จางหมินเย่วเดินกระแทกเท้ากลับมายังเรือนของตนด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ ความร้อนรนทำให้นางเอาแต่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องอย่างวิตกกังวล
“คุณหนูรอง ท่านสงบใจลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เล่อจิ้นสาวใช้คนสนิทพูดปลอบประโลมจางหมินเย่ว หลังเห็นนางท่าทางหงุดหงิดและอารมณ์เสีย
“เล่อจิ้น...เจ้าไปคอยดูท่านแม่ที่หน้าเรือน หากเห็นท่านแม่รีบมาแจ้งข้าเร็ว”
“เจ้าค่ะ” เล่อจิ้นรีบรับคำ
ผ่านไปร่วมชั่วยามร่างบางระหงของเซี่ยเหมยก็ปรากฏตัวที่หน้าเรือน หญิงวัยกลางคนที่ยังดูงดงาม ยามเดินย่างกรายกลับดูสุขุมและอ่อนโยน
“คุณหนูรอง ฮูหยินมาแล้วเจ้าค่ะ”
จางหมินเย่วได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกในทันที
“ท่านแม่...ท่านพ่อว่าอันใดบ้าง ท่านแม่พูดให้ข้าแล้วใช่หรือไม่” จางหมินเย่วถามคำถามรัวออกไปอย่างร้อนใจ
“เย่วเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นก่อน ให้แม่ได้พักหายใจสักหน่อย” เซี่ยเหมยหยอกเย้าใส่นางเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า
“ท่านแม่...ก็ข้าร้อนใจนี่เจ้าคะ” จางหมินเย่วก้มหน้างุดลงไป ก่อนจะประคองเซี่ยเหมยเข้ามาภายในเรือน จางหมินเย่วรีบพานางนั่งลงที่โต๊ะกลางห้อง พร้อมทั้งรินน้ำชายกให้ด้วยตนเองอย่างเอาอกเอาใจ
“พอแล้วๆ ลูกคนนี้นี่จริงๆ เลย ไม่ให้พ่อของเจ้าปวดหัวได้เช่นใดกัน” เซี่ยเหมยพูดพลางตวัดมือให้จางหมินเย่วนั่งลงด้านข้าง
จางหมินเย่วยิ้มกว้างออกมาอย่างหน้าทะเล้น พร้อมส่งสายตาทอดมองเซี่ยเหมยอย่างมีความหวัง
“ท่านแม่ ท่านเลิกแกล้งข้าได้แล้ว ท่านพ่อว่าอันใดบ้างเจ้าคะ”
“เย่วเอ๋อร์...เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าชอบพอกับใต้เท้าซ่ง” เซี่ยเหมยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ข้าแน่ใจท่านแม่”
“แล้วใต้เท้าซ่งเล่าคิดเช่นใดกับเจ้า”
“เอ่อ...อันที่จริงข้ายังมิเคยพูดคุยกับใต้เท้าซ่งเลย” จางหมินเย่วสารภาพพลางก้มหน้าสลดลงไป นางนึกถึงคืนดังกล่าวในตอนที่ลงเรือ เดิมทีนางตั้งใจหาจังหวะเข้าไปพูดคุยทำความรู้จักกับชายหนุ่ม แต่เพราะคนค่อนข้างพลุกพล่าน ยามเมื่อตนลงจากเรือก็คลาดกับเขาเสียแล้ว
“ตายแล้ว...แล้วที่เจ้าพูดกับพ่อเจ้าว่าต้องการแต่งงานเล่า...มันเรื่องอันใดกัน” เซี่ยเหมยยกมือทาบอกพร้อมตกใจกับคำสารภาพของบุตรสาว
“ท่านแม่...เป็นความต้องการของข้าอย่างแท้จริง” จางหมินเย่วพูดพลางกุมมือทั้งสองของเซี่ยเหมยพร้อมจ้องหน้านางอย่างจริงจัง
“เฮ้อ...แล้วนี่ข้าจะพูดกับพ่อเจ้าเช่นใดกันดีเล่า” เซี่ยเหมยมองหน้าจางหมินเย่วพร้อมทอดถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เดิมทีนางเกลี้ยกล่อมสามีด้วยคิดว่าทั้งสองผูกสมัครรักใคร่กัน แต่ที่ไหนได้กลับเป็นบุตรสาวของตนคิดเพ้อฝันไปคนเดียว
“ท่านแม่...ข้าอยากใช้ชีวิตร่วมกับใต้เท้าซ่ง...ท่านแม่ต้องช่วยข้านะ” จางหมินเย่วพูดพลางเขย่าแขนของนางไปพลาง “ข้ามั่นใจ ข้าจะทำให้ใต้เท้าซ่งชอบพอข้าให้ได้” จางหมินเย่วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“เย่วเอ๋อร์...ข้าเกลี้ยกล่อมพ่อเจ้าไปแล้วหนหนึ่ง แม้พ่อเจ้าจะยังมิใจอ่อนแต่ก็มิได้แข็งขืนเช่นคราแรก หากเจ้าทั้งสองชอบพอกันจริง ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง”
“ขอบคุณท่านแม่...ท่านแม่ดีต่อข้าที่สุดเลย” จางหมินเย่วร้องออกมาอย่างดีใจ นางโผเข้ากอดเซี่ยเหมยอย่างนึกขอบคุณ
“เจ้าเด็กโง่...” เซี่ยเหมยส่ายหน้าพร้อมยิ้มบางออกมา
หลังจากเซี่ยเหมยออกจากเรือนไป จางหมินเย่วก็รีบเรียกเล่อจิ้นเข้ามาโดยด่วน
“เล่อจิ้น...เจ้าเตรียมชุดให้ข้าที พรุ่งนี้ข้าจะไปขอพบใต้เท้าซ่ง” จางหมินเย่วพูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น ใบหน้ายิ้มกว้างจนแทบปริ ดวงตาระยิบระยับอย่างมีความหวัง
“เจ้าค่ะ...ข้าจะเตรียมชุดที่สวยที่สุดให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
“อืม...พรุ่งนี้ข้าควรมีของติดไม้ติดมือไปด้วย พรุ่งนี้เช้าเจ้าไปช่วยข้าทำขนมเซาปิ่ง” จางหมินเย่วพูดพร้อมความคิดที่โลดแล่นไปไกล
“คุณหนูจะเข้าครัวเองเลยหรือเจ้าคะ หรือไม่ให้ข้าสั่งพ่อครัวจัดเตรียมไว้ให้ดีหรือไม่”
“เหลวไหล...ของติดไม้ติดมือข้า...ข้าก็ต้องเป็นคนทำกับมือสิ” จางหมินเย่วตวัดสายตาดุใส่เล่อจิ้น
“เจ้าค่ะ...เช่นนั้นข้าจะรีบให้พ่อครัวเตรียมของไว้ให้คุณหนูแต่เช้านะเจ้าคะ” เล่อจิ้นพยักหน้าปลกๆ ท่าทางคุณหนูของนางจะเสน่หาใต้เท้าซ่งผู้นี้อย่างแท้จริง คุณหนูของนางถึงกับเข้าครัวด้วยตัวเองเช่นนี้
จางหมินเย่วยิ้มกลับให้เล่อจิ้นอีกครั้งอย่างพึงพอใจ “เจ้าช่างรู้ใจข้าที่สุด”
จางหมินเย่วสบายใจขึ้นมาอย่างมาก นางยกมือขึ้นเท้าคางกับโต๊ะ พร้อมจิตใจที่ล่องลอยไปกับจินตนาการของตนอย่างมีความสุข
ในขณะที่เซี่ยเหมยที่เดินออกจากห้องของจางหมินเย่วอย่างสบายอารมณ์ พลันร่างของนางก็ต้องสะดุดลงเมื่อจางเซี่ยโยวยืนดักขึ้นข้างหน้าของตน จางเซี่ยโยวยืนนิ่งพร้อมใบหน้าที่หงิกง้ำอย่างไม่พอใจนัก
“โยวเอ๋อร์...เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ” เซี่ยเหมยปรับสีหน้าก่อนจะถามบุตรสาวออกไป
“ท่านแม่ ข้ารู้เรื่องเย่วเอ๋อร์แล้ว ท่านแม่ตามใจนางมากเกินไปหรือไม่”
คำถามของจางเซี่ยโยวทำเอาเซี่ยเหมยถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที นางเอ็ดบุตรสาวออกไปอย่างทันควัน “เจ้าอย่ายุ่งเรื่องนี้ให้มากนักเลย พิณผาที่ข้าให้เจ้าเล่าเรียนไปถึงไหนแล้ว นี่ก็ใกล้วันประสูติของฮองเฮาแล้ว เจ้าจะด้อยกว่าผู้ใดไม่ได้เป็นอันขาด”
น้ำเสียงอันเฉียบคมดังกล่าวทำเอาจางเซี่ยโยวถึงกับหน้าสลดลงไป น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเต็มสองตาด้วยความนึกน้อยใจ ท่านแม่ของนางมักไม่ยุติธรรมเสมอ กับจางหมินเย่ว ท่านแม่ของนางไม่เคยบังคับเคี่ยวเข็ญสิ่งใดทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการของนางแทบทั้งสิ้น ผิดกับตนยิ่งนักที่ตั้งแต่จำความได้นางต้องอยู่แต่หน้าตำรากาพย์กลอน เครื่องดนตรี และเหล่าหมัวมัวที่เวียนมาสอนมารยาทให้กับนางไม่หยุดหย่อน จนบางครั้งนางได้แต่นึกน้อยใจว่าใครกันแน่ที่เป็นบุตรสาวของมารดาตน และเพราะเหตุนี้เองทำให้จางเซี่ยโยวไม่อาจสนิทใจที่จะชิดเชื้อกับจางหมินเย่วได้ดั่งพี่น้องทั่วไป ระยะห่างของจางเซี่ยโยวและจางหมินเย่วจึงค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นทุกทีจนกลายเป็นความหมางเมินและเฉยชาไปในที่สุด
“ท่านแม่...เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” จางเซี่ยโยวพูดจบก็หันหลังให้เซี่ยเหมยพร้อมเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับมา
บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ
บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั
บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี
บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง
บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห
บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ