Share

โอสถฟ้าบัญชารัก
โอสถฟ้าบัญชารัก
Author: พี่สาวตระกูลหลี่

บทนำ

last update Last Updated: 2024-12-28 08:26:35

‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่ง

ธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...

ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม

10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไป

นิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า

‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทียนจีทอแสง แรม 7 ค่ำเดือน 7 ตกฟากยามจื่อ ปีหม่า ยามกำเนิดเหลียนฮวาเบ่งบาน เยี่ยนจื่อขับขาน ตานติงเฮ่อโบยบิน [1]

หนึ่งกำเนิดสวรรค์ อีกหนึ่งกำเนิดมาร เฮยเหลียนฮวาโรยรา นภาก้องอสุนี ธรณีครองสีชาด

โลกนี้ไหนเลยมีเพียงด้านเดียว มีแสงย่อมเหลือบเงา เมื่อโอสถสวรรค์กำเนิดย่อมก่อเกิด ‘โอสถมาร’ กำเนิดฤกษ์ยามเดียวกัน แต่กลับคุณอนันต์เป็นโทษมหันต์

5 ปีต่อมา อาณาจักรต้าเซี่ย

ครืนนนนนนนน!!!

อุแว้ อุแว้!

“มีคนร้าย!!! คุ้มกันพระชายา!!!”

“คุ้มกันพระชายา!!!”

ครืนนนนนน เปรี้ยง!

ตำหนักจวิ้นอ๋อง ผู้ดำรงพระยศหมิง องค์ชายลำดับที่สี่ในฮ่องเต้เซี่ยเหวิน พระนามเสิ่นหรง ในคืนที่พระชายาเอกของจวิ้นอ๋องกำลังมีพระประสูติกาลเกิดอาเพทครั้งใหญ่ ท้องฟ้าดำมืดมวลพยัพเมฆทมิฬปกคลุมฟากฟ้าจนไร้เงาจันทร์ เสียงครืนครันประดุจเสียงคำรามของเฮยหลง [2] อสุนียบาตฟาดผ่านวังหลวงจนสะเทือนเลื่อนลั่น

ดอกบัวในสระหน้าตำหนักพระชายาเอกจวิ้นอ๋องเหี่ยวเฉาใบเขียวสดกลับมอดไหม้ราวถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา ดอกสือซว่าน [3] สีชาดชูช่อเบ่งบานราวกับอยู่ท่ามกลางหุบเขาหลัวเฟิง [4]

“พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่เสด็จหนีไปยังทางลับก่อนเพคะ” ถงมามา นางกำนัลคนสนิทรีบอุ้มเสี้ยนจู่น้อยที่เพิ่งถือกำเนิดวางลงในอ้อมอกของพระชายาที่ยังอ่อนแรง

หมับ!

“ถงมามาไปกับข้าเถิด”

ฝ่ามือชุ่มเหงื่อเรียบตึงคว้าท่อนแขนของมามาร่างอวบที่กำลังหมุนตัวออกไปทางประตูวงเดือน วงพักตร์เรียวรูปไข่ดวงเนตรหงส์ดูอ่อนล้าแต่มั่นคงมองแม่นมของพระสวามีที่อยู่เคียงข้างพระนางมาตั้งแต่อภิเษกสมรส

ถงมามายิ้มอ่อนเพียงส่ายหน้าหนักแน่นคราหนึ่ง เม้มปากเหม่อมองห่อผ้าที่มีร่างจ้อยดิ้นขลุกขลัก ก่อนตัดใจเร่งฝ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบาดุจนางแอ่นเหินออกไปยังหน้าตำหนัก

“ค้นให้ทั่ว!!! อย่าให้เหลือรอดแม้ชีวิตเดียว!”

“รักษาองค์ด้วยเพคะพระชายา!!”

“องครักษ์เงาคุ้มกันพระชายาหนีไป! พวกข้าจะต้านพวกนักฆ่าไว้เอง!!! ไช่หง ไช่อี้มากับข้า!!!”

เคร้ง! เคร้ง! เฟี้ยว!

ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าโรมรันฟาดฟันกันดุเดือด นานเข้าทั้งสองฝ่ายก็เริ่มได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่และลูกธนู แม้เลือดโทรมกาย เจ็บร้าวลึกถึงกระดูกแต่ฝ่ายตำหนักอ๋องที่มีคนน้อยกว่าเกือบ 3 เท่า กลับไม่มีผู้ใดคิดถอย

“มามา! ไช่อี้! ไช่หง!” พระชายาร้องเรียกนางกำนัลส่วนพระองค์ทั้ง 2 และมามาข้างกายด้วยเสียงแหบแห้ง

การคลอดบุตรยาวนานกว่า 3 ชั่วยามสูบพลกำลังนางจนแทบประคองสติไว้ไม่ไหว

“พระชายารีบพาเสี้ยนจู่ตามกระหม่อมมาเถิดพะยะค่ะ!” หัวหน้าองครักษ์เงาเร่งนำหน้าไปเปิดประตูลับตรงด้านหลังโต๊ะวางคันฉ่อง

ทางลับนี้มีคนรู้เพียงแค่หยิบมือ

ยังพอถ่วงเวลาให้พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่หลบหนีไปได้

นอกตำหนักหมิงเหลียงหยินเย่ว เกิดการนองเลือดธารโลหิตหลั่งรินทั่วผืนดิน ดอกสือซว่านกลับงดงามสะท้อนแสงคบเพลิง ร่างของเหล่าองครักษ์พิทักษ์วังอ๋องร่วงหล่นราวใบไม้ปลิดปลิว

ร่างของมามากระแทกล้มลงเป็นคนสุดท้าย ดวงตาพร่าเลือนก้มมองกระบี่ที่แทงทะลุกลางลำตัว เลือดแดงปนดำทะลักเปียกโชก เผยยิ้มปลดปลงสายหนึ่งหันมองนางกำนัลที่ต่อสู้เคียงข้างทั้งสอง

หนึ่งร่างโชกเลือดไร้ศีรษะอยู่ห่างไปทางขวา อีกร่างไร้แขนขาดวงตาเบิกโพลงอยู่ทางด้านหลัง

‘พระชายาพวกข้าได้แต่ไปรอท่านที่สะพานไน่เหอแล้ว อย่ารีบติดตามบ่าวเฒ่ามาเร็วนักเล่า’

ท่านอ๋องทรงนำทัพทำศึกกับชาวเหมียวใกล้เขตแดนทะเลทรายของอาณาจักรตงซีเมื่อ 5 เดือนก่อน ใครเล่าจะคาดว่าขณะที่ทุ่มเทสละเลือดเนื้อเพื่อความสงบสุขของต้าเซี่ย

กลับเกิดโศกนาฏกรรมในวังอ๋องและพระชายาทรงพระครรภ์ใกล้คลอด!

แรม 7 ค่ำ เดือน 7...ไยต้องเป็นกาลนี้!!!

3 เดือนต่อมา เลี่ยวหลาน เมืองหลวงต้าเซี่ย

“นั่น!!! ปิดประตูเมืองๆๆ กองทัพเฮยเฟิงจือสือ (มัจจุราชลมทมิฬ) มาแล้ว จวิ้นอ๋องก่อกบฏ!!!”

“ม้าเร็ว! ไปแจ้งข่าวยังวังหลวง!!”

“ทูลฝ่าบาท! ทัพกบฏปิดล้อมประตูเมืองทุกด้านแล้วพะยะค่ะ!!! ตอนนี้ทัพหลวงโยกย้ายกองกำลังได้เพียง 5 หมื่นนาย แม่ทัพใหญ่โจวคังคาดว่าจะถึงในอีก 5 วันพะยะค่ะ”

ปัง! เพล้ง!

“บัดซบ!!! เสิ่นหรง!!! ไอ้สุนัขเลี้ยงไม่เชื่องในที่สุดก็แว้งกัดข้า!!!”

“ฝ่าบาททรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ”

“ทรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ!”

ฮ่องเต้เซี่ยเหวินประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร ทรงขว้างจอกน้ำจัณฑ์แตกกระจาย ขุนนางในท้องพระโรงเช้าที่กำลังออกว่าราชการกว่า 100 ชีวิต หมอบกราบด้วยเกรงว่าพระพิโรธจะตกมาถึงตน

“แม่ทัพใหญ่เถียน จงนำกำลังทัพทหารรักษาเมืองเข้าต้านทัพกบฏ ประกาศออกไปถอดพระยศจวิ้นอ๋องให้เป็นสามัญชน! ใครเข้าร่วมก่อกบฏประหารเจ็ดชั่วโคตร!!!”

รับสั่งสุรเสียงเกี้ยวกราดจนไม่มีขุนนางคนใดกล้าเงยหน้า

ขุนนางบุ๋นวัยกลางคนท่วงท่าองอาจลุกขึ้นจากแถวที่หมอบกราบอยู่ตอนหน้า มานั่งคุกเข่าศีรษะกดต่ำประสานมือคำนับต่อองค์เหนือหัว

“เถียนกวนถิงน้อมรับพระบัญชา” ขุนพลกล่าวเพียงนั้นรีบรุดออกจากท้องพระโรงไปยังค่ายทหารรักษาเมือง

ตึง ตึง ตึง ตึง...

กลองศึกถูกลั่นกระหน่ำปลุกใจเหล่าทหาร แม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำทัพสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทหารกล้าใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี

“ปราบกบฏเสิ่นหรง! คืนความสงบสู่ใต้หล้า!”

“พลธนูไฟประจำป้อมรอบกำแพงเมือง!!! เผาน้ำมันดินไว้ รองแม่ทัพนำกำลังเสริมไปประจำประตูเมืองทิศตะวันออก!!!”

แม่ทัพใหญ่เถียนมาถึงกำแพงเมืองชั้นนอกก็เริ่มสั่งการป้องกันเมืองอย่างดุดัน ทั้งยังพยายามปลุกขวัญทหารไม่ให้หวาดกลัวทัพกบฏ แม้จวิ้นอ๋องจะได้ชื่อว่าเป็นเทพสงครามแห่งต้าเซี่ยก็ตาม

เฟี้ยว! ฉึก!

เคร้ง! เคร้ง!

“ระวังลูกธนู!!!”

ฝนธนูจากนอกกำแพงพุ่งแหวกอากาศมาจากระยะ 50 จั้งปักลงบนกำแพงบ้าง โดนทหารรักษาการใช้ดาบปัดป้องออกไปบ้าง แต่ทหารบางคนยังคงโดนลูกธนูปักทะลุเกราะอ่อนจนตกจากกำแพงเมือง

อ๊ากกกกก!

ศึกล้มล้างราชบัลลังก์อาณาจักรต้าเซี่ยได้เริ่มขึ้นแล้ว!

แม่ทัพกบฏในชุดเกราะพยัคฆ์สีดำบนหลังม้าเหงื่อโลหิต ใช้สายตาเฉียบคมจ้องมองแม่ทัพรักษาเมืองบนกำแพงหิน แบมือออกไปทางนายกองด้านข้าง

“นี่พะยะค่ะท่านอ๋อง” ธนูซินเย่ว (เดือนดับ) ถูกวางลงบนมือเรียวยาวราวบัณฑิต แต่ฝ่ามือสากด้านจากการจับศาตราวุธ

จวิ้นอ๋องน้าวคันธนูเหล็กสีดำจนเต็มวงเดือนด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งทรงพลัง ใช้กำลังภายในเจ็ดส่วนก่อนจะปล่อยลูกธนูเหล็กหนักครึ่งจินพวยพุ่งฝ่ากระแสลมตรงดิ่งไปทางเป้าหมาย

เฟี้ยว!

ฉึก! กึง! “อึก!!!...”

“ท่านแม่ทัพ!!! แม่ทัพเถียนถูกยิง!!!”

แม่ทัพใหญ่ของทัพรักษาเมืองกระอักเลือดจากแรงปะทะของธนูที่ยิงทะลุบ่าจนหัวธนูปักลงลึกบนกำแพงเมือง ตรึงร่างในชุดแม่ทัพเกราะทองไว้ในท่ายืน

ลูกธนูติงจิ้นฉู่ (ตะปูเหล็ก) มีลักษณะพิเศษที่หัวธนูเป็น 4 แฉกใช้เจาะคว้านเนื้อทำให้ยากจะถอนออก ทั้งยังทำให้บาดแผลสาหัสเลือดไหลออกมาตามก้านธนู

ผู้ต้องฤทธิ์เกาทัณฑ์แล้วรอดชีวิตมิเคยปรากฏ...

“แม่ทัพเถียนสิ้นใจแล้ว!!!”

เฮ! เฮ!

“พังกำแพงเมืองเข้าไป!!”

ข่าวการเสียชีวิตของแม่ทัพเถียนทำให้ทหารรักษาเมืองระส่ำระสาย กองทัพกบฏฮึกเหิมโถมทำลายกำแพงเมืองจนพินาศ บุกเข้าสู่เมืองหลวงด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม

กองทัพกบฏกระจายกำลังควบคุมกำแพงเมืองทั้ง 3 ทิศ จวิ้นอ๋องและนายกองคนสนิทพร้อมด้วยทัพม้าบุกเข้าวังหลวง เข่นฆ่าทหารองครักษ์รักษาพระองค์จนธารโลหิตท่วมแผ่นอิฐทองคำ ราวกับจำลองสภาพวังอ๋องในคืนวิปโยค

ตึก ตึก ตึก...

“จะ จวิ้นอ๋อง กำลังมาทางนี้แล้ว ฝ่าบาทเสด็จหนีก่อนเถิดพะยะค่ะ”

ขันทีชราวิ่งล้มลุกคลุกคลานไร้ระเบียบเข้ามารายงานท่ามกลางความสงัดเงียบของพระตำหนักเฉียนชิงมีเสียงฝีเท้าก้าวหนัก ๆ เดินไม่ช้าไม่เร็วดังเข้าโสตประสาท

ตึก ตึก ตึก...ครืดดดด ครืด...

เสียงย่ำฝีเท้าด้านนอกตำหนักแต่ละก้าว เหมือนเหยียบขยี้ลงหัวใจที่บีบรัด ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเหยียดริมฝีปาก กลับเปล่งเสียงหัวเราะวิปลาส “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!”

“เสิ่นหรง!!! ไอ้ลูกสุนัขชั่ว ท่านนักพรตเตือนข้าแล้วว่าแกจะก่อกบฏ!!!”

ฮ่องเต้ชี้นิ้วด่าทอสุรเสียงเกรี้ยวกราดใส่ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามในชุดเกราะดำ พระพักตร์และสายพระเนตรแดงก่ำดุจหยดเลือด

“ข้าไม่เคยคิดหวังบัลลังก์ของท่าน...เสด็จพ่อ”

“ล้วนเป็นท่านบีบคั้นข้า!!!”

“หึ...คำทำนาย? นักพรต? เหลวไหลสิ้นดี!!! หากท่านไม่แตะต้องลูกเมียข้า บ่าวไพร่ในจวนอ๋องอีก 300 กว่าชีวิต ทั้งขุนนางตงฉินที่ต้องถูกประหารสิ้นตระกูลไม่รู้เท่าไหร่ เพราะเชื่อลมปากลวงจากนักต้มตุ๋นเหล่านั้นท่านคงไม่มีจุดจบเช่นนี้!!!”

เสิ่นหรงเอ่ยความผิดพระบิดาด้วยเสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า ฮ่องเต้เซี่ยเหวินในพระชันษา 45 ปี ยังมีพระพลานามัยแข็งแรงกระฉับกระเฉงแต่ทรงเลอะเลือนศรัทธาในสิ่งลี้ลับ เชื่อถือในคำทำนายของนักพรตต้มตุ๋นจากตำหนักเทียนคง

“ข้าแค่กำจัดภัยร้ายให้ใต้หล้า!!!”

“แต่นั่นมันลูกข้า! หลานสาวแท้ ๆ ของพระองค์ที่เพิ่งลืมตาดูโลก!”

ป่วยการจะทุ่มเถียงกับผู้ที่ไม่สำนึกในสิ่งที่ได้กระทำ อดีตจวิ้นอ๋องจึงสั่งให้ทหารคุมตัวอดีตฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยไปคุมขังตลอดชีวิต

“กวาดล้างตำหนักเทียนคง! จับตัวนักพรตบัดซบนั่นมาให้ข้า!

[1] เหลียนฮวา – ดอกบัว, เยี่ยนจื่อ - นกนางแอ่น, ตานติงเฮ่อ - กระเรียนนางฟ้า หรือกระเรียนมงกุฏแดง

[2] เฮยหลง - มังกรดำ

[3] สือซว่าน – พลับพลึงแดง, พลับพลึงแมงมุม

[4] ภูเขาหลัวเฟิง - อยู่ทางทิศเหนือของปรโลกตามความเชื่อลัทธิเต๋า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (2)

    หุบเขาหงถาวฟิ้ว...วี้ด...“นายท่านคุณหนูกลับมาแล้วขอรับ” หลี่เหว่ยได้ยินเสียงสัญญาณลับจึงเคาะประตูรายงานนายท่าน“เจ้าคิดดีแล้วหรือ” ตู๋ยี่มีความวิตกระหว่างคิ้ว หน้าตาไม่สบายใจอย่างยิ่ง“เจ้าจะเก็บนังหนูไว้บนหุบเขาตลอดไปไม่ได้หรอก ปล่อยนางผจญโลกภายนอกหาประสบการณ์ชีวิตเถอะ” หมอประหลาดขัดคำพิรี้พิไรของยายเฒ่าพิษ"ถ้าเลือดนางถูกค้นพบ?”“อาจารย์ เจ้าหุบเขาพวกท่านโปรดวางใจ ข้าจะคอยควบคุมศิษย์น้องให้ดี”ไม่ให้นางก่อเรื่องราวใหญ่โต...ประโยคที่เหลือแม้หวังหยูซินไม่ได้พูดออก อาวุโสในห้องหนังสือล้วนรู้แจ้ง“ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ต่อให้ทักทายเสียงอ่อนหวานแต่การหมุนข้อมือโบกพัดเอื่อย ๆ ตั้งศอกไพล่หลัง ก้าวขายาวกว้าง อกผายท่าทางองอาจสง่างามตู๋ยี่มองสารรูปชายไม่ใช่หญิงไม่หญิงแล้วอยากจะยกถุงหอมมาสูดดมทุกทีไม่ใช่พวกเขาไม่ลักพา...แค่ก เชิญน่ะเชิญ มามาอาวุโสจากในรั้ววังมาสั่งสอนมารยาทสตรี ทั้งฉินฉีซูฮว่า [1] ได้เจ้าหุบเขาที่เป็นเอกบุรุษด้าน 4 ศิลป์แห่งซิ่วไฉ่สอนสั่งด้วยตนเองเพียงแต่นางทำได้ดีเกินไป ดีจนไร้ที่ติแล้วก็เลิกสนใจโดยสิ้นเชิงเวลาของเสิ่นซูเย่วใน 12 ปีที่มาอยู่หุบเขาหงถาว หมดไปกับการฝึกวร

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (1)

    12 ปีผ่านไปฤดูกาลผันผ่านสารทแล้วสารทเล่าเวียนบรรจบ หุบเขาหงถาวยังคงเงียบสงบ ผู้คนปลีกวิเวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับภายนอกยกเว้นไว้ผู้หนึ่ง...เสิ่นซูเย่วจากเด็กน้อยตัวอ้วนกลม ร่างกายยืดเหยียดเล็กคอด ที่ควรโค้งก็กลมอิ่ม ที่ควรเว้าก็อ้อนแอ้น แต่ยิ่งเติบใหญ่กลับสั่งสมบุคลิกจ้าวสำราญ ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินเฮ! เฮ!“นายน้อยเสิ่น! เร่งเข้า ๆ นายน้อยเสิ่น! นายน้อยเสิ่น!”กุบ กับ กุบ กับ... ฮี้ ย่ะห์เฮ! “เร่งอีก!” “จะแซงแล้ว เร่งหน่อย”เสียงกีบเท้าม้ากระแทกบนพื้นดินแข็งแทบจะกลบเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง นอกกำแพงเมืองอิงจี้ออกไป 5 ลี้ มีพื้นที่ราบว่างเปล่า บัดนี้เต็มไปด้วยฝูงชนราวกับมีงานเทศกาล“เข้าเส้นชัยแล้ว! นายน้อยเสิ่นชนะ!”เฮ!“ชนะแล้ว! ไปรับเงินกันเถอะ!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”“หึ เป็นไงล่ะอวดดีนัก เห็นนายน้อยเสิ่นหน้าอ่อนแบบนั้น ถ้าไม่มีฝีมือจริงไม่ได้ฉายานายน้อยอันดับหนึ่งแห่งอิงจี้หรอก”“หาเรื่องใครไม่หา ไปหาเรื่องนายน้อยเสิ่น โง่ดีแท้”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปพวกเรา วันนี้ข้าเลี้ยงเอง นาน ๆ จะมีแกะอ้วนมาให้เชือด” เสิ่นซูเย่วดัดเสียงทุ้มต่ำต่างจากใบหน้าขาวใสเกลี้ยงเกลา คิ้วตรงเฉียงดกหน้า ดวงตราหงส์แวววาวมีชีวิต

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (2)

    “เรื่องคำทำนายพวกนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือทำเยี่ยงไรจึงจะบรรเทากลิ่นฉวินเซียนได้” โม่โฉ่วยังไม่อยากคิดไปไกลนัก เร่งหาทางรับมือปัญหาที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า“ในเมื่อปกปิดไม่ได้ ลองใช้ยุทธวิธีมีในไม่มี จริงในลวง ลวงกลายเป็นจริง” หมอประหลาดหันหน้าปรึกษากันกับตู๋ยี่ โม่โฉ่วเหลือบตามองด้วยประกายสนใจวาบผ่าน‘ฉีก้วยเชิงภูมิหลังไม่ธรรมดา รู้กลยุทธ์ในตำราพิชัยสงคราม’“เจ้าหมายถึง?”“เจ้าว่ามีสมุนไพรหรือดอกไม้ใดกลิ่นคล้ายฉวินเซียนบ้าง ในเมื่อกลบกลิ่นไม่ได้ก็ทำให้คนคิดว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่นเสีย”หมอประหลาดขอยืมกระดาษกับพู่กันมาค่อย ๆ ทบทวนชื่อแล้วจรดพู่กันลงไป เขียนรายชื่อและสรรพคุณ“เพิ่มดอกกระดิ่งราตรีอายุ 100 ปี กับดอกเงาจันทร์ด้วย”“กลิ่นภายนอกนั้นไม่ยากทำเป็นถุงหอม น้ำมันหอมบำรุงให้นางใช้จะได้มีกลิ่นอวลรอบตัวให้คนเกิดภาพจำ ส่วนการเจือจางภายในข้าว่าออกจะยากอยู่สักหน่อย”“ลองใช้วิธีเดียวกับมนุษย์โอสถ อาบแช่สมุนไพร ดื่มยา และฝังเข็มได้หรือไม่ แต่แบบนั้นทรมานนัก ไม่ได้ ๆ วิธีนี้ไม่ดี”ตู๋ยี่นึกถึงวิธีการสร้างมนุษย์โอสถใบหน้าก็น่าเกลียด“เพ้ย! เราไม่ได้จะสร้างมนุษย์โอสถหรือจับนางมาทรมาน แต่เราจะ

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (1)

    ฟู่ว...จู่ ๆ กลิ่นหอมรัญจวนอ่อนจางก็กำจายไปทั่วห้อง กลิ่นนี้มีคล้ายไม่มีแต่ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นมัวเมาเคลิบเคลิ้ม เพียงสูดดมร่างกายรู้สึกสดชื่นความเหนื่อยล้าหายไป สมองแจ่มใสสงบนิ่ง‘ไม่ถูกต้อง!’กลิ่นนี้มาจากที่ใด มือที่เรียวเนียนไม่เหมือนของชายวัยกลางคนชะงักการแกะผ้าออกจากแผลของศิษย์คนเล็ก“ยายเฒ่าเจ้าเข้ามาตรงนี้สักหน่อย ท่านหลี่เฉียงวานท่านปิดประตูหน้าต่างรอบห้องทั้งหมดให้ข้าที ช่วยตามเจ้าหุบเขามาสักหน่อยเถอะ” ท่าทางเคร่งเครียดของหมอประหลาด จึงไม่มีใครกล้าชักช้าหรืออิดออด“นี่...นี่มัน หากดอกฉวินเซียน (ทวยเทพ) มีจริงเกรงว่าจะมีกลิ่นเช่นนี้!!!” ตู๋ยี่อุทานอย่างพรั่นพรึง ก้าวถอยซวนเซสับสนโม่โฉ่วกำลังย่างเท้าเข้าประตูมาทันได้ยินเข้าหน้าเปลี่ยนสีแทบไม่น่าชมดู“ฉีก้วยเชิง ตู๋ยี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”หมอประหลาดไม่พูดมากความ เขาดึงผ้าตรงขากางเกงของเสิ่นซูเย่วขึ้น ป้ายเลือดที่ซึมออกมานำไปหยดลงบนใบกล้วยไม้ในกระถางที่เหี่ยวเฉาใช้เวลาแค่จิบชาใบสีน้ำตาลค่อย ๆ ฟื้นความเขียวขจี“ยังมีกลิ่นหอมที่คล้ายดอกฉวินเซียนในตำนานนี่อีก นี่มันเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้ว”ดอกฉวินเซียนเล่าขานกันว่าเป็นดอกไม้ที่มีส

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (2)

    เมืองอิงจี้ที่ว่าการศาลต้าหลี่ประจำเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟแล้วจริง ๆ เพราะบุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีดำขลิบทองหลุดรุ่ยแบบบุรุษเสเพล แต่ใบหน้าของเขายามนี้เย็นชาสุดขั้วขับผมสีเงินโดดเด่นยิ่งดูเยือกเย็น“จอมยุทธ์โปรดยั้งมือด้วย!” หัวหน้าศาลต้าหลี่ประจำเมืองตอนนี้ใช้ปลอกดาบยันพื้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่เบื้องหน้า“ทางการจะสืบสวนเรื่องอย่างยุติธรรมแน่นอน ท่านโปรดวางใจ ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจข้าได้ระดมกำลังคนตามหาคุณหนูน้อยทั้งสองของท่านและเด็กคนอื่น ๆ ที่หายไปแล้ว”“เหอะ!...”ยังไม่ทันที่โม่โฉ่วจะสะบัดชายเสื้อคลุมจากไป หลี่เหว่ยก็รีบร้อนเข้ามารายงานเสียก่อน“นายท่าน! ได้เบาะแสแล้วขอรับ มีชาวบ้านทางฝั่งประตูตะวันออกเห็นยามเปิดประตูเมืองให้รถลากออกไปกลางยามโฉ่วสองคัน”บัดซบ! ใครมันกล้ารับสินบนใต้จมูกข้า!หัวหน้าศาลต้าหลี่สบถสาบานในใจดุเดือด ยิ่งเห็นสายตาเย็นเยียบที่ปรายมาใจแทบจะกระเด้งกระดอนจุกปาก‘มารดามันเถอะ! ใครจะคิดว่าเมืองนี้จะซ่อนสำนักยุทธ์ที่เก่งกาจแบบนี้ไว้’“ฮะ ฮะ ท่านเจ้าหุบเขา ในเมื่อเจอเบาะแสเราก็รีบติดตามคนเถอะ... พวกเจ้าส่งกำลังคนขี่ม้าเร่งติดตามร่องรอยไปเดี๋ยวนี้

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (1)

    เพียงชั่วยามเดียวในหอฉานยี่ จากคุณชายน้อยปากหวาน กลายเป็นตัวขี้เมาน้อยไปแล้ว“ม่ายมาววว ศิษย์เพ่ เอิ๊ก... เหล้านี่มันดีเจรง ๆ ตัวข้าอุ่นขึ้นมาแล้ว ท่านดู!” ผิวเนื้อที่มักขาวซีดและให้สัมผัสเย็น หากยื่นมือไปสัมผัสตอนนี้จะไม่เย็นมากนักแล้วใบหน้ากลมขาวแดงจัด ตาเยิ้มจวนจะปิด เดินตัวเอนเดินหน้าหนึ่งสามก้าวถอยจนพุงกลมแอ่น“เจ้าเดินให้ดีหน่อย” หวังหยูซินที่จิบไปจอกเดียวก็มีสีชมพูเจือจางตรงโหนกแก้ม หอบหิ้วเจ้าซาลาเปาน้อยกระเตงข้างเอวการฝึกยุทธ์ทำให้นางมีเรี่ยวแรงพอ ๆ กับผู้ใหญ่ อุ้มเด็กคนหนึ่งจึงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่คงไม่สามารถใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาพากลับหุบเขาได้ขณะเดินผ่านตรอกมืดซึ่งเป็นทางลัดไปโรงเตี๊ยมพรึ่บ!กระสอบผ้าถูกยกเตรียมครอบลงจากทางศีรษะ แต่หวังหยูซินเบี่ยงหลบทัน แล้วกระโจนถอยหลังไม่มั่นคง ตัวเซอีก 2 ก้าว“จับตัวไว้!”เสิ่นซูเย่วถูกการเคลื่อนไหวกะทันหันทำเอาวิงเวียนตาลาย จะลงมายืน อ้อมแขนของศิษย์พี่ก็ไม่ปล่อย“ซูเย่วอย่าดื้อ เกาะศิษย์พี่ไว้”เพราะมีลูกลิงห้อยโหนอยู่บนตัว ศิษย์เอกหมอประหลาดจึงใช้แขนได้เพียงข้างเดียว ฝ่ายตรงข้ามมีคนที่เป็นวรยุทธ์ระดับต่ำอยู่ 3 คน“เด็กนี่มีวรยุทธ์

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status