LOGINธีทัตอุ้มไปส่งเธอในห้องน้ำเพื่อให้ชำระร่างกาย จนกระทั่งเธอทำอะไรเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา เขารีบไปประคองให้มานั่งบนเตียง
“เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อยามาให้นะ ขอโทษที่พี่ลืมตัวทำพู่เดือดร้อน” “พี่ธี..ถ้าเขาแอบไขห้องหนูอีกแล้วรู้ว่าเรามีอะไรกัน หนูต้องโดนแน่ๆ แล้วนี่ยังเจ็บอยู่ ถ้าเขาทำอะไรหนูรับไม่ไหวหรอก” “พี่มีวิธี หนูรอแป๊บนึง พี่ไปร้านขายยานอกนี้ก่อนนะ” ธีทัตรีบบึ่งออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้ แล้วจัดการขนหมอนและผ่าห่มมาให้เธอนอนที่ห้องรับแขก โซฟาเข้ามุมขนาดใหญ่รูปตัวแอลพอที่จะนอนสองคนได้ เขานั่งเปิดโน้ตบุ้คทำงานอะไรไป โดยมีสาวน้อยที่นอนอยู่ส่งยิ้มให้ “พี่จะมานอนค้างที่นี่ทุกวันที่พู่อยู่ แล้วก็..พี่จะเคลียร์เรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อยระหว่างที่รอพู่อายุสิบแปด เข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เราคงต้องคุยกันจริงจังอีกทีว่าต้องอยู่ที่ไหน แต่ไม่ใช่ที่นี่” “ค่ะ เพราะถ้าแม่ท้องบวกกับมีน้อง พู่น่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะได้หาเรื่องไปอยู่หอไม่ก็บ้านพ่อ” “ไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ?” พรรณนาราได้ยินคำถามนี้ เธอขยับตัวนอนหันหลังเข้าพนักผิงโซฟาพร้อมกับถอนหายใจแรง “เอ้า..ไหงงั้นล่ะ?” “ให้ทุกอย่างมันถูกต้องกว่านี้ก่อนค่ะ เราอย่าบอกใครเรื่องนี้ พี่ธีสัญญาได้มั้ยคะ?” “โอเค..ได้” เที่ยงคืนครึ่ง ชรันและพิชามญช์ก็กลับมา พอเห็นรถยนต์ของลูกชายเท่านั้น เขาถึงกับแอบเดาว่าธีทัตน่าจะมาหาพรรณนาราแน่นอน “อุ๊ย คุณธีมาตอนไหนเนี่ย?” ชรันไม่สนใจที่ภรรยาพูด เขารีบเดินนำเข้าไปในบ้านก็เจอสาวน้อยนอนหลับปุ๋ย โดยที่ธีทัตนั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ “ทำไมมากลางค่ำกลางคืนไม่บอกล่วงหน้า” “ต้องบอกล่วงหน้าด้วยเหรอครับ? ผมไปเที่ยวกับเพื่อนไม่ไกลที่นี่แล้วเมานิดหน่อย ไม่อยากขับรถกลับบ้านเลยแวะพักที่นี่ น้องพู่เห็นผมมาก็เลยคุยกัน รู้ว่าอยู่คนเดียวในบ้าน ผมก็เลยให้เธอนอนที่นี่ ผมอยู่เป็นเพื่อนน้องได้” “ตอนนี้ทุกคนกลับมาแล้ว จะนอนทำไมห้องรับแขก ปลุกน้องพู่ไปนอนที่ห้องสิ” พิชามญช์ไม่สนใจจะอยู่ฟัง เธอเดินขึ้นบันไดไปก่อนเพื่อพักผ่อน ซึ่งธีทัตเองเห็นถึงความห่างเหินและไม่ใส่ใจลูกของเธอ เขาเข้าใจทันทีว่าเธอรู้เห็นเป็นใจกับพ่อของเขาตามคำบอกเล่าของพรรณนารา “ไม่ต้องปลุกน้องหรอกครับ หลับสนิทจนขนาดเราคุยกันยังไม่ตื่น น้องบอกผมว่านอนน้อยมาหลายวัน” ชรันถึงกับร้อนวาบไปทั้งตัว พลางคิดว่าเธอจะเล่าอะไรมากกว่านี้ให้ลูกชายของเขาฟังหรือเปล่า “เด็กสมัยนี้ติดโซเชี่ยลไม่หลับไม่นอน ดูแต่โทรศัพท์ก็แบบนี้ แล้วแต่ละกัน..อยากนอนปวดหลังตรงนี้ละก็นะ” ธีทัตแค่ยิ้มเล็กๆไม่ตอบอะไร ก้มหน้าดูโน้ตบุ้ค ส่วนชรันที่ขัดใจก็จำเป็นต้องเดินกลับขึ้นไปบนห้อง พรรณนาราลืมตาแล้วเอ่ยปากขอบคุณที่เขาช่วยเธอให้รอดตัวในคืนนี้ “ขอบคุณนะคะ” “คืนพรุ่งนี้พู่ต้องอยู่อีกคืน พี่จะมานะ” “ห้ามเกินสองทุ่มนะคะ หนูกลัว” “พี่สัญญา” ชรันที่หงุดหงิด เขานอนไม่หลับเพราะคิดถึงแต่เรือนร่างของพรรณนาราและระแวงว่าสองคนนั้นทำอะไรกันหรือเปล่า เขาลุกออกจากเตียง เดินลงบันไดไปแอบดูก็เห็นว่าธีทัตและพรรณนาราต่างคนต่างหลับอยู่บนโซฟา จึงกลับไปที่ห้องแล้วเริ่มเล้าโลมพิชามญช์ให้ปรนนิบัติเพื่อดับความต้องการของเขาแทนลูกสาว 6.30 พรรณนารารีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียนและลงมาปลุกธีทัตที่งัวเงียตื่น แต่พอเห็นว่าเธอเตรียมตัวจะออกไปเรียนก็ทำเขาตื่นตัวทันที “นี่กี่โมงแล้วน้องพู่? พี่จะไปส่งเอง” “ค่ะ หนูอยากออกบ้านตอนนี้เลย” “ป่ะ พี่ล้างหน้าก็พอละ เดี๋ยวไปอาบน้ำที่บ้านเอา” จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากบ้านไปด้วยกันโดยไม่สนใจจะกินมื้อเช้า นั่นทำให้พอถึงเวลาที่ชรันลงมาห้องรับประมานอาหารในเวลาต่อมาถึงกับไม่พอใจ “พิชา ลูกสาวคุณสนิทกับธีมากเกินไป ตัวแค่นี้เริ่มติดผู้ชายแล้วนะ อย่าลืมว่าถ้าหนูพู่ทำตัวไม่เป็นเด็กดี ที่เราคุยกันจะเป็นโมฆะทั้งหมด” “ค่ะ แล้วพิชาจะคุยกับลูกเอง” ลึกๆในใจของพิชามญช์ตอนนี้นอกจากจะเกลียดแม่บ้านสาวที่ลอบคบชู้กับสามีไม่พอ ยังเริ่มเกลียดขี้หน้าลูกในไส้ตัวเองด้วยอีกคน คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของสัปดาห์นี้ที่จะนอนค้างบ้านแม่ ทำให้พรรณนาราต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้รอดพ้นจากพ่อเลี้ยงและเธอจะได้สบายใจไปอีกสามวัน มื้อเย็นที่ชวนอึดอัดทำให้เธอไม่เจริญอาหารบวกกับไม่สบายตัวจากกิจกรรมเมื่อคืนกับธีทัต เมื่อไหร่พี่ธีจะมานะ..แม่กับเขาก็ทำท่าทางน่ากลัวพิกล.. “พู่ กินเสร็จแม่มีเรื่องจะคุยด้วยนะ” “ค่ะ หนูอิ่มพอดี หนูรอที่ห้องรับแขกนะคะ” “ไปรอที่ห้องของตัวเอง แม่ต้องการคุยแบบส่วนตัว” “หนูไม่อยากอยู่ในห้องนั้น” “ทำไม? แม่บอกว่าไงก็ตามนั้นสิ” “งั้นแม่พิมพ์แชทมาก็ได้ค่ะถ้าอยากส่วนตัว แต่หนูจะไม่ขึ้นไปบนห้องตอนนี้” พรรณนารารีบลุกจากเก้าอี้ เดินเร็วๆออกไปที่สนามหญ้าข้างบ้าน เธอรีบแชทหาธีทัตเพื่อเร่งให้เขามาหา “พี่ธี แม่กับเขาท่าทางน่ากลัวยังไงไม่รู้ พี่อยู่ที่ไหนคะ? รีบมาได้มั้ย?” “พี่กินข้าวกับแม่เสร็จแล้ว กำลังจะไปหานะ” ธีทัตโกหกแม่ว่าต้องไปทำโครงการวิจัยเพื่อจบการศึกษากับเพื่อนอาจจะกลับดึก ซึ่งแม่ก็ไม่ได้สงสัยหรือถามอะไรอีก พรรณนาราไปนั่งเล่นในสวนเล็กๆข้างบ้าน ชรันจึงตามมาคุยด้วย “หวังว่าหนูพู่จะจำได้นะว่าถ้าไม่ทำตัวดีๆ แม่หนูจะไม่ได้อะไรเลย” “คุณจดทะเบียนสมรสกับแม่แล้ว ถ้ามีชู้แล้วหลักฐานชัดเจน คุณต่างหากที่ต้องจ่ายให้แม่ แล้วถ้าหย่ากันโดยที่แม่ไม่ได้ทำอะไรผิด คุณก็ต้องจ่ายอยู่ดี..ไม่ใช่เหรอ?” “อ้อ…ใครสอนให้พูดแบบนี้กันนะ” “อินเตอร์เน็ตเยอะแยะไปค่ะ เพราะหนูชอบดูโซเชี่ยล” เธอพูดโดยไม่มองเขา ท่าทางหยิ่งผยองและเฉยชา “อาจะไม่ถือสาเด็กสาวที่ท่าทางจองหองหรอกนะ แต่จะบอกอะไรอย่างหนึ่ง เงินน่ะ..ทำให้ขาวเป็นดำหรือดำเป็นขาวก็ได้ อย่าคิดว่าทะเบียนสมรสที่แม่หนูถือมันจะใช้ขู่อาได้” “แม่คงแค่อยากได้ความมั่นคงในชีวิตก็เท่านั้นเอง จริงๆคุณรวยอยู่แล้ว ก็แค่ให้เงินแม่ไปก็จบ ไม่ต้องจดทะเบียนให้ยุ่งยาก แต่เพราะคุณกับแม่มีดีลกันโดยใช้ชีวิตหนูเป็นสินค้าแลกเปลี่ยน อย่าคิดว่าหนูจะไม่กล้าบอกพ่อนะ หนูไม่สนหรอกเรื่องอับอายอะไร อย่างมากก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ” “อยากเห็นแม่บังเกิดเกล้าต้องไปอยู่บ้านเช่าแบบสิ้นไร้ไม้ตอกก็ตามใจ” ชรันโกรธจนหน้าสั่นแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน พิชามญช์ที่รออยู่ห่างๆเพื่อให้สามีพูดจบก็เดินเข้ามาหาลูกสาวต่อ “พู่ แม่ขอร้องเถอะ อย่าให้แม่ต้องไม่เหลืออะไรเลย แค่ทำดีกับเขามันยากตรงไหน? แม่ก็อาจจะท้องด้วย น้องของลูกนะ” “แม่ใช้หนูเพื่อกำจัดพี่ฟ้ากับเพื่อผลประโยชน์ที่จะได้จากสามีใหม่ มีแม่ที่ไหนทำแบบนี้กับลูกตัวเองบ้าง?” “จะพูดเสียงดังทำไม? ห๊ะ!” “กลัวเพื่อนบ้านได้ยินเหรอคะว่าคนบ้านนี้ขายลูกกิน” พิชามญช์ปรี่เข้ามาบีบคอลูกสาวที่จับแขนของเธอแน่น พรรณนาราไม่ร้องและจ้องตาเขม็ง จนเริ่มหายใจไม่ออกจึงใช้เล็บจากสองมือกดแล้วจิกลากข่วนแขนแม่ของเธอเป็นรอยริ้วจนเลือดซิบ แม่ของเธอเจ็บจึงยอมปล่อย “นังลูกคนนี้นี่! เกิดมาก็ใช้หนี้บุญคุณฉันซะ!” “หนูไม่เคยขอให้เกิดมาสักหน่อย โดยเฉพาะกับแม่ที่เป็นแม่มด” พรรณนาราวิ่งหนีไปที่ห้องของคุณป้าแม่บ้านที่อยู่กับสามีคนขับรถ เธอเคาะประตูรัวๆด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ม จนทั้งสองที่เปิดประตูมาเห็นแบบนั้น จึงได้พาเธอมาหลบในห้อง “หนูพู่..คอทำไมเป็นแบบนั้น? เกิดอะไรขึ้นคะ?” “บ้านนี้มีแต่คนน่ากลัวค่ะ” ทั้งสองมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล พรรณนาราทรุดนั่งลงบนพื้นห้อง โทรหาธีทัตด้วยเสียงที่สะอึกสะอื้น “พี่จะถึงแล้ว อยู่ห้องนั้นอย่าออกไปไหน เข้าใจมั้ย?” พิชามญช์ตามมาเคาะห้องของป้าแม่บ้านพร้อมกับพูดเสียงดัง “ป้า ป้า! ออกมาทำแผลให้ฉันทีซิ แล้วมันอยู่ในนั้นใช่มั้ย? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ นังเด็กบ้า!” สองสามีภรรยามองหน้ากัน แล้วคุยกันเบาๆว่าให้พรรณนาราไปอยู่ในห้องน้ำก่อน “หนูพู่คะ ไปอยู่ในห้องน้ำ ล็อกประตูซะนะ อย่าออกมา” เธอพยักหน้าด้วยความกลัวจนตัวสั่นและรีบเข้าไปอยู่ในนั้น ส่วนป้าแม่บ้านก็รีบไปเปิดประตู “คุณผู้หญิง เดี๋ยวป้าไปเอาชุดปฐมพยาบาลทำแผลให้ค่ะ ไปในบ้านกันเถอะค่ะ” “มันอยู่ในนั้นใช่มั้ย? พู่กัน! ออกมา!” “คุณผู้หญิงคะ หนูพู่ก็เจ็บที่คอ ปล่อยเด็กมันไปเถอะค่ะ ป้าขอร้องเถอะนะคะ ป้ารู้ว่าเป็นแค่แม่บ้าน ถือว่าป้าขอนะคะ” ป้ายกมือไหว้เจ้านายที่อายุอ่อนกว่าถึง 15 ปี นั่นทำให้พิชามญช์สะบัดหน้าเดินนำไปพร้อมกับบ่นอย่างเกรี้ยวกราด “ดูสิ แขนฉัน..แบบที่คุณรันเห็นคงไม่ปลื้มแล้วสิ เด็กเวรนี่ทำผิวฉันเป็นรอยเลือดออก” ……………………………………⚔️🎍🌛วันเสาร์ที่อากาศสดใส รถหรูคันหนึ่งได้ขับเข้ามาที่บ้านของณัฐวีย์ มีผู้หญิงวัยกลางคนที่โฉบเฉี่ยวได้ก้าวลงจากรถ“เอ่อ คุณพิชามาพบคุณณัฐใช่มั้ยคะ? ท่านกำลังทานมื้อเช้ากันอยู่ค่ะ”แม่บ้านคนเก่าคนแก่ได้ถามขึ้นด้วยท่าทางเกรงกลัว“ฉันรอได้ ให้พวกเขากินให้อิ่มก่อนแล้วกัน”พิชามญช์เดินเข้าไปในบ้านที่เธอเคยอยู่มาสิบสามปี สายตามองหาความเปลี่ยนแปลงซึ่งก็มีหลายอย่างที่ขัดหูขัดตา เสียงของตกแตกดังลั่นบ้าน จนทุกคนออกจากห้องรับประทานอาหารวิ่งตามเสียงสิ่งของที่แตกในห้องรับแขก “โอ้..ขอโทษที พอดีชาจะมาหาพู่กันน่ะ เดินชนใส่..ไอ้ไหประหลาดนี้แตก ขอโทษทีนะคะ แต่..มันขวางทางเกะกะมากเลย แถมดูไร้รสนิยมสุดๆ”เธอส่งสายตาที่คุ้นเคยให้อดีตสามี จนเขาเองต้องตั้งสติ ส่วนปริมนั้นถึงกับตัวสั่นที่เห็นสิ่งที่เธอซื้อมาแต่งบ้านได้แตกไม่มีชิ้นดี“ช่างมันเถอะ แล้วลูกไม่บอกคุณหรือว่าแกไปอยู่ที่คอนโดแล้ว”เขาตอบพลางชี้ให้แม่บ้านเก็บกวาดให้เรียบร้อย“ลูกเราโตเป็นสาวแล้วสินะ อีกอย่าง..แกคงยังโกรธชาอยู่ลึกๆ ชาเองมีเรื่องกลุ้มใจเกี่ยวกับพู่กัน มีคนที่ชาจะคุยได้แค่คุณ..พ่อแม่ชาก็เสียหมดแล้ว ไม่รู้จะคุยกับใครได้”ปริมได้ยินแบบนั้น
พิชามญช์กลับมาที่บ้านหลังจากทำผมทำหน้าเสร็จ และรีบขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านก็เจอลูกสาวกล่อมน้องชายอยู่ เธอยืนดูลูกสาวเงียบๆอยู่พักหนึ่ง พลางคิดแล้วว่าลูกสาวจะต้องเจอฤทธิ์เดชของชรันยังไง“พู่ มาคุยกับแม่ตอนนี้เลย เวลามีไม่มาก ไปที่ห้องคุณธี”พรรณาราทำหน้างง แต่ก็ตามออกไปโดยดี“เมียคุณธีมาที่นี่ใช่มั้ย? มันโทรไปฟ้องคุณรันว่าสงสัยเรื่องลูกมีอะไรกับผัวมันที่นี่ แล้วตอนนี้เขากำลังจะขึ้นเครื่องกลับ แม่มีคำถามจะถามอย่างหนึ่ง ก่อนจะบอกให้ลูกหนีไปจากที่นี่ หมายถึง..ไม่ต้องกลับมาอีก อย่าให้เขาตามหาลูกเจอ ดูแลตัวเองให้ดี”“แต่เขารู้ว่าหนูเรียนที่ไหน?”“แม่จะหาวิธีดึงเขาให้เลิกสนใจลูกเอง เอาล่ะ..บอกแม่สิ ลูกมีอะไรกับคุณธีหรือเปล่า?”“ไม่มีค่ะ เราแค่คุยกัน”พิชามญช์ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ถามต่อ “เขาจะช่วยลูกได้และลูกคือคนที่จะทำให้เขามีความสุข ต่อสู้เพื่อตัวเอง เราเป็นผู้หญิง ใช้มารยาหญิงให้เป็นประโยชน์”“แบบแม่น่ะเหรอคะ? หนูไม่ใจร้ายขนาดนั้น”“ไปเก็บของแล้วไปซะ ให้ฟ้ามาช่วยเก็บ”พรรณนาราให้ฟ้ามาช่วยเก็บของทั้งหมดที่จำเป็นรวมถึงกล้องที่ซ่อนไว้ในห้องที่กุมความลับทุกอย่างในห้องนี้เอาไว้มาหลายปี “น้องพู่ เด
ธีทัตที่โตขึ้นกว่าเมื่อก่อน เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มุ่งมั่น มั่นใจในตัวเองและดูเอาแต่ใจมากขึ้น “พี่ธี..อื้ออ..ปล่อย” เขาบังคับเอาจูบจากเธอ สองแขนที่กอดแน่น มือที่จับต้นคอเธอไม่ให้หนีหน้าไปจากเขา ไม่มีอะไรหยุดเขาจากความต้องการที่ปะทุขึ้นได้อีกแล้ว “เดี๋ยวค่ะ..พี่ธี เดี๋ยวก่อน..อ๊ะ” พรรณนาราถูกจับกดลงบนเตียง นั่นทำให้เธอกลัวมากเพราะยังไม่ได้ตั้งตัว “รออะไร? พี่รอมาสามปีแล้ว” เขาจูบอย่างหนักหน่วง ใช้น้ำหนักตัวกดทับเพื่อไม่ให้พรรณนาราดิ้นหนี มือล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้นลูบไล้ต้นขาและสะโพกของเธอ ก่อนจะพยายามดึงกางเกงแต่อีกฝ่ายต่อต้านด้วยการยื้อไว้ไม่ให้เขาดึงออกไปได้ “พี่ธี…เดี๋ยว ให้หนูทำให้ดีกว่ามั้ยคะ?” ธีทัตมองเธอใกล้ๆด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขาต้องการและต้องได้ตอนนี้ “ทำอะไร? ไม่ต้องทำ พี่จะเป็นฝ่ายทำ” เธอกลืนน้ำลายและคิดหาทางเอาตัวรอด จึงเอามือลูบและขยำแก่นกายเขาที่แข็งตัว รูดซิบลงแล้วเอามือล้วงเข้าไปจับข้างในกางเกงแทน “ทำไมไม่อยากให้ทำ ไม่รักพี่แล้วเหรอ? หนูบอกว่าพี่ได้ทุกอย่างแล้วค่อยมาคุยกัน นี่ไง..พี่ได้ทุกอย่างแล้ว” “อย่าพึ่งพูดเลย..ให้หนูทำก่อนนะ” เขาบรรจง
ธีทัตฝากของขวัญวันเกิดให้พรรณนาราที่อายุครบ 19 ปี ผ่านทางแม่บ้านสาวอย่างฟ้า เป็นสร้อยแพลตตินั่มจี้เพชรทรงหยดน้ำที่เขาตั้งใจเลือกด้วยตัวเองเพื่อเธอ“น้องพู่ คุณธีฝากของขวัญวันเกิดไว้ให้นะคะ แกโทรมาให้พี่เดินออกไปเอาตั้งไกลแน่ะ สงสัยกลัวคนมาเห็น น้องพู่จะมานอนบ้านนี้อีกทีตอนไหนคะ?”“อาจจะวันศุกร์นี้ค่ะ อยู่บ้านพ่อก็เบื่อ เสียงเด็กร้องโวยวายตลอด ลูกสาวคนใหม่ของพ่อดื้อมาก อารมณ์ร้ายน่าดู ไม่พอใจอะไรก็ตะเบ็งเสียง”“ตายจริง ผิดกับน้องชายน้องพู่เลย ยิ้มเก่ง เริ่มพูดเก่งแล้วเนี่ย ถึงพี่จะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ แต่เห็นจากไกลๆ ป้าพูดให้ฟังว่าน่ารัก เลี้ยงง่ายมาก”“ไม่อยากเชื่อเลยเนอะ”“ยังไงคะ?”“ก็แม่น่ะ ตอนท้องชอบหงุดหงิดจับผิดไปหมด ชอบวางแผน อารมณ์ขึ้นๆลงๆ แต่น้องชายหนูดันตรงข้ามเลย”“ช่วงนี้คุณชรันไม่ค่อยอยู่บ้านด้วยน่าจะงานยุ่ง คุณป้ามาบอกพี่ว่าคุณแม่น้องพู่บ่นทุกวัน แต่ก็ดีกับน้องพู่นะ”“ใช่ค่ะ แต่หนูว่าเขาน่าจะมีเด็กใหม่”“หึ..คนมักมาก สักวันโรคจะถามหา”“พี่ฟ้า..หนูอยากให้พี่ได้เจอคนดีๆเหมือนกันนะคะ”“ถ้าพี่ยังจน ความรู้น้อย คงไม่คิดมีแฟนหรอกค่ะ ที่ผ่านมานี่ก็สิ้นคิดพอแล้ว”“ไม่เอาน่า”วั
“คุณพ่อพี่ดูแลหนูอย่างดี ยินดีด้วยที่เรียนจบและสุขสันต์วันเกิดนะคะ”เธอพูดโดยที่แง้มประตูอยู่แค่นั้นและไม่สบตาด้วย“อวยพรให้หน่อยสิ”“หนูเขียนคำอวยพรในกระดาษให้แล้ว พี่ได้รับหรือยังคะ?”“ได้แล้ว แต่อยากได้อีก”สายตาเขาที่ทอดมองมาหมายความแบบนั้นจริงๆที่อยากได้ทั้งคำอวยพรและอย่างอื่น“ขอให้พี่ธีสุขภาพดีและคิดหวังสิ่งใดให้สมหวังทุกอย่างนะคะ” “พี่จะสมหวังแบบที่น้องพู่พูด เพราะคิดแล้วว่าต้องการอะไร”ธีทัตดันประตูเข้ามาจนได้ ทำให้พรรณนาราเกิดกลัวขึ้นมา เธอกอดอกตัวสั่นเพราะหวั่นใจถ้าใครมาเห็นเข้าพรรณนาราถอยหลังไปเรื่อยๆเพราะธีทัตเดินมาใกล้ แล้วมอบกอดที่อบอุ่นให้เธอ เขาสูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธออย่างหลงใหล“พี่เรียนจบแล้ว ตอนอยู่อังกฤษคิดอยู่ว่า..หรือจะหางานทำแล้วพาพู่มาอยู่ด้วยกัน พี่อยากสละทุกอย่างที่นี่ พู่ก็โอนหน่วยกิตไปเรียนที่นู่นเอา พี่จะส่งเสียเอง”ถึงฉันจะมีความรู้สึกให้เขา..แต่ฉันจะไม่ยอมให้ทุกคนที่ทำให้ฉันมีแผลใจต้องสมหวังหรอก… “หนูทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ ตอนนี้พ่อก็มีภรรยาใหม่เหมือนกัน หนูเองต้องอยู่เพื่อปกป้องสิทธิ์ของหนูด้วย ไม่มีใครควรชุบมือเปิบเอาของๆคนอื่นมาเป็นของตัวเองทั้งน
วันที่ธีทัตเรียนจบกลับมาจากอังกฤษซึ่งใกล้กับวันเกิดของเขาพอดี แต่เขาโดนกันท่าจากพ่อและแม่ทำให้ไม่สามารถไปที่บ้านซึ่งพรรณนาราอยู่ที่นั่นได้ เขาอยากเจอเธอที่ตอนนี้อายุได้สิบแปดแล้ว แต่ก็ทำได้แค่คิดฝัน สามวันตั้งแต่กลับมาธีทัตได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อปรับเวลาและปรับสภาพร่างกายโดยอยู่ในสายตาของแม่อยู่ตลอด“วันนี้ครอบครัวแบมกับครอบครัวเรามีนัดทานข้าวเย็นกันที่ Lacal Bangkok นะลูก แต่งตัวดีๆล่ะ”บรรยากาศการดินเนอร์ของสองครอบครัวเป็นไปด้วยดี มีเพียงธีทัตที่พูดน้อย เน้นพูดและแสดงออกตามมารยาท เสียงเคาะประตูทำให้พรรณนาราตกใจทุกครั้ง แต่ก็เดินไปเปิดให้“ไงลูกรัก คุณอาชรันกับภรรยาเก่ามีนัดทานข้าวกับครอบครัวคู่หมั้นคุณธี ถึงเวลาที่ลูกต้องดึงเขาอย่าให้แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แทนที่จะมานั่งจับเจ่าเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่แบบนี้”“หนูมัวคุยกับเพื่อนเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นหรอก พรุ่งนี้วันศุกร์ก็ต้องไปอยู่บ้านพ่อด้วย คงไม่ได้เจอใครหรอกค่ะ”“ใกล้วันเกิดพี่ธีแล้ว แม่จะลองพูดให้เขาจัดงานวันเกิดที่นี่ดู”“แล้วแต่แม่เถอะค่ะ ขอตัวคุยกับเพื่อนต่อนะคะ”เมื่อจบจากดินเนอร์ ธีทัตไปส่งแม่ที







