LOGINชรันตื่นแต่เช้าในขณะที่พิชามญช์ยังหลับอยู่ เพราะเมื่อคืนหลังจากพรรณนารากลับห้องไปแล้ว เธอลงไปดื่มไวน์ตามลำพังจนหมดขวดแล้วนอนที่โซฟา เขาต้องลงไปอุ้มเธอให้ขึ้นมานอนที่ห้อง
“บางครั้งทำไม่รู้ไม่เห็นอะไรเสียบ้างก็ไม่ต้องเจ็บหรอกนะ พิชา..” เขาก้มลงไปพูดกับเธอเบาๆ หอมแก้มแล้วออกไปจากห้องนอนเพื่อไปหาลูกเลี้ยงสาวอีกครั้ง พรรณนาราที่กำลังแต่งตัวจะไปเรียน ตกใจที่มีเสียงเคาะประตูในเวลาที่พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า “ใคร?” “อาเอง เปิดประตูให้หน่อย แค่จะคุยด้วย” “ไม่มีอะไรจะคุยด้วย อย่ามายุ่งกับหนู” เขาไขประตูเข้ามาได้เหมือนเดิม พรรณนาราที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายนั้นน่ารักมาก ความเยาว์วัยของเธอทำให้เขาไม่สามารถห้ามใจให้คลั่งไคล้ได้ “แม่! แม่คะ! แม่!…..” เธอตะโกนเพราะเขายืนบังประตูจนออกไปไม่ได้ ชรันแค่ยิ้มนิดหน่อยแล้วเดินผ่านเธอไป เขาวางเงินไว้ให้ห้าพันบาทบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินมาลูบศีรษะเธอด้วยความเสน่หาอย่างสุดหัวใจ “อาจะดูแลหนูกับแม่อย่างดีเลย แค่อย่าพยศมากนักก็พอ” เธอปัดมือเขาอย่างแรง ก็พอดีกับพิชามญช์เดินมาหยุดที่หน้าห้อง “ตะโกนดังลั่นบ้านทำไมพู่กัน?” แม่ถามด้วยน้ำเสียงที่อิดโรยและท่าทางอมทุกข์ “แม่..เห็นมั้ยว่าเขาเข้ามาในห้องหนู ขนาดล็อกประตูยังใช้กุญแจไขเข้ามา” “แล้วคุณรันไปทำอะไรในห้องพู่?” “ผมแค่เอาเงินมาให้ เพราะทางเราไม่ค่อยได้ดูแลเรื่องเงินทองให้หนูพู่เท่าไหร่ มีแต่ทางพ่อเค้าที่จ่าย” “ไม่จริง! เอาเงินมาตบหัวที่ลวนลามหนูสองครั้งแล้ว หนูจะบอกพ่อ!” “พิชา งั้นผมขอคุยกับลูกสาวคุณสักครู่นะ แล้วจะลงไปกินมื้อเช้าด้วย คุณอาบน้ำแต่งตัวเลยก็ดีนะ เราต้องไปจดทะเบียนสมรสกันให้จบในเช้านี้เลย” “ค่ะ” พิชามญช์หันหลังเดินกลับไปที่ห้อง โดยไม่ฟังเสียงลูกสาวที่ร้องเรียก “แม่!..แม่คะ..” ชรันจับแขนเธอให้มาใกล้ตัวเขาแล้วปิดประตู “ไปนั่งแล้วฟังให้ดี” พรรณนาราที่สีหน้าบึ้งตึงโดนจับให้เดินมานั่งที่ขอบเตียง “อาจะพูดรอบเดียว ถ้าพู่ไม่เชื่อฟัง ไม่เป็นเด็กดีให้อา แม่ของหนูจะไม่ได้อะไรเลย มาแต่ตัวก็ไปแต่ตัว จะกลับไปหาพ่อของหนูก็ไม่ได้อีกต่างหาก ยังไงแม่ก็คือผู้มีพระคุณ พู่จะปล่อยให้แม่มีชีวิตที่ตกระกำลำบากในตอนที่อายุเยอะมั้ยล่ะ?” “หนูรู้เรื่องคุณกับพี่ฟ้านะ” เธอช้อนตามองชรันที่หน้าตาปราศจากความรู้สึกใดๆ “มันสำคัญตรงไหนล่ะ? ถ้าหนูอยากไปป่าวประกาศให้ใครต่อใคร แม่หนูต้องออกไปจากที่นี่ทันที ไม่มีการจดทะเบียนสมรส ลูกที่จะเกิดมาก็จะไม่ได้รับรองบุตร เงินที่อาจะโอนให้แม่หนูแปดล้านก็จะไม่ได้” พรรณนาราใช้ความคิดทันที นี่หมายความว่ายังไง? ที่แม่ทำเป็นไม่สนใจว่าฉันเจอคนๆนี้ลวนลามก็เพราะมีข้อต่อรองอย่างนั้นเหรอ? “แม่กับคุณมีข้อตกลงกันโดยมีหนูเป็นของแลกเปลี่ยน..ใช่มั้ย?” “ไม่เชิงหรอกหนูพู่ อาเองก็ยอมรับว่ามีใจให้หนูนะ” “แล้วพี่ฟ้าล่ะ?” “อาจะจัดการเคลียร์เอง หนูไม่ต้องห่วง” “ไม่ต้องห่วงงั้นเหรอ! ฉัน..ไม่เคย! ไปต่อรองอะไรด้วย!” พรรณนาราลุกขึ้นเงยหน้าจ้องตาเขาเขม็งเพราะตัวเล็กกว่า “ก็แล้วแต่นะ ยังไงก็จะไปจดทะเบียนก่อน เพราะแม่หนูไม่นานก็คงท้องแล้ว แต่ถ้าหนูไม่โอเค ก็จะได้เอาออกซะ แล้วก็แค่หย่า หนูพู่ก็แค่กลับไปอยู่กับพ่อ ส่วนแม่หนู..เราทั้งคู่ก็แค่ปล่อยเธอไป” เธอพยายามทำใจเย็นลงและเริ่มถามในสิ่งที่คาใจ “แม่พูดอะไรกับคุณ..เรื่องหนู” “เอาเถอะ..ไปเรียนได้แล้ว” ชรันแกล้งให้เธอคาใจ เขายิ้มแล้วจับแก้มเธอก่อนจะหันหลังเดินออกไป พรรณนาราจะหาคำตอบจากเรื่องนี้ เธอหยิบเงินที่เขาวางไว้มากำไว้แน่น ทุกคนเห็นว่าฉันเด็ก..อยากโยนไปทางโน้นทีทางนี้ทีได้สินะ ทำร้ายจิตใจฉันยังไงก็ได้แบบนั้นเหรอ?…. ความเจ็บปวดจนกลายเป็นเหมือนโดนกรีดหัวใจ ศักดิ์ศรีความเป็นคนที่ถูกผู้ใหญ่ปู้ยี้ปู้ยำ ทำให้เธอเริ่มคิดเอาคืนทุกคนในบ้านนี้ “คนขับรถไปไหน? หนูจะไปโรงเรียนแล้ว” “จะไปเรียกให้นะคะ” คุณป้าแม่บ้านรีบตอบรับและเดินไปตามสามีให้ขับรถไปส่งพรรณนาราไปโรงเรียน ชรันที่เห็นเธอกำลังจะเดินไปที่หน้าบ้านได้ชวนเธอกินมื้อเช้าก่อนไป “กินข้าวเช้าก่อนสิ เดี๋ยวเรียนไม่รู้เรื่องเพราะหิวเอานะ” “ไม่ล่ะค่ะ ต่อไปนี้ถ้าหนูมาอยู่ที่นี่ คนขับรถต้องไปรับไปส่งหนูทุกครั้ง ไม่ต้องให้แม่ไปส่งอีก” “ได้สิ คุณผู้หญิงตัวน้อย” ชรันพูดหยอกอย่างอารมณ์ดี จนเธอสะบัดหน้าหนีเพราะความรังเกียจ ธีทัตส่งข้อความหาเธอในช่วงที่รถติดก่อนไปเรียน เพราะเธออ่านแชทแล้วที่เขาส่งไปเมื่อคืนแต่เธอก็ยังไม่ตอบอะไรมา “น้องพู่..พี่ขอโทษนะ เราคุยกันเหมือนเดิมได้มั้ย?” พรรณนาราที่ใกล้จะถึงโรงเรียนแล้ว จึงตอบไปแค่.. “ค่ะ” แค่คำเดียวที่ตอบมาก็มากพอแล้วสำหรับเขา “เมื่อคืน..น้องพู่คงหลับแล้ว พี่ไม่น่าส่งข้อความไปรบกวน” “พอดีตอบไม่ได้ค่ะ เพราะพ่อพี่โยนโทรศัพท์หนูไปที่มุมห้อง กว่าจะได้จับโทรศัพท์ก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงแล้ว” ธีทัตตกใจจนกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เขารีบโทรกลับหาเธอทันที ซึ่งพรรณนาราก็รับสาย “น้องพู่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อพี่ทำแบบนั้น?” “หนูไม่สะดวกคุยตอนนี้ค่ะ จะถึงโรงเรียนแล้ว” “พ่อพี่..ทำอะไรพู่หรือเปล่า? ตอบมาหน่อย” เธอกดวางเพราะคลื่นไส้เมื่อนึกถึงความอุบาทว์ที่พ่อของเขากระทำกับเธอ และเลือกพิมพ์แชทตอบแทน “คนขับรถมาส่ง ไม่สะดวกคุยค่ะ และหนูไม่อยากพูดถึงมัน” ธีทัตไม่มีสมาธิทั้งวัน เขาใจลอย คิดแต่ว่ามันคือความผิดของเขาที่สัญญาว่าจะไปค้างที่นั่นบ้างเพราะเธอเคยขอร้องด้วยความกลัวอะไรบางอย่าง ตกเย็นหลังจากทานข้าวเย็นกับแม่ เขาโกหกแม่ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนอาจกลับดึกและเตรียมเสื้อผ้าไปนอนค้างที่บ้านพ่อ ซึ่งพรรณนาราจะต้องค้างอีกสองคืนถึงจะไปบ้านพ่อของเธอในวันศุกร์ มื้อค่ำที่สามคนทานข้าวด้วยกันอย่างแกนๆ พรรณนาราเห็นว่าแม่มีสีหน้าที่ไม่มีความสุข ตรงข้ามกับชรันที่คอยตักอาหารให้เธอและแม่เหมือนตัวเองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทุกคนที่นี่ “หนูไม่ชอบเห็ดค่ะ แล้วก็ไม่ชอบของทอด ไม่ต้องตักให้หรอก กินจะไม่หมดแล้ว เทคแคร์แม่เถอะค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งผิดจากทุกที “วันนี้แม่ไปจดทะเบียนสมรส หนูยินดีด้วยนะคะ..แล้วทำไมคุณไม่พาแม่ไปฉลองด้วยการดินเนอร์ที่ไหนสักที่ล่ะ?” ชรันทำท่าว่าคิดได้ เพราะก่อนนี้เขามัวแต่หมกมุ่นเรื่องของลูกเลี้ยงสาวอย่างเดียวจนลืมสนิท “เอ้อ จริงสินะ งั้นเดี๋ยวเราทานข้าวแค่รองท้องก็พอ ดีไหมพิชา คุณแต่งตัวสวยๆแล้วเราไปนั่งดื่มกันสักหน่อย” พิชามญช์ที่เคี้ยวอาหารอยู่ก็วางช้อนส้อมลงแล้วมองที่ลูกสาว แต่ปากก็ตอบสามีไป “รับทราบค่ะ..คุณรัน” เมื่อทุกคนเสร็จจากมื้อเย็นก็แยกย้ายเข้าห้องกันไป จนกระทั่งพิชามญช์มาเคาะประตูห้องลูกสาว “ใคร?” “แม่เอง” เธอเปิดประตูให้แม่เข้ามาก็พบว่าแต่งตัวแต่งหน้าสวยเรียบร้อยแล้ว “แม่ดูดีหรือยัง?” “ดีค่ะ..สวยแล้ว” สองแม่ลูกพูดคุยกันด้วยความห่างเหินและเฉยเมย “แม่จะมาขอบใจลูก ที่พูดให้เขาพาไปฉลองข้างนอก…ไม่ทันไรลูกก็สามารถชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ในบ้านนี้ได้แล้วสินะ” พรรณนารายิ้มนิดหน่อยเชิงถ่อมตัว “หนูก็เรียนรู้มาจากแม่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างหนูทำเพื่อแม่นะ..ขอบคุณเหมือนกันค่ะที่เบ่งหนูออกมา” สองแม่ลูกมองตากันนิ่ง ก่อนที่พิชามญช์จะสะบัดหน้าเดินลงบันไดไป ชรันที่เดินออกมาเห็นหลังของภรรยาไวๆ ส่วนพรรณนาราพอเห็นเขาออกจากห้องก็รีบปิดประตูใส่ทันที “หนูพู่..อาพาแม่ไปไม่นานนะ เดี๋ยวก็กลับ” “จะมาบอกฉันทำไม จะไปไหนก็ไปสิ” “ใจร้ายจัง ไล่แบบนี้อาเสียใจแย่” สำหรับชรันแล้ว เขาชอบความดื้อดึงแบบนี้มาก ซึ่งไม่เคยเจอจากใครมาก่อน ทุกคนล้วนยอมให้เขาง่ายๆ แต่กับลูกเลี้ยงสาวคนนี้ เขาจะครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจให้ได้ในสักวันหนึ่ง ……………………………….🥀🏦ฟ้าเดินตรงมาหาที่ประตูรั้ว ชรันมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับส่งเสียงจิ๊จ๊ะให้ทันทีเชิงประชดประชัน“มาอยู่ที่นี่เองเหรอ ดูดีขึ้นเป็นกองเลยนะ หนูพู่เอาเธอมาชุบเลี้ยงอย่างดีเพื่อให้มาใส่ร้ายฉันล่ะสิ อย่าลืมว่าฉันเลี้ยงดูเธอมากี่ปีแล้วล่ะฟ้า? ตอนนี้กลับปีกกล้าขาแข็ง”“เลี้ยงดูหรือล่อลวงให้รัก? เอาเงินฟาดหัวเพื่อให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างฟ้าไปไหนไม่รอด ถ้าฟ้ายังงมงายกับคุณอยู่ก็คงไม่พ้นเป็นแม่บ้านสนองตัณหาคุณตลอดไป น้องพู่ทำให้ฟ้าได้เรียนหนังสือต่อ นู่น..บนนั้น..ห้องนอนที่ฟ้าไม่เคยคิดว่าจะได้มีแบบคนอื่นมาตลอดชีวิต มีคนคอยดูแลให้คุณค่า ฟ้าจะปกป้องน้องพู่ทุกอย่างที่คนอย่างฟ้าพอจะทำได้”“อยากเป็นเมียพ่อหนูพู่ล่ะสิ หาที่เกาะใหม่ได้แล้วสินะ”“เพราะคุณไปทำลูกสาวเขานี่”“พิชาต่างหากที่ยกหนูพู่ให้เป็นเมียฉันอีกคน”“ไม่มีแม่คนไหนทำแบบนั้นกับลูกตัวเองหรอก กลับไปเถอะค่ะ ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายดีที่สุด”ฟ้าหันหลังกลับเข้าไปในบ้านทันที ส่วนชรันที่กำหมัดแน่นได้ตรงกลับบ้านแล้วนั่งดื่มอย่างบ้าคลั่งธีทัตทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไปรับพรรณนาราแล้วถึงห้องก็ยังนั่งทำงานต่อ นอนหลับดึกๆดื่นๆจนเธอเป็นห่วง “
ชรันกลับถึงบ้านก็ไม่เป็นอันกินอันนอนหลังจากโดนลูกเลี้ยงสาวถอนหงอกเสียอย่างไม่เป็นท่า เขาเจ็บใจที่ถูกหลอกว่านอนกับเธอมาตลอด เสียเงินไปเยอะแยะมากมาย ซื้อรถซื้อของให้นับไม่ถ้วน จริงสิ..ฉันโดนแอบถ่ายในบ้านหลังนี้ แสดงว่ามีกล้องซุกซ่อนอยู่หลายจุดแน่นอน…เขาตรงไปที่ห้องนอนแม่บ้านที่เคยเป็นห้องของฟ้า ก่อนจะยกให้เด็กสาวคราวลูกได้อยู่เพื่อปรนเปรอสวาทให้ เมื่อรื้อค้นอย่างถี่ถ้วนก็พบกล้องที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นเมื่อไปที่ห้องทำงานก็พบเช่นกันโดยวางซ่อนไว้ในช่องหลืบของโซฟาที่ใช้นั่งเล่นในห้อง ชรันเขวี้ยงมันลงบนพื้นอย่างโมโหสุดขีด เขาแน่ใจว่าเป็นพิชามญช์ที่ทำทั้งหมดและเริ่มประสาทกินกับความคิดที่ว่าในบ้านนี้มีอีกกี่จุดที่มีกล้องคอยบันทึกทุกอย่างในเวลาที่เขาชะล่าใจว่าเธอไม่อยู่บ้านเลยทำอะไรก็ได้ ในตอนนี้สิ่งที่เขาจะต้องจัดการคือควบคุมสติและปรึกษาทนายเพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตของชีวิตฉันไม่พร้อมจะสูญเสียชีวิตในตอนที่อายุขนาดนี้เด็ดขาด..ส่วนเธอ..พิชามญช์ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆหรอก.. ณัฐวีย์ที่รับรู้ว่าชรันติดต่อมาหาว่าที่ภรรยาของเขา นั่นทำให้เขาย้ายเธอและลูกชายให้ไปอยู่ที่คอนโดของพรรณนาราท
Pacific Gateways Co., Ltdในตอนสายของวัน พนักงานของบริษัทต้องแปลกใจ เมื่อมีกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาขอพบชรัน จากนั้นได้กรูกันเข้าไปในห้องทำงานของเขาและเชิญให้ไปสถานีตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งแน่นอนว่าชรันฉลาดพอที่จะไม่ให้ปากคำอะไรที่จะมัดตัวเขาได้นอกจากขอให้การในชั้นศาลเท่านั้นและต้องการใช้ทนายให้พูดแทน เขายื่นประกันและถูกปล่อยตัวให้กลับบ้าน ความคั่งแค้นในใจ พยายามคิดหาแต่ว่าทำไมผู้หญิงสามคนถึงรวมหัวกันแจ้งความเขา แล้วเด็กสาวที่เลี้ยงไว้อยู่ๆก็หายไปติดต่อไม่ได้กลับไปโผล่อยู่กับฟ้าและพรรณนาราได้ยังไง คลิปต่างๆที่จะมัดตัวเขาของทั้งสามคนมาจากไหน? จากใคร? ได้มายังไง? ชรันคิดได้แค่อย่างเดียวเท่านั้นคือ พิชามญช์มีสายโทรเข้าปลายสายที่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องสงสัยเธอจนได้ พิชามญช์แค่รับสายแล้วทำน้ำเสียงปรกติเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร“พิชา..วันนี้ตำรวจมากันที่บริษัทผม มีทนายความมายื่นแจ้งความให้ผู้หญิงสามคน ลูกสาวคุณเป็นหนึ่งในนั้นด้วย มีอะไรจะพูดมั้ย? อย่าลืมว่าคุณยกพู่กันให้ผมเอาเอง”“ฉันเลี้ยงแต่ลูกอยู่ในห้องตั้งแต่คืนที่จับได้ว่าคุณเอากับอดีตภรรยาคุณธี ใครจะจัดการอะไรเรื่องแบบนี้
แบมซื้ออาหารและน้ำเข้ามาให้ชรันที่บ้าน เธอย่างกรายเข้าไปในตัวบ้านที่เงียบจนวังเวง เขาที่นั่งรออยู่แล้วได้รีบเดินมาต้อนรับ “แม่บ้านไม่มีสักคนเหรอคะ?” “เหลือป้าแม่บ้านกับคนขับรถ พอดีสั่งไว้ว่าไม่ต้องทำอาหารเผื่อเพราะตอนแรกคิดว่าจะไปนั่งดื่มข้างนอก แต่รู้สึกเพลียเลยไม่ออกไปน่ะ” ชรันทำมือว่าให้ตามเขาไปที่ห้องรับประทานอาหาร ซึ่งเตรียมจานช้ามช้อนส้อมแก้วน้ำไว้แล้ว “หนูแบมนั่งคุยกับอาสักพักสิ จะถามเรื่องพิชาหน่อย” “เอ่อ..ค่ะ แต่หนูไม่กินนะคะ พอดีทานมาแล้ว” เขารินน้ำผลไม้ให้เธอแล้วไปนั่งฝั่งตรงข้าม เริ่มต้นถามว่าไปเจอพิชามญช์ที่ไหน ต่อด้วยคุยกันเรื่องคดี เรื่องลูกชายทั้งสองคน ไม่นานนักแบมเริ่มมีอาการง่วงซึมแต่ก็ยังรู้สึกตัวบ้าง เขารีบเข้าไปโอบเธอให้ลุกขึ้นแล้วประคองเดินไปนั่งพักที่โซฟาห้องรับแขก “คุณอา..ทำไม?..” แบมพูดถามได้แค่นั้นเท่าที่สติยังพอมีเหลือก่อนจะเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ชรันจึงปล่อยเธอไว้ก่อนจะเดินไปปิดประตูบ้านล็อกเอาไว้ ปิดไฟและปิดผ้าม่านจนหมด เหลือเพียงความมืดสลัวในบ้านที่กว้างขวางนี้เท่านั้น แบมที่สะลึมสะลือเพราะชรันไม่ได้ใช้ยากับเธอมากนัก ก็เพราะเขายังอยากให้เ
ธีทัตลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูฝั่งของพรรณนาราแล้วดึงแขนเธอให้ออกมาแล้วเปิดประตูด้านหลังดันตัวเธอเข้าไป“พี่ธี..ไม่เอานะ พาหนูกลับบ้าน”“ใจดีให้ก็ดื้อ ปั่นหัวพี่สนุกไหมพู่กัน..”เขาเข้ามานั่งข้างๆจับแขนเธอที่ดันแผ่นอกบังคับให้นอนลงไปที่เบาะหลัง เริ่มต้นซุกไซร้ไปที่กลางลำตัวเธอแล้วเลิกกระโปรงสั้นขึ้นจนเห็นแพนตี้ลูกไม้แนบเนื้อตัวจิ๋ว“พูด..พี่เป็นใครสำหรับพู่”เขาจับคอเธอแม้จะไม่ได้บีบแน่นแต่ก็ทำให้เธอตื่นเต้นหายใจหอบจนตัวโยน ส่วนอีกมือเริ่มซุกซนใช้นิ้วแหวกชั้นในเข้าไปลูบคลึงส่วนสงวนจนเจ้าตัวสั่นสะท้าน“ถ้าหนูไม่พูดล่ะ”“ยั่วให้พี่โมโหเหรอ?”“เปล่า หนูชอบเวลาพี่หึง”“เพราะรักถึงหวง แล้วถ้าชอบให้หึงก็ยอมรับมาว่าเป็นเมียพี่..”“ขนาดนี้แล้วทำไมต้องพูดคะ คำพูดสำคัญกว่าการกระทำรึไง?”“พี่ไม่นอนกับใครถ้าไม่รัก”เขาปลดเข็มขัดและรูดซิปลงด้วยมือเดียว ก่อนจะจับแท่งลำนั้นสอดใส่เข้าไปในช่องทางรักที่รัดติ้ว โดยที่เธอยังใส่แพนตี้อยู่“อึก..อื้อออ”“ร่างกายหนูบอกว่ารักพี่นะ..สุดๆ..”แรงขมิบเป็นจังหวะถี่ๆส่งสัญญาณแทนคำพูดของหญิงสาวแต่นั่นมันยังไม่พอสำหรับเขา“อาา..แรงอีก..”สองขาที่เกร็งและรัดเอวแน่น ธีทัต
ฟ้าได้เอากระเป๋าเสื้อผ้ามารอที่บ้านภัทราวุธตั้งแต่บ่าย เธอตื่นเต้นที่จะได้อยู่กับน้องสาวที่รักและเอ็นดู โดยจะได้มีห้องส่วนตัวติดกับห้องของพรรณนารา ส่วนธีทัตได้รับการไหว้วานจากณัฐวีย์ให้ไปรับลูกสาวที่มหาวิทยาลัยแทนคนขับรถเพราะยุ่งกันอยู่ “ช่วงนี้พี่จะได้อยู่กับพู่ทุกวันตอนเย็นเลยล่ะ เพราะคุณพ่อหนูคงต้องเฝ้าภรรยานานเลย” “แล้วแต่เถอะค่ะ” “เอ้า ไม่ดีใจเหรอ?” “แม่ถีบหัวทุกคนให้พ้นทางได้แล้ว หนูคงไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก” “พู่..อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่น่ารักเลย” “หนูเป็นแบบนี้ พี่จะไม่รักก็ได้นะ” พรรณนารากล่าวแบบหยิ่งๆ แต่ธีทัตกลับมองว่านี่คือความดื้อดึงที่เขาชอบ “พ่อกับแม่กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว คิดในแง่ดีหน่อยสิ” “ตั้งแต่หนูเกิดมา แม่กับหนูก็แข่งกันแย่งความรักจากพ่อมาตลอด แม่ไม่เคยอยากได้ลูกสาว ทำไมไม่ให้หมอเลือกเพศตั้งแต่แรกก็จบ” “ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า เปลี่ยนเรื่องเนอะ พี่พาหนูไปกินอะไรอร่อยๆข้างนอกดีกว่าไหม?” เธอส่ายหน้าแล้วว่าจะกินที่บ้าน “หนูนัดกับเพื่อนจะไปเที่ยวกันคืนนี้ แบบ..ชิลๆตามประสาเพื่อนฝูง เดี๋ยวเพื่อนมารับตอนสามทุ่ม” ธีทัตตาเขียวขึ้นมาทันทีตามปร







