“.....” หวังหรูอี้ที่ได้ยินดังนั้นก็เอาแต่ก้มหน้านิ่ง
“คือ ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตอกย้ำท่านนะ ก็คนมันตกใจนี่น่า” หญิงสาวรีบเอ่ยขอโทษเมื่อรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดอะไรออกไป
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็ผิดที่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงทำเจ้าตกใจ” หวังหรูอี้กล่าวเสียงอ่อน
“อืม แต่ยังไงข้าก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับท่าน ข้าขอโทษท่านอีกครั้งนะ” หวังหรูอี้เพียงยิ้มรับแล้วส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“แล้วเจออะไรบ้างหรือไม่” หวังหรูอี้ถามอีกครั้ง
“อ่อ ข้าว่าเราเจอของดีเข้าแล้วละ” ร่างบางกล่าวพร้อมกลับมองไปที่จุดหนึ่งตรงหน้า
“อะไรเหรอ” หวังหรูอี้มองตามไปทันที
“นี่ไง” หญิงสาวชี้ไปยังต้นโสมที่พบ
“มันคือต้นอะไรเหรอ”
หวังหรูอี้ถามอย่างสงสัย“ท่านไม่รู้จักเหรอ มันคือโสมไงเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกมึนงงที่อีกฝ่ายไม่รู้จักโสม
“โสมเหรอ”
หวังหรูอี้ตาโตก่อนจะหันมองหญิงสาวเพื่อขอความแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไป“ท่านไม่รู้จักมันจริงๆ นะเหรอเจ้าค่ะ” หญิงสาวถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าหวังหรูอี้จะไม่รู้จักต้นโสมจริง ๆ
“ข้าเคยเห็นโสมนะแต่มันไม่เหมือนแบบนี้”
หวังหรูอี้บอกเมื่อนึกถึงรูปร่างของโสมที่นางเคยเห็น“อ่อ ท่านคงจะหมายถึงที่เขาขุดมันขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่” หญิงสาวพอจะเข้าใจที่หวังหรูอี้ต้องการจะบอกแล้ว
“แล้วเจ้ารู้วิธีขุดมันไหม”
“พอจะรู้บ้างเจ้าค่ะ ท่านช่วยข้าหาไม้แหลมๆ หน่อยได้หรือไม่ ข้าจะเอามาขุด” หญิงสาวบอก
“ได้ๆ”
หลังจากได้ไม้ที่เหมาะสมในการขุดแล้วหลี่อิงก็ลงมือทันที การขุดเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพราะการจะให้ได้รากโสมที่สมบรูณ์นั้นรากโสมจะต้องไม่ขาด เมื่อขุดได้โสมมาแล้วหลี่อิงก็นำเอาใบโสมมาห่อรากโสมเอาอย่างดี
“ข้านึกออกแล้ว หากเป็นต้นไม้แบบนี้ละก็ ข้าเคยเห็นอยู่อีกฝั่งหนึ่งของป่า มีหลายสิบต้นทีเดียว”
หวังหรูอี้นึกขึ้นได้ว่าตอนที่ตนนั้นล่องลอยอยู่ในป่าเคยเห็นต้นไม้หน้าตาแบบนี้อยู่ที่ป่าอีกฝั่งหนึ่งใกล้กับถ้ำที่นางเคยใช้พักพิงเมื่อครั้งเป็นวิญญาณใหม่ๆ“จริงเหรอ งั้นเรารีบไปกันเถอะ หากขุดได้เยอะเราก็จะได้มีเงินมากพอเอาไว้ตั้งตัวกัน” หนึ่งคนหนึ่งผีก็พากันออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปทันที ระหว่างทางหญิงสาวก็เก็บแอปเปิ้ลป่ากินไปด้วยเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าแล้ว
เดินกันมาได้ราวหนึ่งชั่วยามในที่สุดก็ถึงที่หมาย ป่าแถบนี้มีความรกชัฏและชื้นกว่าที่เดิม แต่กลับเหมือนจะมีทางเล็กๆ ให้สามารถเดินได้ราวกับว่ามีคนเคยใช้เส้นทางนี้เมื่อนานมาแล้ว
“ถึงแล้วละ”
หวังหรูอี้บอกกับหญิงสาวเมื่อมาถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง“ถ้ำนี่” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้วถ้ำ” หวังหรูอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไหนท่านบอกว่าจะพาข้าไปขุดโสมไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวถามด้วยความมึนงงปนสงสัยว่าอีกฝ่ายพานางมาที่ถ้ำทำไมกัน
“ใช่ มันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เดินไปประมาณหนึ่งเค่อก็ถึงแล้ว แต่ที่ข้าพาเจ้ามาที่ถ้ำแห่งนี้ เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้มีที่พักกันในคืนนี้อย่างไรเล่า” หวังหรูอี้อธิบาย
“คืนนี้ เดี๋ยวนะ ท่านไม่คิดจะพาข้าออกจากป่า แต่กลับหาที่พักในป่าแทนอย่างงั้นหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจนัก
“ข้าตั้งใจจะพาเจ้าออกจากป่าอยู่แล้ว แต่สภาพเจ้าตอนนี้ ต่อให้ถือทองคำไปขายเจ้าก็จะโดนหาว่าเป็นขโมย แล้วถูกโยนออกมาจากร้านค้าอย่างแน่นอน เผลอๆ เขาอาจจับส่งทางการด้วยซ้ำ” หวังหรูอี้บอก พร้อมกับมองสำรวจหญิงสาวไปด้วยแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เสื้อผ้าเก่าๆ มีรอยปะ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวสกปรกมีแต่ดินกับเหงื่อ ต่อให้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ขโมยก็ยากจะมีใครเชื่อ
“แล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า ถึงอยากจะจับข้าแต่งตัวใหม่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเราไม่มีชุดให้เปลี่ยนเลยสักชุดเดียว” หญิงสาวบอกตามความเป็นจริง จะให้ไปเอาชุดที่ไหนมาให้นางเปลี่ยนละ ก็ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็เจอแต่ป่ากับป่าเนี่ย
“เข้าไปในถ้ำก่อนแล้วเจ้าจะรู้เอง” หวังหรูอี้บอกพร้อมกับลอยนำหญิงสาวเข้าไปในถ้ำ เมื่อเข้ามาในถ้ำแล้ว หลี่อิงถึงกับตะลึงตาค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“นี้มันอะไรกันเนี่ย” สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือหีบไม้เนื้อดีขนาดใหญ่สี่ใบด้วยกัน
“หากข้าจำไม่ผิดเหมือนว่าหีบพวกนี้จะเป็นของที่โจรปล้นมาจากขบวนพ่อค้าคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว พวกมันเอาของมาซ่อนไว้ที่นี่” หวังหรูอี้เล่าความเป็นมาของหีบเล่านี้ให้กับหญิงสาวฟังคร่าว ๆ
“แล้วพวกโจรไม่กลับมาเอาของหรืออย่างไร” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
“ไม่แล้วละ เพราะพวกมันถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว” หวังหรูอี้ตอบเสียงเรียบ
“แล้วขบวนพ่อค้าละ” หญิงสาวไม่ได้รับรู้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของหวังหรูอี้เลยสักนิด
“ถูกพวกโจรฆ่าจนหมด” เสียงของหวังหรูอี้ยังคงราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์
“แล้วท่านรู้ได้ยังไง” ยิ่งถามหลี่อิงก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ที่ข้ารู้เพราะขบวนพ่อค้าที่ถูกฆ่าตายเป็นญาติของข้าเอง” หวังหรูอี้ตอบเสียงนิ่ง
“ห๊ะ!!” หวงหลี่อิงถึงกับตาโตนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“ตอนนั้นที่ข้าพึ่งตายอยู่ ๆ ข้าก็โผล่มาที่นี่ ทั้งที่ไม่เคยมาและไม่รู้จักด้วยซ้ำ ว่าที่นี่คือที่ไหน ข้าเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันขนหีบเหล่านี้เข้ามาในถ้ำและพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนข้าได้รู้ว่าขบวนพ่อค้าที่พวกมันไปปล้นมาเป็นญาติห่าง ๆ ของข้าเอง ตอนนั้นข้าโกรธมาก จนไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไปและไม่รู้ว่าทำได้ยังไงด้วย แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที พวกโจรเหล่านั้นก็ตายกันไปจนหมดแล้ว” ร่างบางมองหน้าหวังหรูอี้อย่างนิ่งงันหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด“นี้...ท่านเป็นคนฆ่าโจรพวกนั้น…เหรอ” หญิงสาวถามอย่างไม่แน่ใจนัก พร้อมกับแสดงสีหน้าหวาดระแวงออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอกนะ ตอนนั้นข้าไม่รู้ตัวจริงๆ อาจจะเป็นเพราะข้าพึ่งตาย และยังต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้อีก ไหนจะเป็นห่วงบุตรชายที่ข้าพึ่งจากเขามา ก็เลยอาจจะเกิดแรงอาฆาตขึ้นมา…กะมัง” หวังหรูอี้พยายามอธิบายอย่างลนลานเสียงอ่อน เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะมองนางไม่ดีและหวาดกลัวนาง“เฮ้อ เอาเถอะ ไหน ๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่ว่าเรื่องจะเป็นมายังไง ท่านก็เป็นที่พึ่งเดียวที่ข้ามีและรู้จัก ยังไง
“เอ่อ คือว่าเจ้าจะนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเช้าเลยหรือ” หวังหรูอี้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงยามเช้าเข้าไปทุกทีแล้ว“จะเช้าแล้วเหรอเนี่ย ท่านโดนแสงแดดได้หรือไม่” พะพายหันมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มจะเห็นแสงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้วก่อนจะหันไปถามหวังหรูอี้“โดนได้ แต่ข้าว่านะ เจ้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ อีกอย่างเจ้าก็กลับไปที่บ้านของเจ้าไม่ได้แล้วด้วย” หวังหรูอี้กล่าวเตือนหญิงสาว“ก็จริง”“เจ้าจะทำอะไรต่อไปละ” หวังหรูอี้เอ่ยถามสิ่งที่หญิงสาวต้องการ“คงต้องหาที่ตั้งหลักก่อนละนะ” พะพายกล่าวตามสิ่งที่คิดว่าควรจะเริ่มทำอะไรก่อน“เจ้าต้องเปลี่ยนการพูดด้วย” หวังหรูอี้กล่าวเตือนขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง“เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว” พะพายพูดอย่างประชดประชันเล็กน้อย“อืม ดีมาก” หวังหรูอี้พยักหน้าอย่างพอใจ“เฮ้อ! เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องสู้กันต่อ ยังไงซะก็กลับไปไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ฉันคือ หวงหลี่อิง เป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าจากหมู่บ้านยากจนแห่งหนึ่งเท่านั้น”พะพายพยายามสะกดจิตตนเองให้ยอมรับเรื่องราวที่เกิดนี้ให้ได้“ใครว่าเจ้ายากจน” อยู่ๆ หวังหรูอี้ก็พูดขึ้นมา“อ้าว...ก็ท่านเป็นคนบอกเองว่าร่างนี้
“อืม” เสียงครางแหบแห้งในลำคอ พร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนแวววาว“ที่ไหนเนี่ย” หญิงสาวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่กลางทุ่งหญ้ารกชัฏที่ไหนสักแห่ง“นังหนู” จู่ๆ ก็มีร่างโปร่งแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ“เห้ย!” พะพายตกใจจนสติสตังหายหมด เมื่อมีบางอย่างโผล่มาตรงหน้า“นังหนูใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” ร่างโปร่งแสงเอ่ยกับหญิงสาว“เย็นก็บ้าแล้ว” พูดจบพะพายก็ดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกวิ่งทันที“อ่าวเห้ย นังหนูรอข้าก่อน” ร่างนั้นล่องลอยตามพะพายมาติดๆ“รอก็โง่นะสิ เป็นผีก็อยู่ส่วนผีสิ จะมาตามหลอกหลอนกันทำไมเล่า” เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คน พะพายก็ยิ่งสับขาวิ่งเร็วขึ้นไปอีก“ข้าก็ไม่ได้อยากตามหลอกเจ้านะ แต่ข้าไม่รู้จะไปไหน พอโผล่ออกมาเจ้าก็มองเห็นข้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องเหงาแล้ว เพราะสามารถสื่อสารกับเจ้าได้ ก็เลยตามเจ้ามา”“ท่านรู้ได้ไงว่าหนูมองเห็นท่าน” พะพายถามกลับไป ทั้งที่ยังวิ่งไม่หยุด“ก็เจ้าตกใจตอนที่ข้าโผล่ไปตรงหน้าเจ้าไม่ใช่หรือ นั้นก็แสดงว่าเจ้ามองเห็นข้า” ว่าแล้ววิญญาณตนนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าขอ