Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2025-12-05 18:07:51

“แค่ 90 วันเนี่ยนะ”

“ฉันกำหนดเส้นตายให้ 90 วัน นั่นถือว่าฉันใจดีมากแล้วนะ” เสียงทุ้มเรียบของหลงเฟยยังคงเยือกเย็นพอจะปิดทางหนีทุกเส้นทางของคะน้า

ทางด้านคะน้าเมื่อได้ยินหลงเฟยพูดเช่นนั้น ใบหน้าเรียวใสของเธอก็เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างไม่ยอมแพ้ พลางกำมือน้อย ๆ แน่นใต้โต๊ะจนเล็บจิกเข้าฝ่ามือ

“90 วัน ถ้าคิดว่าฉันทำไม่ได้ ก็คอยดูให้ดีเถอะ” คะน้าคิดในใจ

“90 วันก็ 90 วัน ฉันจะหาเงินมาคืนคุณให้ได้”

“ดี…พอถึงวันเธออย่าลืมคำพูดตัวเองก็แล้วกัน”

หลงเฟยมองคนตรงหน้า แววตานิ่งเหมือนอ่านหนังสือเปิดหน้า ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายเหมือนคนที่รู้ดีว่า ต่อให้ให้เวลานานแค่ไหน คนหาเช้ากินค่ำอย่างคะน้าก็ไม่มีทางหาได้

เสียงแชะ จากปลายปากกาที่วางลงบนโต๊ะเบา ๆ ดังชัดเจนเกินจำเป็น ทำให้หัวใจของคะน้าสะดุ้งวูบ

“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าในเก้าสิบวันเธอจะไม่หายหัวไปกลางทาง”

“คุณหมายความว่าไงอีก” คะน้าขมวดคิ้ว

“ง่าย ๆ ฉันไม่ไว้ใจเธอ ตราบใดที่เธอยังไม่เซ็นเอกสาร”

“ถ้างั้น…เธอต้องอยู่ในสายตาฉันตลอด เพื่อให้ฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่หายหัวไปกลางทาง”

“สายตาคุณ?” เธอทวนเสียงแข็ง ความร้อนจากข้างในแล่นขึ้นมาที่อก

มุมปากของเขายกขึ้นช้า ๆ เป็นรอยยิ้มบางที่เย็นเหมือนคมมีดซ่อนใต้กำมือ

“ย้ายมาอยู่ที่เพนส์เฮาต์ที่ฉันจัดเตรียมให้ จนกว่าจะครบเก้าสิบวันที่เธอต้องหาเงินมาคืนบริษัทฉัน”

ประโยคนั้นเหมือนหมากตัวสุดท้ายที่หลงเฟยปาใส่กระดาน มันไม่ใช่คำขอ แต่มันคือคำสั่งและคะน้ารู้ทันทีว่าเขากำลังปิดทางหนีให้เธอทุกด้าน และนี่มันไม่ใช่แค่การเจรจาแต่มันคือกรงที่เขาสร้างขึ้นด้วยมือของเขาเอง

“นี่เป็นทางเดียวที่ทำให้ฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่หายไประหว่างที่หาเงินมาคืน” หลงเฟยเอนตัวพิงเก้าอี้อีกครั้ง นิ่งและเยือกเย็น

“หรือถ้าเธอไม่ย้ายมา เราก็ไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขเก้าสิบวันอีกต่อไป เซ็นเอกสารแล้วออกไปซะ”

“คุณกำลังบังคับฉันสินะ” เสียงคะน้าพูดเบาแต่เย็น

“ไม่เรียกว่าบังคับหรอก เรียกว่าสร้างความมั่นใจให้ทั้งสองฝ่าย” หลงเฟยตอบเรียบ ก่อนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเต็มตัวราวกับกำลังดูผลลัพธ์ของเกมที่ตัวเองควบคุมอยู่

“…” คะน้านิ่งไปสักพัก แต่ไม่ใช่เพราะเธอกลัว แต่เพราะกำลังคำนวณ เสียงหัวใจตัวเองดังกลบเสียงแอร์ เธอรู้ดีว่าการตอบเพียงคำเดียวในตอนนี้ จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล แต่ไม่นาน…

“ตกลง! ฉันจะย้ายมาอยู่เพนส์เฮาต์ที่คุณจัดเตรียมไว้ให้” ร่างบางหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ดวงตากลมใสของเธอแข็งขึ้นทีละนิด ความกลัว ความเจ็บใจ ความดื้อรั้นตีกันยุ่งในอก แต่สุดท้ายสิ่งที่ชนะคือความไม่ยอมแพ้

เสียงตอบของเธอไม่ได้ดังแต่หนักแน่นพอจะกรีดอากาศในห้องโถงใหญ่ของตึกสูงให้ขาดครึ่ง เธอรู้ว่าแค่คำว่า ‘ตกลง’ คำเดียวคำนี้กำลังพาเธอเข้าไปอยู่ในโลกของเขาหรือที่เรียกว่ากรงมังกรนั่นเอง

“เธอจะได้ทุกอย่างที่เธอเสนอฉันมา ถ้าเธอหาเงินมาคืนฉันได้แต่ถ้าหาเงินมาคืนไม่ได้” หลงเฟยโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องเข้าในดวงตากลมไม่กะพริบ

“เธอต้องเซ็นเอกสารให้สิทธิ์ของตลาดนี้กลายเป็นของฉันทั้งหมด” สิ้นคำพูดหลงเฟย คะน้ากัดฟันแน่น ความร้อนวิ่งวูบวาบไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะเธอกลัว แต่เพราะเธอกังวลโกรธและรู้ว่าเขาคิดว่าเธอไม่มีทางทำได้

“งั้นก็ดูให้ดี…ว่าเก้าสิบวันของฉันจะจบยังไง”

หลงเฟยเลิกคิ้วด้วยความประมาท มุมปากกระตุกยิ้มบาง ๆ นี่แหละคือยิ้มของนักล่าที่เห็นเหยื่อกำลังจะเดินเข้ากรงด้วยตัวเอง

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวกลับ”

“เชิญ”

เสียงประตูกระจกดัง ปัง! เมื่อคะน้าเดินออกจากตึกยามค่ำ อากาศเย็นเฉียบปะทะผิวแต่ดับความอึดอัดในอกไม่ได้เลย

เสียงรองเท้าผ้าใบเก่า ๆ กระทบทางเท้าไปทีละก้าว สอดรับกับเสียงรถบนถนนที่ไหลผ่านอย่างไม่สนใจโลกของใคร

“เก้าสิบวันวัน… แค่เก้าสิบวัน ฉันต้องหาเงินให้ได้” จมูกเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกและคิดคนเดียวในใจ ก่อนจะมองไปข้างหน้าและเดินต่อใต้เงาไฟถนนที่ทอดยาวเป็นแนวแสงสีเหลืองส้ม พาดผ่านเงาร่างของเธอที่กำลังเดินกลับบ้านไม้หลังเล็ก

“ยายทำแบบนั้นเพราะอนาคตและความฝันของฉัน จำไว้ให้ดี

คะน้ายายไม่ผิด” คะน้าคิดคนเดียวในใจ

สองเท้าเล็กจอดนิ่งอีกครั้ง ใบหน้าเรียวใสเงยหน้ามองฟ้าที่มืดสนิท ดวงดาวไม่ชัดเจนเท่าแสงไฟจากตึกสูงที่เธอเพิ่งจากมา

“ฉันจะต้องหาเงินมาคืนคุณให้ทันเวลาไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

พูดจบคะน้าก็ก้าวเดินต่อเพื่อกลับไปยังบ้านไม้หลังเล็กของเธอและยาย เมื่อถึงสองเท้าเล็กจึงเดินเข้าบ้านอย่างช้า ๆ พลางกวาดสายตารอบ ๆ ตัวบ้าน จนกระทั่งเห็นไฟในห้องครัวเล็ก ๆ ที่ยังคงเปิด

กลิ่นน้ำซุปจากหม้อที่ตั้งทิ้งไว้อบอวลไปทั่วบ้าน ยายสมพรนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าห้อง คราบเหงื่อยังติดอยู่บนหน้าผากจากการขายของทั้งวัน

ตึกตัก… ตึกตัก… ตึกตัก…

หัวใจของคะน้าเต้นแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะคำพูดของหลงเฟยแต่มันเป็นเพราะภาพตรงหน้าของยายสมพรคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเหมือนโลกทั้งใบของเธอ

“ยายทำแบบนี้…ก็คงเพราะอยากให้ฉันมีอนาคต เงินค่าเทอมที่จ่ายไปก่อนนั่น คงจะมาจากเงินก้อนนี้” คะน้าคิดในใจ

“กลับมาแล้วเหรอลูก คะน้า” ยายสมพรเงยหน้าขึ้นยิ้มจาง ๆ ดวงตาขุ่นมัวเพราะความเหนื่อยล้า แต่คำเอ่ยถามหลานสาวของหญิงชราก็ยังอบอุ่นเหมือนเดิม

“จ้ะยาย…” คะน้าตอบสั้น ๆ เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ยายสมพรหันไปคนหม้อแกงต่อ ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวใหญ่แค่ไหนกำลังโหมอยู่ข้างนอกแต่คะน้ารู้ดีและไม่อยากให้ยายต้องรู้

“ยายอุตส่าห์ทำเพราะรักฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธยายเลย” คะน้าพูดคนเดียวในใจ

ร่างบางเดินเข้าไปหายายช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เงียบ ๆ มือเล็กเอื้อมไปจับมือเหี่ยวย่นของคนที่เลี้ยงดูเธอมาทั้งชีวิต

“ยาย…” เสียงเธอเบาและอ่อนโยน

“หืม? เป็นอะไรลูก?” ยายสมพรหันมายิ้มให้ ทั้งที่รอยยิ้มมีความเหนื่อยซ่อนอยู่

“ไม่มีอะไรหรอก…แค่คิดว่า ยายเหนื่อยมามากแล้วเนอะ” คะน้าส่ายหน้าเบา ๆ

“ไม่เหนื่อยหรอกลูก ยายทำเพื่อคะน้ายายอยากให้หนูได้เรียน ได้มีชีวิตดี ๆ กว่ายาย”

คำพูดของยายเรียบง่าย แต่กลับแทงเข้าใจกลางหัวใจของคะน้า

“ใช่…ยายไม่ได้อยากจะขายที่ ยายพยายามช่วยเราเท่าที่ยายทำได้” คะน้าคิดคนเดียวในใจ

เด็กสาวกำพร้ากอดยายแน่น น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ทั้งวันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเล็กน้อย ในอ้อมกอดนั้นไม่มีความโกรธ มีแต่ความรัก ความซาบซึ้ง และความตั้งใจเงียบ ๆ

“ไม่ว่ายังไงหนูก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เราเสียสมบัติชิ้นสุดท้ายในชีวิตไปนะยาย” คะน้ายังคงคิดคนเดียวในใจพลางแนบหน้าเรียวใสลงกับไหล่ของยายสมพร กลิ่นสบู่เก่ากับกลิ่นผักสดที่ติดอยู่บนเสื้อของยายอบอวลอยู่รอบตัว

มันคือกลิ่นเดียวของความทรงจำและสมบัติชิ้นเดียวที่เธอจะไม่ยอมให้ใครมารื้อออกจากชีวิต ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตามเธอก็จะยอมแลก
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 159

    หลงเฟยอยู่ในสูทสากลสีดำทรงเฉียบปักลายมังกรทองบาง ๆ ที่ปกเสื้อ ประสานความเป็นจีนกับความเป็นสากลได้อย่างพอดีที่สุด ทันทีที่หลงเฟยเห็นคะน้าเขาหยุดหายใจอีกครั้งในวันเดียว “สวยกว่าพิธีเช้าอีก” ร่างสูงกระซิบเบา ๆ “ก็คุณเลือกชุดให้นี่คะ” คะน้ายิ้ม งานเริ่มด้วยพิธีเปิดตัวบ่าวสาว เดินเข้าสู่เวทีท่ามกลางแ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 158

    รุ่งเช้าในวันแต่งงานของตระกูลหลง ท้องฟ้าเซี่ยงไฮ้สีฟ้าอ่อนแบบหายาก แสงสว่างลอดผ่านม่านผืนบางในคฤหาสน์ใหญ่ บรรยากาศในบ้านไม่ใช่ความเร่งรีบ แต่เป็นความสงบ อบอุ่น และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุหลาบขาวกับลิลลี่ที่ทีมงานกำลังจัดอยู่ทุกมุม ห้องแต่งตัวชั้นบนถูกเปิดไฟนุ่ม ๆ ช่างแต่งหน้าช่างผมยืนเรียงกันอย่

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 157

    “เดี๋ยวคุณจินก็บินมาแล้ว” “เอาล่ะ เรามาดูชุดเจ้าสาวต่อดีกว่า” หลงเฟยพูดขึ้น พลางเลือกรูปชุดจากโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า kanaa bridal ไว้ “แล้วคุณอยากให้ฉันใส่แบบไหนคะ?” “ที่เธอชอบที่สุด” หลงเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังตั้งใจจริง “แต่คุณก็ต้องชอบด้วยค่ะ” “คะน้าไม่ว่าชุดไหน เธอก็สวย” เขาส่ายหัวเบา

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 156

    หลังจากสรุปจำนวนแขกและรูปแบบงานได้อย่างสงบที่สุดในรอบเช้าปั่นป่วน ช่วงบ่ายของวันนั้นบรรยากาศในบ้านหลังโต ตระกูลหลงก็เปลี่ยนไปเป็นอีกโลกหนึ่ง ราวกับจากสนามรบกลายเป็นสตูดิโอวางแผนความฝันของคู่รัก… บ่ายวันเดียวกัน ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง คะน้านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อเถียง แต่เพื่อไล่ดู

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 155

    “คะน้า…” “คะ?” “ฉันตั้งใจรักเธอมากนะ” เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างหู ทำให้หัวใจคะน้าสั่นอย่างที่คำหวานเกินไปไม่เคยทำได้ “ฉันก็เหมือนกันค่ะ” เธอยิ้ม หลงเฟยกอดแน่นขึ้นนิด เหมือนยืนยันคำพูดโดยไม่ต้องอธิบายอะไรอีก วันนี้ไม่มีเสียงถกเถียงเรื่องงานแต่งอีกแล้ว จะมีแค่เสียงหัวใจของสองคน ที่กำลังก้าวจากสู้กันเ

  • ใต้เงาหลงเฟย   บทที่ 154

    เสียงของคะน้าดังสะเทือนไปทั้งโถงบ้าน แต่แทนที่หลงเฟยจะเถียงกลับ เขากลับยกมือยอมแพ้ทั้งสองข้างอย่างสงบ เหมือนผู้ชายที่รู้ว่าถ้ายังไปต่อ จะไม่มีทางชนะตั้งแต่ต้น… “ล้อเล่น” หลงเฟยพูดเสียงเบานุ่มจนคะน้าขมวดคิ้ว “ฉันจะไม่บังคับเรื่องจำนวนแขกแล้วให้เราค่อย ๆ คุยกันใหม่ดีกว่า” คะน้าไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ยิ้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status