ในตอนเช้า อัคคีสั่งให้ขจรเช็ครายชื่อแขกที่เข้าพักในรีสอร์ต เพื่อค้นหาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขา
แต่ก็ไม่มีรายชื่อของดาริกา พัทธนันท์กุล ปรากฏในรายชื่อของคนเข้าพัก สร้างความหงุดหงิดใจให้เจ้าพ่อเกาะร้อยดาวมาก เมื่อคืนเขาปล้ำจูบเธอแต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับจนแทบสูญพันธุ์ ยังเจ็บจุกจนบัดนี้ หากไม่ได้ตัวเธอมาแก้แค้นให้สาสม เขาไม่มีวันหายเจ็บใจ
“ดาริกา... หนูดาว ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันให้ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องขอความเมตตาจากฉันคนนี้”
อัคคีคำรามในคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามารดา เขาต้องการให้ท่านจัดการกับลูกหนี้ขัดดอกคนนี้ให้เขา
“คุณแม่ครับ ผมจะจัดงานแต่งที่เกาะร้อยดาว หาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย”
“มาใจร้อนอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนบอกให้หาเมียก็ทำยักท่า ตอนนี้ทำใจร้อนอยากแต่งเมีย”
คนเป็นแม่เหน็บแนมลูกชายด้วยความหมั่นไส้
“ก็ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ ถูกใจผมนี่ครับ ผมเลยอยากแต่งงานไวๆ ว่าแต่ทางนั้นเขาตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณแขไขเขาตอบตกลงแล้ว เหลือแค่ทางเราหาวันแต่งเท่านั้นแหละ”
อัคคีกระตุกยิ้ม นึกถึงท่าทางพยศของหญิงสาวเมื่อคืนแล้ว ก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงแกล้งหยั่งเชิง หวังทำให้เขาสนใจ แต่วิธีการของเธอก็ได้ผล เขาสนใจเธอมากอยากลากขึ้นเตียงปราบพยศเสียให้เข็ด
“ฝากคุณแม่จัดการให้ผมด้วยนะครับ ยิ่งเร็วยิ่งดี ผมไม่อยากรอนาน”
อัคคีย้ำมารดาอีกครั้ง ก่อนจะวางสายไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเขาอนุญาตขจรก็เข้ามา พร้อมกับโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง
“มีคนพบโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ที่ด้านล่างเขาตรงจุดชมวิวครับ นักท่องเที่ยวน่าจะทำตกไว้” ขจรรายงาน
“แล้วทำไมต้องเอามาให้ฉันดูด้วย ให้ประชาสัมพันธ์ติดต่อส่งคืนนักท่องเที่ยวไปสิ”
อัคคีนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิด เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ต้องมารายงานเขาด้วย
“ผมคิดว่า เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ อาจจะเป็นคนที่คุณอัคคีตามหาอยู่ครับ”
ขจรส่งโทรศัพท์ให้ผู้เป็นนาย เมื่ออัคคีกดเปิดหน้าจอก็เห็นรูปพักหน้าจอ เป็นรูปหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอทำให้เขาขมวดคิ้วดกหนาของตัวเอง ยกมือขึ้นแตะรูปนั้นอย่างลืมตัว
“ดาริกา...” เขาครางในคอ
“ใช่ครับ รูปว่าที่เจ้าสาวของคุณอัคคี คุณดาริกาน่าจะทำหล่นเอาไว้”
ขจรเคยเห็นรูปของว่าที่เจ้าสาวของอัคคี เขายังถูกเจ้านายใช้ให้ตามหาเธอ แม้ไม่เจอตัวแต่เจอโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ชาวบ้านที่มาเก็บเห็ดเจอโทรศัพท์เครื่องตกอยู่ด้านล่างของจุดชมวิว จึงนำมาส่งให้พนักงานของรีสอร์ตเพื่อหาเจ้าของ ตอนนั้นเขาอยู่แถวนั้นพอดี ได้เห็นว่ารูปพักหน้าจอเป็นรูปของหญิงสาวที่เจ้านายกำลังตามหา จึงนำมาให้อัคคีดู
“ฉันจะเอาไปคืนเธอเอง ขอบใจมากนะขจร”
อัคคีโบกมือให้ขจรออกไป เขาพยายามปลดล็อกเครื่องเพื่อดูข้อมูลภายใน แต่ก็ไม่สามารถปลดล็อกได้ โทรศัพท์รุ่นนี้มีระบบล็อกที่แน่นหนา ทั้งรหัสผ่านและการสแกนนิ้วมือของเจ้าของ รวมถึงการสแกนใบหน้าด้วย
“ฉันจะเอามันคืนให้เธอ ในวันแต่งงานของเรานะ ดาริกา”
เมื่อดารินทร์กับนทีมาถึงฝั่ง บรรเจิดได้จัดการเช่ารถไว้คันหนึ่งพาเจ้านายทั้งสองเดินทางไปยังห้างใหญ่ ร้านขายมือถืออยู่บนห้างนั้น
“มือถือรุ่นที่คุณผู้หญิงต้องการ ยังไม่วางจำหน่ายครับ เรามีรุ่นก่อนหน้า ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะรับไปใช้ก่อนไหมครับ”
พนักงานขายบอกกับดารินทร์ หลังจากทราบว่าหญิงสาวต้องการมือถือรุ่นไหน
“พี่ว่าเอาไปใช้แกขัดไปก่อนดีไหมครับ ไว้กลับบ้านพี่จะซื้อเครื่องใหม่ให้” นทีแนะนำ
“ก็ได้ค่ะ ดีกว่าไม่มีใช้”
ดารินทร์พยักหน้ารับ ปล่อยให้นทีจัดการพูดคุยกับพนักงาน หลังจากได้โทรศัพท์มาแล้วอารมณ์ของหญิงสาวก็ดีขึ้น
“ผมจะพาเจ้านายกับคุณหนูดาว ไปขับรถชมรอบๆ เมืองนะครับ ยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงไปได้หลายที่”
บรรเจิดทำหน้าที่ไกด์จำเป็นพาเจ้านายทั้งสองไปเที่ยวรอบๆ เมือง ชมความงามของอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีส ซึ่งอยู่ในย่านเมืองเก่า มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ได้อนุรักษ์เอาไว้ ตลอดจนมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เหมาะแก่การเดินเล่นให้ความเพลิดเพลิน เขาจอดรถแล้วปล่อยให้นทีพาดารินทร์เดินเล่นกันสองคน โดยไม่ไปเป็นก้างขวางคอของทั้งคู่
“ที่นี่สวยจังค่ะ ได้บรรยากาศแบบสมัยเก่า ดาวชอบจัง”
ดารินทร์อารมณ์ดีชวนนทีเดินเล่นไปรอบๆ อย่างเพลิดเพลิน แล้วไปสะดุดตากับกระเป๋าถักใบหนึ่งในร้านขายของที่ระลึก จึงแวะไปเลือกดู
“ถ้าน้องดาวชอบพี่จะซื้อให้” นทีบอกอย่างเอาใจ
“ชอบค่ะ ถ้าอย่างนั้นดาวเอาใบนี้นะคะ พี่น้ำจ่ายเงินด้วย”
ดารินทร์ไม่ขัดศรัทธา เลือกกระเป๋าที่เธอชอบมาใบหนึ่ง ปล่อยให้คู่หมั้นหนุ่มจ่ายเงินให้ จากนั้นก็เอาข้าวของจากกระเป๋าใบเก่ามาใส่ไว้ในใบใหม่ จับกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูใส่ถุงไว้อย่างไม่ใยดี
นทียิ้มด้วยความเอ็นดู ดารินทร์ต่างจากผู้หญิงทั่วไป เธอไม่ได้ติดแบรนด์เนมจนไม่สนใจของธรรมดา ในตอนนี้เธอกลับสะพายกระเป่าผ้าถักราคาไม่กี่ร้อย แทนกระเป๋าแบรนด์เนมใบละแสน ดูท่าทางชอบอกชอบใจมากกว่าใบเดิมด้วยซ้ำ บางทีเขาควรเปิดใจทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ เริ่มต้นสานสัมพันธ์กับคู่หมั้นสาวอย่างจริงจังเสียที
“พี่น้ำถ่ายรูปให้ดาวหน่อยค่ะ”
ดารินทร์กวักเรียกคู่หมั้นหนุ่มให้มาช่วยรูปให้ นทีรีบเดินไปหา เขาหยิบมือถือของตัวเองมาถ่ายรูปให้ หญิงสาวยืนกางแขน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าถักไว้ ส่งยิ้มให้กล้องด้วยท่าทางสดใส ด้านหลังคืออาคารโบราณสีเหลืองสไตล์ชิโนโปรตุกีส สถาปัตยกรรมงดงามเมื่อมีนางแบบหน้าตาสวยประกอบฉาก กลับทำให้ภาพดูน่าสนใจมากกว่าเดิม
“พี่น้ำมาถ่ายด้วยกันสิคะ ให้คุณบรรเจิดถ่ายให้”
ดารินทร์อารมณ์ดีจนชวนคู่หมั้นหนุ่มมาร่วมเฟรมถ่ายรูปคู่กัน
“ได้เลยครับ เจ้านายกับคุณหนูดาว ขยับมาอยู่ใกล้ๆกันหน่อยครับ”
บรรเจิดรีบมาทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็น เขาตั้งใจถ่ายรูปทั้งสองให้ออกมาเป็นรูปของคู่รัก คิดในใจว่าจะแอบส่งให้พ่อแม่ของนทีกับดารินทร์ดู
“ขอบคุณมากนะคะคุณบรรเจิด พี่น้ำอย่าลืมส่งรูปให้ดาวนะ ดาวจะเอาไปลงไอจี”
ดารินทร์เอ่ยขอบคุณช่างภาพ แล้วหันมาบอกคู่หมั้นหนุ่ม ใบหน้างามแต้มรอยยิ้มน่ารัก
“ไม่ลืมครับ น้องดาวหิวน้ำหรือยัง เดี๋ยวเราไปหากาแฟดื่มกัน”
นทีเอ่ยชวนเมื่อเห็นว่า เดินเล่นกันมานานแล้วน่าจะกระหายน้ำ
“ไปสิคะ คุณบรรเจิดไปค่ะ เดี๋ยวดาวเลี้ยงน้ำคุณบรรเจิดเอง ตอบแทนที่ช่วยถ่ายรูปให้ดาวกับพี่น้ำ”
ดารินทร์บอกกับเลขาของนทีอย่างใจดี ทำเอาบรรเจิดยิ้มกว้างทันที รู้สึกชื่มชมคู่หมั้นของเจ้านายขึ้นมา
สามแม่ลูกกลับมาถึงบ้านได้ ก็พากันมานั่งปรึกษาหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แขไขใบหน้าเคร่งเครียดจนเห็นรอยย่นเล็กๆ บริเวณหน้าผาก ยามนี้ครีมบำรุงราคาแพงยังช่วยรั้งรอยย่นนั้นแทบไม่ไหว “ใครจะคิดว่า จะมีคนหน้าตาเหมือนนังดาวอยู่ด้วย บ้าบอที่สุด” เจนจรัสเปรยออกมาทำลายความเงียบ หลังจากพากันนั่งคิดจนหัวแทบแตกก็ยังหาทางออกไม่เจอ ระหว่างขับรถกลับบ้านผู้เป็นมารดาได้เล่าเรื่องจับผิดตัวให้เธอกับน้องสาวฟัง “ที่บ้ายิ่งกว่า เราดันจับมันมาผิดตัว เฮ้อ...” นลินรัตน์ถอนหายใจออกมา “นี่แกจะโทษว่าคุณแม่ตาถั่วเหรอ นังลูกวัว” คนเป็นพี่แหวใส่น้องสาว ยามอารมณ์ไม่ดีมักจะเรียกน้องสาวว่าลูกวัวตามมันสมองของอีกฝ่าย คนเป็นน้องโดนเรียกแบบนั้นก็ทนไม่ไหว “ฉันชื่อลูกบัวไม่ใช่ลูกวัวค่ะ คุณพี่เจนจัด” ด่ามาด่ากลับไม่ยอมแพ้ ถึงจะถูกมองว่าสมองน้อยแต่นลินรัตน์ก็ปากดีได้เชื้อมารดามาเต็มๆ ยามร่วมมือกันก็ด่าชาวบ้านได้แสบสันต์ แต่ยามปะทะกันเองก็ไม่เคยราฝีปากให้กันและกัน ดังคำเปรียบเปรยว
ที่โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย นทีสั่งให้บรรเจิดไปจัดการเคลียร์ปัญหากับรถที่ชนคู่หมั้นของเขา จากนั้นก็มาเฝ้าไข้คนเจ็บรอเวลาให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา แพทย์ผู้รักษาบอกว่าอาการของเธอไม่ร้ายแรงมาก แต่ต้องรอดูตอนฟื้นว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง “ปวด... ปวดหัว”เสียงครางแผ่วดังขึ้น ปลุกให้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นมา นทีขยับลุกจากโซฟายาวมายังเตียงคนเจ็บ“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องดาว” เขาเอ่ยถาม ขณะกดกริ่งเรียกพยาบาล“ปวด... ฉันปวดหัว เจ็บไปหมด”หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งที่ตายังไม่ปิดอยู่ มือยกขึ้นแตะบนแผลที่ศีรษะ ใบหน้างามมีรอยเหยเกเมื่อมือสัมผัสโดนแผลที่เจ็บ ค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อแสงสว่างจ้าเกินไป“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับน้องดาว พี่จะดูแลน้องดาวเอง” นทีปลอบโยน เขาจับมือของเธอเอาไว้ มองอาการของคนเจ็บด้วยสายตาห่วงใย คู่หมั้นของเขามีอาการหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติมาตลอดสามวัน“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ”ดาริกาดึงมือออก มองชายหนุ่มที่กุมมือเธอด้วยสายตาของคนไม่รู้จักกัน ทำเอานทีใจหายวาบ“พี่เป็นคู่หมั้นของน้องดาว พี่ชื่อนทีหรือพี่น้ำ น้องดาวค่อยๆ นึกนะครับ”“ไม่ ฉันจำอะไรไม่ได้ แล้วที่นี
นทีเดินกลับเข้าไปในร้าน พบกับบรรเจิดที่เดินมาพอดี“อ้าวเจ้านาย มีอะไรหรือเปล่าครับ”“มีคนทำน้ำหวานหกใส่น่ะ ฉันต้องไปล้างก่อน น้องดาวรออยู่ที่รถบรรเจิดไปดูแลเธอด้วยนะ เดี๋ยวฉันตามไป”นทีบอก ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ เขาเข้าไปล้างคราบน้ำหวานออกจากแขนเสื้อ ใช้ทิชชูซับจนแขนเสื้อหมาด จึงกลับออกมา ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่ง เดินย่องไปทางด้านหลังของห้องน้ำ เขานิ่วหน้าด้วยความสงสัยแล้วเดินตามเธอไปทันทีหญิงสาวเดินออกจากประตูหลังร้าน มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง ก่อนจะรีบซอยเท้าจะเดินออกไปตามถนนในซอยข้างร้าน ไม่ทันจะเดินไปไกลก็ถูกจับแขนรั้งเอาไว้ก่อน“น้องดาว จะไปไหนหรือครับ”นทีจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ เอ่ยถามเสียงเข้ม“ปล่อยนะ แก... แกเป็นคนของน้าแขใช่ไหม ปล่อยนะ”ดาริกาสะบัดมือออกจากการจับของนที แล้วรีบวิ่งหนีทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคู่หมั้นสาวถึงทำท่าเหมือนกลัวเขาทำร้ายด้วย แถมยังวิ่งหนีเขาไปอีก“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องดาว!” นทีตะโกนเรียก“อย่านะ อย่าตามมานะ ว้าย!”เอี๊ยด... โครม!รถคันหนึ่งเบรกเสียงดัง ก่อนจะหักพวงมาลัยหลบร่างของคนที่วิ่งตัดหน้ารถ ไปชนเข
หลังจากออกมาจากธนาคาร เชิญขวัญก็พาดาริกามาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต“ทำบุญไหว้พระแล้ว ต่อไปชีวิตของเธอก็จะเจริญรุ่งเรือง พ้นทุกข์ พ้นเคราะห์เสียทีนะยายดาว”“ฉันก็หวังว่าต่อไป ชีวิตของฉันจะได้พบสิ่งดีๆ บ้าง อย่างน้อยก็ขอให้ได้พบหนทางแก้ปัญหา”ดาริกาพนมมือกราบพระประทานในโบสถ์ ใบหน้ามีร่องรอยแจ่มใสไม่อมทุกข์เหมือนที่ผ่านมา ภาวนาให้ชีวิตข้างหน้าได้พบเจอสิ่งดีๆ หลุดพ้นจากคนชั่วร้ายอย่างแขไข“อีกชั่วโมงกว่าเรือเที่ยวต่อไปจะออก ฉันว่าเราไปเดินเล่นแถวๆ นี้กันดีไหม”เชิญขวัญเห็นว่ามีเวลาเหลือ จึงชวนเพื่อนเดินเล่น ก่อนที่จะพาไปกันไปยังท่าเรือ สองสาวเดินชมเมืองเก่าและแวะเดินดูของที่ระลึก ดาริกาไปติดใจกระเป๋าถัก“ป้าคะ ใบนี้ราคาเท่าไหร่คะ” ดาริกาถามแม่ค้า“ใบละสองร้อยค่ะ เอ... เหมือนเมื่อกี้คุณเพิ่งซื้อไปไม่ใช่หรือคะ”แม่ค้าบอก ก่อนจะทักขึ้นอย่างกังขา ว่าลูกค้าคนนี้เพิ่งซื้อกระเป๋าถักไปเมื่อครู่นี้เอง“เราเพิ่งมาค่ะป้า ป้าจำคนผิดแล้วค่ะ”เชิญขวัญท้วงขึ้น ยิ้มขำเมื่อนึกว่า ป้าแม่ค้าคงจำคนผิด“อ้อ สงสัยป้าจำคนผิดจริงๆ เอาใบนี้นะคะเดี๋ยวป้าใส่ถุงให้นะคะ”แม่ค้ายิ้มเก้อๆ เสไปหยิบถุงมาใส่กร
ในตอนเช้า อัคคีสั่งให้ขจรเช็ครายชื่อแขกที่เข้าพักในรีสอร์ต เพื่อค้นหาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาแต่ก็ไม่มีรายชื่อของดาริกา พัทธนันท์กุล ปรากฏในรายชื่อของคนเข้าพัก สร้างความหงุดหงิดใจให้เจ้าพ่อเกาะร้อยดาวมาก เมื่อคืนเขาปล้ำจูบเธอแต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับจนแทบสูญพันธุ์ ยังเจ็บจุกจนบัดนี้ หากไม่ได้ตัวเธอมาแก้แค้นให้สาสม เขาไม่มีวันหายเจ็บใจ “ดาริกา... หนูดาว ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันให้ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องขอความเมตตาจากฉันคนนี้”อัคคีคำรามในคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามารดา เขาต้องการให้ท่านจัดการกับลูกหนี้ขัดดอกคนนี้ให้เขา“คุณแม่ครับ ผมจะจัดงานแต่งที่เกาะร้อยดาว หาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย”“มาใจร้อนอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนบอกให้หาเมียก็ทำยักท่า ตอนนี้ทำใจร้อนอยากแต่งเมีย”คนเป็นแม่เหน็บแนมลูกชายด้วยความหมั่นไส้“ก็ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ ถูกใจผมนี่ครับ ผมเลยอยากแต่งงานไวๆ ว่าแต่ทางนั้นเขาตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ”“คุณแขไขเขาตอบตกลงแล้ว เหลือแค่ทางเราหาวันแต่งเท่านั้นแหละ”อัคคีกระตุกยิ้ม นึกถึงท่าทางพยศของหญิงสาวเมื่อคืนแล้ว ก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงแกล้งหยั่งเชิง หวังทำให้เขาสนใจ แต่วิ
“ใช่ หนูดาวหนีไปแล้ว ฉันเป็นคนบอกให้ลูกของฉันหนีไปเอง อย่าหวังว่าฉันจะบอกเธอว่าหนูดาวหนีไปไหน เพราะฉันเองไม่มีทางบอกเธอ”นายพิพัฒน์ปัดมือของแขไขออก เขาใช้แรงที่มีทั้งหมด ผลักร่างของผู้หญิงใจร้ายคนนี้จนเซล้ม นั่นทำให้แขไขโกรธยิ่งกว่าเดิม ลุกขึ้นได้ก็เข้ามาทุบตีนายพิพัฒน์ คนป่วยได้แต่ปัดป้องตัวเอง แต่ก็หนีไม่พ้นถูกตีไปหลายตุบ นางแก้วกับนายชมที่ได้ยินเสียงรีบเข้ามาห้าม แต่แขไขกลับเรียกลูกสาวให้มาช่วยกันคนแก่ทั้งสองออกไป“ยายเจน ลูกบัว มาช่วยแม่ด้วย มันรุมแม่!”เจนจรัสกับนลินรัตน์รีบเข้ามายื้อยุดฉุดนายชมกับนายแก้วเอาไว้ แขไขได้โอกาสเข้าไปทุบตีนายพิพัฒน์อีก“โอ๊ย! นังสารเลว นังยักษ์ใจมาร”นายพิพัฒน์ด่าทอภรรยาด้วยความเจ็บแค้น เขาปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายข้างเดียว ด่าทอกลับบ้าง มือทั้งสองปัดป้องการตบตีของแขไขอย่างอ่อนแรง ร่างกายถูกทุบตีจนแดงช้ำหลายแห่ง“ฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว จนกว่าคุณจะยอมบอกว่า ยายดาวอยู่ที่ไหน ยายแก้วกับนายชม พวกแกสองคนห้ามเอาข้าวให้คุณพิพัฒน์กิน ถ้าฉันรู้ว่าใครขัดคำสั่ง ฉันจะไล่พวกแกออกจากบ้าน ลูกบัวไปเอากุญแจมาล็อกห้องไว้ ไม่มีคำสั่งจากแม่ อย่าให้ใคร