บทที่ 1
“ว้าว เจ้าสาวสวยมากเลยค่ะ” เสียงชื่นชมของช่างแต่งหน้าดังขึ้นพร้อมกันหลายคนเมื่อทำขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสรรพ ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพง ปากอวบอิ่มดูชุ่มชื้นด้วยสีชมพูเข้มรับการแก้มนวลสีสวย ขนตางอนยาวเป็นแพ ดวงตากลมโตกระพริบขึ้นลงถี่ ๆ ราวกับไม่เชื่อว่าคนในกระจกคือตัวเอง “คุณอัญญาเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลยนะคะ” เธอหันไปส่งยิ้มหวานให้คนที่เอ่ยปากชมเธอไม่หยุด อัญญาลุกขึ้นเดินไปยังกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้เต็มตัว ชุดเกาะอกสีขาวกับกระโปรงยาวลากพื้น มีโบว์ขนาดใหญ่ประดับอยู่กลางหลัง เธอหมุนตัวมองชุดเจ้าสาวของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ผลั่ก ประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออก เสกสรรมองลูกสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาก้าวเท้าหาอัญญาช้า ๆ เธอเองก็ขยับตัวเดินเข้าหาผู้เป็นพ่อเช่นกัน “ได้เวลาแล้ว ไปกัน” มือเล็กเอื้อมจับกับมือผู้เป็นบิดา ทั้งสองจูงมือกันเดินออกไปยังลานโถงกว้าง พนักงานที่เดินผ่านหันมองตามความสวยของเจ้าสาวไม่หยุด จนถึงประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีชายใส่ชุดสูทยืนรอก่อนแล้ว “ดอกไม้เจ้าสาวค่ะ” ผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาพร้อมยื่นช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ให้กับเจ้าสาว อัญญารับมาถือไว้ในมือ เธอตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบและสั่นไหว หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกอึดอัด ยิ่งนึกถึงหน้าเจ้าบ่าวของตัวเองที่อยู่หลังประตูเธอยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก ไม่รู้ว่าศิลาจะทำสีหน้าแบบไหน เขาจะดีใจที่ได้แต่งงานกับเธอเหมือนที่เธอดีใจไหม ปากสวยเม้มแน่นเข้าหากัน ยิ่งคิดยิ่งกดดัน หากเปิดประตูออกไปไม่พบเจ้าบ่าวเธอจะทำอย่างไร “แกก็แต่งแทนลานิลไปเลยแล้วกัน” คำพูดของรัลยายังดังแว่วอยู่ในโสตประสาท เมื่อเช้าในวันถัดมาหลังจากที่ลานิลหายออกจากบ้าน ทั้งรัลยาและเสกสรรเปิดกล้องวงจรปิดดูและเห็นว่าลูกสาวตัวเองหนีออกจากบ้านไปพร้อมกับชายคนอื่น ซ้ำยังมีอัญญายืนดูอยู่เฉย ๆ ไม่ช่วยห้ามยิ่งทำให้รัลยาไม่พอใจ เธอโดนด่าว่าทอสารพัดที่อยู่กินนอนในชายคาบ้านรัลยาแต่กลับทำตัวไร้ประโยชน์ ปล่อยให้ลานิลหนีงานแต่งไปเสียอย่างนั้น ซึ่งอัญญาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้นอกจากยืนรับฟังเงียบ ๆ เพราะตัวเธอเองก็นิ่งเฉยอย่างที่โดนว่าจริง แต่คนที่นิ่งเฉยไม่ได้มีแค่เธอ ยังมียามเฝ้าหน้าประตูอีกสองคนที่โดนหารเลขไปกับเธอด้วย เสกสรรติดต่อทางฤทธิ์ศิลาไป แต่ฝั่งนั้นยังยืนยันที่จะจัดงานแต่งต่อ ไม่สนว่าลานิลหายไปไหนแต่ในวันงานจะต้องมีเจ้าสาวให้กับศิลา อัญญาจึงต้องรับชะตากรรมนี้แทน “เมื่อความรักเดินมาถึงจุดหมายที่เส้นชัยคือจุดเริ่มอีกครั้ง บนถนนสายใหม่ที่ชื่อว่าการแต่งงาน โดยมีทุกท่านมาร่วมเป็นสักขีพยานความรักในวันนี้…” เสียงพิธีกรเริ่มเกริ่นพูด “ณ บัดนี้ ขอเสียงปรบมือแสดงการต้อนรับเจ้าสาวของเราด้วยครับ” อัญญาสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ มือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความตื่นเต้น หัวใจเต้นแรงขึ้นไม่หยุดเมื่อบานประตูถูกเปิดออก ภายในห้องโถงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการแต่งงานครั้งนี้ของเธอ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเจ้าสาวแสนสวยในคืนนี้กำลังยืนอยู่บนเวทีด้วยชุดสูทสีขาวทั้งตัว โบว์กระต่ายที่คอไม่ได้ทำให้เขาดูน่ารักแต่กลับดูหล่อมากกว่าที่เคยพบเจอเสียอีก อัญญาฉีกยิ้มกว้างทันที ความกังวลในใจก่อนหน้านั้นแทบไม่เหลือ เธอคิดว่าเขาจะไม่ยอมแต่งงานกับเธอเสียอีก ศิลาจ้องมองกลับมาที่หน้าหวานเช่นกัน แต่ต่างตรงที่ใบหน้าหล่อเหลากลับไร้รอยยิ้ม เมื่ออัญญาก้าวขึ้นเวทีเรียบร้อย เสียงดนตรีค่อย ๆ เบาลงแล้วพิธีกรจึงเริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง เธอหันมองใบหน้าด้านข้างของผู้ชายที่ยืนข้างกาย เขาเอาแต่มองตรงไปข้างหน้าไม่แม้แต่จะเหลือบมองเจ้าสาวของตัวเองสักนิด “ดีใจไหม” คำถามแรกที่ศิลาเอ่ยถาม “ดีใจค่ะ” อัญญาพยักหน้ารัว ๆ เธอหันไปยิ้มให้เขา “ดีใจที่ได้แต่งงานแทนพี่สาวตัวเองน่ะหรอ” คำถามของเขาทำเอารอยยิ้มของหญิงสาวหายไป “อยากได้ผู้ชายของพี่สาวมากเลยรึไง?” “…” “ที่ลานิลหายตัวไปก็เป็นเพราะเธอสินะ” “ไม่ใช่นะคะ” “อย่าโกหก” ศิลากดเสียงต่ำ เขาขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้นและยื่นหน้าเข้ามากระซิบใกล้ ๆ “พี่สาวหายตัวไป น้องสาวก็เข้ามาแทนทันที… มันจะเป๊ะไปหน่อยมั้ง” “พี่หมายถึงอะไร” “เธอวางแผนไว้จะมาถามอะไรฉัน” “ไม่ใช่นะคะ” อัญญาพยายามปฏิเสธแต่อีกฝ่าย แต่ศิลาขยับตัวออกไปแล้ว คนตัวเล็กได้แต่เม้มปากแน่น เธอไม่ได้คิดที่จะมาแทนที่ลานิลเลยสักนิด ไม่รู้ด้วยว่าการที่ไม่เข้าไปห้ามพี่สาวตัวเองในคืนนั้นจะทำให้เธอต้องมาแต่งงานแบบนี้ เธอไม่อยากให้ศิลาเข้าใจผิดแต่ตอนนี้คงยังอธิบายอะไรไม่ได้นอกจากรอให้พิธีทุกอย่างจบลงก่อน “เรามาถามเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันดีกว่าว่ารู้สึกยังไงกับวันแสนหวานที่อบอวลไปด้วยความรักแบบนี้” ไมโครโฟนยื่นให้กับอัญญา เธอรับมาอย่างเงอะงะ “เอ่อ…” พรึ่บ ยังไม่ทันที่จะได้เอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรออกไป มือหนาของคนข้างกายก็ฉกไมค์แย่งไปจากมือของเธอทันที ศิลามองเธอด้วยสีหน้าไม่น่าไว้วางใจเท่าไร “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานแต่งของผมกับลา…” ศิลาเหลือบมองหน้าสวยที่ตกใจกับคำพูดของเขา “อัญญา…?” “…” อัญญาเม้มปากแน่น เธอมองตรงไปยังผู้คนมากมายที่นั่งอยู่ด้านล่าง ไม่รู้เลยว่าเขาจะพูดอะไรออกไปบ้าง ถ้าเกิดศิลาพูดเรื่องที่เขากำลังเข้าใจผิด เธอจะถูกหัวเราะเยาะและถูกมองไม่ดีเหมือนที่เขาคิดไหม “ครับ ภรรยาผมชื่อ อัญญา” เขาเน้นเสียงตอนเอ่ยชื่อของเธอราวกับกำลังประชดประชัน “ผมเลือกเธอเองเลย” “…” “เลือกเจ้าสาวด้วยตัวเอง” “…” “ผมหวังอย่างยิ่งว่าเธอจะทำหน้าที่ภรรยาได้ดีเหมือนแม่ของผม ที่เป็นทั้งภรรยาที่ดีของคุณพ่อและแม่ที่ดีของลูก ๆ” ศิลาเอื้อมจับมือเล็กของหญิงสาว ดูจากภายนอกเหมือนว่าเขาจับแสดงความรัก แต่ความเป็นจริง เขาออกแรงบีบมือขาวจนเจ็บไปหมด แม้พยายามจะชักออกแต่ก็ไม่อาจต้านแรงเขาได้ อัญญาไม่อยากให้เสียฤกษ์จึงทำได้แค่กัดฟันทนไป “ผมคิดไว้ว่าวันนี้เจ้าสาวของผมจะต้องสวยมาก ๆ และเธอก็สวยมากจริง ๆ” ดวงตาคมของเขาจ้องมองเธอ “เกินคาดไปเยอะเลยครับ” “…” “แล้วเจ้าสาวล่ะครับ มีอะไรอยากพูดกับเจ้าบ่าวของเราบ้างไหม” พิธีกรยังคงทำหน้าที่ต่อโดยมองไม่เห็นถึงสิ่งผิดปกติ “มะ…ไม่มีค่ะ” อัญญาส่ายหัวให้ พิธีกรจึงพูดขั้นตอนต่อไป พิธีการดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยที่อัญญาแทบจะไม่รับรู้อะไร เธอเม้มปากเข้าหากันอยู่ตลอด ทั้งเครียดและกังวลใจไม่หาย ศิลาดูไม่ชอบเธอมากกว่าที่ตัวเองจินตนาการเอาไว้ หลังจากจบพิธีในวันนี้ถ้ากลับไปบ้านแล้วจะเป็นยังไง… เธอกลัวเหลือเกิน “โยนช่อดอกไม้เสร็จแล้วถึงเวลาเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวแล้วครับ” สิ้นเสียงเอ่ยของพิธีกร เสียงโห่ร้องเชียร์ก็ดังกระหึ่มห้องโถง ผู้คนลุกขึ้นปรบมืออย่างสนุกสนาน อัญญาเหลือบมองผู้ชายข้างกายที่ถอนหายใจราวกับไม่สบอารมณ์ เขาหันมองหน้าเธอ ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่ร่างสูงจะขยับตัวก้าวเข้าหาเธอ มือหนายกขึ้นประคองหน้าหวานให้เอียงหลบ หากมองจากข้างล่างคงเห็นว่าทั้งสองจูบกันไปแล้ว แต่ความเป็นจริง ศิลากำลังจุ้บนิ้วมือของตัวเองอยู่ต่างหาก “อย่าหวังสูงว่าคนอย่างฉันจะทำอะไรเธอลง” “…” ศิลากระซิบบอก “ผู้หญิงที่อยากได้ผู้ชายของคนอื่นจนตัวสั่นแบบเธอ…” “…” “โคตรน่าขยะแขยงเลย” “…” “ฉันจะทำให้เธอรู้…ว่าคิดผิดที่อยากแต่งงานกับฉัน” “อึก…เจ็บ” มือหนาออกแรงบีบหน้าหวานจนอัญญารู้สึกเจ็บตามกรอบหน้า “ยินดีต้อนรับสู่นรกของฤทธิ์ศิลา” “…” “ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเลย!”“ไปร์ทอยากกลับบ้านแล้ว” ลูกชายคนเล็กหยุดร้องไห้แล้วก็งอแงอยากกลับบ้านทันที“ไป งั้นเรารีบกลับกันดีกว่าเนอะ” ศิลาพูดแล้วเอื้อมจับมือกับสมายด์จูงมือกันเดินไปที่รถ ส่วนอีกข้างยังคงอุ้มสไปร์ทเอาไว้ด้วยอัญญาเดินตามมาติด ๆพาเด็ก ๆขึ้นนั่งรถประจำที่ สไปร์ทจะนั่งข้างหน้ากับพ่อของเขาตลอด ส่วนสมายด์จะนั่งกับอัญญาเป็นประจำ“เมื่อกี้เขาผลักพี่มายด์แล้วก็มาผลักไปร์ทด้วย” เด็กแสบฟ้องพ่ออีกรอบ “ดูเข่าไปร์ทสิ เป็นแผลเลย”“เข่าพี่ก็เป็น” สมายด์ชี้บอกบ้าง“ของพี่มายด์เป็นนิดเดียว ของไปร์ทเลือดไหลถึงตรงนี้เลย เจ็บมาก”“พี่ก็เจ็บ”“พี่ไม่สู้เขาอะ ไปร์ทเลยต้องสู้แทน” เด็กทั้งสองคุยกัน “ถ้าเขามาแกล้งพี่มายด์อีกบอกไปร์ทเลยนะ”“จะไปทำอะไรเขาฮะ” ศิลาหัวเราะชอบใจเอื้อมมือขยี้หัวลูกชายตัวเอง“ไปร์ทจะต่อยหน้าเขาเลย”“ทำแบบนั้นไม่ได้สิ” อัญญารีบพูดแทรก “ถ้าเขาแกล้งก็ให้ไปบอกครูไม่ก็มาบอกพ่อกับแม่สิ”“แม่มาช้า ครูตรงนั้นก็ไม่มีนี่นา ไปร์ทเลยทำเอง”“รอบหน้าก็อย่าทำแบบนี้นะ ถ้าเจ็บตัวมากกว่านี้ขึ้นมาจะทำยังไง ไม่กลัวพ่อกับแม่เสียใจเหรอ”“ไม่ทำก็ได้” ไปร์ทเบะปากคว่ำลง “ไหนลูกอมไปร์ท”“ย่าไม่ให้กิน” เด็กแสบแบมือขอลูกอ
ตอนพิเศษ #เด็กแสบ “เอามาเดี๋ยวนี้เลย!” เสียงของเด็กผู้หญิงวัยเจ็ดปีกำลังตะคอกใส่เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงผมยาวที่ถูกมัดรวบไว้ทั้งสองข้าง กำลังยืนเท้าเอวหน้าตาบึ้งตึง เพราะถูกเด็กตรงหน้าขโมยเอากระเป๋าดินสอของตัวเองไป พอตามมาเอาคืนก็ไม่ยอมคืนให้เสียอย่างนั้น “เอามาสิ!” เธอพูดอีกรอบคิ้วขมวดหมุ่น “ไม่ให้!” แต่เด็กผู้ชายคนนั้นตอบกลับมาเสียงดังทั้งยังผลักตัวเธอจนล้มลงหงายหลัง “โอ๊ย!” สมายด์ล้มลงก้นกระแทกพื้น ความเจ็บแล่นแปลบขึ้นมา น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง ส่งเสียงร้องไห้เสียงดัง แต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะเยาะชอบใจ “ทำอะไรน่ะ!!” เด็กผู้ชายวัยห้าขวบวิ่งเข้ามาหาพี่สาวที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้น จับมือที่ถลอกและมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยขึ้นดู จากที่ปกติมีสีหน้าบึ้งตึงอยู่แล้ว ตอนนี้คิ้วเข้มทั้งสองขมวดเข้าหากันแน่น ลุกขึ้นจ้องหน้าคนที่แกล้งพี่สาวตัวเองเขม็ง “แกล้งพี่มายด์ทำไม!!” “ไปร์ทไม่ต้อง ฮึก” พี่สาวเอ่ยบอกน้องชายตัวเองที่ยืนประจันหน้าเด็กโต แม้ตัวเองจะโกรธที่ถูกรังแกแต่ไม่อยากให้น้องโดนไปด้วย “ทำพี่มายด์ทำไม!” สไปร์ทยืนกอดอกจ้องหน้าอีกคน “นายใช่ไหมที่ขโมยของพี่เราไป!!”
ตอนแรกเขาคิดว่าคงไม่มีวันที่ทั้งสองคนจะได้กลับมารักกันอีกครั้งเสียแล้ว พอมาลองนึกถึงการกระทำต่าง ๆของตัวเอง เขาไม่น่าให้อภัยจริง ๆนั่นแหละ หวั่นใจและเกือบถอกใจนับครั้งไม่ถ้วนแต่เพราะไม่อยากให้เธอต้องกลายเป็นคนของคนอื่น ไม่อยากให้ใครเข้ามาดูแลเธอแทนเขา ไม่อยากให้ใครเข้ามาทำหน้าที่พ่อ ไม่อยากให้ลูกเอ่ยเรียกคนอื่นว่าพ่อเขาเลยพยายามลองมันอีกครั้ง ทั้งที่ที่ผ่านมาใจกล้าที่จะทำร้ายและพูดจาด่าทอไล่เธอสารพัด แต่พอถึงเวลาตามง้อจริง ๆความกล้าในใจกลับไม่หลงเหลืออยู่กลัวไปหมดซะทุกอย่างแต่วันนี้เขาได้มาอยู่ข้างเธอแล้ว เพราะเขากล้าที่จะปกป้องอัญญา กล้าที่จะใช้ชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อให้เธอและลูกในท้องปลอดภัย ถึงแม้ว่าเขาควรจะได้รับการลงโทษที่มากกว่านี้ เพราะทำกับอัญญาไว้เยอะมากแต่เธอก็พร้อมที่จะให้อภัย เพียงเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียวอัญญารักเขาสุดหัวใจ รักครั้งแรกและพวงด้วยตำแหน่งพ่อของลูก มันเลยทำให้เธอตัดใจจากเขาไม่ได้สักที นอกจากหลอกตัวเองว่าไม่รักเขาแล้วก็เท่านั้น พยายามลองเปิดใจให้เลย์มากเท่าไรก็เหมือนว่ายิ่งปิดกั้นหัวใจตัวเองแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ว่าหัวใจของเธอไม่เคยกลายเป็นของใครน
บทที่ 67 “เจ็บไหม” ศิลาเอ่ยถามภรรยาตัวเองที่นอนสบตากับเขาอยู่บนเตียง อัญญายิ้มให้พลางส่ายหน้า ตั้งแต่ตื่นมาเห็นก็เห็นศิลานั่งอยู่ข้างกายแล้ว เขาคอยถามเธอเสมอว่าเจ็บตรงไหน ต้องการอะไรให้บอกเขาได้เลย ดูเป็นห่วงเธอไปหมดซะทุกอย่าง มือหนากอบกุมมือเล็กของเธอเอาไว้ เขาจับมันขึ้นมาแนบที่หน้า เอียงคอซบมันไว้ราวกับว่ามันคือหมอนใบโตที่ทำให้เขาหลับสบายเสียงอย่างนั้น “อีกนานไหมคะกว่าลูกเราจะออกมา” อัญญาถามเสียงเบา เธออยากเจอลูกใจจะขาด “ไม่นานหรอก พอเขาแข็งแรงเดี๋ยวพยาบาลก็พามา อดทนรออีกหน่อย’ “แต่ลูกยังไม่ได้กินนม” “ยังไม่ถึงเวลาเลย ใจเย็น ๆนะ ไม่ต้องคิดมาก” อัญญาพยักหน้ารับเธอฉีกยิ้มออกมาให้กับเขา ถึงยังไม่เจอหน้าลูกแต่ก็อุ่นในที่มีศิลาอยู่ข้างกาย ครืด~ “ขออนุญาตนะคะ พาน้องมากินนมคุณแม่ค่ะ” เสียงพยาบาลดังขึ้นทันทีที่ประตูเปิด อัญญาทำตาโตสบตากับศิลาด้วยความดีใจ ศิลาลุกขึ้นยืนมองรถเด็กน้อยที่มีลูกของตัวเองนอนอยู่ในนั้น เขาขยับกายดีดดิ้น ลืมตามองไปมา ดูแข็งแรงไม่เหมือนเด็กที่ควรอยู่ในตู้อบ เพียงแค่ตัวเล็กมากเกินไปแค่นั้น พยาบาลอุ้มตัวเด็กขึ้นแล้วส่งให้กับอัญญา ความรู้สึกของ
ศิลาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลหน้าตาตื่น เขาวิ่งอย่างเร็วไม่สนใจใคร เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทางเดิน หัวใจเต้นระรัวราวกับมีคนเข้ามาตีกลองอยู่ด้านในปานวาดโทรตามลูกชายทันทีที่พยาบาลแจ้งไปทางเธอ เพราะพยายามติดต่อหาศิลาเท่าไรก็ไม่รับสาย เพราะตอนนั้นกำลังประชุมและมันเป็นเบอร์แปลกเขาจึงปล่อยผ่าน ลืมคิดไปว่าอาจเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลเขาวิ่งมาจนถึงห้องที่อัญญากำลังทำการผ่านคลอดอยู่ด้านใน เขารีบวิ่งไปหยุดอยู่หน้าประตู มองลอดผ่านช่องกระจกน้อย ๆเข้าไป เห็นอัญญาถูกใส่เครื่องช่วยหายใจ มีหมอพยาบาลอีกหลายคนยืนล้อมรอบตัวเธอภาพที่เธอนอนหลับตาพริ้มพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ มันบีบรัดหัวใจเขาไปหมด ศิลาน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเสียดื้อ ๆมือสั่นตัวสั่นไปด้วยความกลัว ลืมความเหนื่อยไปหมดสิ้น“ศิลานั่งก่อนนะลูก” ปานวาดเข้าดึงตัวแขนลูกชาย เขาถอยออกมาตามแรงของแม่ “อัญญาไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อแม่สิ”“อัญเป็นอะไรครับ” เขาถามน้ำตาไหลออกมาเรื่อย ๆ“ปากมดลูกเปิดกว้าง หมอบอกว่าอัญได้รับยาระงับการคลอดมากเกินไปแล้ว หากยังต้องใช้ยาอีกมันจะเป็นอันตรายต่อเด็กและตัวแม่เอง”“…”“เลยต้องทำการผ่าคลอดเร่งด่วน”“ทำไมคลอดธรรมชาติไม่ได้” เขาเคย
บทที่ 66 “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นะคะ” อัญญาเอ่ยบอกศิลาที่กำลังนั่งซักผ้าเช็ดตัวให้เธอในห้องน้ำ “ไม่เป็นไร อัญนอนพักเลย” เขาตอบกลับมาแบบนั้นก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ต่อ อัญญายิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะนอนหลับตาเพื่อพักผ่อนต่อ มือลูบท้องกลม ๆของตัวเองไปด้วย ศิลานอนเฝ้าเธอทุกวันตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาหา ทำความสะอาดร่างกาย เช็ดปัสสาวะและอุจจาระให้เองตลอด อาบน้ำแต่งตัวเขาก็ทำให้เธอทุกอย่าง และทำอย่าสงสม่ำเสมอไม่บกพร่องเลย เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนนิด ๆอัญญายังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเช่นเคย ตอนนี้สามารถขยับร่างกายได้บ้างแล้วแต่ยังเคลื่อนที่เร็ว ๆไม่ได้ เพราะอาจทำให้ปากมดลูกเปิดอีก ศิลาอยู่เป็นเพื่อนคุยเล่นปลอบใจอยู่ตลอด ไม่เคยหายไปไหนนาน ๆ เขาจะบอกตลอดว่าเป็นห่วงอัญญามากขนาดไหน บอกรักเธอทุกวัน ดูแลดีอย่างคาดไม่ถึง ครืด ครืด ครืด อัญญาเหลือบมองตามเสียงโทรศัพท์ หน้าจอโชว์ชื่อของเลขาคนสนิทศิลา “พี่ศิลาคะ โทรศัพท์ค่ะ” เธอร้องบอก ศิลาเดินขมวดคิ้วเข้ามาหา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย สีหน้าเคร่งเครียดนิดหน่อย เขาถอนหายใจเสียงดังก่อนจะตัดสายทิ้ง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญาถามเขา “มีป