“อืม” เสียงครางแหบแห้งในลำคอ พร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนแวววาว
“ที่ไหนเนี่ย” หญิงสาวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่กลางทุ่งหญ้ารกชัฏที่ไหนสักแห่ง
“นังหนู”
จู่ๆ ก็มีร่างโปร่งแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ“เห้ย!” พะพายตกใจจนสติสตังหายหมด เมื่อมีบางอย่างโผล่มาตรงหน้า
“นังหนูใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
ร่างโปร่งแสงเอ่ยกับหญิงสาว“เย็นก็บ้าแล้ว” พูดจบพะพายก็ดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกวิ่งทันที
“อ่าวเห้ย นังหนูรอข้าก่อน” ร่างนั้นล่องลอยตามพะพายมาติดๆ
“รอก็โง่นะสิ เป็นผีก็อยู่ส่วนผีสิ จะมาตามหลอกหลอนกันทำไมเล่า” เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คน พะพายก็ยิ่งสับขาวิ่งเร็วขึ้นไปอีก
“ข้าก็ไม่ได้อยากตามหลอกเจ้านะ แต่ข้าไม่รู้จะไปไหน พอโผล่ออกมาเจ้าก็มองเห็นข้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องเหงาแล้ว เพราะสามารถสื่อสารกับเจ้าได้ ก็เลยตามเจ้ามา”
“ท่านรู้ได้ไงว่าหนูมองเห็นท่าน” พะพายถามกลับไป ทั้งที่ยังวิ่งไม่หยุด
“ก็เจ้าตกใจตอนที่ข้าโผล่ไปตรงหน้าเจ้าไม่ใช่หรือ นั้นก็แสดงว่าเจ้ามองเห็นข้า” ว่าแล้ววิญญาณตนนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของพะพาย
“อ๊าก!!” หญิงสาวตกใจจนสะดุดขาตนเองล้มลงไปนั่งกับพื้น
“เจ็บหรือไม่” วิญญาณตนนั้นนั่งลงตรงหน้าแล้วเอ่ยถามด้วยความรู้สึกผิด
“เจ็บสิถามได้” พะพายตอบพร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่วิญญาณตนนั้นอย่างลืมกลัวไปชั่วขณะ
“เจ้าก็ดูไม่ได้กลัวข้าขนาดนั้นนี่” วิญญาณตนนั้นเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวตอนนี้
“ไม่กลัวกับผีนะสิ” พะพายโต้กลับทั้งที่ยังนั่งจุมปุ๊กอยู่กับที่
“ข้าเป็นวิญญาณต่างหาก”
“มันต่างกันตรงไหน กวนปะเนี่ย” พะพายกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
“.....”
“เฮ้อ มีอะไรก็ว่ามา” สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องยอม แล้วเลือกที่จะถามความต้องการของวิญญาณตนนั้นแทน
“ไม่วิ่งแล้วเหรอ” วิญญาณตนนั้นเอ่ยถามพร้อมกับเอียงคอมองหน้าพะพาย
“ไม่ เหนื่อยแล้ว” ยังจะมีหน้ามาถามอีกนะ พะพายคิดในใจ
“ข้ามีเรื่องจะขอร้องให้เจ้าช่วย” วิญญาณตนนั้นกล่าวก่อนจะเริ่มพูดในสิ่งที่ตนต้องการ
“เดี๋ยว ก่อนจะขอให้ช่วยท่านบอกหนูก่อนว่าที่นี่ที่ไหน” พะพายยกมือขึ้นเบรก ก่อนจะถามสิ่งที่สงสัย
“ที่นี่คือแคว้นต้าเหลียง ตรงที่เจ้าอยู่ตอนนี้คือชายป่าของหมู่บ้านอีถง”
วิญญาณตอนนั้นตอบข้อสงสัยของพะพาย“แคว้นอะไรนะ หมู่บ้านอะไร ทำไมไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลย” พะพายถามขึ้นมา เมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่คุ้นหูเลยสักนิด
“จะเคยได้ยินได้อย่างไรเล่า ก็ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คนของที่นี่แต่แรก เจ้าไม่ได้สังเกตตนเองหรือ” คำกล่าวนี้ทำให้พะพายชะงักก่อนก้มลงสำรวจตนเองอย่างละเอียดและพบว่าชุดที่ใส่อยู่นั้นไม่ใช่ชุดที่ใส่อยู่เป็นประจำ แต่มันเหมือนจะเป็นชุดของจีนที่ชอบเห็นในซีรีส์จีนโบราณมากกว่า
“ไม่จริงใช่ไหม” พะพายนิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้นอย่างเหม่อลอยพร้อมกับหันไปมองวิญญาณตนนั้นและพบว่าเครื่องแต่งกายของนางเองก็เป็นชุดแบบเดียวกับที่หญิงสาวสวมอยู่
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น
กรุงเทพปี 2024
“คุณหมอพะพาย เมื่อไรคุณมึงจะได้เริ่มงานสักทีจ๊ะ” เสียงจากเพื่อนสนิทของพะพายดังขึ้นเมื่อกลับมาถึงห้องแล้วเห็นหญิงสาวนอนดูซีรีส์อย่างสบายใจอยู่
“รอเอกสารเรียกตัวอยู่นะ” พะพายตอบโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากจอสี่เหลี่ยมที่ถืออยู่
“แล้วนี่ แกคิดว่าจะได้ทำในตำแหน่งที่ต้องการหรือเปล่า” เสียงของเพื่อนพะพายยังคงถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่รู้สิ ฉันเรียนแพทย์แผนจีนมา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะให้ฉันไปลงตำแหน่งอะไร” พะพายตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ที่ที่แกยื่นไปไม่มีแผนกนี้หรือยังไง” เธอถามด้วยความสงสัย
“มีนะ ไม่งั้นฉันจะยื่นไปทำไมละ”
“งั้นก็คงได้ทำตำแหน่งที่แกต้องการแหละ” เพื่อนพะพายกล่าว
“สาธุ หึหึ” พะพายเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนพร้อมกับยกมือพนมขึ้นเหนือหัวทั้งยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ทำเป็นเล่นไป ฉันไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวกลับมาคุยด้วย” ว่าแล้วเธอก็เดินจากไป
“อืม” พะพายมองตามหลังเพื่อนเดินไปจนลับตาแล้วค่อยกลับมาสนใจซีรีส์ตรงหน้าต่อ
“ทำไมพระรองแสนดีอย่างนี้นะ ถ้าเป็นฉันคงเลือกพระรองไปแล้ว ไม่เอาหรอกพระเอกแบบนั้น แต่ก็อย่างว่าแหละ พระเอกเป็นของนางเอกส่วนพระรองเป็นของคนดู อิอิ”
“แล้วอยากได้ไหม” เสียงหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“อยากสิ เอะ วูบ….” และแล้วทุกอย่างก็มืดลงพร้อมกับสติที่ขาดหายไปของพะพาย
กลับมาปัจจุบันที่พะพายอยู่
“นี้ คุณเป็นคนพาฉันมาเหรอ” พะพายที่เมื่อนึกได้แล้วว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรถึงกับยกนิ้วชี้ไปที่หน้าวิญญาณตนนั้นทันที
“เมื่อกี้ยังเป็นท่านกับหนูอยู่เลย”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง บอกมานะ คุณทำอะไรกับฉัน แล้วฉันจะกลับไปได้ยังไง” พะพายเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก
“กลับไม่ได้แล้ว”
วิญญาณตนนั้นกล่าวเสียงแผ่ว“ว่าไงนะ” พะพายถึงกับหน้าถอดสีเมื่อได้ฟังคำตอบ
“ก็ ข้าดึงวิญญาณของเจ้าออกมาจากร่างแล้วนำมาใส่ในร่างนี้ ส่วนร่างนั้นของเจ้าก็น่าจะโดนญาติพี่น้องของเจ้านำไปทำพิธีและเผาแล้วละ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยบอกอย่างรู้สึกผิด
“ห๊ะ แล้วที่นี่จะทำยังไงละ” พะพายถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับอย่างหมดหนทาง
“เจ้าก็อยู่ในร่างนี้ไง” วิญญาณตนนั้นกล่าวเสียงใสพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วร่างนี้เป็นใคร มาจากไหนฉันก็ไม่รู้แล้วจะให้อยู่ในร่างนี้ได้ยังไง” พะพายโวยวายเสียงสั่นเครือ
“อยู่ได้ ข้าตรวจดูแล้ว ยังไงเจ้าก็ต้องตายภายในวันนั้น ข้าก็เลยพาเจ้ามาอยู่ในร่างนี้แทน เพื่อที่เจ้าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อและก็จะได้ครองคู่กับบุตรชายของข้าด้วย” วิญญาณตนนั้นเอ่ยปลอบหญิงสาวให้ใจเย็นลง
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ใครจะครองคู่กับใคร” จากที่กระวนกระวายพะพายถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“ก็ตอนนั้นที่ข้าถาม เจ้าเป็นคนตอบเองนี่น่า” พะพายถึงกับต้องเค้นความทรงจำของตนเองออกมาโดยด่วน ว่าไปตอบรับคำขอของวิญญาณตนนี้ตอนไหน
“เดี๋ยวนะ คงไม่ใช่อย่างที่คิดใช่ไหม นี้อย่างบอกนะว่า เสียงนั้นเป็นคุณเหรอ ลูกชายคุณคือพระรองในซีรีส์ที่ฉันดู” เมื่อลองเค้นความทรงจำที่มีอยู่ก่อนหน้า ก็เห็นจะมีอยู่แค่จุดเดียวที่พะพายเอ่ยตอบอะไรออกไป
“ใช่แล้ว ว่าแต่ซีรีส์คืออะไรเหรอ” วิญญาณตนนั้นเอ่ยถมอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันอยากจะบ้าตาย” พะพายถึงกับต้องเอามือขึ้นตบหน้าผากตนเองได้แต่คิดในใจว่าฉิบหายแล้ว
“ทำไมละ ไม่ดีหรือ บุตรชายข้าออกจะรูปงาม ฉลาดและเก่งออกปานนั้น”
วิญญาณตนนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจในตัวบุตรชาย“จ้ะ ไม่เถียง ว่าแต่คุณยังไม่บอกฉันเลยว่านี้ร่างของใคร” พะพายวกกลับมาเรื่องนี้อีกครั้ง
“จริงสิ ว่าแต่เปลี่ยนเป็นเจ้ากับข้าแทนได้หรือไม่ คำเรียกของเจ้าฟังดูแล้วรู้สึกไม่คุ้นชินเอาเสียเลย”
“จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้บอกรายละเอียดมาก่อน” หญิงสาวกล่าว
“ก็ได้ งั้นเจ้าหลับตานะ” พะพายหลับตาลงตามที่วิญญาณตนนั้นบอกก่อนจะรู้สึกเย็นไปทั่วทั้งร่าง
เจ้าของร่างนี้มีชื่อว่า หวงหลี่อิง ปีนี้อายุ 17 แล้ว เกิดในครอบครัวยากจนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขา บิดาเสียชีวิตจากการไปล่าสัตว์ ส่วนมารดานั้นจากไปเนื่องจากอาการป่วยเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนที่ว่าทำไมร่างนี้ถึงได้ไปอยู่ที่ชายป่า นั้นเป็นเพราะว่าลูกชายของผู้ดูแลหมู่บ้านปรารถนาในตัวหญิงสาวและคิดจะรังแก หวังให้ได้ไปเป็นเมีย แต่หญิงสาวหนีรอดออกมาได้สุดท้ายก็พลัดตกจากเขาตายอยู่ดี คงต้องบอกว่าชีวิตของร่างนี้มีบุญมาเพียงเท่านี้จริง ๆ
“หวงหลี่อิง ชื่อนี้ไม่เคยได้ยินในเรื่องแหะ” พะพายพึมพํากับตัวเองเบา ๆ
“เรื่องอะไรเหรอ” วิญญาณตนนั้นยื่นหน้าเข้าไปถามพะพายใกล้ ๆ
“เห้ย! ตกใจหมด”พะพายถึงกับผะงะไปนิดหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นลูบอกตนเอง
“หายตกใจได้แล้วมัง ข้าก็อยู่กับเจ้าตั้งนานแล้วนะ”
“จะอยู่นานหรือไม่นานก็ไม่มีใครชินกับการที่ต้องมานั่งคุยกับวิญญาณหรอกนะคะ ว่าแต่คุณ...เอ่อ ท่านชื่ออะไรเหรอ” พะพายเปลี่ยนคำเรียกขานตามที่วิญญาณตนนั้นขอแล้วเริ่มสอบถามเรื่องราวบ้าง
“ข้าชื่อ หวังหรูอี้” วิญญาณตนนั้นตอบ
“หวังหรูอี้ พระรองชื่อหวังชิงเฟิง แซ่หวังเหมือนกันมีความเป็นไปได้ว่านางจะไม่ได้โกหก” พะพายเอ่ยพึมพำอยู่คนเดียว
“ข้าไม่ได้โกหกนะ ข้าเป็นมาดารของชิงเฟิงจริงๆ” วิญญาณตนนั้นยืนยันหนักแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่พะพายพูด
“แต่เท่าที่ดูซีรีส์มา มารดาของหวังชิงเฟิงคือหวังเหลียนฮวาไม่ใช่เหรอ” พะพายเอ่ยถามอย่างสงสัย
“นางเป็นภรรยาที่แต่งกับสามีข้าหลังจากที่ข้าตายไปได้ 3 ปี” หวังหรูอี้เอ่ยบอก
“ตอนที่ท่านจากไป บุตรชายท่านอายุเท่าไรแล้ว” พะพายยังคงถามต่อ
“5 ปี” หวังหรูอี้ตอบพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าบุตรชายตัวน้อยในตอนนั้น
“5 ปีหรือ หากดูจากความฉลาดของหวังชิงเฟิงเขาก็น่าจะจำได้ว่ามารดาที่แท้จริงเป็นใครถูกหรือไม่” พะพายลองวิเคราะห์ดู
“ไม่ผิด”
“แล้วเหตุใดข้อมูลตรงนี้ถึงไม่เคยมีบอกในซีรีส์เลยละ โอ๊ย! ฉันไม่รู้ด้วยแล้ว” พะพายถึงกับจนปัญญาจริง ๆ แล้ว
“ห๊ะ!!” หวงหลี่อิงถึงกับตาโตนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“ตอนนั้นที่ข้าพึ่งตายอยู่ ๆ ข้าก็โผล่มาที่นี่ ทั้งที่ไม่เคยมาและไม่รู้จักด้วยซ้ำ ว่าที่นี่คือที่ไหน ข้าเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันขนหีบเหล่านี้เข้ามาในถ้ำและพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนข้าได้รู้ว่าขบวนพ่อค้าที่พวกมันไปปล้นมาเป็นญาติห่าง ๆ ของข้าเอง ตอนนั้นข้าโกรธมาก จนไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไปและไม่รู้ว่าทำได้ยังไงด้วย แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที พวกโจรเหล่านั้นก็ตายกันไปจนหมดแล้ว” ร่างบางมองหน้าหวังหรูอี้อย่างนิ่งงันหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด“นี้...ท่านเป็นคนฆ่าโจรพวกนั้น…เหรอ” หญิงสาวถามอย่างไม่แน่ใจนัก พร้อมกับแสดงสีหน้าหวาดระแวงออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอกนะ ตอนนั้นข้าไม่รู้ตัวจริงๆ อาจจะเป็นเพราะข้าพึ่งตาย และยังต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้อีก ไหนจะเป็นห่วงบุตรชายที่ข้าพึ่งจากเขามา ก็เลยอาจจะเกิดแรงอาฆาตขึ้นมา…กะมัง” หวังหรูอี้พยายามอธิบายอย่างลนลานเสียงอ่อน เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะมองนางไม่ดีและหวาดกลัวนาง“เฮ้อ เอาเถอะ ไหน ๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่ว่าเรื่องจะเป็นมายังไง ท่านก็เป็นที่พึ่งเดียวที่ข้ามีและรู้จัก ยังไง
“เอ่อ คือว่าเจ้าจะนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเช้าเลยหรือ” หวังหรูอี้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงยามเช้าเข้าไปทุกทีแล้ว“จะเช้าแล้วเหรอเนี่ย ท่านโดนแสงแดดได้หรือไม่” พะพายหันมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มจะเห็นแสงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้วก่อนจะหันไปถามหวังหรูอี้“โดนได้ แต่ข้าว่านะ เจ้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ อีกอย่างเจ้าก็กลับไปที่บ้านของเจ้าไม่ได้แล้วด้วย” หวังหรูอี้กล่าวเตือนหญิงสาว“ก็จริง”“เจ้าจะทำอะไรต่อไปละ” หวังหรูอี้เอ่ยถามสิ่งที่หญิงสาวต้องการ“คงต้องหาที่ตั้งหลักก่อนละนะ” พะพายกล่าวตามสิ่งที่คิดว่าควรจะเริ่มทำอะไรก่อน“เจ้าต้องเปลี่ยนการพูดด้วย” หวังหรูอี้กล่าวเตือนขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง“เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว” พะพายพูดอย่างประชดประชันเล็กน้อย“อืม ดีมาก” หวังหรูอี้พยักหน้าอย่างพอใจ“เฮ้อ! เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องสู้กันต่อ ยังไงซะก็กลับไปไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ฉันคือ หวงหลี่อิง เป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าจากหมู่บ้านยากจนแห่งหนึ่งเท่านั้น”พะพายพยายามสะกดจิตตนเองให้ยอมรับเรื่องราวที่เกิดนี้ให้ได้“ใครว่าเจ้ายากจน” อยู่ๆ หวังหรูอี้ก็พูดขึ้นมา“อ้าว...ก็ท่านเป็นคนบอกเองว่าร่างนี้
“อืม” เสียงครางแหบแห้งในลำคอ พร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนแวววาว“ที่ไหนเนี่ย” หญิงสาวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหันมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่กลางทุ่งหญ้ารกชัฏที่ไหนสักแห่ง“นังหนู” จู่ๆ ก็มีร่างโปร่งแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ“เห้ย!” พะพายตกใจจนสติสตังหายหมด เมื่อมีบางอย่างโผล่มาตรงหน้า“นังหนูใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” ร่างโปร่งแสงเอ่ยกับหญิงสาว“เย็นก็บ้าแล้ว” พูดจบพะพายก็ดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกวิ่งทันที“อ่าวเห้ย นังหนูรอข้าก่อน” ร่างนั้นล่องลอยตามพะพายมาติดๆ“รอก็โง่นะสิ เป็นผีก็อยู่ส่วนผีสิ จะมาตามหลอกหลอนกันทำไมเล่า” เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คน พะพายก็ยิ่งสับขาวิ่งเร็วขึ้นไปอีก“ข้าก็ไม่ได้อยากตามหลอกเจ้านะ แต่ข้าไม่รู้จะไปไหน พอโผล่ออกมาเจ้าก็มองเห็นข้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องเหงาแล้ว เพราะสามารถสื่อสารกับเจ้าได้ ก็เลยตามเจ้ามา”“ท่านรู้ได้ไงว่าหนูมองเห็นท่าน” พะพายถามกลับไป ทั้งที่ยังวิ่งไม่หยุด“ก็เจ้าตกใจตอนที่ข้าโผล่ไปตรงหน้าเจ้าไม่ใช่หรือ นั้นก็แสดงว่าเจ้ามองเห็นข้า” ว่าแล้ววิญญาณตนนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าขอ