LOGINจวนสกุลไป๋
“คุณหนู ตื่นขึ้นมาได้แล้วเจ้าค่ะ อย่าทำให้บ่าวกลัวไปมากกว่านี้เลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวหลันเอ่ยออกมาอย่างร้อนใจ น้ำตาเริ่มไหลรินอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อวานคุณหนูของนางเกิดพลัดตกสระน้ำ กว่ามีคนมาช่วยก็กินเวลานานพอสมควร ท่านหมอลู่มาตรวจแล้วแจ้งว่าอยู่ที่ชะตาสวรรค์ หากคุณหนูสามารถตื่นขึ้นมาได้ ก็นับว่ารอดแล้ว
เสี่ยวหลันไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณหนูของนาง ถึงเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ได้ ที่สำคัญเหตุใดกลายเป็นคุณหนูของนาง ที่ทำร้ายสหายอย่างคุณหนูหลี่ จนตนเองพลัดตกสระน้ำได้ล่ะ
ไป๋หนิงเฟิ่งที่นอนอยู่ก็คิดสงสัยอยู่ในใจ ‘จำได้ว่าข้านั้นตกหน้าผาตายไปแล้ว แต่เหตุใดยังได้ยินเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของเสี่ยวหลันอีกล่ะ อีกทั้งร่างของข้าที่ตกลงไปใต้เหวลึก เหตุใดถึงไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ เลย’
เมื่อเปลือกตาค่อย ๆ ขยับเปิดขึ้น กลับพบเพดานห้องที่คุ้นตา กลิ่นยาสมุนไพรลอยมากระทบจมูก แทนที่จะเป็นกลิ่นคาวเลือดจากกลุ่มพวกกบฏ
เมื่อกวาดสายตามองรอบ ๆ ความรู้สึกแรกคือความงุนงงสงสัย ตามมาด้วยความตื่นตระหนกจนหัวใจเต้นระส่ำ เพราะนี่ไม่ใช่ตำหนักของจวนต้วนอ๋อง
“นี่มันที่ไหนกัน” น้ำเสียงแผ่วสั่นพร่าเล็ดลอดริมฝีปากออกมา
“คุณหนู คุณหนูของบ่าวฟื้นแล้ว บ่าวดีใจเหลือเกิน” นางเอ่ยอย่างดีใจทั้งน้ำตา มือก็รีบปาดมันออกทันทีเพื่อส่งยิ้มให้เจ้านาย แล้วรีบเข้ามาช่วยประคองเมื่อเห็นเจ้านายขยับตัว
ไป๋หนิงเฟิ่งยันกายลุกขึ้นช้า ๆ พบว่านางอยู่ในห้องนอนของตนเองที่จวนตระกูลไป๋ ภายในห้องยังมีข้าวของทุกอย่างครบครัน โต๊ะเขียนหนังสือที่บิดามอบให้ตั้งแต่เด็ก กล่องไม้แกะสลักที่มารดามอบให้เก็บเครื่องประดับไว้ก็ยังคงอยู่ ไม่มีวี่แววว่ามันถูกเผาทำลายไปแล้วเหมือนที่เคยเห็น
จากนั้นนางจึงใช้มือแตะใบหน้าของตนเอง พบว่าผิวพรรณยังอ่อนเยาว์ และไร้ร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการแต่งเข้าจวนอ๋อง ยามนี้แววตาของนางตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด จึงรีบวิ่งไปที่กระจกทองเหลือง ภาพสะท้อนตรงหน้าทำให้น้ำตารื้น ดวงตาคม ยังสดใส ผิวขาวเนียนยังไม่ถูกกาลเวลากัดกร่อน นี่มันไม่ใช่ร่างของสตรีที่ผ่านความทรมานมาหลายปี แต่คือร่างของไป๋หนิงเฟิ่งวัยสาว ก่อนแต่งงานเข้าจวนต้วนอ๋อง...
‘นี่ตัวข้าเวลาย้อนกลับมาเช่นนั้นหรือ’ นางกล่าวกับตัวเองในใจอย่างสับสนปนยินดี
เมื่อคิดได้ว่าสวรรค์ให้ตนเองกลับมาแก้ไขความผิดพลาดที่รักคนผิด ใบหน้าของนางจึงได้เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มยินดี
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมเดินตามเส้นทางเดิมอีกแล้ว” นางกล่าวเบา ๆ
“คุณหนูกล่าวอะไรเจ้าคะ บ่าวได้ยินไม่ถนัด” เสี่ยวหลันที่เดินมาประคองถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอันใด ขอบใจเจ้ามากที่อยู่ดูแลข้า” นางหันมายิ้มให้กับสาวใช้คนสนิท
“เช่นนั้นเดี๋ยวบ่าวไปยกอาหารมาให้กินนะเจ้าคะ” กล่าวจบเสี่ยวหลันก็รีบเดินออกไป
กินอาหารแล้วไป๋หนิงเฟิ่งก็นอนพักผ่อนและคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาอีกครั้ง
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ ท่านราชครูรออยู่ที่โถงใหญ่ ท่านเรียกให้คุณหนูไปพบเจ้าค่ะ” เสียงเรียกดังอยู่หน้าห้อง
“คุณหนูเพิ่งจะฟื้น เหตุใดถึงได้เรียกหากันเช่นนี้เจ้าคะ” เสี่ยวหลันเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ ทั้งที่รู้ว่าคุณหนูของนางตกสระน้ำเป็นตายเท่ากัน ทว่าวันนี้กลับเรียกหาโดยไม่ถามสักคำว่าดีขึ้นหรือยัง
“เจ้าอย่าเสียมารยาท การที่ท่านพ่อเรียกหาข้า คงเป็นเรื่องสำคัญ” ไป๋หนิงเฟิ่งตอบกลับสาวใช้ข้างกาย ก่อนจะส่งเสียงมาด้านนอก “ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวข้าตามไป”
แม้ว่านางจะตอบกลับสาวใช้ข้างนอกเสียงเรียบนิ่ง ทว่าแววตากลับเปล่งประกายบางอย่างออกมา ‘คงเป็นเรื่องที่ให้ข้าแต่งเข้าจวนต้วนอ๋องสินะ ไม่มีทาง’
หลังสาวใช้นอกห้องไปแล้ว ไป๋หนิงเฟิ่งจึงให้เสี่ยวหลันมาช่วยแต่งตัว
“เหตุใดคุณหนูไม่บอกไปเจ้าคะว่ายังไม่หายดี” นางยังคงกล่าวด้วยท่าทีไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร
ไป๋หนิงเฟิ่งยิ้มอ่อนโยนให้บ่าวคนสนิท ในใจขอบคุณสวรรค์ ที่ยังคงให้บ่าวข้างกายผู้ซื่อสัตย์คนนี้ยังอยู่กับนาง ก่อนแววตาจะประกายความโกรธแค้นและเกลียดชัง คนที่ทำให้สาวใช้คนนี้ต้องถูกขับไล่และตายไป เหตุการณ์นั้นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จู่ ๆ น้ำตาไหลออกมา นางยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตา ดวงตาแข็งกร้าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ‘คราวนี้ ข้าจะไม่ยอมทำตามความต้องการของผู้ใดอีก ข้าจะเลือกเส้นทางชีวิตและอนาคต ด้วยตัวข้าเอง’
นี่คือความคิดของนาง
ทว่านางกลับตอบออกมาอีกอย่าง “ช่างเถิด ท่านพ่อคงมีเรื่องสำคัญจนลืมไปว่าข้าป่วย เจ้าอย่ามัวแต่เอ่ยอยู่เลย มาช่วยข้าแต่งตัวให้เรียบร้อยเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นข้าอาจจะโดนตำหนิที่ไปสายก็เป็นได้”
“เจ้าค่ะคุณหนู” เสี่ยวหลันไม่เอ่ยอันใดออกมาอีก รีบจัดการแต่งตัวแต่งหน้าให้กับคุณหนูของนาง เพื่อไม่ให้ผู้ใดมาตำหนิได้อีก
ไป๋หนิงเฟิ่งเดินออกจากห้องในชุดที่นางชอบใส่ ซึ่งเป็นชุดที่เรียบง่าย ใบหน้าและผมของนาง ถูกตกแต่งอย่างดีตามแบบที่นางชอบโดยเสี่ยวหลัน แม้ว่าการแต่งตัวของนางยังเหมือนเดิม ทว่าแววตากลับคมกริบ จนสาวใช้ที่ได้พบเห็นถึงกับชะงักไปวูบหนึ่ง เพราะนั่นไม่ใช่แววตาของคุณหนูผู้โง่งม ที่คอยแต่ฝากความหวังไว้กับความรักอีกแล้ว
เซียวเฟยหลงมองหน้านาง ก็ย่อมรู้ว่าไป๋หนิงเฟิงไม่ได้เบาใจในเรื่องนี้ นางดูหนักใจกับเรื่องที่เขาบอกอย่างมาก จึงเอ่ยบางอย่างออกมา “ข้าพอมีวิธีช่วยเจ้าในเรื่องนี้ได้”“วิธีใดหรือเพคะ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่เต้น“เจ้าต้องรีบหาบ้านสามีใหม่ ก่อนที่ต้วนอ๋องจะกลับมา” เซียวเฟยหลงกล่าวออกมาเหมือนเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป“อะไรนะเพคะ!” แต่นางกลับตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน จนต้องถามเสียงดังกลับไป“ข้าบอกว่าเจ้าต้องหาสามีให้ได้ก่อนที่เขาจะกลับมา เพื่อมาขัดอำนาจกับต้วนอ๋อง แต่ทว่าหากเจ้ามีบ้านสามีที่ธรรมดาหรือไม่มีอำนาจหนุนหลัง เจ้าคิดหรือว่าหากต้วนอ๋องต้องการตัวเจ้า บุรุษที่แต่งกับเจ้าจะไม่ยอมถอยให้เขา ข้ามีข้อเสนอ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงจริงจัง เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว หากนางรับข้อเสนอ เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือ“เจ้าอยากแต่งกับข้าหรือไม่” เขาเอ่ยถามพร้อมกับมองสบสายตากับนาง“องค์ชายหมายความว่าอย่างไรเพคะ” คราวนี้ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“ข้าถามเจ้าว่า เจ้าอยากแต่งงานกับข้าหรือไม่ หากเจ้าต้องการ ข้าจะขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท อย่างน้อยก่อนแต่งงาน เจ้าก็คือคู่หมั้นของข้า ไม่ว่าผู้ใดหากคิดจะรังแกเจ้า ย
บทที่ 7 ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงตั้งแต่วันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วสามวัน ไป๋หนิงเฟิ่งไม่คิดที่จะสนใจสหายอย่างหลี่ชุยผิงอีกเลยแม้แต่น้อย ทว่าเรื่องที่คุณหนูหลี่ซื้อเครื่องประดับแล้วไม่มีเงินจ่ายโด่งดังไปทั่วเมือง ทำให้เสนาบดีหลี่โกรธมาก เขาสั่งลงโทษกักบริเวณบุตรสาว เขายอมควักเงินไปจ่ายให้กับทางร้านซินหรง และนำเครื่องประดับเหล่านั้นกลับมาจวนสกุลหลี่“คุณหนู เรื่องของคุณหนูหลี่โด่งดังไปทั่วเลยเจ้าค่ะ บ่าวสาแก่ใจยิ่งนัก” สาวใช้อย่างเสี่ยวหลันเอ่ยอย่างชอบใจ นางไม่ชอบสหายคนนี้ของเจ้านายสักเท่าไร แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น“ที่ผ่านมาข้าโง่จนทำให้ถูกเอาเปรียบ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ต่อจากนี้ข้าจะไม่โง่อีกแล้ว ทรัพย์สินและเงินทองของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครเอาไปใช้เหมือนทรัพย์สินของตนเองแน่นอน” ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยอย่างจริงจังพร้อมยิ้มออกมา นางไม่อยากให้สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์มองว่านางอ่อนแอเหมือนก่อนอีกแล้ว “บ่าวดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ บ่าวพูดจากใจ คุณหนูหลี่ไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น วันที่คุณหนูตกบ่อน้ำ เชื่อไหมเจ้าคะว่านางยืนยิ้มอย่างพึงพอใจโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ” เสี่ยวหลันรายงานเรื่อง
เมื่อถูกถามหลี่ชุยผิงรีบหันมาหาไป๋หนิงเฟิ่งแล้วเอ่ยถามออกมาว่า “หนิงเฟิ่ง เจ้าว่าจ่ายที่นี่หรือจะให้ไปเก็บที่จวนดี” น้ำเสียงนั้นอ่อนหวานยิ่งนัก“อันนี้ก็แล้วแต่เจ้าสิ ข้าไม่ได้เป็นผู้ซื้อเสียหน่อย” ไป๋หนิงเฟิ่งเองก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั่นทำให้หลี่ชุยผิงชะงักไปในทันที ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง “แต่ทุกครั้งที่ข้าออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าก็เป็นคนจ่ายให้ข้ามิใช่หรือ”“นั่นมันเมื่อก่อน ตั้งแต่ข้าขอยกเลิกงานแต่งจนให้ชื่อเสียงเสียหาย ท่านพ่อก็ตัดเงินของข้าเกือบหมด ข้าไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าหรอก เห็นทีครั้งนี้เจ้าต้องจ่ายด้วยตัวเองเสียแล้ว” ไป๋หนิงเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย คล้ายกับนางไม่มีเงินจริง ๆคราวนี้ใบหน้าของหลี่ชุยผิงซีดเผือดลงทันที นางไม่คิดว่าสหายจะกล่าวเช่นนี้ ถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกหลานของตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลของเสนาบดี แต่ใช่ว่านางจะมีเงินมากมายขนาดนี้ อีกทั้งเครื่องประดับพวกนี้ ราคารวมแล้วก็พันกว่าตำลึงเงิน แล้วนางจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายกันล่ะไป๋หนิงเฟิ่งไม่รอให้สหายตั้งสติได้ นางจึงรีบกล่าวออกมาอีกครั้ง “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าเป็นค
บทที่ 6 เอาคืนสหายชั่วไป๋หนิงเฟิ่งปรายตามองสหายเล็กน้อย ทว่าไม่ให้ฝ่ายนั้นรู้ตัว เนื่องจากนางต้องการเล่นงานสหายคนนี้ ถึงแม้ว่าบ้านของหลี่ชุยผิงมีฐานะร่ำรวยและเป็นจวนเสนาบดี แต่ทุกครั้งที่ออกมาเดินเล่นหรือซื้อของด้วยกัน กลับกลายเป็นให้นางจ่ายทั้งนั้นคราวนี้มาดูกันเถิดว่า ต่อจากนี้ใครกันแน่เป็นฝ่ายเสียหน้า!หลี่ชุยผิงยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาคล้องแขนสหาย แล้วเอ่ยอย่างดีใจ “ถ้าเช่นนั้นเราสองคนไม่ต้องคิดมากแล้ว ไปร้านขายเครื่องประดับกันดีกว่า ข้าอยากซื้อเครื่องประดับสักชุดสองชุด”“อืม ถ้าเจ้าอยากซื้อ ข้าจะไปกับเจ้า” ไป๋หนิงเฟิ่งตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าเน้นคำว่าอยากซื้อ สายตาหันไปสบกับสาวใช้คนสนิทเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้จากนั้นพวกนางจึงพากันเดินไปทางร้านขายเครื่องประดับทันทีร้านเครื่องประดับซินหรง ภายในร้านมีลูกค้ามากมายที่เข้ามาดูสินค้าและเลือกซื้ออย่างที่ต้องการ เมื่อลูกจ้างสาวในร้านเห็นว่าไป๋หนิงเฟิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหนูหลี่ จึงได้รีบเดินมาทักทายอย่างนอบน้อม“คุณหนูไป๋ คุณหนูหลี่ เชิญเจ้าค่ะ วันนี้ทั้งสองต้องการสิ่งใดเจ้าคะ” ใบหน้าของนางยิ้มแย้ม ไม่คิดดูหมิ่นไป๋หนิงเฟิ่งตามข่
เมื่อเจอคำถามนี้ หลี่ชุยผิงสะอึกไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ใช่แล้ว เขายังไม่กลับมาจากชายแดน หากกลับมาแล้วเขาคงมาสู่ขอข้าน่ะ แล้วที่เจ้าตกสระน้ำน่ะ อาการดีหรือยัง สตรีอย่างเราต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะหากไอเย็นเข้าร่างกายเยอะ จะทำให้มีบุตรยาก”“ข้าไม่คิดถึงเรื่องนั้นหรอก สตรีที่ชื่อเสียงเสียหายเช่นข้า คงไม่มีชายใดกล้ามาสู่ขอแล้วล่ะ แต่ข้ายินดีกับเจ้านะ และจะไปร่วมงานแต่งของเจ้าอย่างแน่นอน”“เจ้าอยู่แต่ในจวนไม่เบื่อบ้างหรือ เช่นนั้นไปเดินเล่นกับข้าในตลาดดีหรือไม่ เผื่อว่ามีจะของถูกใจเจ้า” หลี่ชุยผิงเอ่ยชวนไปเดินเล่นในตลาด นางเองก็อยากได้เครื่องประดับเหมือนกัน หากไปกับไป๋หนิงเฟิ่งคราใด นางไม่เคยได้จ่ายเงินสักตำลึงเดียวไป๋หนิงเฟิ่งรู้ทันสหายชั่ว แต่ก็แสร้งโอนอ่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย “ไปตลาดก็ดีเหมือนกัน ข้าอยากเดินเล่น” นางยิ้มคล้ายกับดีใจ‘คอยดูว่าข้าจะเล่นงานเจ้าอย่างไร มีหรือที่ข้าไม่รู้ว่า เจ้าต้องการให้ข้าไปพบเจอคำติฉินนินทาของชาวบ้าน แต่ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็พร้อมที่จะเล่นกับเจ้าเช่นกัน’ นางคิดในใจ ยิ้มเย็นมุมปากเล็กน้อยไม่นานพวกนางก็พากันนั่งรถม้าออกมาจากจวนตระกูลไป๋จวนอ
บทที่ 5 พบเจอองค์ชายรองเซียวเฟยหลงขณะเดียวกัน มีสายตาคู่หนึ่งมองมาทางนางอย่างพึงพอใจ ก่อนร่างใหญ่จะออกมาจากที่ซ่อน“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธการแต่งงาน และยอมแบกรับชื่อเสียงที่ถูกฝ่ายชายยกเลิกงานแต่ง แล้วยังให้บุตรสาวบ้านรองแต่เข้าเป็นอนุอีก”ไป๋หนิงเฟิ่งหันมาตามเสียง นางพยายามทบทวนความทรงจำและรับรู้ได้ว่าเขาคือองค์ชายรอง แววตาของนางสงบเย็น นางลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงทำความเคารพ “คารวะองค์ชายรอง”“ลุกขึ้นเถิด เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก”นางลุกขึ้นหลังจากได้รับอนุญาต เซียวเฟยหลงเดินมาหยุดตรงหน้า “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า เหตุใดเจ้าทำเช่นนั้น นั่นไม่เท่ากับต้องการขัดราชโองการหรอกหรือ”“หม่อมฉันไม่ได้ขัดราชโองการเพคะ ราชโองการส่งมาที่จวนนั้นมอบให้บุตรสาวสายรอง เพื่อแต่งเข้าไปเป็นอนุต่างหาก ไม่ใช่ให้หม่อมฉันแต่งเข้าจวนต้วนอ๋องเสียหน่อย” นางตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขาตรง ๆ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยเซียวเฟยหลงหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นทุ่มต่ำแต่กลับเย็นยะเยือก “เจ้ากล้ายอกย้อนดีนัก สตรีทั้งแผ่นดินต้องการแต่งเข้าจวนอ๋อง ต้องการสานสัมพันธ์กับราชวงศ์ แต่เจ้ากลับผลักไสวาสนานี้ ช่างน่







