เช้านี้ ทิวารีบตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน เพราะวันนี้เปิดเรียนเป็นวันแรก แต่เขากำลังมีปัญหากับการผูกเนกไทเพราะไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถผูกมันได้สักที ทั้ง ๆที่เมื่อวานนี้ทั้งวันเขาก็พยายามดูคลิปวิธีการผูกตั้งหลายรอบ แต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
ก๊อก ๆๆ เสียงเคาะประตูจากทางด้านนอก ทำให้ทิวาเดินหน้ายุ่งพร้อมกับเนกไทที่พันเป็นปมยุ่งเหยิง เดินมาเปิดประตูห้อง“มึงมัวทำอะไรอยู่วะ นี่มันกี่โมงแล้ว ไปเรียนวันแรกก็จะสายเลยหรือไง” ภาคินบ่นทิวาทันทีหลังจากที่เจ้าของห้องเปิดประตูออก
“อย่าบ่นมากได้ไหมหล่ะ ก็รีบอยู่ ไม่เห็นเหรอ”ทิวาตอบภาคินหน้ายุ่งพร้อมกับก้มหน้าก้มตาพยายามผูกเนกไทของตัวเองอยู่ที่ตอนนี้เป็นปมหลายปมจนมองแทบไม่ออกว่าเคยเป็นเนกไทมาก่อน
“แล้วนี่มึงทำอะไรของมึง เนกไทเขาผูกกันแบบนี้เหรอ อย่าบอกนะว่ามึงผูกไม่เป็น”ภาคินถามคนตรงหน้าพร้อมจับดูเนกไทที่ผูกไว้ที่คอพลิกไปพลิกมา
“ก็ใช่หนะสิ ผูกไม่เป็น ถ้าผูกเป็นมันจะมีสภาพแบบนี้เหรอ”ทิวาบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด
“แล้วก็ไม่บอกมานี่จะสอนผูก” พูดจบภาคินก็ดันทิวาเข้าไปในห้องนอน ตรงไปที่กระจก พร้อมกับจ้องมองหน้าอีกฝ่ายอย่างใกล้ ๆ จนหน้าแทบจะชิดกัน
“แกะเนกไทออก”ภาคินบอกกับทิวาเสียงเรียบ
“ทะ..ทำไมต้องแกะด้วย”ทิวากำเนกไทไว้แน่น พร้อมกับถามภาคินออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว
“มึงคิดว่ากูทำอะไรมึง กูแค่ให้มึงแกะเนกไทออก แล้วกูจะสอนมึงผูกใหม่ ไม่แกะจะผูกยังไง”
“เปล๊า!! ใครเขาจะคิดว่าพี่คินจะทำอะไรวากัน” ทิวาปฏิเสธเสียงสูงอย่างมีพิรุธพร้อมกับก้มหน้าก้มตาแกะเนกไทที่พันกันเป็นปมหลายปม
หลังจากแกะเนกไทเรียบร้อยแล้วภาคินก็จับทิวาหันหน้าเข้าหากระจกก่อนที่เขาจะยืนซ้อนข้างหลังและเอื้อมมือไปด้านหน้าของทิวาพร้อมกับสอนให้ทิวาผูกเนกไทใหม่ ทิวาเองก็เอาแต่ใจตุ้ม ๆต่อม ๆหน้าแดงกับการกระทำของคนที่ยืนซ้อนหลังเขาในระยะใกล้ชิดส่วนด้านของภาคินเองก็รู้สึกแปลก ๆอยู่ในตัวเช่นกันเพราะเขาเองก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้พยายามข่มอารมณ์สอนทิวาผูกเนกไททั้งที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ในความรู้สึกของพวกเขามันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน เพราะปากเขาเอาแต่ใจเต้นตุ้ม ๆต่อม ๆทำตัวไม่ถูก“เสร็จแล้ว มึงจำที่กูสอนได้ไหม” หลังจากผูกเนกไทให้ทิวาเสร็จภาคินก็จับอีกฝ่ายหมุนตัวให้หันหน้ามาหาเขาพร้อมกับจัดเนกไทให้อีกฝั่งให้เรียบร้อย
“ขอบคุณ” ทิวาก้มหน้าก้มตาพูดอ้อมแอ้มจนอีกฝ่ายแทบไม่ได้ยินเสียง
“เสร็จแล้วก็ไปได้แล้ว วันแรกมึงก็จะทำให้กูสายแล้ว รีบ ๆ เลย”
พูดจบทั้งคู่ก็เดินออกจากคอนโดเพื่อตรงไปยังมหาวิทยาลัยของพวกเขา เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย ภาคิน ก็ขับรถตรงไปยังคณะของทิวา แล้วส่งทิวาที่หน้าตึก“ลงไปได้แล้ว เลิกเรียนก็รอกูอยู่นี่ เดี๋ยวกูมารับ” ภาคินบอกกับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ข้างๆทันทีที่เขาขับรถมาถึง “โอเค ขอบคุณที่มาส่ง งั้นวาไปก่อนนะ”พูดจบทิวาก็เดินลงจากรถ และตรงไปยังตึกเรียนของเขาทันที
วันนี้ที่คณะบริหาร มีกิจกรรมรับน้อง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้อง น้องใหม่ปีหนึ่งทุกคนจึงถูกเรียกตัวให้ไปรวมตัวกัน ที่ห้องเชียร์หลังเลิกเรียนของวันนี้โดยพร้อมเพรียงกันทุกคนทิวาเดินเข้าไปในห้องเรียน พร้อมกับยืนมองเก้ ๆกังๆ ไม่รู้ว่าจะนั่งตรงไหน เพราะเขายังไม่มีเพื่อน จึงไม่รู้ว่าจะนั่งข้างใคร“มึงยังไม่มีที่นั่งหรอ งั้นมานั่งข้างกูก็ได้” เคนตะ น้องลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ที่เป็นนักศึกษาปี 1 เหมือนกัน บอกกับทิวา พร้อมกับยกกระเป๋าของเขาออกจากเก้าอี้ตรงนั้น
“ขอบคุณนะ” ทิวายิ้มตาหยี พร้อมกับกล่าวขอบคุณเพื่อนใหม่
“กูชื่อเคนตะนะ ส่วนไอ้นั่นชื่อโอโซน”เคนตะแนะนำตัวเอง พร้อมคำแนะนำเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ “สวัสดีเราชื่อโอโซน”หนุ่มหน้าใสยิ้มสวย ที่นั่งอยู่ข้างๆเคนตะแนะนำตัวเอง พร้อมกับโบกมือทักทาย
“สวัสดีเคนตะสวัสดีโอโซน เราชื่อทิวานะ หรือเรียกวาเฉย ๆก็ได้” ทิวาก็แนะนำตัวเอง กับเพื่อนใหม่ของเขาเช่นกัน
“พวกเรารู้จักกันแล้ว งั้นต่อไป เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะ”เคนตะบอกกับเพื่อนอีก 2 คนพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“โอเค เราเป็นเพื่อนกันแล้ว”ทิวาตอบกลับเคนตะแล้วส่งยิ้มหวานสดใสไปที่เพื่อนใหม่ของเขา
หลังจากที่ทั้งสามคนคุยกันได้อยู่สักพัก ก็ได้เวลาเริ่มคลาสเรียนทั้งหมดนั่งเรียนวิชาต่าง ๆด้วยกันจนถึงเวลาพักเที่ยง จึงออกไปทานอาหารด้วยกัน ที่โรงอาหารของคณะ“ไหน ๆก็เป็นเพื่อนกันแล้ว งั้นพวกเรามาเริ่มแนะนำตัวเอง อย่างเป็นทางการอีกครั้งนึงนะ” เคนตะเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเขาทั้ง 3 คน ซื้ออาหารกลางวันแล้วมานั่ง ด้วยกันที่โต๊ะ
“เอาสิงั้นพวกเรามาผลัดกันเล่าประวัติส่วนตัวของแต่ละคน ให้ฟังกันนะ” ทิวาพูดเสริม
“ดีเหมือนกัน งั้นก็เริ่มที่มึงไอ้เคนตะ”โอโซน ที่กำลัง ตักอาหารเข้าปาก เอ่ยบอกเพื่อนที่เป็นคนต้นคิด
“งั้นเริ่มเลยนะ กูชื่อเคนตะ กูเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เป็นคนกรุงเทพฯ เป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัว มีพี่ชาย 1 คน เรียนคณะวิศวะ อยู่ปี 4แต่กูกับพี่ชาย เป็นลูกคนละแม่ แม่ของพี่ชายกูเสียตอนเขาอายุได้ 2ขวบ ก่อนที่พ่อจะมาแต่งงานกับแม่กู”
“แล้วแบบนี้ ไม่มีปัญหา ระหว่างมึงกับพี่ชายมึงหรอวะ”โอโซนถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่นะ เพราะปกติแล้ว กูกับพี่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน กูอยู่บ้าน ส่วนพี่ชายกูเขาอยู่คอนโด นานๆเขาจะกลับเข้าบ้านที”
“อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง ส่วนกู ชื่อโอโซน เป็นคนเชียงใหม่แต่กำเนิด พ่อแม่ตายหมดแล้ว เหลือแต่ป้าที่ก็ไม่ได้สนใจทำหน้าที่ป้าสักเท่าไหร่ ทุกวันนี้กูก็ ดูแลตัวเอง ทำงานแล้วก็หาเงินส่งตัวเองเรียน”
“โห!!เจ๋งโคตรหวะ”เคนตะเอ่ยชมเพื่อน ด้วยความชื่นชม พร้อมกับยก นิ้วโป้งทั้งสองข้าง ขึ้นมาโชว์ให้เพื่อนอีกด้วย
“ส่วนเราชื่อทิวา เป็นคนโคราช มีพี่ที่รู้จักอีกคนอยู่คณะวิศวะปี4 ตอนนี้ก็อยู่คอนโดกับพี่เขา”
“ดีจังว่ะ มีพี่ชายคอยดูแลด้วย ว่าแต่พี่มึง หล่อไหมวะ”โอโซนถามทิวาไปด้วยท่าทางทะเล้น
“ไม่รู้ว่าหล่อไหม เพราะกูเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ที่แน่ๆ ปากหมามาก ๆ แล้วก็ชอบออกคำสั่ง ทำเสียงดุใส่กูด้วย”ทิวาบอกกับเพื่อนอีก 2 คน
“นี่พี่หรือพ่อวะที่มึงพูดมา อย่างกับพี่มึงเป็นพ่อมึงเลยหวะ” เคนตะพูดแซวเพื่อนพร้อมกับหัวเราะออกมา
“พ่อคนที่สอง” ทิวาตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
ทั้งหมดคุยกันได้ไม่นาน ก็ได้เวลาที่จะต้องขึ้นเรียนในช่วงบ่าย บทสนทนาจึง จบลงเพียงแค่นั้น แล้วพวกเขาทั้ง 3 คน ก็จัดการเก็บจานชามที่โต๊ะกลับไปเรียนในช่วงบ่ายตามปกติ***********************************************************************************************************
ช่วงเย็นของวันงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในบ้านสวนของภาคินและทิวาก็เริ่มต้นขึ้น บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเองน่ารักและอบอุ่น อาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้และเครื่องดื่มมากมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้รองรับสำหรับทุกคน แต่ละแต่งกายกันมาในชุดสบาย ๆ เข้ามาร่วมในงาน ต่างพากันดื่มกินร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน ภาคินก็ยังคอยบริการหยิบนั่นตักนี่ให้ทิวาไม่ขาดตกบกพร่อง จนเพื่อน ๆต่างพากันเอ่ยปากแซวว่าเป็นคนคลั่งรัก และกลัเมีย แต่ภาคินก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคลั่งรักอย่างที่เพื่อนเขาแซวจริง ๆ หลังจากที่ปาร์ตี้ผ่านไปได้สักพักก็เริ่มจะดึกแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านจึงขอตัวเข้าไปพักผ่อนส่วนวัยรุ่นที่เหลือก็ยังคงปาร์ตี้กันต่อ และวันนี้พวกเขาทั้งหมดก็ตกลงกันว่าจะกางเต็นท์นอนข้างนอกด้วยกันทั้งหมด เพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศและรับอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน บรรยากาศท้องทุ่งและต้นไม้ที่เขียวขจีพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ในยามราตรี สร้างความสงบภายในจิตใจพร้อมด้วยกลิ่นอายของความสดชื่นจากธรรมชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาที่เหนื่อยจากงานปาร์ตี้แล้วพากันมานั่งพักที่มุม ๆหนึ่งของสวนถึงกับพากันหายใจสูดเอากลิ่นอ
ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเองเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวตัวเอง รวมถึงภาคินและทิวาด้วย เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านของพวกเขาเองเรียบร้อยแล้ว ทั้ง2ครอบครัวกำลังช่วยกันจัดสถานที่และเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้สำหรับเลี้ยงฉลองสำหรับคืนนี้ เพราะงานเลี้ยงวันนี้บรรดาเพื่อน ๆของทิวาและภาคินจะเดินทางมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย “อ้าว!!!น้องวาตื่นแล้วเหรอลูก เดินทางมาเหนื่อย ๆ กว่าจะมาถึงก็ดึก ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหล่ะลูก” แม่จูนแม่ของทิวาเอ่ยท้วงลูกชายเพียงคนเดียวของเธอขึ้นเมื่อเธอหันไปเจอทิวาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยและเดินลงมาจากข้างบนบ้านมาหาเธอ “มันชินครับแม่ อีพี่คินปลุกวาตื่นแต่เช้าไปเรียนทุกวัน จนร่างกายเริ่มปรับตัวเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วอีกอย่างวาก็อยากตื่นมาอยู่กับพ่อกับแม่ด้วยไงครับ” ทิวาบอกกับแม่ของเขา พร้อมกับเดินเข้าไปกอดด้วยท่าทีออดอ้อน “ขี้อ้อนตลอดเลยนะเราเนี่ย หิวไหมลูก แม่ทำของโปรดของน้องวาไว้ให้อยู่ในครัว ไปกินสิลูก” แม่จูนบอกกับลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่อ่อนโยน “คุณแม่ใจดีแล้วก็น่ารักกับวาตลอดเลย
ตอนนี้เคนตะเอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในคอนโดของดีนคนรักของเขา เพราะเขากำลังเครียดและคิดไม่ตก เนื่องจากเรื่องที่เขากำลังแอบคบหาดูใจกันกับดีน ถูกมือดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ จนตอนนี้กลายเป็นข้าวใหญ่โต ทำให้ดีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเป็นวงกว้าง “
หลังจากที่นทีและไรวินขับรถออกไปแล้ว ทิวาก็เอาของที่เขาถือมาไปเก็บที่ท้ายรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาเพื่อตั้งท่าจะขึ้นรถของภาคินด้านคนขับ เพื่อสตาร์ทรถเปิดแอร์รอภาคินที่กำลังคุยธุระกับโค้ชโจ้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่ทิวาจะได้ขึ้นไปนั่งบนรถไทม์ก็เดินตรงดิ่งมาหาทิวาพร้อมกับดึงที่ข้อมือของทิวาเอาไว้ จนทิวาเองเซถลาจนเกือบจะล้ม
ตอนนี้ภาคิน ได้ขึ้นเป็นนักศึกษาปี4 และทิวาก็ขยับมาเป็นนักศึกษาปี 2
นับตั้งแต่วันที่ภาคินได้ตัดสินใจบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทิวาให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้และพวกท่านก็อนุญาตให้พวกเขาคบกัน ภาคินก็ย้ายตัวเองไปนอนห้องเดียวกับทิวาทุกคืน และแน่นอนว่าในบางคืนพวกเขา