LOGINทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ชายหนุ่มหันกลับมามอง แต่แทนที่เขาจะกลับมาเพื่อปกป้องนาง กลับกลายเป็นว่าเขาพุ่งไปคว้าสตรีอีกคนไปกอดไว้แน่น อีกทั้งยังกอดไว้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความร้อนรน “เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
“หม่อมฉันไม่เป็นอันใดเพคะ แต่หม่อมฉันหวาดกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าท่านอ๋องอีกแล้ว” นางกล่าวตัวสั่น ใบหน้าซุกอกเขาไว้ด้วยความหวาดกลัว
ทั้งสองเหมือนจะลืมใครบางคนไปแล้ว นั่นคือไป๋หนิงเฟิ่ง
ร่างของนางแข็งทื่อ ริมฝีปากสั่นระริก มองภาพนั้นด้วยใจที่แหลกสลาย ดวงตาค่อย ๆ มีน้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพตรงหน้าช่างโหดร้ายสำหรับนางเสียเหลือเกิน
ความจริงช่างโหดร้าย เมื่อพบว่านางไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับเขาเลย ต่อให้นางจะสละชีวิตและทนทุกข์มามากเพียงใด หัวใจของเขาก็ไม่เคยหันมามองนางที่เป็นชายาเอก
ไป๋หนิงเฟิ่งหัวเราะทั้งน้ำตา เสียงหัวเราะนั้นข่มขืน เหมือนมีดกรีดหัวใจซ้ำ ๆ หลายครั้ง
“เป็นเช่นนี้มาตลอดงั้นหรือ” นางกล่าวอย่างท้อแท้ในใจ
ปลายเท้าของนางแตะหินเย็นเฉียบ นางกัดริมฝีปากจนเลือดซึม ดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตา แต่ก็ยังยืนหลังตรงอย่างสง่างาม หวังจะเห็นแววตาของชายผู้เป็นพระสวามีหันมามองตนบ้าง แต่ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้า คือเขายังคงโอบกอดสตรีอีกนางไว้ ราวกับว่าชีวิตนี้มีเพียงพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้น
หัวใจของไป๋หนิงเฟิ่งร่วงหล่นลึกกว่าเหวเบื้องหน้า ความรักที่นางกอดเก็บไว้แน่นตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ยามนี้กลับถูกเหยียบย่ำต่อหน้าสายตาผู้คนมากมาย จึงได้หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
“ชาตินี้ข้ามิอาจครองใจท่านได้จริง ๆ”
แต่แล้วกลับมีเสียงทหารที่ก่อกบฏตะโกนขึ้นมา “ล้อมไว้ อย่าให้พวกมันหนีไปได้”
สิ้นเสียงสั่งการ เหล่าบรรดาทหารกบฏก็ค่อย ๆ ล้อมเข้ามา
นี่จึงทำให้ต้วนอ๋องเพิ่งได้สติ และเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เนื่องจากตอนนี้เขาเห็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาเอก กำลังถอยหลังไปทีละก้าว ใจของเขาเต้นระส่ำ และตะโกนออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ “เจ้าจะทำสิ่งใด อย่าคิดทำเรื่องโง่เง่าเช่นนั้น”
เมื่อได้ยินเสียงของพระสวามีดังขึ้น ไป๋หนิงเฟิ่งจึงได้หันกลับมามองเขาอีกครั้ง ด้วยดวงตาแดงก่ำน้ำตาไหลริน ทว่าริมฝีปากของนางกลับยังยกยิ้มอ่อนโยน อย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“แม้ว่าหม่อมฉันจะมีตำแหน่งพระชายาเอก แต่หัวใจของท่านอ๋องไม่เคยมีหม่อมฉันเลย” นางกล่าวออกมาช้า ๆ ถึงแม้ว่าเสียงที่กล่าวมาจะแผ่วเบามาก แต่กลับชัดเจนมากกว่าทุกครั้ง “หากรอดกลับไปได้ หม่อมฉันก็เป็นเพียงสตรีที่พระสวามีไม่ต้องการ เช่นนั้น หม่อมฉันจึงขอเรียกคืนความรักที่มอบเคยให้กับพระองค์ทั้งหมดกลับมา”
“หนิงเฟิ่ง เจ้าทำบ้าอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้าสั่งให้เจ้าหยุด” เสียงของเขาแตกพร่า เขาพยายามก้าวมาข้างหน้าเพื่อจะดึงนางไว้ ทั้งที่ในอ้อมกอดยังมีสตรีอีกคนอยู่
ไป๋หนิงเฟิ่งหลับตาชั่วครู่ ภาพชีวิตช่วงเวลาก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมา ตั้งแต่วันที่นางถูกหมั้นหมาย ถูกยกย่องว่าเป็นความภาคภูมิใจของตระกูล จนถึงวันที่ย่างก้าวเข้าจวนอ๋องด้วยหัวใจเปี่ยมรัก
แต่ทว่าสิ่งที่ได้กลับมา คือความเย็นชาและเฉยเมย
“ยามนี้ ท่านอ๋องไม่อาจห้ามปรามหม่อมฉันได้อีกแล้ว หากชาติหน้ามีจริง หม่อมฉันขอไม่รักพระองค์อีกแล้ว” ลาก่อน” นางลืมตาขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างแน่วแน่
สิ้นคำกล่าวนี้ นางหลับตาลงอีกครั้ง นางถอยหลังไปช้า ๆ แล้วปล่อยตัวจากขอบหน้าผา แม้รู้ว่าการทำเช่นนี้มีความตายรออยู่ แต่ร่างที่ร่วงลงมากลับมีใบหน้าเปื้อนยิ้ม คล้ายกับนางกำลังมีความสุขในพื้นที่ของนาง
“ไม่นะ!!” เสียงร้องตะโกนของต้วนอ๋องดังก้องไปทั่วหุบเขา เขาวิ่งเข้าไปหานาง แต่ทว่ากลับไม่สามารถคว้าร่างของพระชายาไว้ได้ทัน
ร่างของไป๋หนิงเฟิ่งตกลงไปในหุบเขาอันมืดมิด ก่อนที่ทหารฝ่ายที่ก่อกบฏ จะยกดาบขึ้นแทงเข้าที่หัวใจของต้วนอ๋องและสตรีที่เขารักมาก เขาไม่ได้เจ็บปวดที่ถูกแทงทะลุหัวใจ แต่กลับเจ็บปวดกับความสูญเสียสตรีผู้เคยยกหัวใจให้เขาทั้งดวง
“หากชาติหน้ามีจริง หม่อมฉันขอไม่รักพระองค์ท่านอีกแล้ว”
นี่คือเสียงเดียวที่ยังก้องอยู่ในหัวของต้วนอ๋อง ก่อนที่ลมหายใจของเขาจะขาดห้วงไปเช่นกัน...
เซียวเฟยหลงมองหน้านาง ก็ย่อมรู้ว่าไป๋หนิงเฟิงไม่ได้เบาใจในเรื่องนี้ นางดูหนักใจกับเรื่องที่เขาบอกอย่างมาก จึงเอ่ยบางอย่างออกมา “ข้าพอมีวิธีช่วยเจ้าในเรื่องนี้ได้”“วิธีใดหรือเพคะ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่เต้น“เจ้าต้องรีบหาบ้านสามีใหม่ ก่อนที่ต้วนอ๋องจะกลับมา” เซียวเฟยหลงกล่าวออกมาเหมือนเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป“อะไรนะเพคะ!” แต่นางกลับตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน จนต้องถามเสียงดังกลับไป“ข้าบอกว่าเจ้าต้องหาสามีให้ได้ก่อนที่เขาจะกลับมา เพื่อมาขัดอำนาจกับต้วนอ๋อง แต่ทว่าหากเจ้ามีบ้านสามีที่ธรรมดาหรือไม่มีอำนาจหนุนหลัง เจ้าคิดหรือว่าหากต้วนอ๋องต้องการตัวเจ้า บุรุษที่แต่งกับเจ้าจะไม่ยอมถอยให้เขา ข้ามีข้อเสนอ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงจริงจัง เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว หากนางรับข้อเสนอ เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือ“เจ้าอยากแต่งกับข้าหรือไม่” เขาเอ่ยถามพร้อมกับมองสบสายตากับนาง“องค์ชายหมายความว่าอย่างไรเพคะ” คราวนี้ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“ข้าถามเจ้าว่า เจ้าอยากแต่งงานกับข้าหรือไม่ หากเจ้าต้องการ ข้าจะขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท อย่างน้อยก่อนแต่งงาน เจ้าก็คือคู่หมั้นของข้า ไม่ว่าผู้ใดหากคิดจะรังแกเจ้า ย
บทที่ 7 ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงตั้งแต่วันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วสามวัน ไป๋หนิงเฟิ่งไม่คิดที่จะสนใจสหายอย่างหลี่ชุยผิงอีกเลยแม้แต่น้อย ทว่าเรื่องที่คุณหนูหลี่ซื้อเครื่องประดับแล้วไม่มีเงินจ่ายโด่งดังไปทั่วเมือง ทำให้เสนาบดีหลี่โกรธมาก เขาสั่งลงโทษกักบริเวณบุตรสาว เขายอมควักเงินไปจ่ายให้กับทางร้านซินหรง และนำเครื่องประดับเหล่านั้นกลับมาจวนสกุลหลี่“คุณหนู เรื่องของคุณหนูหลี่โด่งดังไปทั่วเลยเจ้าค่ะ บ่าวสาแก่ใจยิ่งนัก” สาวใช้อย่างเสี่ยวหลันเอ่ยอย่างชอบใจ นางไม่ชอบสหายคนนี้ของเจ้านายสักเท่าไร แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น“ที่ผ่านมาข้าโง่จนทำให้ถูกเอาเปรียบ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ต่อจากนี้ข้าจะไม่โง่อีกแล้ว ทรัพย์สินและเงินทองของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครเอาไปใช้เหมือนทรัพย์สินของตนเองแน่นอน” ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยอย่างจริงจังพร้อมยิ้มออกมา นางไม่อยากให้สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์มองว่านางอ่อนแอเหมือนก่อนอีกแล้ว “บ่าวดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ บ่าวพูดจากใจ คุณหนูหลี่ไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น วันที่คุณหนูตกบ่อน้ำ เชื่อไหมเจ้าคะว่านางยืนยิ้มอย่างพึงพอใจโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ” เสี่ยวหลันรายงานเรื่อง
เมื่อถูกถามหลี่ชุยผิงรีบหันมาหาไป๋หนิงเฟิ่งแล้วเอ่ยถามออกมาว่า “หนิงเฟิ่ง เจ้าว่าจ่ายที่นี่หรือจะให้ไปเก็บที่จวนดี” น้ำเสียงนั้นอ่อนหวานยิ่งนัก“อันนี้ก็แล้วแต่เจ้าสิ ข้าไม่ได้เป็นผู้ซื้อเสียหน่อย” ไป๋หนิงเฟิ่งเองก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั่นทำให้หลี่ชุยผิงชะงักไปในทันที ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง “แต่ทุกครั้งที่ข้าออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าก็เป็นคนจ่ายให้ข้ามิใช่หรือ”“นั่นมันเมื่อก่อน ตั้งแต่ข้าขอยกเลิกงานแต่งจนให้ชื่อเสียงเสียหาย ท่านพ่อก็ตัดเงินของข้าเกือบหมด ข้าไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าหรอก เห็นทีครั้งนี้เจ้าต้องจ่ายด้วยตัวเองเสียแล้ว” ไป๋หนิงเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย คล้ายกับนางไม่มีเงินจริง ๆคราวนี้ใบหน้าของหลี่ชุยผิงซีดเผือดลงทันที นางไม่คิดว่าสหายจะกล่าวเช่นนี้ ถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกหลานของตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลของเสนาบดี แต่ใช่ว่านางจะมีเงินมากมายขนาดนี้ อีกทั้งเครื่องประดับพวกนี้ ราคารวมแล้วก็พันกว่าตำลึงเงิน แล้วนางจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายกันล่ะไป๋หนิงเฟิ่งไม่รอให้สหายตั้งสติได้ นางจึงรีบกล่าวออกมาอีกครั้ง “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าเป็นค
บทที่ 6 เอาคืนสหายชั่วไป๋หนิงเฟิ่งปรายตามองสหายเล็กน้อย ทว่าไม่ให้ฝ่ายนั้นรู้ตัว เนื่องจากนางต้องการเล่นงานสหายคนนี้ ถึงแม้ว่าบ้านของหลี่ชุยผิงมีฐานะร่ำรวยและเป็นจวนเสนาบดี แต่ทุกครั้งที่ออกมาเดินเล่นหรือซื้อของด้วยกัน กลับกลายเป็นให้นางจ่ายทั้งนั้นคราวนี้มาดูกันเถิดว่า ต่อจากนี้ใครกันแน่เป็นฝ่ายเสียหน้า!หลี่ชุยผิงยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาคล้องแขนสหาย แล้วเอ่ยอย่างดีใจ “ถ้าเช่นนั้นเราสองคนไม่ต้องคิดมากแล้ว ไปร้านขายเครื่องประดับกันดีกว่า ข้าอยากซื้อเครื่องประดับสักชุดสองชุด”“อืม ถ้าเจ้าอยากซื้อ ข้าจะไปกับเจ้า” ไป๋หนิงเฟิ่งตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าเน้นคำว่าอยากซื้อ สายตาหันไปสบกับสาวใช้คนสนิทเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้จากนั้นพวกนางจึงพากันเดินไปทางร้านขายเครื่องประดับทันทีร้านเครื่องประดับซินหรง ภายในร้านมีลูกค้ามากมายที่เข้ามาดูสินค้าและเลือกซื้ออย่างที่ต้องการ เมื่อลูกจ้างสาวในร้านเห็นว่าไป๋หนิงเฟิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหนูหลี่ จึงได้รีบเดินมาทักทายอย่างนอบน้อม“คุณหนูไป๋ คุณหนูหลี่ เชิญเจ้าค่ะ วันนี้ทั้งสองต้องการสิ่งใดเจ้าคะ” ใบหน้าของนางยิ้มแย้ม ไม่คิดดูหมิ่นไป๋หนิงเฟิ่งตามข่
เมื่อเจอคำถามนี้ หลี่ชุยผิงสะอึกไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ใช่แล้ว เขายังไม่กลับมาจากชายแดน หากกลับมาแล้วเขาคงมาสู่ขอข้าน่ะ แล้วที่เจ้าตกสระน้ำน่ะ อาการดีหรือยัง สตรีอย่างเราต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะหากไอเย็นเข้าร่างกายเยอะ จะทำให้มีบุตรยาก”“ข้าไม่คิดถึงเรื่องนั้นหรอก สตรีที่ชื่อเสียงเสียหายเช่นข้า คงไม่มีชายใดกล้ามาสู่ขอแล้วล่ะ แต่ข้ายินดีกับเจ้านะ และจะไปร่วมงานแต่งของเจ้าอย่างแน่นอน”“เจ้าอยู่แต่ในจวนไม่เบื่อบ้างหรือ เช่นนั้นไปเดินเล่นกับข้าในตลาดดีหรือไม่ เผื่อว่ามีจะของถูกใจเจ้า” หลี่ชุยผิงเอ่ยชวนไปเดินเล่นในตลาด นางเองก็อยากได้เครื่องประดับเหมือนกัน หากไปกับไป๋หนิงเฟิ่งคราใด นางไม่เคยได้จ่ายเงินสักตำลึงเดียวไป๋หนิงเฟิ่งรู้ทันสหายชั่ว แต่ก็แสร้งโอนอ่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย “ไปตลาดก็ดีเหมือนกัน ข้าอยากเดินเล่น” นางยิ้มคล้ายกับดีใจ‘คอยดูว่าข้าจะเล่นงานเจ้าอย่างไร มีหรือที่ข้าไม่รู้ว่า เจ้าต้องการให้ข้าไปพบเจอคำติฉินนินทาของชาวบ้าน แต่ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็พร้อมที่จะเล่นกับเจ้าเช่นกัน’ นางคิดในใจ ยิ้มเย็นมุมปากเล็กน้อยไม่นานพวกนางก็พากันนั่งรถม้าออกมาจากจวนตระกูลไป๋จวนอ
บทที่ 5 พบเจอองค์ชายรองเซียวเฟยหลงขณะเดียวกัน มีสายตาคู่หนึ่งมองมาทางนางอย่างพึงพอใจ ก่อนร่างใหญ่จะออกมาจากที่ซ่อน“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธการแต่งงาน และยอมแบกรับชื่อเสียงที่ถูกฝ่ายชายยกเลิกงานแต่ง แล้วยังให้บุตรสาวบ้านรองแต่เข้าเป็นอนุอีก”ไป๋หนิงเฟิ่งหันมาตามเสียง นางพยายามทบทวนความทรงจำและรับรู้ได้ว่าเขาคือองค์ชายรอง แววตาของนางสงบเย็น นางลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงทำความเคารพ “คารวะองค์ชายรอง”“ลุกขึ้นเถิด เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก”นางลุกขึ้นหลังจากได้รับอนุญาต เซียวเฟยหลงเดินมาหยุดตรงหน้า “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า เหตุใดเจ้าทำเช่นนั้น นั่นไม่เท่ากับต้องการขัดราชโองการหรอกหรือ”“หม่อมฉันไม่ได้ขัดราชโองการเพคะ ราชโองการส่งมาที่จวนนั้นมอบให้บุตรสาวสายรอง เพื่อแต่งเข้าไปเป็นอนุต่างหาก ไม่ใช่ให้หม่อมฉันแต่งเข้าจวนต้วนอ๋องเสียหน่อย” นางตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขาตรง ๆ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยเซียวเฟยหลงหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นทุ่มต่ำแต่กลับเย็นยะเยือก “เจ้ากล้ายอกย้อนดีนัก สตรีทั้งแผ่นดินต้องการแต่งเข้าจวนอ๋อง ต้องการสานสัมพันธ์กับราชวงศ์ แต่เจ้ากลับผลักไสวาสนานี้ ช่างน่







