LOGIN“คุณพ่อจะเปิดตัวโชว์รูมอย่างเป็นทางการอาทิตย์หน้าค่ะ”
“ถ้าไม่ติดอะไรเชิญนะคะเป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ เฉพาะคนสนิทเท่านั้น” ส่งยิ้มหลังจากพูดจบและลุ้นคำตอบจากเขา
“ถ้าว่างผมจะแวะไป”
ภูวภัสที่แอบอยู่ข้างพาร์ทิชั่นชะโงกหน้าออกมาดูแขกของพ่อ และวนิดาที่มองไปเห็นพอดี เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยสายตาจับจ้องอยู่กับเด็กชายตรงหน้าที่ไม่ยอมหลบสายตาเธอเช่นกัน
“เอ่อ…” ภูวดลมองตามสายตาเธอไปและเจ้าตัวเล็กที่ตาแป๋วจ้องอยู่อย่างนั้น
“มีเด็ก…อยู่ตรงนั้น…ใครเหรอคะ?”
“ภูมานี่ครับ” คนตัวเล็กที่รอให้พ่อเรียกเดินออกมาทันที
“สวัสดีครับหรือยัง?”
“สวัสดีครับ” เด็กชายยกมือไหว้วนิดาและเดินไปหาพ่อ
“สวัสดีค่ะ” สาวสวยฉีกยิ้มสดใสทักทายกลับ พร้อมคำถามที่เกิดขึ้นในใจแต่รอให้เขาเป็นคนพูดน่าจะดีกว่า
“ชื่อภูเหรอคะ?”
“ครับ” ตอบแต่ไม่ได้สนใจหญิงสาวตรงหน้า
“พ่อดลทำงานเสร็จหรือยังครับ?” เด็กน้อยหันมาถามพ่อ
ภูวดลพยักหน้ารับ มือโอบกอดร่างน้อยที่เบียดเข้าหาและเกาะแขนเขาอยู่
“งั้นเราก็ไปได้เลยใช่ไหมครับ”
“เรายังไปตอนนี้ไม่ได้ต้องรอแม่ก่อน”
ทันทีที่เขาพูดจบรอยยิ้มจากใบหน้าของวนิดาก็ค่อย ๆ หุบลงพร้อมทวนคำพูดที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่
พ่อ?
รอแม่ก่อน?
แม่เด็กเป็นใคร?
นี่เธอพลาดอะไรไปหรือเปล่า?
และสตั๊นไปชั่วขณะก่อนดึงสติกลับมา
“เด็กคนนี้คือ…ลูกชายดล…เหรอคะ?” เธอถามออกไปเพื่อยืนยันว่าหูตัวเองไม่ได้ฝาด
เขาพยักหน้า นั่นยิ่งทำให้ความสับสนเพิ่มทวีคูณให้กับวนิดาเข้าไปอีก
“ดล…มีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” เธอหัวเราะแห้งหน้าเหวอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งยืนยัน
“วินนี่ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยค่ะ วินนี่พลาดอะไรไปหรือเปล่าคะ?”
ระหว่างที่วนิดากำลังงุนงงอยู่นั้นประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างเพรียวของลลิตาที่ก้าวฉับ ๆ เข้ามาอย่างมั่นหน้า และเทวาที่วิ่งตามเข้ามาติด ๆ
“ผมบอกคุณลิต้าแล้วครับว่าบอสมีแขก”
ภูวดลตวัดสายตามองลลิตาฉายแววไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจเลยสักนิด มองใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องทำงานกับเขาในตอนนี้ แต่อีกคนกลับโฟกัสอยู่ที่เด็กน้อยตรงหน้าและคำตอบรับของภูวดลเมื่อครู่ซึ่งยังทำให้เธอยังสตั๊นค้างอยู่ โดยไม่ได้สนใจคนเสียมารยาทที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเลยสักนิด
“มีอะไรลิต้า” ควบคุมน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด
“เทวาพาภูเข้าไปรอข้างใน”
“ครับบอส”
เทวาจูงมือภูวภัสเข้าไปในห้องเล็กสำหรับเขาที่ใช้งีบพักสมองในเวลาไม่อยากรับแขก
ภูวดลเกลียดที่สุดคือความวุ่นวายที่ไร้เหตุผลและการล้ำเส้นที่ไร้สาระ
ความกังวลของลลิตามาจากคำบอกเล่าของสายข่าวสาระแน ที่คาบข่าวเกี่ยวกับหญิงสาวตรงหน้าไปบอกเธอ จนอยากมาให้เห็นกับตาตัวเองกับสาวสวยที่มีข่าวลืออยู่ตอนนี้กับภูวดล และครั้งนี้เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมเสียเขาไปให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น หลังจากที่เธอตัดสินใจพลาดไปแล้วในครั้งก่อน
อีกเรื่องที่เธอต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองคือเด็กที่เรียกภูวดลว่าพ่อ และเธอต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือแม่ของเด็ก
“ขอโทษวินนี่ด้วยละกันวันนี้คงไม่เป็นส่วนตัวแล้ว”
“ทีหลังอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” เขาหันไปตำหนิเทวาและปรายตามามองลลิตาด้วยความเฉยชา ถ้าหล่อนไม่แกล้งโง่ก็ต้องรู้ว่าเขากำลังตำหนิหล่อนอยู่
“ขอโทษครับบอส” เทวาโค้งศีรษะเล็กน้อย
“งั้นวินนี่กลับก่อนนะคะ”
ความมึนงงทำให้เธอเบลอต่อเนื่องและตัดสินใจกลับไปตั้งหลักก่อนค่อยว่ากันอีกที จากที่พยายามสร้างความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งกับเขามาตลอด เหตุนี้ใช่ไหมที่เขาไม่ให้สถานะกับเธอสักที เพราะเขามีภรรยามีลูกแล้วนี่เอง แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เขาไม่เคยพูดถึงเลยสักครั้งว่ามีคนรักแล้ว เพื่อนเขาหลายคนเธอก็รู้จักแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้เลยสักคน
ภูวดลพยักหน้ารับ
หลังจากที่วินนี่เดินออกห้องไป เทวาเข้าไปหาภูวภัสในห้องด้านใน ชายหนุ่มเอนกายพิงพนักเก้าอี้นวมด้วยท่าทีสบาย แต่สีหน้าและแววตากลับตรงกันข้าม
“มีอะไร?” น้ำเสียงเย็นชาที่เอ่ยถามลลิตา
“ดลคะ?”
“ผมมีเวลาไม่มาก?” เขาพูดต่อท้ายเธอทันที
“ดล…จำเป็นต้องทำห่างเหินกับลิต้าขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” เธอเง้างอด
“ตกลงคุณมีธุระด่วนอะไรถึงได้พรวดพราดเข้ามาแบบนั้น”
“เราคุยกันดี ๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เหรอคะ?
เขาไม่ตอบแต่ยกข้อมือขึ้นมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเป็นการเตือนเธอว่าเขาไม่มีเวลาสำหรับเธออีกต่อไป
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมคะดล?”
ชายหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมองผู้พูด ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉย และทำให้หญิงสาวพูดต่อทันทีอย่างมีความหวัง
“ลิต้าคิดถึงคุณตลอดเวลาที่เราห่างกันลิต้าลืมคุณไม่ได้เลย เราเริ่มต้นกันใหม่นะคะ” เธอส่งยิ้มแต่ทำหน้าเศร้า
“เรื่องเรามันจบไปแล้วอย่ารื้อฟื้นให้มาอีกเลยลิต้า”
รอยยิ้มเมื่อครู่ค่อย ๆ จางลง
“ดล…”
“คุณมีเรื่องอื่นอีกไหมผมต้องไปทำธุระ ถ้าไม่มีผมขอตัว” คำพูดที่ไม่ได้ไล่แต่เท่ากับไล่ พลางกดโทรหาเทวา
“พาภูออกมาได้แล้ว”
ภูวภัสและเทวาเดินออกมาจากห้องเล็ก ลลิตาที่จ้องมองเด็กชายไม่วางตา
“เทวาส่งแขกด้วย”
“ครับบอส”
“ไปตอนนี้ใช่ไหมครับพ่อดล”
“ครับตอนนี้เลย”
“ดลคะ”
“แม่เด็กเป็นใคร?”
เธอโพล่งออกไปไหน ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้คือลูกของเขา แต่แม่เด็กเขาเก็บซุกไว้มุมไหน ทำไมไม่มีใครรู้ ไม่เคยมาที่ทำงานของเขาเลยหรือยังไงถึงไม่มีใครเคยเห็น
“ผมไม่จำเป็นต้องรายงานคุณมั้ง”
“ดูจากอายุเด็กแล้วคุณคงซ่อนแม่เด็กไว้ตั้งแต่เรายังไม่ห่างกัน”
ขายาวที่กำลังก้าวชะงักทันที
“พาภูลงไปรอที่รถ” หันไปสั่งเทวา
“ครับบอส”
เขาพอจะรู้นิสัยใจคอของลลิตาระดับหนึ่ง แต่มาวันนี้ทำไมรู้สึกไม่ดีได้ขนาดนี้กับคนที่เลยลึกซึ้งกันมาก่อน ตวัดสายตาคมมองใบหน้าที่เชิดอยู่อย่างมั่นใจของหญิงสาว
“ตัวคุณรู้ดีที่สุดว่าใครที่คบซ้อน เราห่างกันเพราะคุณเลือกคุณกฤษ แต่พอไปไม่รอดจะหาเหตุผลให้ตัวเองดูดีเพื่อรื้อฟื้นความหลังไม่น่าจะสวยนะลิต้า”
ไม่คิดว่าเขาจะยิงประเด็นนี้เธอเลิ่กลั่กพูดไม่ออก
“คุณเจอคนที่ดีผมก็ดีใจด้วยแต่ไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาเมื่อไหร่แล้วผมจะอ้าแขนรอ”
“คุณโกรธลิต้าใช่ไหมคะ?”
“ลิต้าขอโทษค่ะ ให้โอกาสลิต้าอีกครั้งนะคะ?”
“เรามาเริ่มกันใหม่เรื่องที่ผ่านมาให้มันจบไปนะคะดล”
สองมือเรียวจับแขนชายหนุ่มออดอ้อนทั้งสีหน้าและแววตาที่คิดว่าเขาจะใจอ่อน
“ผมพูดชัดแล้วคุณกลับไปเถอะ” แกะมือออกจากแขนและเดินออกห้องไป
“ดล”
แต่เสียงของเธอไม่ได้มีความหมายเข้าไปในโสตประสาทของเขาเลยแม้แต่น้อย
เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้รถใช้ถนนในช่วงเวลาที่ถือว่าวิกฤตหลังเลิกงาน ภูวดลเลี้ยวเข้าพักทานอาหารเพื่อรอให้ถนนโล่งก่อนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
รถหรูเทียบเข้าจอดในลานจอดรถของสวนอาหารกลางกรุง แต่ยังคงรักษาบรรยากาศที่ร่มรื่นไว้ด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมทั้งไม้ดอกไม้ประดับหลายสายพันธุ์หลากหลายสีสัน ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามและสบายตากับความเชียวชอุ่มชวนมองนั้น
นั่งรอเพียงไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็ถูกยกมาวางเต็มโต๊ะ มุกดากวาดสายตามองอาหารแต่ละจานที่เขาเป็นคนสั่งล้วนคือของโปรดของเธอและภูวภัสแทบทั้งนั้น เขารู้หรือเปล่าว่ามันคือเมนูโปรดของเธอ หรือแค่บังเอิญสั่งมาเท่านั้น แอบชำเลืองมองใบหน้าคมคายตรงหน้า
“โอ้โฮ…น่ากินจัง” เจ้าตัวเล็กที่เบิกตาโตกับของโปรดตัวเองที่อยู่ตรงหน้า
“กินเยอะ ๆ เลยจะได้โตไว ๆ” เขาตักใส่จานให้ลูก หันไปมองมุกดาที่ยังนั่งนิ่งอยู่
“ทำไมไม่กิน ไม่หิว หรือคิดถึงไข่เจียวที่บ้าน?”
“เปล่าค่ะ”
ยังไม่ทันจะตักอาหารใส่ปากเสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น
“ว่าไงคะผู้จัดการ มีอะไรให้รับใช้คะ?”
เธอพูดปนเสียงหัวเราะน้อยๆ ก่อนขอตัวออกคุยสายข้างนอกไม่นานก็กลับเข้ามา นั่งลงที่เดิม
“เอ่อ…อาทิตย์หน้าฉันต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดสองวัน”
“คุณดูลูกไหวไหมคะ?”
“….”
เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ เขาวางช้อนลงและยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“ฉันผัดมาหลายรอบแล้วให้เพื่อน ๆ ไปแทนจนครบทุกคนในแผนกแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ฉันคนเดียวยังไงก็ต้องไป”
“ฉันว่าเธอควรลาออกจากงานมาดูแลลูกได้แล้ว”
“พูดอะไรของคุณ”
เผลอมองค้อนเขาและตักอาหารใส่ปากเคี้ยวช้า ๆ ลิ้มลองรสชาติเมนูโปรดของตัวเอง รู้สึกว้าวทันทีเมื่อรับรู้รสชาติกลมกล่อมในปากและตักซ้ำอีกครั้ง ร้านนี้อร่อยใช้ได้เธอคิดในใจ ภูวดลมองตามยิ้มมุมปากน้อย ๆ อย่างพอใจ
“เงินเดือนเธอเท่าไหร่ฉันจ่ายให้สองเท่า”
“ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับทันทีแบบไม่ต้องคิด
“ถึงทำงานฉันก็ดูแลลูกได้”
“วันนี้คุณจ่ายได้ วันหลังหากคุณแต่งงานมีครอบครัวของคุณแล้วยกเลิกไม่จ่าย ฉันไม่ต้องตาลีตาเหลือกหางานใหม่เหรอ ทุกวันนี้งานหายากจะตาย”
เธอพูดไปเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติทั่วไป พลางตักอาหารใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ได้มองหน้าคนฟัง
“ถึงคุณจ่ายสามเท่าฉันก็ไม่ลาออก”
“สี่เท่า” เขายื่นข้อเสนอใหม่ที่น่าสนใจให้
มือที่กำลังถือช้อนอยู่ชะงักทันที
เธอไม่ปฏิเสธแปลว่าตกลงตามนั้นเขาสรุปเอาเองง่าย ๆ
มุกดาคำนวณตัวเลขในหัวอย่างว่องไว จำนวนเงินเดือนของเธอคูณด้วยสี่ เป็นตัวเลขที่ทำให้ตาลุกวาวได้ไม่เลว ถึงเขาจะแต่งงานก็คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอกกระมัง เธอก็คงเก็บเงินได้ไม่น้อยอยู่แหละ ค่าใช้จ่ายของลูก ค่าอาหาร ค่าจิปาถะอื่น ๆ เขาก็ออกเองทั้งหมดอยู่แล้ว ฟันเหนาะ ๆ สินะ นึกยิ้มในใจ
“ตกลงตามนั้น พรุ่งนี้เธอก็ไปลาออกซะ”
“ไม่ได้ค่ะ ฉันรับปากผู้จัดการไปแล้วยังไงก็ต้องไปสัมมนา หลังจากกลับมาค่อยว่ากันอีกที”
“มีอีกสองเรื่องถ้าคุณตกลงฉันจะลาออก”
“ว่ามา”
“เรื่องแรก…รถฉันยังผ่อนไม่หมด…คุณจะ…”
“ไม่มีปัญหา หลังจากเธอลาออกทุกอย่างจะถูกจัดการ” มุกดาอมยิ้มแววตาส่งประกาย
“เรื่องที่สอง…คุณห้ามแต่งงานก่อนในช่วงระยะเวลาสามปีนี้ หากคุณจะแต่งงานต้องให้ฉันหางานได้ก่อน และหากคุณผิดสัญญาจะต้องชดเชยให้ฉันสิบเท่า”
ดูซิว่าจะกล้าตกลงอีกไหม
“ตกลง”
“ห๊ะ” นี่เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า
“ฉันจะไม่แต่งงานกับใครจนกว่าเธอและภูจะเป็นคนอนุญาต” เขาจ้องตาเธอนิ่ง จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวย เป็นเธออีกเช่นเคยที่ต้องหลบตาก่อน
“ก็แค่ระยะเวลาตามสัญญาที่เราตกลงกันเท่านั้นล่ะค่ะ”
เธอพูดเสียงเบามองจานข้าวและตักใส่ปากกินต่อไม่กล้าสบสายตาคมที่ไม่ยอมหลบของคนตรงหน้า
รถสปอร์ตคันหรูโลดแล่นตามถนนด้วยความเร็วเป้าหมายปลายทางคือรับลูกและเมียกลับบ้าน มือบังคับพวงมาลัยด้วยใจที่จดจ่อ สระบุรีใช้เวลาไม่นานก็จะได้เจอหน้าคนที่เฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดหลายวันมานี้ และซ้อมคำพูดที่เตรียมไว้ในหัวมากมายไปด้วยขณะขับรถ“ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอร้องไห้”ไม่เอา ไม่เอา มันดูเหมือนตั้งใจให้มันเกิดขึ้นยังไงยังงั้น เดี๋ยวเธอขึ้นอีกทำไง“คนที่ฉันจะแต่งงานด้วยมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น”อันนี้ก็เหมือนตั้งใจแกล้งเธออยู่ดี“ฉันคิดถึงเธอกับภูมากกลับบ้านเรานะ”แล้วถ้าเธอไม่ยอมกลับล่ะ?โอ๊ย…ช่างมันเถอะขอให้เจอหน้าเธอกับลูกก่อนก็แล้วกันอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที ถอนหายใจทิ้งอย่างโล่งอกมุกดาเก็บของลงกระเป๋าเตรียมพร้อมพาเจ้าตัวเล็กกลับไปหาพ่อ ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เอาแต่ดื่มจนดึกดื่น แต่ก็สมน้ำหน้าชอบแกล้งคนอื่นดีนัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดบล็อกเบอร์เขา อมยิ้มน้อย ๆ จะรอดูว่าหลังจากเธอกลับไปเขาจะโวยวายวีนเธอยังไง“เราจะกลับกันแล้วใช่ไหมครับแม่มุก?”“ใช่จ้ะ”“แต่พ่อดลบอกว่ากำลังมารับเรานะครับ”“หือ…ว่าไงนะ?”“ตอนเช้าพี่ก็อตโทรมา ภูได้คุยกับพ่อดลแล้วพ่อบอกว่ากำลังจะมารับภูกับแม
“ขนุน” ตะโกนเรียกเสียงดังขณะที่เดินลงบันไดมาจากชั้นบน“ขนุน” ตะเบ็งเรียกอีกครั้งเต็มเสียงพร้อมกับร่างของขนุนที่วิ่งออกมาจากในครัวทันที“คะคุณดล”“คุณมุกออกไปตอนกี่โมง?”“ก่อนคุณภูจะเลิกเรียนไม่นานค่ะ”“ไปกับใคร?”“ขนุนเห็นไปคนเดียวนะคะ”“มีกระเป๋าด้วยหรือเปล่า?”“มีค่ะสองใบ”“แล้วทำไมไม่บอก” มือเท้าสะโพกคิ้วย่นอย่างหัวเสีย“ก็…คุณดล…ไม่ได้ถามนี่คะ” พูดเสียงเบาหวิวหลบตาทันที“แล้วคุณมุกไม่บอกเหรอว่าจะไปไหน?”“ไม่ได้บอกค่ะ”“โธ่เอ้ย…แล้วทำไมไม่ถามล่ะอยู่บ้านยังไงถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องสักอย่าง”ตะคอกเสียงดัง ขนุนสะดุ้งโหยง เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาในเวอร์ชั่นนี้“ขนุนถามแล้วค่ะแต่คุณมุกเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดไม่จาแล้วก็ขนกระเป๋าขึ้นรถไปเลยค่ะ”มือประสานกันก้มหน้าไม่กล้าสบตาเจ้านาย หลับตาปี๋สลับกับกะพริบถี่ ๆ“ร้องไห้?”“ใช่ค่ะ”“ร้องจนตาบวมเป่งไปหมดเลยค่ะ ขนุนคิดว่า…ทะเลาะกับคุณดล…ก็เลยไม่กล้าถามเยอะค่ะ”“เฮ้ย…”“โยธา” ยืนอยู่กับที่แต่เสียงทรงพลังอย่างเหลือเฟือสิ้นเสียงเจ้าของชื่อก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ายืนมือประสานกันข้าง ๆ ขนุน เตรียมรับลูกระเบิดด้วยความพร้อมเพราะได้ยินเสียงโวยวายก่อนหน้าแล้ว“ครั
“วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอคะคุณมุกถึงทำอาหารเยอะขนาดนี้?”ขนุนถามด้วยความสงสัยเมื่อนายหญิงลงมือปรุงอาหารเมนูโปรดของสองพ่อลูกเองอย่างอารมณ์ดี หลังจากไปรับเด็กนักเรียนกลับมาถึงบ้านและปล่อยให้เล่นเตะฟุตบอลกับโยธาอยู่สนามหญ้ารอพ่อกลับมา“ช่วงนี้คุณดลเขางานยุ่งน่ะเห็นบ่น ๆ ว่ากับข้าวที่ทำงานไม่ค่อยถูกปาก”ไม่นานบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นก็ถูกจัดเตรียมไว้รอสองพ่อลูกจนเต็มโต๊ะที่มีแต่เมนูโปรดของสองหนุ่มทั้งนั้นหลังจากเล่านิทานส่งลูกเข้านอนแล้วพ่อกับแม่ก็กลับห้อง ประตูห้องถูกปิดลงเพียงไม่นานภูวภัสก็ลุกมาเล่นหุ่นยนต์คนเดียว มุกดาและภูวดลที่เปิดดูพฤติกรรมของลูกจากกล้องวงจรปิดผ่านหน้าจอมือถือถึงส่ายหัวกับความเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวแสบ และเป็นอยู่อย่างนี้บ่อยครั้ง นี่แหละคือสาเหตุของการอยากนอนคนเดียวของเขา“คุณเหนื่อยไหมคะเทวาบอกว่าช่วงนี้คุณงานยุ่งมาก” วางคางลงบนบนไหล่เขาที่นึ่งกึ่งนอนอยูบนเตียงใช้หมอนรองด้านหลังไว้ โอบกอดร่างเขาไว้หลวม ๆ“ให้มุกนวดให้ไหมคะจะได้ผ่อนคลาย” ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งงานอ่อยเบา ๆภูวดลวางมือลงกลางศีรษะของเธอลูบเรือนผมก่อนจะโยกเขย่าเบา ๆ“ไม่เป็นงานอย่าทำเป็นมาอ่อย”“แล้วอ่อยขึ้นไหมล่ะค
“ไม่ดีกว่าค่ะ” มุกดาพูดแทรกขึ้นยืนยันคำเดิมแต่ใบหน้ายังยิ้มอยู่“มุกอยากไปกับคุณดลแค่สองคนค่ะ มุกไม่ชอบทานข้าวกับคนอื่นที่ไม่สนิทค่ะมันอึดอัด” มือสอดประสานเข้าไปในมือหนาวางทับเป้ากางเกงของชายหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าของ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือและส่งยิ้มให้“คุณอยากไปกับมุกสองคนหรืออยากให้คุณวินนี่ไปด้วยคะ?”“แล้วแต่เธอ” ภูวดลยักไหล่“แต่วินนี่มากับดลนะคะ”“เดี๋ยวมุกให้เด็ก ๆ เรียกแท็กซี่ให้ค่ะ พูดพลางยกมือเรียกพนักงานในร้านให้เดินมาหา”“เรียกแท็กซี่ให้คุณวินนี่ด้วยจ้ะ”“ค่ะคุณมุก”“ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องให้คุณวินนี่กลับเอง”“ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปส่งพอดีลูกค้าเพิ่งแจ้งมาเมื่อครู่ ไว้เจอกันวันหลังนะครับ”เมื่อหล่อนตั้งใจมาเพื่อจะสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวเขาทำไมยังต้องสนใจความรู้สึกของหล่อนด้วย การประสานงานก็ผ่านทางโรงพยาบาลอยู่แล้วไม่มีผลกระทบใด ๆ กับเขาเลยสักนิดที่จะไม่แคร์หล่อนวนิดาหน้าตาเหลอหลามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหล่อนจริงหรือ หล่อนกำลังโดนผู้ชายเท ทั้งที่ออกตัวแรงจนล้อฟรีขนาดนั้น และนิ่งไปสักพักสมองพลางตื้อไปด้วยมุกดาลุกขึ้นยืนพร้อมกับภูวดลมือยังไม่ปล่อยจากกัน“ขอบคุณคุณวินนี่
ทีมงานเว็บเพจของแบรนด์ เอมดีจิวเวลรี่ เริ่มปล่อยโปรโมทผลิตภัณฑ์เป็นลักษณะพรีออเดอร์ในลอตแรกด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในราคาพิเศษ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพราะทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นและเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วภูวดลพามุกดาเดินสำรวจร้านอาหารเก่าที่ปิดกิจการไปหลังจากที่เพื่อนเก่าของภูวนาถขอให้ช่วยซื้อไว้ในครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่เนื่องจากประสบกับวิกฤตทางการเงินจนไม่สามารถประคับประคองไว้ได้“ตกแต่งหน้าร้านใหม่นิดหน่อยก็น่าจะใช้ได้”เขาพูดขณะที่พาเดินตรวจทั่วบริเวณ บรรยากาศโดยรอบยังคงร่มรื่นเพราะเป็นสวนอาหารที่ยังคงมีต้นไม้ใหญ่หลงเหลือในกลางกรุง ลานจอดสะดวกสบาย พื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ภาพร้านในจินตนาการจากไอเดียของเธอผุดขึ้นในหัวมากมาย ส่วนโซนเครื่องดื่มเธอจะยังคงเก็บไว้สำหรับบริการลูกค้าอีกหนึ่งโซนที่จะเพิ่มเติมในอนาคตคือมุมสปาเพื่อผ่อนคลายสำหรับผู้รักสุขภาพและดูแลผิวหลังจากผ่านการอนุมัติจากรูปหล่อสายเปย์ การต่อเติมตกแต่งร้านก็เริ่มดำเนินการทันที และใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการแล้ว“เปิดเป็นทางการเดือนหน้าแล้วเหรอคะดีใจด้วยนะคะ”แอนนาถามอย่างตื่นเต้นเมื่อรับรู้
มุมนั่งต่อจิ๊กซอว์ของภูวภัสในห้องทำงานของพ่อกลายเป็นมุมทำงานของมุกดาชั่วคราวระหว่างที่รอห้องทำงานใหม่เสร็จสิ้น จากการเริ่มโครงงานเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ เอมดีจิวเวลรี่ ซึ่งมีที่มาจากอักษรย่อของเขาและเธอ โดยจะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ คือจ้างผลิตซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเตรียมสต๊อก และการจองขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นโดยมีที่ปรึกษาจากการแนะนำของแอนนาที่มีความเชี่ยวชาญทั้งเรื่องข้อกฎหมายและการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์จนกระบวนการสุดท้าย ส่วนงานดูแลลูกค้านั้นมุกดาได้เซททีมงานไว้เรียบร้อยแล้วเธอทุ่มเทอย่างหนักในช่วงเวลาที่ภูวดลไปดูงานที่ญี่ปุ่น และตั้งใจจะเตรียมการให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนวันเขากลับมา ต่างคนต่างยุ่งมีเพียงข้อความที่ส่งหากันเท่านั้นพร้อมกับรูปถ่ายคู่กับลูกที่ส่งไปให้เขาทุกวันมุกดายกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกาและกดสายหาคนขับรถทันที หลังจากที่เธอออกมาดูโรงผลิตและงานออกแบบที่นัดประชุมกับผู้ผลิตไว้กับ ณวัฒน์ ที่ปรึกษามากประสบการณ์ที่เป็นธุระจัดการให้แทบทุกเรื่องอย่างชำนาญ แต่ดูเหมือนการประชุมจะยังไม่จบง่าย ๆ“ฮัลโหล…โยธาไปรับภูกลับบ้านได้เลยนะฉันคงกลับไม่ทัน”(“ครับคุณมุก”)และไม่ลืมที







