แชร์

เหมือนจะเคย...(100%)

ผู้เขียน: พราวนภา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-03 09:51:14

บูรณิมาไม่รู้ว่าตนไปได้รอยแผลเป็นดังกล่าวมาได้อย่างไร โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นมันเหมือนเป็นรอยผ่าตัดอะไรสักอย่าง แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก อีกทั้งไม่เคยได้มีโอกาสปริปากสอบถามหมอ เพราะแม่บอกว่าหมอที่รักษาเธอในตอนนั้นได้ย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดแล้ว และแม่ก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่ารอยแผลเป็นทั้งหมดนั้นเป็นผลพวงมาจากอุบัติเหตุร้ายแรงที่เธอประสบ ซึ่งบูรณิมาก็ไม่มีข้อโต้แย้ง เนื่องจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้เธอแค่ปางตาย แต่ยังส่งผลให้ความทรงจำบางช่วงขาดหายไปด้วย หลังจากกลับมาเดินเหินได้ตามปกติ บูรณิมาก็ตัดสินใจไปสักลายดอกทานตะวัน ให้มองว่าออกแนวอาร์ตๆ ดูไม่น่าเกลียด และไม่แสลงใจอย่างที่รู้สึกอยู่ลึกๆ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่พิลึกชวนสงสัยเอามากๆ แต่เธอก็มิอาจรู้ว่าต้นตอของไอ้ความรู้สึกที่ว่าคืออะไรกันแน่            

ครั้นบูรณิมาก้าวออกมาจากหลังที่กั้นในสภาพมิดชิดในนาทีต่อมา สาวน้อยก็ต้องเม้มปากแน่น เมื่ออีตาลุงบ้านั่นยังไม่ไปไหน หนำซ้ำยังมีหน้าหันมาจ้องเธอเขม็ง          

“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง?” 

เจ้าของพวงแก้มแดงเรื่อเอ่ยถามเสียงแข็งๆ ขณะหรี่ตาจ้องหน้าเขาไม่ลดละ ท่าทางเอาเรื่องของแม่มดตะนอยทำให้คิ้วหนาเหนือดวงตาดุๆ เลิกขึ้น สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ   

“ประตูไม่ได้ล็อก” 

คำตอบทื่อๆ พร้อมกับการยักไหล่ ทำให้บูรณิมานึกเคืองขุ่นใจไม่น้อย เดาว่าคงเป็นเอวารินที่ลืมล็อกประตูหลังจากออกไปในก่อนหน้านี้ แต่ให้ตายสิ! เธอไม่น่าจะสะเพร่าเลย ถ้าสละเวลาไปตรวจดูประตูก่อนเปลี่ยนชุดเสียหน่อยก็คงไม่เกิดเรื่องชวนขายหน้าแบบนี้ขึ้น  

“ถึงประตูจะไม่ได้ล็อก คุณก็ไม่ควรจะเข้ามาในห้องแต่งตัวของผู้หญิงแบบนี้”

เธอเอ่ยเป็นเชิงตำหนิอย่างไม่ไว้หน้า แววตาเหมือนนางกวางระวังภัยยังจ้องเขาเขม็ง 

“โทษที ฉันผิดเองที่ทะเล่อทะล่าเข้ามา” 

ดีที่ยังยอมรับว่าตัวเองผิด และรู้จักขอโทษ 

แต่คำพูดของเขาในประโยคถัดมาก็ทำเอาสาวน้อยอ้าปากค้าง   

“แต่เธอก็ไม่ควรจะเปิดเต้า โดยไม่ระวังตัวแบบนี้”

โว้ยยยย ปากร้าย! 

คำว่า ‘เปิดเต้า’ ที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้ใบหน้างามร้อนวาบ อีกทั้งโมโหจนแทบอยากจะกระโจนเข้าไปข่วนหน้านิ่งๆ นั่นให้หายหงุดหงิดยิ่งนัก    

“ก็นี่มันห้องแต่งตัว และเขาก็ห้ามคนนอกเข้าด้วย”   

“อายุเท่าไหร่แล้วเรา”  

เธอจะอายุเท่าไหร่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา

“…”

ไม่ตอบ แถมยังลอยหน้าทำท่ามึนๆ ใส่

“ถามว่าอายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบ”

“เด็ก”

เอ้า! อีตาลุงนี่ ไหงมาว่าเธอเด็ก

“อายุตั้งยี่สิบ ไม่เด็กแล้ว”  

“พ่อแม่รู้หรือเปล่า ว่ามาทำงานแบบนี้”

บูรณิมาย่นจมูกใส่ เธอผิดมากหรือไงก็แค่เป็นนางแบบชุดชั้นใน ถึงแม้จะวาบหวิวไปบ้างตามคอนเซ็ปต์ แต่ก็เป็นอาชีพสุจริต หน้าก็ไม่ได้ถ่ายให้เห็นซะหน่อย เห็นอย่างมากก็แค่สรีระ ส่วนหน้าก็ใส่หน้ากากแฟนซีปกปิดเอาไว้ แล้วเขาเป็นอะไรมากไหมอยู่ๆ ถึงได้มาทำหน้าดุๆ ใส่ แถมยังตำหนิเธอเฉยเลย          

“หนูโตแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว ตัดสินใจเองได้” 

เสียงหึในลำคอที่แว่วเข้าหูทำให้เธอหน้าตึง    

“เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่ควรมาทำงานแบบนี้”

คนถูกหาว่าเด็กหน้าง้ำ ทำปากยื่นสวนกลับ 

“เรื่องของหนู”

เวร! ทำไมเขาถึงรู้สึกคันยุบยิบในอก เพียงแค่เห็นท่าทางรั้นๆ หน้าเชิดๆ ดื้อตาใสนั่นด้วยวะ   

“หึ! เก่ง”

ท่าทางยกยิ้มกวนประสาทของเขา ทำให้เธอนึกโมโหเป็นเท่าทวี ปกติบูรณิมานิสัยน่ารัก และไม่ก้าวร้าวต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่ แต่ผู้ชายตรงหน้าเธอนี่เหลือทนจริงๆ   

ก่อนที่สงครามลูกย่อมๆ จะบังเกิดขึ้น นีราก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวที่อยู่ข้างกัน หล่อนมองสามีกับเด็กสาวสลับกันไปมา แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย   

“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ก็ผู้ชายคนนี้น่ะสิคะพี่นีรา อยู่ๆ ก็ทะเล่อทะล่าเข้ามาในห้องแต่งตัวเฉยเลย เป็นโรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ได้ทีบูรณิมาก็รีบเอ่ยฟ้องผู้มาใหม่ ต่อให้จะยังไม่ได้สนิทสนมกันมากมายอะไร แต่ก็เคยร่วมถ่ายงานด้วยกันมาแล้วหลายครั้ง ในฐานะผู้หญิงด้วยกันยังไงเสียนีราก็ต้องเข้าข้างเธอ   

“ผมนึกว่าคุณอยู่ในห้องนี้ก็เลยเข้ามา”

หลังจากมองยายมดตะนอยที่หาว่าเขาเป็นโรคจิตด้วยสายตาดุๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยไปตามความเป็นจริง เพราะจวนจะถึงเวลาเที่ยงแล้ว ภรรยายังไม่เสร็จงานสักที เขาเกรงว่าจะสาย จึงเข้ามาตาม เนื่องจากทั้งคู่มีนัดทานข้าวเที่ยงกับญาติผู้ใหญ่ของนีราที่โรงแรมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่        

“แต่คุณก็ควรจะเคาะประตูก่อน”

เสียงแข็งๆ ที่โพล่งขึ้นทำให้เขาหันไปถลึงตาใส่เด็กแสบ   

“เอ่อ…ใจเย็นนะจ๊ะหนูบู้บี้ นี่คุณคิงส์สามีพี่เอง เขาคงคิดว่าพี่อยู่ในห้องนี้จริงๆ ก็เลยเข้ามาหา ยังไงก็ขอโทษด้วยนะจ๊ะ คุณคิงส์ขอโทษน้องเขาสิคะ”    

ท้ายประโยคเจ้าหล่อนหันไปเอ่ยเป็นเชิงขอร้องสามีอย่างนุ่มนวล  

“…”

“คุณคิงส์ขา ขอโทษน้องเขาเถอะนะคะ ถือว่านีราขอร้อง…นะคะ”

น้ำคำออดอ้อนทำให้คนฟังพ่นลมหายใจออกมา เพราะก่อนหน้าเขาได้ขอโทษสาวน้อยไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ทนแววตาเว้าวอนของภรรยาไม่ไหว จำต้องเอ่ยปากออกมาอีกหน      

“ขอโทษ”

ฟังคำขอโทษทื่อๆ ที่หลุดออกมาจากปากคนโอหังแล้วบูรณิมาก็นึกอยากจะแลบลิ้นใส่ เพราะยังฉุนไม่หาย หากแต่ทำได้เพียงกอดอกมองเมินเขา   

“บู้บี้อย่าไปถือสาคุณคิงส์เขาเลยนะจ๊ะ” 

“ค่ะ” 

บูรณิมาหันไปคลี่ยิ้มบางๆ ให้นีรา เพื่อให้อีกฝ่ายคลายใจ 

“น่ารักที่สุด”

คนสวยว่าพลางดึงร่างปุ๊กปิ๊กเข้าไปกอด ยกมือฟาดก้นงอนๆ แล้วเผลอขยำด้วยความมันเขี้ยว ทำเอาบูรณิมาสะดุ้งเฮือก เพราะไม่เคยชินกับการเข้าถึงเนื้อถึงตัวของอีกฝ่ายสักที ต่อให้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรก ครั้นเห็นสามีมองมาด้วยสายตาชนิดหนึ่ง นีราก็รีบผละห่างไปยืนข้างเขา ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้                

“เอ้อ…เกือบลืมแนะนำไปแน่ะ นี่ยายหนูบู้บี้ที่นีราเคยเล่าให้คุณฟังไงคะ”  

“ผมไม่ได้อยากรู้จัก ‘เด็กนี่’ เสียหน่อย”    

น้ำคำไว้ตัวทำให้บูรณิมาอ้าปากค้าง ส่วนภรรยาของเขาก็ถึงกับส่งยิ้มเจื่อนๆ เป็นเชิงขอโทษขอโพยมาให้ ครั้นนีราจะเอ่ยอะไรเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ เขาก็จูงมือหล่อนออกไปจากห้องแต่งตัวเสียดื้อๆ 

“เฮอะ…ฉันอยากรู้จักคุณตายล่ะ อีตาลุงนิสัยเสียเอ๊ย!”

สาวน้อยยกมือเท้าสะเอว เบ้ปากบ่นอุบด้วยความหัวเสีย ก่อนจะเดินไปกดล็อกประตูห้องแต่งตัวที่คาดว่าเอวารินคงลืมล็อกตอนกลับออกไป หลังจากเอาชุดชั้นในมาให้เธอ 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โหด (ร้าย) รัก   อยู่ๆ ก็เป็นแม่ซะงั้น (100%)

    “บี๋ไม่อยากได้เขาจริงเหรอ?”“แม่!”คราวนี้เธอถึงกับหลุดอุทานตาโต เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลั่นวาจาออกมาแบบนั้นนี่แม่ของเธอกำลังคิดอะไรกันแน่!“ผู้ชายคนนั้นอาจเป็นพ่อของลูกบี๋ในอนาคตจริงๆ ก็ได้”“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ บี๋ไม่มีทางทำเรื่องผิดศีลธรรมแน่”บูรณิมาเอ่ยปฏิเสธอย่างหนักแน่น เพราะผู้ชายคนนั้นมีครอบครัวแล้ว ฉะนั้นเธอจึงไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะนึกถึงเขา ไม่ว่าจะในแง่มุมไหนทั้งสิ้น จริงๆ เธอไม่ควรจะนำเอาบุรุษที่มีภรรยาแล้วมามโนเป็นพระเอกนิยายของตัวเองเสียด้วยซ้ำ หากว่าไม่หลวมตัวตามคำเว้าวอนของศรีจิตตราก็คงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากมายถึงเพียงนี้ “แค่ไม่มีเมียเขา ทุกอย่างมันก็จะกลายเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว…จริงไหม?” ท้ายน้ำเสียงของแม่กดลึกชวนใจสะท้านชอบกล “ไม่ค่ะ ยังไงมันก็ไม่ถูกต้อง”แค่คิดก็ผิดแล้วผิดมากๆผิดอย่างมหันต์ “แต่อะไรที่มันเป็นของเรา ยังไงมันก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ”แม่ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งงงไปใหญ่ แล้วบูรณิมาก็นึกเอะใจอะไรบางอย่าง“ยิ่งแม่พูดอย่างนี้ บี๋ยิ่งสงสัยว่าแม่มีอะไรปิดบังบี๋อยู่ หรือตอนที่บี๋ความจำเสื่อมมีผู้ชายคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง” คราวนี้เธอเอ

  • โหด (ร้าย) รัก   อยู่ๆ ก็เป็นแม่ซะงั้น (75%)

    ทั้งที่จริงๆ แล้วความทรงจำของเธอควรจะขาดหายไปแค่ช่วงที่ประสบอุบัติเหตุเท่านั้น แต่น่าแปลกที่เธอดันจำเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเวลาหลายเดือนไม่ได้ด้วย ช่วงเวลาเหล่านั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้างเธอไม่มีทางรู้เลย ต่อให้จะเพียรถามพ่อแม่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยได้ความกระจ่างแจ้งเสียที เพราะทุกครั้งที่เธอเอ่ยปากถามพ่อกับแม่ก็จะตอบแค่ว่ามันไม่มีอะไรมากไปกว่าที่พวกท่านเล่าให้ฟัง ซึ่งบูรณิมาก็ไม่ได้แย้งอะไร แต่ลึกๆ ในใจกลับค้านว่ามันต้องมีอะไรมากไปกว่านั้น และความลับนั้นอาจเป็นสิ่งที่พ่อกับแม่ไม่อยากให้เธอล่วงรู้ก็เป็นได้ อีกทั้งนึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าชีวิตตัวเองไปเชื่อมโยงกับผีน้อยตนนั้นได้อย่างไร แต่ก็คิดว่ามันน่าจะมีความเกี่ยวเนื่องอะไรกันสักอย่าง ไม่งั้นเธอคงไม่ฝันถึงผีเด็กหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน แต่ก็น่าแปลกเอามากๆ หากว่าวิญญาณเด็กจะเป็นลูกของเธอจริงๆ ตอนนั้นเธอเพิ่งจะเข้ามหา’ลัย ยังโสดสนิท ไม่เคยมีแฟน แล้วเธอจะมีลูกได้ยังไง ตอนแรกคิดว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อน ไม่ก็มีผีเด็กคอยตามขอส่วนบุญ แต่ไม่ว่าจะไปดูดวง ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศล หรือไปหาพระ กี่ครั้งต

  • โหด (ร้าย) รัก   อยู่ๆ ก็เป็นแม่ซะงั้น (50%)

    ‘นี่อย่าเพิ่งไปสิ! กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!’ ร่างอวบอิ่มสะดุ้งเฮือก ตื่นจากห้วงฝันด้วยสภาพใบหน้าชื้นเหงื่อ ลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดมิด ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก แล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ความฝันพิลึกพิลั่นแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ตรงข้ามมันเกิดขึ้นบ่อยมาก แต่เธอไม่เคยชินสักครั้ง เมื่อตัวเองต้องกลายมาเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของความฝัน หลังจากฟื้นคืนสติจากการประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสตอนอายุเกือบย่างยี่สิบ บูรณิมาก็ฝันประหลาดในลักษณะเดิมซ้ำๆ ตอนแรกเลือนลาง แต่นานวันยิ่งชัดเจนมากขึ้น ที่น่าพิลึก และสุดแสนจะน่าอาย ก็คือผีน้อยในฝันของเธอตนนั้นจะทึกทักว่าเธอคือแม่ตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ปรากฏในความฝันจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบันอีกฝ่ายก็ยังพร่ำบอกว่าเธอคือแม่ ต่อให้จะไล่ จะขอร้องไม่ให้ตามรังควาน จนถึงขั้นยกมือไหว้ ผีเด็กก็ยังตามวอแวไม่เลิก แรกๆ เธอจิตตกหนักมากจนถึงขั้นไปหาหมอดู ไปบูชาของดีจากวัดดังๆ เพื่อหวังจะขับไล่ผีเด็กไปให้พ้นๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่กลัวอะไรเลยสักอย่าง ไม่ยอมไปผุดไปเกิด แถมยังมาหาเธอบ่อยขึ้นไปอีก แต่ที่น่าตกใจสุดก็คงเป็นการมาของผีน้อยในค่ำคืนนี้ มันต่างออกไป

  • โหด (ร้าย) รัก   อยู่ๆ ก็เป็นแม่ซะงั้น (25%)

    ‘แม่จ๋า…แม่…แม่บี๋จ๋า…’เสียงออดอ้อนแกมเรียกร้องความสนใจ ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาปั่นต้นฉบับหัวฟูอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กสะดุดกึก มือที่รัวแป้นคีย์บอร์ดเพราะสมองกำลังแล่นฉิวพลันชะงักไปชั่วขณะ ‘เฮ้อ…’บูรณิมา กิตศิลปาจารย์ สาวน้อยหน้าใส วัยยี่สิบสาม เจ้าของส่วนสูงน่ารักร้อยห้าสิบห้าเซ็นติเมตร เรือนร่างอวบอิ่ม แก้มป่อง ขาวโอโม่ หน้าอกและสะโพกสะบึมเกินตัว จนเจ้าตัวมองว่าน่าอาย เธอพ่นลมหายใจออกมาด้วยความระอาแกมเหนื่อยใจ เงยหน้าขึ้น ถอดแว่นกรองแสงวางไว้ข้างโน้ตบุ๊กบนโต๊ะญี่ปุ่น ขยับตัวหันไปนั่งเผชิญหน้ากับร่างอ้วนจ้ำม่ำของวิญญาณเด็กผู้หญิงวัยประมาณสี่ขวบ ไม่ก็ห้าขวบ หรือหกขวบ ก่อนจะเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ ‘จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้งหือ ว่าพี่ไม่ใช่แม่ของหนู’ อย่าว่าแต่ลูกเลย แฟนสักคนในชีวิตเธอยังไม่เคยมี ‘ช่ายยยยยย…’หนูน้อยทำปากยื่นเถียงกลับ ‘ก็บอกแล้วไง ว่าไม่ใช่’‘ช่าย แม่บี๋ เป็นแม่หนู’วิญญาณเด็กหญิงตาแป๋วแก้มป่องยังคงยืนยันคำเดิมอย่างดื้อดึงจนน่าดึงแก้มย้วยๆ นั่นให้หลุดติดมือ จากนั้นตัวแสบก็โผเข้ากอดเธอ แล้วลดแก้มกลมๆ ลงมาถูแขนเรียวอย่างออดอ้

  • โหด (ร้าย) รัก   เหมือนจะเคย...(100%)

    บูรณิมาไม่รู้ว่าตนไปได้รอยแผลเป็นดังกล่าวมาได้อย่างไร โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นมันเหมือนเป็นรอยผ่าตัดอะไรสักอย่าง แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก อีกทั้งไม่เคยได้มีโอกาสปริปากสอบถามหมอ เพราะแม่บอกว่าหมอที่รักษาเธอในตอนนั้นได้ย้ายไปประจำที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดแล้ว และแม่ก็ยืนยันอย่างหนักแน่นว่ารอยแผลเป็นทั้งหมดนั้นเป็นผลพวงมาจากอุบัติเหตุร้ายแรงที่เธอประสบ ซึ่งบูรณิมาก็ไม่มีข้อโต้แย้ง เนื่องจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้เธอแค่ปางตาย แต่ยังส่งผลให้ความทรงจำบางช่วงขาดหายไปด้วย หลังจากกลับมาเดินเหินได้ตามปกติ บูรณิมาก็ตัดสินใจไปสักลายดอกทานตะวัน ให้มองว่าออกแนวอาร์ตๆ ดูไม่น่าเกลียด และไม่แสลงใจอย่างที่รู้สึกอยู่ลึกๆ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่พิลึกชวนสงสัยเอามากๆ แต่เธอก็มิอาจรู้ว่าต้นตอของไอ้ความรู้สึกที่ว่าคืออะไรกันแน่ ครั้นบูรณิมาก้าวออกมาจากหลังที่กั้นในสภาพมิดชิดในนาทีต่อมา สาวน้อยก็ต้องเม้มปากแน่น เมื่ออีตาลุงบ้านั่นยังไม่ไปไหน หนำซ้ำยังมีหน้าหันมาจ้องเธอเขม็ง “คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง?” เจ้าของพวงแก้มแดงเรื่อเอ่ยถามเสียงแข็งๆ ขณะหรี่ตาจ้องหน้าเขาไม่ลดละ ท่าทางเอาเรื่องของ

  • โหด (ร้าย) รัก   เหมือนจะเคย...(60%)

    ภูผาเอ่ยเตือนสติในตอนท้าย เพราะไม่เคยเห็นพื่อนรัก ‘เสียอาการ’ แบบนี้เลยสักครั้ง ถึงจักรพรรดิจะขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ แต่เวลาคบใครก็คบทีละคน พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วก็เลิกหมด ไม่เคยชายตาแลหญิงอื่นให้เมียต้องขุ่นข้องหมองใจ แต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเผลอลืมตัวมองสาวน้อยหุ่นน่าฟัดที่เพิ่งเดินผ่านไม่วางตา “แค่รู้สึกคุ้นหน้า”คนโดนย้อนทำเพียงไหวไหล่เบาๆ จักรพรรดิรู้สึกเหมือนเคยเจอสาวน้อยคนที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปเมื่อครู่ที่ไหนสักแห่ง แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก แถมสมองยังเอาแต่ควานหาว่าเขาเคยรู้จักเธอหรือไม่ ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนเคยเจอ เคยเห็นหน้า เคยสัมผัส เคยใกล้ชิดมันน่าประหลาดเอามากๆ แม่ง! แค่เจอหน้า ทำไมต้องเอาแต่คิดเรื่องของยายเด็กนั่นด้วยวะ“เฮ้ย! เด็กเลี้ยงมึงหรือเปล่าวะ” “นั่นมันมึง ไม่ใช่กู กูไม่เคยเลี้ยงเด็ก กูไม่ชอบเด็ก”มาเฟียหน้าตายสวนกลับทันควัน“งั้นก็เป็นอดีตคู่ควง”“จะต้องให้ย้ำอีกกี่หน ว่ากูไม่ชอบเด็ก ไม่เหมือนมึงที่ชอบพรากผู้เยาว์”คราวนี้คนโดนไล่ต้อนเริ่มกดเสียงต่ำ ส่วนคนถูกหลอกด่าสองดอกติดๆ ทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระ“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมมึงมองเขา ‘ต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status