Войтиอาสือบอกว่าบิดามารดารักเขา เพียงแต่ทุกคนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ย่อมมีเรื่องที่ต้องทำมากมายจึงมิอาจปลีกตัวมาหาเขาได้
เขารู้ว่าอาสือหวังดีด้วยใจจริงมาโดยตลอด ดังนั้น เรื่องราวทั้งหมดที่อีกฝ่ายบอกเล่าจึงเชื่อถือได้มากกว่าเป็นการบิดเบือนหมายเข้าข้างนายหญิงคนใหม่อย่างที่บ่าวไพร่ทั่วไปกระทำ
ที่สำคัญ เรื่องเลวร้ายที่มารดาเคยสร้างเอาไว้กับคู่รักคู่หนึ่งไม่มีผู้อื่นล่วงรู้ มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่ทราบ ส่วนนี้ทุกคนยังคงเก็บงำเอาไว้ จูเข่อเหรินยอมถูกตราหน้า บิดายอมถูกครหา ทุกคนแม้มิใคร่ไยดีมารดาแต่ก็ยังช่วยปกป้องชื่อเสียงหลังความตาย อย่างน้อยวิญญาณชั่วร้ายดวงหนึ่งย่อมไม่ถูกคนเป็นสาปแช่งทุกวัน สกุลเฉินไม่ต้องอับอายที่มีบุตรีจิตใจคดแคบ ตัวเขามิต้องได้ชื่อว่ามีมารดาเป็นหญิงใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตเลือดเย็น
โจวอวี่ยืนมองนามที่สลักบนแผ่นป้าย ‘โจวฮูหยินเฉินรุ่ยฟาง’ นางยังครองตำแหน่งที่ตั้งของป้ายในลำดับสำคัญของสกุลนี้
ดีแล้วล่ะ เขายิ้มบาง เท่านี้ก็พอแล้ว...
ร่างสง่าหมุนกายอย่างช้าๆ ออกจากห้องมืดสลัวมายืนรับแสงแดดร้อนแรงหน้าประตูห้องบรรพชน
สถานที่แห่งนี้แม้จะมีบ่าวไพร่คอยมาดูแลปัดกวาดเช็ดถู ทว่ารอบด้านยามนี้ไม่มีผู้ใดย่างกราย วังเวงอย่างยิ่ง
ลู่ซีรีบเข้ามา “คุณชายรอง ท่านจะลองตรองดูใหม่หรือไม่”
โจวอวี่โบกมือ “ข้าคิดดีแล้ว ไปเถอะ”
“ท่านจะไปจริงๆ หรือขอรับ”
“อืม...”
“แล้วนายท่านโจวเล่าขอรับ”
โจวอวี่เบือนหน้าหันไปมองทางฝั่งห้องโถงเรือนหลักที่เห็นเงาร่างสองสายรำไร บิดากับสตรีของเขายังคงนั่งพูดคุยเคร่งเครียด
ทว่าท่ามกลางบรรยากาศอันอึมครึมนั้นชายหญิงกลับทำให้คนมองคล้ายเห็นแสงทองอันอบอุ่นละมุนละไมแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งรักใคร่ที่มั่นคงมิแปรผัน
ชายหนุ่มล้วงเอาสิ่งหนึ่งออกจากสาบเสื้อพร้อมตั๋วเงิน “สัญญาขายตัวกับตั๋วเงิน ต่อไปนี้เจ้าได้รับอิสระมีชีวิตของตน เอาเงินนี่ไปสร้างเนื้อสร้างตัว หาสตรีที่ดีแต่งงานด้วยสักคนแล้วมีครอบครัวเป็นของตัวเอง”
ลู่ซีเบิกตา “คุณชายรอง...”
โจวอวี่นิ่วหน้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมรับสิ่งของตรงหน้า จึงจับมือเข้ามาแล้วยัดทุกสิ่งลงไป “การมีคู่ครองคือหน้าที่สำคัญยิ่ง คนเราเกิดมาต้องแต่งงานมีครอบครัว สร้างลูกสืบหลาน มีทายาทสืบสันดานไม่จบสิ้น จงรับไว้ ห้ามปฏิเสธ”
“แต่คุณชายรองยังไม่มีเลย บ่าวจะมีได้อย่างไร”
“เจ้ามีก่อนข้าจะเป็นไร ส่วนข้าค่อยหาเอาข้างหน้าก็ได้”
“ท่านจะไปหาจากที่ใดขอรับ สตรีแสนดีเช่นคุณหนูเว่ยลี่ ท่านยังสะบั้นสิ้น”
โจวอวี่หรี่ตา บ่าวคนสนิทผู้นี้หากมิใช่โตมาด้วยกันแต่เด็ก เขาอาจซัดฝ่ามือใส่โทษฐานเดือดร้อนแทนผู้เป็นนายไม่จบไม่สิ้น กระนั้นชายหนุ่มเพียงบอกความจริงที่ตนตั้งใจไว้เพื่อมิให้คนสนิทเป็นกังวลจนไม่ยอมแต่งภรรยา
“ข้าไม่ได้ชอบสตรีแสนดีมารยาทงามแบบเว่ยลี่ ข้าแค่ชอบสตรีที่สามารถติดตามข้าไปได้ทุกที่ไม่ว่าเหนือจรดใต้ เจ้าอย่าห่วง หากข้าเจอสตรีที่ว่า ข้าจะไม่ลังเลเลยที่จะสู่ขอนางมาตบแต่งทันที ออกเดินทางครั้งนี้ก็เพื่อหาสตรีที่ชอบ เข้าใจแล้วหรือไม่?”
จากนั้นก็ล้วงจดหมายออกมาจากสาบเสื้อ “เจ้าเอาสิ่งนี้ไป หลังจากข้าออกเดินทาง ก็ช่วยส่งถึงมือท่านพ่อแทนข้าที”
ลู่ซีจะปฏิเสธอันใดได้ เขาเพียงก้มหน้าปฏิบัติตามเท่านั้น
สำหรับโจวอวี่ บุรุษพึงมีชีวิตเป็นอิสรเสรี การอยู่ต่อในสถานที่แห่งนี้ย่อมลดทอนศักดิ์ศรี เมื่อในอดีต มารดาเคยทำเรื่องถึงขนาดนั้น การแย่งชิงความโปรดปรานจากบิดาหรือแม้แต่ผลักดันตัวเองให้กลายเป็นบุรุษสูงส่ง ย่อมมิใช่สิ่งที่เขาภาคภูมิใจ และยิ่งไม่มีหน้าแต่งหญิงใดเข้ามาร่วมชะตากรรมอันน่ากระดากอาย
เว่ยลี่ผู้นั้นโชคร้ายเองที่มาเจอเขาตอนเป็นคุณชายสกุลโจว
หาไม่ นางอาจสมหวังก็ได้....
จดหมายล่ำลาอย่างเด็ดเดี่ยวถูกส่งให้โจวเจ๋อผู่หลังจากโจวอวี่หายออกจากสกุลไปแล้ว
และด้วยทิฐิกับอคติที่มีต่อมารดาของอีกฝ่าย แม้โจวเจ๋อผู่จะรักบุตรชายมาก ทว่ากลับอดมิได้ที่จะประชดประชันทางวาจา
“ดี ดีมาก อยากไปเป็นทหาร อยากสง่าบนหลังอาชาแล้วตายภายใต้คมดาบกลางสนามรบมากกว่าอยู่อย่างสง่าในราชสำนักมีชีวิตสงบสุขในจวนใหญ่ก็เอาเถิด ข้าบิดาผู้นี้จะคอยดูชมว่าคุณชายบัณฑิตผู้หนึ่งจะซมซานกลับมาอย่างไร”
จดหมายถูกฉีกและขยำทิ้ง ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนโต๊ะดังปัง ทำเอาจูเข่อเหรินกับโจวจือหยวนสะดุ้งโหยง
“ท่านพี่ ใจเย็นเถิดเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อ รักษาสุขภาพด้วยขอรับ”
สองคนแม่ลูกเองไม่รู้จะช่วยขจัดโทสะนี้ให้โจวเจ๋อผู่อย่างไรจึงทำได้เพียงกลัดกลุ้มไปกับเขา
ทว่าบาดแผลทั้งสามนี้ กลับแลกมาด้วยชีวิตของเหล่านักฆ่าถึงห้าคน พวกมันกลายเป็นซากศพจนเกือบหมดเช่นกันกระนั้นกลับเหลืออีกสี่ห้าคน ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน การประจัญบานแบบรุมกินโต๊ะเกิดขึ้นกะทันหัน ร่างของหูเย่หรงนอนแน่นิ่งตรงพุ่มหญ้านองเลือด ในขณะที่ร่างสูงสง่าของโจวอวี่พลัดตกหน้าผาในชั่วลมหายใจเดียวนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงวูบหนึ่งยามที่จ้าวเล่อเสียคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยวเวลาปราดเดียว“โจวอวี่!”หญิงสาวรีบวิ่งไปคว้ามือเขาไว้“ไม่นะ โจวอวี่!”มือใหญ่ถูกมือเล็กกอบกุม และทำท่าจะร่วงตามกันลงไป แต่โจวอวี่จะยอมให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรมือหนึ่งสะบัดกระบี่วาดขึ้นเหนือศีรษะนาง อีกมือสะบัดออกจากการกอบกุมนักฆ่าที่กำลังลอบรุกคืบอยู่ด้านหลังจ้าวเล่อเสียพลันล้มตึงพร้อมกับร่างทั้งร่างของโจวอวี่ทิ้งตัวดิ่งลงหุบเหวไร้ก้น ต่อหน้าต่อตาจ้าวเล่อเสีย“โจวอวี่ ไม่นะ....”เสียงกรีดร้องดังลั่นก้องสนั่นทั้งหน้าผา เหล่านกกาต่างกระพือปีกเสียขวัญก่อนสิ้นสติจนภาพตรงหน้าดับวูบ จ้าวเล่อเสียคล้ายเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งปรากฏขึ้น เขาเข้ามาพร้อมวงแขนอบอุ่นที่เข้าปกป้องนางอย่างหวงแหนจ้าวเล่อเสียหลับใ
เสียงร่ำไห้ค่อยๆ จางลง หูเย่หรงเริ่มคล้อยตามจ้าวเล่อเสีย นางเริ่มคิดได้ การอยู่ใกล้พระโพธิสัตว์ ย่อมมองลูกได้จากที่ไกลๆ และอาจได้รับดวงตาพระธรรมส่งผลให้เห็นสามีในอีกภพหนึ่งด้วยหูเย่หรงเช็ดหยาดน้ำตา เงยหน้า ก่อนผงกศีรษะเบาๆ อย่างยอมรับชะตากรรมอีกรูปแบบหนึ่งทว่าพริบตานั้น เสียงสวบพลันดังขึ้น ไม่มีใครตั้งตัวทั้งสิ้น เบื้องหน้าสายตาหูเย่หรง ลูกธนูคมกริบดอกหนึ่งจากที่ไกลพุ่งเข้ามาใกล้แล้วขยายใหญ่ขึ้น ตามติดมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แล่นปราดจากจุดเดียวลุกลามไปทั่วร่างนางก้มหน้าลงตามสัญชาตญาณก็มองเห็นเลือดไหลทะลักจากหน้าอก สีแดงฉานกระจาย กระไออุ่นที่แผ่ซ่านจากโลหิตสลายหายไปกับสายลมบนยอดหน้าผาแห่งนี้อย่างรวดเร็ว“เย่หรง!” จ้าวเล่อเสียตกใจยิ่ง รีบกอดร่างเปื้อนเลือดไว้“มีคนร้าย” โจวอวี่ลุกขึ้นยืนเป็นโล่กำลังให้สองสตรีทันทีรอบด้านพลันมีเงาดำวูบไหวทั่วทิศ ย่อมเป็นกลุ่มคนชุดดำที่เคยตามติดหมายปลิดชีวิตโจวอวี่ ครานี้พวกมันหอบโทสะ พร้อมความแค้นเทียมฟ้ามาด้วยมิใช่เพียงฆ่าคนแลกเงินอย่างเดียว แต่ต้องการแก้แค้นให้กับสมุนที่ตายเมื่อคราวที่แล้ว ลูกธนูห่าใหญ่โหมเข้าใส่ปานสายฟ้าผ่าระลอกแล้วระลอกเล่า
นอกเขตเมืองอิ๋นโจวบนหน้าผาสูงชันในหุบเขาเถียนซานหูเย่หรงยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว สายตานางทอดมองไปไกล สีหน้าฉายแววทอดอาลัยไร้สิ้นสุด ท่าทางของนางโศกเศร้าเคล้าความอาดูรครุ่นคิดคะนึงถึงมิสร่างซา“ท่านพี่...” กระแสเสียงสั่นเครือแผ่วพร่าเรียกขานคล้ายเรียกใครบางคนบนนภาอันเวิ้งว้าง“เพื่อลูกของเรามีที่พึ่งพิงจนเติบใหญ่ ข้าจึงตัดสินใจเช่นนี้ ข้าทำดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? อาจดูเห็นแก่ตัว แต่ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีท่าน ใจข้าตรึงรักเพียงท่าน มิอาจมอบให้ผู้ใด”หูเย่หรงยิ้มขื่น น้ำตาหลั่งริน “บนสวรรค์ท่านเหงาหรือไม่ ข้าขอตามท่านไปยังภพหน้า เราสองต้องครองคู่กันนิรันดร์”จบคำนางก้าวขึ้นหน้าอย่างเชื่องช้าทว่ากิริยาแน่วแน่มั่นคง ดวงตาทั้งสองหลับลง หยาดน้ำใสกลิ้งบนพวงแก้มแล้วกระจายไปกับสายลม กระนั้นกลับมิอาจแห้งเหือดเรือนร่างบอบบางอ่อนแรงค่อยๆ ทิ้งกายอย่างหมดอาลัย หูเย่หรงตั้งใจจมดิ่งจบชีวิตบนหน้าผาเถียนซานแห่งนี้ทว่าพริบตาพลันมีแรงกระชากมหาศาลดึงนางกลับขึ้นมาสตรีสองคนจึงกอดกันกลิ้งเข้ามาทางฝั่งหญ้านุ่ม ทิ้งห่างจากหน้าผามาไกลพอควรหูเย่หรงมองอย่างงุนงงและคาดไม่ถึง ครั้นพอหายตกใจแล้วตั้งสติได้นางก็
ช่วยมิได้ที่ทั้งคู่ คนหนึ่งชอบสีแดงสดร้อนแรงดุจเปลวเพลิง อีกคนชอบสีขาวจัดความเย็นชาแผ่ซ่านทำผู้พบพานหนาวสะท้านปานยืนอยู่บนแผ่นหิมะกลางธารา ยามเดินไปไหนมาไหนด้วยกันคำว่าโดดเด่นยังน้อยไป ความขัดแย้งนั้นแลดูลงตัวอย่างประหลาด ถึงขนาดที่คนต้องมองเหลียวหลังมาแล้วสาเหตุที่โจวอวี่พูดเรื่องการแต่งกายก็เพราะเขาเห็นกลุ่มคนคล้ายมือสังหารในคืนนั้นเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านเหล้าไฉจิ้น นี่คือสาเหตุที่คนต้องรีบเดินทาง เขาบอกจ้าวเล่อเสียว่าไม่อาจอยู่เมืองนั้นได้อีก เพราะอาจนำความเดือดร้อนมาให้สองพี่น้องสกุลอี้ในเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน คนทั้งสองมิอาจเปิดเผยตัวตนเข้าเยี่ยมเยือนมู่จินหรือเข้าพำนักเฉกสหายต่างเมืองอย่างผ่าเผยได้ จำต้องลอบสังเกตการณ์จากภายนอกเท่านั้น“ท่านคิดว่าเราควรเลือกเอาชุดไหนดี?” จ้าวเล่อเสียหยิบชุดนั้นชุดนี้ออกมาจากห่อผ้าจัดเตรียมสำหรับตนเองและโจวอวี่ ท่าทีเช่นนี้เหมือนภรรยาดูแลปรนนิบัติสามีไม่ผิดเพี้ยนโจวอวี่ลุกขึ้นคลำทางมาเรื่อยๆ ยกเชิงเทียนมาส่องใกล้ เพ่งมองดูอย่างจริงจัง “เอาชุดสีฟ้า ข้าเห็นว่าเจ้ามี ข้าเองก็มี ใส่เหมือนกันก็ดี”ชุดคู่รัก...นี่ไยม
การเดินทางไปสืบข่าวเรื่องชีวิตหลังคืนดีกับสามีของมู่จิน ส่งผลให้ชายหญิงคู่หนึ่งได้ใช้เวลาว่างยามนั่งในรถม้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยิ่งเพราะไม่มีงานอันใดให้ทำ สองคนจึงนั่งคุยกันสารพันวาจา“หากเป็นท่านเล่า?” จ้าวเล่อเสียถามขึ้น“อันใด” โจวอวี่เลิกคิ้ว“หากท่านเกิดพลาดท่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีที่มิใช่ภรรยา ท่านจะทำเช่นใด?”นางถามอย่างใคร่รู้ หวังเพียงบุรุษที่พึงใจไม่ทำให้ผิดหวัง“หากเป็นข้า” น้ำเสียงบุรุษราบเรียบ สีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าวาจามั่นคงมิสั่นไหว “แน่นอนว่าไม่มีทางพาหญิงใดเข้าเรือนมาเฉือนหัวใจภรรยาตัวเอง หากเกิดเหตุเช่นมีสัมพันธ์กับสตรีอื่นโดยมิตั้งใจข้าย่อมตัดขาดอย่างเด็ดเดี่ยวไม่เกี่ยวข้องใดๆ วิธีย่อมสามัญคือให้เงินนางไปตั้งตัวสักก้อน หาคู่ครองให้ ส่งทั้งคู่ออกไป ให้อยู่ในที่ไกลๆ ไม่ต้องพบพานกับข้าอีกเลยชั่วชีวิต”คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย “อืม...จัดการได้ดี” ครู่หนึ่งกลับขมวดคิ้วนิ่วหน้า “แล้วถ้าหากมีสัมพันธ์โดยตั้งใจเล่า ท่านจะเอาเข้าเรือนแล้วพากันมากดดันให้ข้ายอมรับแบบสามีพี่มู่จินหรือ?”ขณะถามตาโตยิ่ง สีหน้าแน่วนิ่งจริงจังประหนึ่งกำลังถูกสามีนอกใจ เขากำลังมีหญิงใดรอพาตัว
เพราะยังแง่งอนอยู่เล็กน้อย จ้าวเล่อเสียจึงเชิดหน้าตอบ “ข้าเป็นจอมยุทธ์หญิงโฉมงามอย่างไรเล่า”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “แค่นั้น”จ้าวเล่อเสียปรายตามองเขา สีหน้าเย่อหยิ่งถือตัวมากขึ้น นางแนะนำตัวเองอีกหน่อยก็ได้“อันที่จริง ข้าชอบออกเร่ร่อนนอกบ้านทำค้าขายอย่างยิ่ง ไม่ชอบหรอกกับการทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยรักษามารยาทดีงามอยู่แต่ในเรือน เพียงแต่ในบรรดาสี่อาชีพสำหรับแคว้นฉินของท่าน คนค้าขายจัดอยู่ระดับท้ายสุด ในสายตาผู้สูงศักดิ์คนค้าขายต่อให้ร่ำรวยมหาศาลก็ล้วนเทียบชั้นมิได้ หากข้าเป็นสตรีที่ค้าขายร่ำรวยก็ไม่ช่วยให้เข้าถึงท่าน”เป็นที่รู้กันระหว่างสองเราว่านางชอบเขามาก ทั้งที่เขามักจะตีสีหน้าเย็นชา ทำท่าวางเฉยหมางเมิน นางก็ยังชอบเขาอยู่ดี วาจานี้จึงไม่จำเป็นต้องเขินอายอันใด พูดได้เต็มที่จ้าวเล่อเสียเชิดหน้าขึ้นอีก “ท่านเข้าใจหรือยัง เพื่อท่าน ข้าต้องลำบากยากเข็นปานใด เห็นถึงความจริงใจของข้าหรือไม่?”ช่างเป็นสตรีที่ผ่าเผยเถรตรงยิ่งโจวอวี่ยิ้ม แววตาที่เห็นได้ห้าส่วนเจือแววขบขันและเอ็นดู แม้กายหยาบพร่าเบลอเลือนราง ทว่าจิตวิญญาณกลับกระจ่างชัด เขาเห็นทุกอย่างของนางได้ลึกซึ้งถึงก้นบึ้งของหัวใจ“แต่เจ้าล







