ホーム / รักโบราณ / โศลกเพลิงผลาญใจ /  ตอนที่13 เยี่ยหรง 2

共有

 ตอนที่13 เยี่ยหรง 2

last update 最終更新日: 2025-07-18 22:18:57

            “ท่านพ่อ ลูกกลับมาแล้วขอรับ”

            เยี่ยหรงประสานมือคารวะ แต่ท่านโหวมุมปากกระตุก คิดรึว่าเขาไม่รู้ว่าลูกชายกลับมาถึงเมืองหลวงหลายวันแล้ว แต่คิดไปว่าคงเหนื่อยล้าจากการปราบโจรและเดินทางกลับจึงคร้านจะใส่ใจ ทว่าผ่านมาหลายวันจนรู้ว่าเยี่ยหรงออกไปนอกจวน เขาจึงโมโหแทบควันออกหู  รอให้มาหาไม่มา จึงต้องให้คนไปตามตัวเช่นนี้

          เยี่ยเฟยฮุ่ยแต่งงานกับเย่าเฉิน เขามีภรรยาเดียวไม่รับอนุมีบุตรชายสามคน คือ เยี่ยเฉิงหลิงซึ่งจากไปในวัยแค่ยี่สิบ เยี่ยเฉิงอี้ และเยี่ยจิ่งอวี่ ทั้งสองเป็นทหารประจำชายแดนตะวันออกและตะวันตก แต่ทั้งสองแต่งภรรยามีทายาทตัวน้อย ทว่าเพราะประจำอยู่แดนไกล ภรรยาและลูกจึงอยู่เคียงข้างสามีที่นั้น ในเมืองหลวงนี้เยี่ยเฟยฮุ่ยกับเย่าเฉินอยู่กับสองคนปู่ย่า  วาดหวังให้เยี่ยหรงบุตรชายคนเล็กแม้เป็นบุตรบุญธรรมแต่รักดุจลูกในไส้ได้แต่งงานกับสตรีที่คู่ควรเพื่อมีหลานให้ปู่ย่าได้อุ้มชู

            แรกทีเดียวก็อ้างเรื่องบ้านเมืองยังไม่สงบสุข แต่ตอนนี้หัวเมืองน้อยใหญ่ต่างเงียบสงบนานๆ จึงจะมีเรื่องให้ต้องยกทัพกันสักคราว  แต่บุตรชายคนเล็กกลับยังไม่แต่งภรรยา แล้วเช่นนี้เมื่อไหร่จะมีหลานให้ได้อุ้มเสียทีเล่า

            เจ้าลูกคนนี้ดุด่าไปก็ยังหน้านิ่ง ตีไปก็ไม่สะเทือน เยี่ยเฟยฮุ่ยได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ โบกมือให้ลูกชายไปนั่งด้านข้าง  มุมปากเยี่ยหรงยกยิ้มแม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็เห็นได้ว่าเขาก็มีอารมณ์หยอกล้อบิดาเช่นกัน

            ชายหนุ่มรินน้ำชาให้บิดาแล้วจึงนั่งลง นอกจากเสียงดื่มน้ำชาแล้วก็มีเพียงความเงียบ ผู้เป็นบิดายกมือขึ้นนวดขมับเล็กน้อยแล้วตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน มิเช่นนั้น เจ้าก้อนหินนี้คงนั่งนิ่งไม่พูดจาเป็นแน่  ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่คิดว่าเติบใหญ่จะกลายเป็นเงียบใบ้เช่นนี้  ได้ยินผู้คนเล่าลือว่า บุตรชายผู้นี้ ชักกระบี่สังหารคนมากกว่าเอ่ยวาจาเสียอีก

            “พรุ่งนี้เจ้าก็เข้าวังไปถวายรายงานต่อองค์ฮองเต้เถิด”

            “ขอรับ ลูกตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปประชุมเช้า รายงานเรื่องปราบโจร”

            “แล้วไม่ต้องเสนอตัวไปที่ใดอีก”

            “..........”

            นั้นประไร สงสัยก็ไม่พูด

            “บ้านเมืองสงบสุขดีแล้ว เจ้าไม่ได้กลับบ้านมาหลายปี ตอนนี้ได้กลับมาแล้วก็อยู่นานๆ เถิด”

            “แม้ไร้ศึกสงคราม แต่ทหารต้องฝึกฝนอยู่เสมอ”

            “ก็ฝึกทหารที่ด่านนอกเมือง  เจ้าไม่ต้องเสนอตัวไปที่อื่นอีก”

            “ท่านพ่อต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือขอรับ”  การรั้งตัวชัดเจนเช่นนี้แสดงว่าต้องเรื่องไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน

            แววตาเป็นประกายและยังกรุ่นไอสังหารนี่ยิ่งทำให้แม่ทัพผู้เฒ่าเช่นเขาได้แต่ร้องโอดครวญในอก เหตุใดบุตรชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจในสนามรบถึงได้ดูโง่เขล่าถึงเพียงนี้

            “หรงเอ๋อร์ของข้ากลับมาแล้วรึ”  เย่าเฉินเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้ที่ยกของว่างเข้ามาด้วย “แม่ไม่รู้ว่าเจ้ากลับมาแล้วจึงไม่เตรียมของว่างมาเผื่อเจ้า”

            “ท่านแม่อย่าได้ลำบากเลย เป็นลูกอกตัญญูมิได้กลับมาดูแลท่านทั้งสอง”  เยี่ยหรงลุกขึ้นแล้วประคองมารดานั่งที่เก้าอี้

            เยี่ยเฟยฮุ่ยได้ยินบุตรชายพูดก็เบิกตากว้าง กับเขาผู้เป็นพ่อแทบต้องง้างปากจึงจะพูดสักคำ แต่เมื่ออยู่กับมารดาก็พูดจาได้เป็นปกติ

            “เจ้ากลับมาไม่ทันฉลองวันปีใหม่ ครั้งนี้ก็อยู่นานๆ อย่ารีบไปไหนอีกนะ จริงซิหรงเอ๋อร์ของแม่ชอบกินเป็ด ประเดี๋ยวแม่เข้าครัวทำเป็ดย่างให้เจ้ากิน”

          “ท่านแม่อย่าได้ลำบาก ลูกกินง่ายอยู่ง่าย ขอแค่ท่านแม่ไม่เหนื่อยกายก็พอ”

            “หรงเอ๋อร์ของแม่น่ารักที่สุด”

นางยกมือลูบใบหน้าของบุตรชาย  คราวนั้นสามีอุ้มทารกน้อยกลับมาให้นางนั้น นางปวดใจอย่างสุดแสนเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นบุตรจากหญิงอื่นที่เขาเลี้ยงไว้นอกจวน จนเมื่อสามีอธิบายเรื่องทั้งหมด นางจึงสงสารเห็นใจเลี้ยงดูเยี่ยหรงดุจลูกที่คลอดเอง บรรดาลูกชายทั้งสามก็เชื่อฟังเห็นเยี่ยหรงเป็นน้อง รักใคร่เอ็นดูดุจน้องชายแท้ๆ โดยเฉพาะ เยี่ยเฉิงหลิงลูกชายคนโตที่เป็นคนสอนเยี่ยหรงฝึกหมัดมวยแบะ ยิงธนู เยี่ยเฉิงอี้สอนคัดอักษร และเยี่ยจิ่งอวี่ สอนน้องเล่นหมากกระดาน  วันคืนที่เด็กชายทั้งสี่เติบโตล้วนสร้างความทรงจำที่งดงาม กระทั่งวันที่โลกของนางถล่มทลายเพราะข่าวร้ายคนเป็นมารดาต้องจัดพิธิศพให้บุตรชาย  หัวใจนางแตกสลาย ครานั้นเยี่ยเฉิงหลิงมีสตรีที่หมายปองแต่ยังมิได้แต่งงาน เดิมทีคิดว่าเสร็จศึกจะให้แม่สื่อไปสู่ขอ แต่กลายเป็นว่า...ลูกชายคนโตกลับมาเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ แม้จะชนะศึกแต่หัวใจนางแหลกสลายไป   ยังดีที่มีบุตรชายทั้งสามที่คอยดูแล มิให้นางอยู่กับความทุกข์โศกจนเกินไป พ้นกำหนดไว้ทุกข์ เยี่ยเฉิงอี้ก็แต่งงาน ม่านหมองแห่งความเศร้าจึงเบาบาง ปีถัดมานางก็ได้หลายชายคนแรก นางจึงทุ่มเทให้กับหลานคนนี้ ทว่าหลังจากนั้นราชสำนักก็ได้ส่งเยี่ยเฉิงอี้ไปประจำที่ชายแดนทิศตะวันออก ภรรยาขอติดตามไปด้วย  แม้นางจะปวดใจที่ต้องจากหลานรักแต่เข้าใจดีว่าการอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกมีความหมายมากเพียงใด จึงตัดใจส่งหลานให้เดินไปพร้อมกัน  ผ่านมาอีกปีก็ได้หลานสาวน่ารัก นางยิ่งตระหนักได้ว่านางทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว  และเมื่อถึงคราวของเยี่ยจิ่งอวี่แต่งงานและถูกส่งไปประจำที่ทิศเหนือ นางจึงอนุญาตให้ภรรยาติดตามสามีไปด้วย  แต่กระนั้นบุตรชายทั้งสองก็ติดต่อสม่ำเสมอ  ในบางครั้งก็นัดหมายพาหลานๆ มาเยี่ยมปู่ย่าที่อยู่เมืองหลวง

            “หรงเอ๋อร์จำเฟยฮวาได้หรือไม่”

            ชายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ   เย่าเฉินยิ้มขบขันแล้วพูดต่อ

            “กู้เฟยฮวาเป็นบุตรสาวของท่านเสนารักษ์  มารดาของนางเป็นสหายรักของแม่ ตอนที่เจ้ากลับมาเยี่ยมแม่ครั้งก่อนได้พบนางครึ่งหนึ่ง วันนั้นนางนำโสมชั้นดีมาให้แม่ ยามจะกลับรถม้าของนางมีปัญหา แม่ให้เจ้าไปส่งนาง ตอนนั้นนางเป็นดรุณีน้อยอายุแค่สิบสี่ เจ้าจำไม่ได้กระมัง”

            “ลูกความจำไม่ดี ขอท่านแม่อย่าถือสา”

            มิใช่แค่อายุสิบสี่หรอก ต่อให้อายุสี่สิบเขาก็จำไม่ได้ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นและผ่านเลยไปไม่ได้อยู่ในความทรงจำสักนิด

            “ไม่เป็นไร เจ้ากลับมาแล้ว ไว้แม่จะส่งเทียบเชิญให้ฮวาเอ๋อร์มาดื่มน้ำชาที่บ้านเรา”

            เห็นสีหน้าปั้นยากของบุตรชายแล้ว แม่ทัพผู้เฒ่าลอบยิ้สาแก่ใจ เป็นแม่ทัพใหญ่คุมพลทหารนับแสน ชนะศึกทั่วทิศแต่กลับพ่ายแพ้มารดา มีรึที่เย่าเฉินจะไม่รู้ว่าเยี่ยหรงกลับจวนมาแล้ว  หรือบางทีนางอาจรู้ก่อนเขาด้วยซ้ำไป         

           

           

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่17 ความหวาดกลัวที่กัดกินหัวใจ

    หลินอวี่เหยายุ่งกับการทำความสะอาดบ่อน้ำด้านหลังเรือน นางไม่มีปัญหากับการลงมือทำอะไรเองเช่นนี้ แต่ติดที่ร่างกายนี้พละกำลังยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่นัก มื้อกลางวันนำอาหารที่เตรียมไว้ไปกินพร้อมกับสนมจื่อหนิง การผูกมิตรด้วยอาหารเป็นเรื่องพื้นฐานมาแต่ไหนแต่ไร นอกจากเรียนรู้มารยาทต่างๆแล้ว ยังได้ฟังเรื่องเล่ามากมาย สะสมข้อมูลให้สมองน้อยๆ ของนางอีกด้วย “ข้าตากดอกมะลิไว้ แต่ยังไม่พร้อมเป็นชามะลิ อาจารย์รอข้าหน่อยนะเจ้าค่ะ” หลินอวี่เหยาประจบด้วยแววตาวิบวับ จื่อหนิงเห็นแล้วก็เอ็นดู ในวัยนี้ของสตรีคืองดงามบานสะพรั่งแต่ต้องมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ช่างน่าเสียดายนัก “มีต้นมะลิด้วยรึ” “เจ้าค่ะ มีกุหลาบด้วย แล้วด้านหลังเรือนของข้ามีบ่อน้ำ ข้าลงไปทำความสะอาดลอกบ่อแล้ว ไหว้วานให้จูซินช่วยหาบัวมาลงที่บ่อ” “เจ้าจะทำสระบัวรึ” หญิงสาวโบกมือไปมา “เรียกสระบัวไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ แต่ก็พอปลูกบัวได้ หากไปได้ดีข้าจะทำชาดีบัว -ดีบัวช่วยบำรุงหัวใจ นับว่าเป็นสมุนไพรที่ดี” “ข้าไม่เคยรู้ว่าสกุลหลินเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพร” หลินอวี่เหย

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่16 ข้าเป็นคนรับใช้เจ้ารึ

    จูซินกะพริบตาปริบๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้ากิ่งไม้แห้งๆ เอ่อ ไม่สิ นั้นเคยเป็นซากกล้วยไม้มาก่อน แต่ยามนี้กลับฟื้นมีชีวิตอีกครั้ง “เจ้านี่คือซากกล้วยไม้ที่ข้าเคยเอามาหรือ?” จูซินยังไม่อยากเชื่อนัก “ใช่” หลินอวี่เหยายกน้ำแกงหัวไชเท้าออกมาวางบนโต๊ะที่ตั้งอยู่หน้าเรือน ซึ่งหญิงสาวสถาปนาให้มันเป็นโต๊ะรับแขกเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปยุ่งย่ามด้านเรือน “นี่อะไร” “น้ำแกงหัวไชเท้า ไม่มีเนื้อสัตว์ก็กินผักไปก่อน” นางยิ้มทะเล้นแล้วนั่งลง “กินกับหมั่นโถวได้ชุ่มคอดี” ขันทีน้อยมองอาหารบนโต๊ะ นอกจากน้ำข้าวกับผักดองที่เขายกมาให้นางทุกวัน มาบัดนี้มีหมั่วโถวก้อนอวบๆ กับน้ำแกงเพิ่มขึ้น อาหารการกินมิได้เลิศรสหรูหราแต่นับว่าดีกว่าแต่ก่อนมากนัก “หัวผักที่เจ้าให้ข้าเก็บมาก็ปลูกขึ้นด้วยหรือนี่” จูซินนั่งกินอาหารกับหลินอวี่เหยาด้วยความคุ้นชินแล้ว “ข้าต้องไปแย่งอาหารหมูมาเลยทีเดียว” หญิงสาวหัวเราะเสียงใสแล้วปรายตามองไปรอบกาย ความเพียรพยายามไม่สูญเปล่า รอบๆ เรือนมีพืชผักที่เพาะปลูกไว้พอได้เก็บกินบ้างแล้ว ด้านหนึ่งมีแปลง

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่15 เลิกพูดเรื่องตายเสียทีเถิด

    “ท่านน้า กินแป้งย่างก่อนยังร้อนๆอยู่” หลินอวี่เหยาเปลี่ยนเรื่องแล้วหยิบแป้งย่างออกมาจากตะกร้า นางหันซ้ายหันขวาเห็นกาน้ำชาจึงเดินไปรินใส่ถ้วย ทว่ามันเป็นเพียงน้ำเปล่า “ข้าไม่รู้ว่าที่นี่ไม่มีน้ำชา ท่านน้าดื่มน้ำเย็นเช่นนี้หรือ?” นางรินน้ำแล้วประคองถ้วยน้ำกลับมาให้จื่อหนิง “ข้าจำไม่ได้แล้วว่าดื่มน้ำชาครั้งสุดท้ายเมื่อใดกัน” จื่อหนิงยิ้มบางเบา กลิ่นอาหารเย้ายวนทำให้นางยื่นมือไปหยิบแป้งย่างขึ้นมาบิเป็นคำเล็กๆ แล้วส่งเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวและซึมซับรสชาติของอาหารแสนเรียบง่ายตรงหน้า แต่อยู่ในสถานที่นี้กลับกลายเป็นอาหารเลิศรส “พอกินได้ไหมเจ้าคะ” หลินอวี่เหยารู้ว่ารสมือของตนไม่ได้แย่นัก แต่ในโลกที่มีวัตถุดิบจำกัดนี้ ความมั่นใจจึงหดหายไปกว่าครึ่ง “ก็พอกินได้” จื่อหนิงพยักหน้ารับ แม้ตอนนี้ตกอับอยู่ตำหนักเย็นมานาน ตั้งแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจนมาถึงตอนนี้ แต่เมื่อรื้อฟื้นกิริยามารยาทขึ้นมาอีกครั้ง นางก็นั่งหลังเหยียดตรงและกินอาหารคำน้อยๆ แลดูเป็นหญิงสาวตระกูลสูงส่ง หลินอวี่เหยาเห็นแล้วก็อดจินตนาการไม่ได้ว่า จื่อหนิงในวัยสา

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่14  เครียดคือสิ่งใด

    “กล้วยไม้ใบเหลืองมีจุดดำ ใบแฉะ หรือเน่าที่ขอบใบ วิธีรักษาให้ตัดใบที่ติดเชื้อออกใช้ผงกำมะถันหรือน้ำปูนใสป้ายบริเวณที่ตัด กรรไกรที่ใช้ ใช้แล้วล้างเช็ดทำความสะอาดให้ดี เชื้อราติดที่คมกรรไกรได้ ช่วงนี้เปลี่ยนฤดูแล้ว เอากล้วยไม้ออกมาโดนแสงบ้าง กล้วยไม้ใบเหลือเพราะความเครียดก็มี” “เครียด? เครียดคือสิ่งใด” หลินอวี่เหยาหลุดปากไปแล้วก็นึกได้ว่าตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในสถาบันวิจัยพันธุ์พืช นางกลอกตามองท้องฟ้าแต่เห็นแค่คานไม้เก่าคร่ำครึ หากคิดจะขึ้นไปแขวนคอก็เกรงว่าคานน่าจะหักลงมาก่อน “ข้าหมายถึงมีเรื่องวิตกกังวลมากเกินไป” “กล้วยไม้ก็มีเรื่องวิตกกังวลรึ” ซูจินทำหน้างุนงง “ข้าเห็นกล้วยไม้ของกุ้ยเฟยอยู่ดีมีสุขกว่าขันทีอย่างข้าเสียอีก” หญิงสาวยิ้มขำ นานวันเข้าขันทีน้อยก็เลิกวางตัวหยิ่งยโสใส่นาง หลินอวี่เหยาเข้าใจดี คนเราก็มักเป็นเช่นนี้เหยียบย่ำคนที่ต่ำกว่าเพื่อให้ตนเองรู้สึกสูงส่งขึ้น แต่ซูจินมีพื้นฐานจิตใจดีนางเองก็ไม่อยากเอาเปรียบความใจดีของเขา ทุกครั้งที่ไหว้วานสิ่งใด นางจะตอบแทนเขาเสมอ แม้เล็กน้อยก็หยิบยื่นให้ ครั้งก่อนฝากชุดผ้

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่13 เยี่ยหรง 2

    “ท่านพ่อ ลูกกลับมาแล้วขอรับ” เยี่ยหรงประสานมือคารวะ แต่ท่านโหวมุมปากกระตุก คิดรึว่าเขาไม่รู้ว่าลูกชายกลับมาถึงเมืองหลวงหลายวันแล้ว แต่คิดไปว่าคงเหนื่อยล้าจากการปราบโจรและเดินทางกลับจึงคร้านจะใส่ใจ ทว่าผ่านมาหลายวันจนรู้ว่าเยี่ยหรงออกไปนอกจวน เขาจึงโมโหแทบควันออกหู รอให้มาหาไม่มา จึงต้องให้คนไปตามตัวเช่นนี้ เยี่ยเฟยฮุ่ยแต่งงานกับเย่าเฉิน เขามีภรรยาเดียวไม่รับอนุมีบุตรชายสามคน คือ เยี่ยเฉิงหลิงซึ่งจากไปในวัยแค่ยี่สิบ เยี่ยเฉิงอี้ และเยี่ยจิ่งอวี่ ทั้งสองเป็นทหารประจำชายแดนตะวันออกและตะวันตก แต่ทั้งสองแต่งภรรยามีทายาทตัวน้อย ทว่าเพราะประจำอยู่แดนไกล ภรรยาและลูกจึงอยู่เคียงข้างสามีที่นั้น ในเมืองหลวงนี้เยี่ยเฟยฮุ่ยกับเย่าเฉินอยู่กับสองคนปู่ย่า วาดหวังให้เยี่ยหรงบุตรชายคนเล็กแม้เป็นบุตรบุญธรรมแต่รักดุจลูกในไส้ได้แต่งงานกับสตรีที่คู่ควรเพื่อมีหลานให้ปู่ย่าได้อุ้มชู แรกทีเดียวก็อ้างเรื่องบ้านเมืองยังไม่สงบสุข แต่ตอนนี้หัวเมืองน้อยใหญ่ต่างเงียบสงบนานๆ จึงจะมีเรื่องให้ต้องยกทัพกันสักคราว แต่บุตรชายคนเล็กกลับยังไม่แต่งภรรยา แล้วเช่นนี้เมื่อไหร่จะ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่12 เยี่ยหรง 1

    “บาดแผลนี้ผู้ใดรักษาท่านแม่ทัพรึ” ชายหนุ่มที่ถูกถามเพียงแค่ปรายตามองหมอทหารที่กำลังทำแผลที่อกซ้ายค่อนมาทางหัวไหล่ บนร่างกายกำยำมีรอยแผลนับไม่ถ้วน บาดแผลที่เคยเกือบคร่าชีวิตไปแล้วก็ทิ้งแผลเป็นไว้ให้ดูต่างหน้า ทว่าแผลนี้ไม่นับว่าใหญ่นัก แต่กลายเป็นแผลเรื้อรังมาแรมเดือน ซ้ำยังทำให้พิษไข้ขึ้นมาเสียเฉยๆ “ทำไมรึ” หานเหยียนคือทหารข้างกายแม่ทัพใหญ่ ปีนี้เขาอายุยี่สิบแต่เพราะรูปร่างสูงใหญ่และหน้าตาดุดันจึงเหมือนคนวัยสามสิบเข้าไปแล้ว ก่อนหน้าที่จะเป็นทหารนั้นเคยเป็นโจรภูเขาที่แม่ทัพเยี่ยหรงยกทัพปราบเมื่อราวเจ็ดปีก่อน เขาเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตในรังโจร แม่ทัพเยี่ยหรงให้ความเมตตารับอุปการะ และเมื่อถึงวัยเขาก็เข้าสู่กองทัพ ไต่เต้าจนเป็นนายกอง แม้ตำแหน่งไม่สูงแต่ได้รับใช้ใกล้ชิดแม่ทัพใหญ่ ผู้อื่นต่างพากันริษยาในวาสนานี้ หลูจิ่งเซวียน-เป็นหมอประจำค่ายทหารและรับใช้ขึ้นตรงกับแม่ทัพใหญ่ผู้ได้ฉายาว่าแม่ทัพใบ้ ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นใบ้แต่เพราะพูดน้อยจนผู้อื่นเข้าใจคิดว่าเป็นใบ้ เขาส่งสายตาตำหนิไปทางหานเหยียนซึ่งเป็นตัวต้นเหตุให้คิดว่าแม่ทัพหนุ่มผู้องอาจเ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status