Share

แบกรับชื่อเสียงด่างพร้อย 1.1

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-12-18 11:31:12

บทที่ 4 แบกรับชื่อเสียงด่างพร้อย

หลายวันมานี้ในเมืองหลวง ข่าวลือเรื่องของไป๋หนิงเฟิ่งดังสะท้อนไปทั่วเมืองอีกครั้ง ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่จากตระกูลไป๋ผู้นี้ ถูกถอนหมั้นโดยมีราชโองการยืนยันจากฮ่องเต้ อีกทั้งยังให้บุตรสาวจากตระกูลไป๋สายรอง แต่งไปเป็นอนุให้กับต้วนอ๋อง

เช่นนี้แล้วไม่เท่ากับว่าตระกูลไป๋ถูกตบหน้าหรอกหรือ

จากคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋แต่งเข้าเป็นพระชายาเอก กลายเป็นบุตรสาวสายรองได้แต่งเข้าไปแทน แต่ในฐานะอนุเท่านั้น

“บ้าไปแล้วแน่ ๆ แบบนี้คุณหนูไป๋จะเอาหน้าตาไปไว้ที่ใดกัน”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ต่อไปคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ จะมีใครกล้ามาขอแต่งงาน”

“นั่นน่ะสิ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือบอกว่านางปฏิเสธการแต่งงานด้วยตนเอง นี่คงทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัย จึงได้ออกราชโองการมาเช่นนี้”

เสียงซุบซิบดังไปทุกตรอกซอกซอย ทั้งยังลามเข้ามาในราชสำนัก ขุนนางบางส่วนหัวเราะเยาะตระกูลไป๋ แต่บางส่วนกลับเริ่มสงสัยว่า เหตุใดจึงได้มีราชโองการเช่นนี้ออกมา

“ตอนนี้ไม่รู้ว่าราชครูไป๋เอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว แทนที่บุตรสาวจะได้เป็นพระชายาเอก กลับถูกถอนหมั้น ไม่นับว่าสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับตระกูลรึ”

“ขุนนางอี้ อย่าลืมสิว่าในราชโองการของฝ่าบาท ให้สายรองแต่งบุตรสาวเข้าไปเป็นอนุของท่านอ๋อง เหตุใดตระกูลไป๋จะไม่ปลอดภัยเล่า”

ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังสนทนาในเรื่องนี้กันอยู่ กลับมีเสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้น บ่งบอกว่ามีความไม่พอใจในเรื่องนี้ไม่น้อย  

“พวกท่านไม่มีเรื่องจะสนทนากันแล้วหรอกหรือ จึงได้เอาเรื่องนี้มานินทากันในราชสำนัก”

และนี่ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน แต่เป็นเสียงขององค์ชายรอง เซียวเฟยหลง

“คารวะ องค์ชายรอง”

เซียวเฟยหลงปรายตามองทุกคนอย่างเย็นชา พร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมา แล้วตรงไปยังตำหนักของฮ่องเต้ เนื่องจากครั้งนี้เขาถูกเรียกตัวมานั่นเอง 

บุรุษร่างสูงสง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างมั่นคง ก่อนที่กงกงหน้าประตูจะเอ่ยเสียงดัง เพื่อให้ภายในตำหนักรับรู้ว่าผู้ใดมาแล้ว

“องค์ชายรองเซียวเฟยหลงเสด็จ”

ไม่นานร่างของหวางกงกงก็มาต้อนรับ แล้วนำองค์ชายรองผู้นี้เข้าไปในตำหนักพร้อมกัน

“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้มีอายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี” เมื่อเข้ามาในตำหนัก ชายหนุ่มรีบคุกเข่าลงและทำความเคารพฮ่องเต้เหมือนขุนนางทั่วไป

“เจ้าอย่ามากพิธีเลย รีบลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้รีบกล่าวขึ้น ไม่เข้าใจว่าบุตรชายคนรองของเขา จะมีพิธีรีตองอะไรมากมายนัก ทำอย่างกับเป็นขุนนาง และไม่ใช่โอรสของเขา เมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้น จึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “เจ้าคงได้รับข่าวแล้วใช่หรือไม่ เรื่องที่คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ ปฏิเสธการแต่งงานกับต้วนอ๋อง”

“กระหม่อมได้ข่าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดข่าวลือถึงออกไปเยี่ยงนั้น นี่ไม่เท่ากับทำลายชื่อเสียงของนางหรอกหรือ” คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยในตอนที่เอ่ยถาม ไม่เข้าใจว่าเหตุใดข่าวลือกับความเป็นจริง ถึงได้ต่างกันราวกับพลิกฝ่ามือ

“นางยอมรับและยอมแบกชื่อเสียงที่เสียหายด้วยตนเอง ท่านราชครูก็เช่นกัน หากไม่คิดว่านางชื่อเสียงเสียหายไปแล้ว ข้าก็อยากจะมอบสมรสให้นางกับบุตรของข้าสักคน ถึงแม้ว่านางจะมีความดื้อดึง แต่ครั้งนี้ข้ามองเห็นแววตาของนางไม่เหมือนคนอื่น แววตานั้นราวกับผ่านชีวิตมามากมาย” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเสียดาย

เซียวเฟยหลงหรี่ตาเล็กน้อย แววตาของเขามีประกายบางอย่างวาบขึ้นมา “ช่างน่าสนใจ” เขากล่าวเบา ๆ

แม้เขาจะกล่าวเสียงเบา แต่ฮ่องเต้และกงกงคนสนิทกลับได้ยินอย่างชัดเจน

“เจ้าสนใจนางเช่นนั้นหรือ”

ฮ่องเต้เลิกคิ้วถาม ก่อนจะตรัสประโยคต่อมา “เจ้าอย่าลืมนะว่าต้วนอ๋องมีกำลังทหารในมือนับแสน หากข้าบอกไปว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋เป็นคนมาขอยกเลิกงานแต่งในครั้งนี้ เพื่อมาแต่งกับเจ้า ต้วนอ๋องจะเอาหน้าไว้ที่ใด เขาอาจจะไม่พอใจจนทำสิ่งที่เราไม่คาดคิด” น้ำเสียงนั้นมีความกังวลไม่น้อย

“ก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ต้วนอ๋องจะมีความดีความชอบและมีกำลังทหารมากมาย แต่เรื่องหัวใจมันก็บังคับกันไม่ได้ อีกอย่างเท่าที่กระหม่อมได้ยินข่าวมา ตัวเขาเองก็มีคนรักอยู่แล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

เรื่องคนรักของต้วนโม่หยางเขารับรู้ได้ด้วยความบังเอิญ แต่ก็ไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของตนเอง  แต่ในครั้งนี้แตกต่างออกไป

“เฟยหลง เจ้ารับรู้เรื่องนี้นานแล้วหรือ เหตุใดไม่บอกเรา”

“แล้วเหตุใดกระหม่อมต้องบอกด้วยพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ไม่เกี่ยวกับกระหม่อมเสียหน่อย” เขาตอบเสียงเย็นชา

ฮ่องเต้ถอนหายใจ เขาไม่เข้าใจบุตรชายคนนี้ และไม่เคยรู้นิสัยที่แท้จริงเลย นอกจากจะเก่งเรื่องทหารแล้ว เรื่องอื่นล้วนไม่อาจเดาได้

“เฮ้อ...ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไม่เคยสนใจสตรีนางใด อายุขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะแต่งงาน ข้าจะออกราชโองการให้เจ้าก็ไม่ได้ เพราะเจ้ามีราชโองการเรื่องที่เลือกคู่ครองเองได้ จากอดีตฮ่องเต้ที่เป็นปู่ของเจ้าไว้แล้ว” ฮ่องเต้กล่าวอย่างหนักใจ แม้ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งที่ขัดกับราชโองการของอดีตฮ่องเต้ที่เป็นพระบิดาได้ อดีตฮ่องเต้ได้มีราชโองการให้บุตรคนนี้ได้สิทธิ์ในการเลือกคู่ครองด้วยตนเอง

“ฝ่าบาทมีสิ่งใดจะสั่งกระหม่อมอีกหรือไม่ หากไม่มีกระหม่อมขอตัว กระหม่อมยังมีราชกิจที่ต้องทำ” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา โดยไม่สนใจว่าจะแสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าฮ่องเต้หรือไม่

“เช่นนั้นเจ้าไปเถิด ข้าเองจะพักผ่อนสักหน่อย” ฮ่องเต้กล่าวออกมาพร้อมกับโบกมือไล่

จากนั้นก็นั่งนึกทบทวนถึงชายาผู้ล่วงลับ ชายาที่เป็นมารดาของบุตรชายคนนี้ นางตายโดยไร้สาเหตุ แต่เพราะต้องการให้บัลลังก์มั่นคง เขาจึงไม่ได้ตรวจสอบสิ่งใด นี่จึงทำให้พ่อกับลูกบาดหมางกันตั้งแต่นั้นมาจนถึงตอนนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ไป๋หนิงเฟิ่งสตรีผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตา    ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง 1.2

    เซียวเฟยหลงมองหน้านาง ก็ย่อมรู้ว่าไป๋หนิงเฟิงไม่ได้เบาใจในเรื่องนี้ นางดูหนักใจกับเรื่องที่เขาบอกอย่างมาก จึงเอ่ยบางอย่างออกมา “ข้าพอมีวิธีช่วยเจ้าในเรื่องนี้ได้”“วิธีใดหรือเพคะ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่เต้น“เจ้าต้องรีบหาบ้านสามีใหม่ ก่อนที่ต้วนอ๋องจะกลับมา” เซียวเฟยหลงกล่าวออกมาเหมือนเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป“อะไรนะเพคะ!” แต่นางกลับตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน จนต้องถามเสียงดังกลับไป“ข้าบอกว่าเจ้าต้องหาสามีให้ได้ก่อนที่เขาจะกลับมา เพื่อมาขัดอำนาจกับต้วนอ๋อง แต่ทว่าหากเจ้ามีบ้านสามีที่ธรรมดาหรือไม่มีอำนาจหนุนหลัง เจ้าคิดหรือว่าหากต้วนอ๋องต้องการตัวเจ้า บุรุษที่แต่งกับเจ้าจะไม่ยอมถอยให้เขา ข้ามีข้อเสนอ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงจริงจัง เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว หากนางรับข้อเสนอ เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือ“เจ้าอยากแต่งกับข้าหรือไม่” เขาเอ่ยถามพร้อมกับมองสบสายตากับนาง“องค์ชายหมายความว่าอย่างไรเพคะ” คราวนี้ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“ข้าถามเจ้าว่า เจ้าอยากแต่งงานกับข้าหรือไม่ หากเจ้าต้องการ ข้าจะขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท อย่างน้อยก่อนแต่งงาน เจ้าก็คือคู่หมั้นของข้า ไม่ว่าผู้ใดหากคิดจะรังแกเจ้า ย

  • ไป๋หนิงเฟิ่งสตรีผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตา    ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง 1.1

    บทที่ 7 ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงตั้งแต่วันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วสามวัน ไป๋หนิงเฟิ่งไม่คิดที่จะสนใจสหายอย่างหลี่ชุยผิงอีกเลยแม้แต่น้อย ทว่าเรื่องที่คุณหนูหลี่ซื้อเครื่องประดับแล้วไม่มีเงินจ่ายโด่งดังไปทั่วเมือง ทำให้เสนาบดีหลี่โกรธมาก เขาสั่งลงโทษกักบริเวณบุตรสาว เขายอมควักเงินไปจ่ายให้กับทางร้านซินหรง และนำเครื่องประดับเหล่านั้นกลับมาจวนสกุลหลี่“คุณหนู เรื่องของคุณหนูหลี่โด่งดังไปทั่วเลยเจ้าค่ะ บ่าวสาแก่ใจยิ่งนัก” สาวใช้อย่างเสี่ยวหลันเอ่ยอย่างชอบใจ นางไม่ชอบสหายคนนี้ของเจ้านายสักเท่าไร แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น“ที่ผ่านมาข้าโง่จนทำให้ถูกเอาเปรียบ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ต่อจากนี้ข้าจะไม่โง่อีกแล้ว ทรัพย์สินและเงินทองของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครเอาไปใช้เหมือนทรัพย์สินของตนเองแน่นอน” ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยอย่างจริงจังพร้อมยิ้มออกมา นางไม่อยากให้สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์มองว่านางอ่อนแอเหมือนก่อนอีกแล้ว “บ่าวดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ บ่าวพูดจากใจ คุณหนูหลี่ไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น วันที่คุณหนูตกบ่อน้ำ เชื่อไหมเจ้าคะว่านางยืนยิ้มอย่างพึงพอใจโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ” เสี่ยวหลันรายงานเรื่อง

  • ไป๋หนิงเฟิ่งสตรีผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตา   เอาคืนสหายชั่ว 1.2

    เมื่อถูกถามหลี่ชุยผิงรีบหันมาหาไป๋หนิงเฟิ่งแล้วเอ่ยถามออกมาว่า “หนิงเฟิ่ง เจ้าว่าจ่ายที่นี่หรือจะให้ไปเก็บที่จวนดี” น้ำเสียงนั้นอ่อนหวานยิ่งนัก“อันนี้ก็แล้วแต่เจ้าสิ ข้าไม่ได้เป็นผู้ซื้อเสียหน่อย” ไป๋หนิงเฟิ่งเองก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั่นทำให้หลี่ชุยผิงชะงักไปในทันที ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง “แต่ทุกครั้งที่ข้าออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าก็เป็นคนจ่ายให้ข้ามิใช่หรือ”“นั่นมันเมื่อก่อน ตั้งแต่ข้าขอยกเลิกงานแต่งจนให้ชื่อเสียงเสียหาย ท่านพ่อก็ตัดเงินของข้าเกือบหมด ข้าไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าหรอก เห็นทีครั้งนี้เจ้าต้องจ่ายด้วยตัวเองเสียแล้ว” ไป๋หนิงเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย คล้ายกับนางไม่มีเงินจริง ๆคราวนี้ใบหน้าของหลี่ชุยผิงซีดเผือดลงทันที นางไม่คิดว่าสหายจะกล่าวเช่นนี้ ถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกหลานของตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลของเสนาบดี แต่ใช่ว่านางจะมีเงินมากมายขนาดนี้ อีกทั้งเครื่องประดับพวกนี้ ราคารวมแล้วก็พันกว่าตำลึงเงิน แล้วนางจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายกันล่ะไป๋หนิงเฟิ่งไม่รอให้สหายตั้งสติได้ นางจึงรีบกล่าวออกมาอีกครั้ง “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าเป็นค

  • ไป๋หนิงเฟิ่งสตรีผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตา   เอาคืนสหายชั่ว 1.1

    บทที่ 6 เอาคืนสหายชั่วไป๋หนิงเฟิ่งปรายตามองสหายเล็กน้อย ทว่าไม่ให้ฝ่ายนั้นรู้ตัว เนื่องจากนางต้องการเล่นงานสหายคนนี้ ถึงแม้ว่าบ้านของหลี่ชุยผิงมีฐานะร่ำรวยและเป็นจวนเสนาบดี แต่ทุกครั้งที่ออกมาเดินเล่นหรือซื้อของด้วยกัน กลับกลายเป็นให้นางจ่ายทั้งนั้นคราวนี้มาดูกันเถิดว่า ต่อจากนี้ใครกันแน่เป็นฝ่ายเสียหน้า!หลี่ชุยผิงยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาคล้องแขนสหาย แล้วเอ่ยอย่างดีใจ “ถ้าเช่นนั้นเราสองคนไม่ต้องคิดมากแล้ว ไปร้านขายเครื่องประดับกันดีกว่า ข้าอยากซื้อเครื่องประดับสักชุดสองชุด”“อืม ถ้าเจ้าอยากซื้อ ข้าจะไปกับเจ้า” ไป๋หนิงเฟิ่งตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าเน้นคำว่าอยากซื้อ สายตาหันไปสบกับสาวใช้คนสนิทเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้จากนั้นพวกนางจึงพากันเดินไปทางร้านขายเครื่องประดับทันทีร้านเครื่องประดับซินหรง ภายในร้านมีลูกค้ามากมายที่เข้ามาดูสินค้าและเลือกซื้ออย่างที่ต้องการ เมื่อลูกจ้างสาวในร้านเห็นว่าไป๋หนิงเฟิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหนูหลี่ จึงได้รีบเดินมาทักทายอย่างนอบน้อม“คุณหนูไป๋ คุณหนูหลี่ เชิญเจ้าค่ะ วันนี้ทั้งสองต้องการสิ่งใดเจ้าคะ” ใบหน้าของนางยิ้มแย้ม ไม่คิดดูหมิ่นไป๋หนิงเฟิ่งตามข่

  • ไป๋หนิงเฟิ่งสตรีผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตา    พบเจอองค์ชายรองเซียวเฟยหลง 1.2

    เมื่อเจอคำถามนี้ หลี่ชุยผิงสะอึกไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ใช่แล้ว เขายังไม่กลับมาจากชายแดน หากกลับมาแล้วเขาคงมาสู่ขอข้าน่ะ แล้วที่เจ้าตกสระน้ำน่ะ อาการดีหรือยัง สตรีอย่างเราต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะหากไอเย็นเข้าร่างกายเยอะ จะทำให้มีบุตรยาก”“ข้าไม่คิดถึงเรื่องนั้นหรอก สตรีที่ชื่อเสียงเสียหายเช่นข้า คงไม่มีชายใดกล้ามาสู่ขอแล้วล่ะ แต่ข้ายินดีกับเจ้านะ และจะไปร่วมงานแต่งของเจ้าอย่างแน่นอน”“เจ้าอยู่แต่ในจวนไม่เบื่อบ้างหรือ เช่นนั้นไปเดินเล่นกับข้าในตลาดดีหรือไม่ เผื่อว่ามีจะของถูกใจเจ้า” หลี่ชุยผิงเอ่ยชวนไปเดินเล่นในตลาด นางเองก็อยากได้เครื่องประดับเหมือนกัน หากไปกับไป๋หนิงเฟิ่งคราใด นางไม่เคยได้จ่ายเงินสักตำลึงเดียวไป๋หนิงเฟิ่งรู้ทันสหายชั่ว แต่ก็แสร้งโอนอ่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย “ไปตลาดก็ดีเหมือนกัน ข้าอยากเดินเล่น” นางยิ้มคล้ายกับดีใจ‘คอยดูว่าข้าจะเล่นงานเจ้าอย่างไร มีหรือที่ข้าไม่รู้ว่า เจ้าต้องการให้ข้าไปพบเจอคำติฉินนินทาของชาวบ้าน แต่ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็พร้อมที่จะเล่นกับเจ้าเช่นกัน’ นางคิดในใจ ยิ้มเย็นมุมปากเล็กน้อยไม่นานพวกนางก็พากันนั่งรถม้าออกมาจากจวนตระกูลไป๋จวนอ

  • ไป๋หนิงเฟิ่งสตรีผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตา    พบเจอองค์ชายรองเซียวเฟยหลง1.1

    บทที่ 5 พบเจอองค์ชายรองเซียวเฟยหลงขณะเดียวกัน มีสายตาคู่หนึ่งมองมาทางนางอย่างพึงพอใจ ก่อนร่างใหญ่จะออกมาจากที่ซ่อน“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธการแต่งงาน และยอมแบกรับชื่อเสียงที่ถูกฝ่ายชายยกเลิกงานแต่ง แล้วยังให้บุตรสาวบ้านรองแต่เข้าเป็นอนุอีก”ไป๋หนิงเฟิ่งหันมาตามเสียง นางพยายามทบทวนความทรงจำและรับรู้ได้ว่าเขาคือองค์ชายรอง แววตาของนางสงบเย็น นางลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงทำความเคารพ “คารวะองค์ชายรอง”“ลุกขึ้นเถิด เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก”นางลุกขึ้นหลังจากได้รับอนุญาต เซียวเฟยหลงเดินมาหยุดตรงหน้า “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า เหตุใดเจ้าทำเช่นนั้น นั่นไม่เท่ากับต้องการขัดราชโองการหรอกหรือ”“หม่อมฉันไม่ได้ขัดราชโองการเพคะ ราชโองการส่งมาที่จวนนั้นมอบให้บุตรสาวสายรอง เพื่อแต่งเข้าไปเป็นอนุต่างหาก ไม่ใช่ให้หม่อมฉันแต่งเข้าจวนต้วนอ๋องเสียหน่อย” นางตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขาตรง ๆ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยเซียวเฟยหลงหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นทุ่มต่ำแต่กลับเย็นยะเยือก “เจ้ากล้ายอกย้อนดีนัก สตรีทั้งแผ่นดินต้องการแต่งเข้าจวนอ๋อง ต้องการสานสัมพันธ์กับราชวงศ์ แต่เจ้ากลับผลักไสวาสนานี้ ช่างน่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status