ログイン2
ไม่ใช่สตรีดอกบัวขาว
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนนางจะรีบผละออกห่างอีกครั้งอย่างลืมสิ้นความเจ็บปวดที่ข้อมือ
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกล่าววาจาอย่างร้อนรน
“...” บุรุษที่นอนแผ่อยู่บนพื้นดินมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใด
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าขอโทษ” นางรีบกล่าวขออภัยซ้ำ ๆ เพราะหากเขาโกรธแล้วทิ้งนางไว้ที่นี่ นางต้องแย่แน่ ๆ
“รีบดึงข้าลุกสิ” คุณชายหานออกคำสั่ง
“เจ้าค่ะ ข้าจะช่วยดึงท่านลุก” จางซีถิงรีบทำตามทำที แต่ทว่าแรงสตรีหรือจะสามารถดึงบุรุษตัวโตได้ด้วยมือเดียว สุดท้ายนางก็ต้องใช้มือข้างที่เจ็บเมื่อครู่มาช่วยดึงรั้งให้เขาลุกขึ้นนั่ง
“เราควรรีบไปจากที่นี่ หากโจรพวกนั้นพบว่าหัวหน้าของมันหายตัวไป ต้องมาตามหาเป็นแน่”
“เจ้าค่ะ”
“ยืนนิ่งอยู่ไย รีบมาประคองข้าสิ”
“เจ้าค่ะ” นางรีบตอบรับก่อนจะช่วยประคองให้เขาลุกขึ้น แต่ทว่าเมื่อเห็นเขายืนได้มั่นคงจึงทำท่าจะผละออก
“เมื่อครู่ข้าใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อสังหารเจ้าหัวหน้าโจร หวังว่าเจ้าจะไม่เนรคุณทิ้งข้าไว้ที่นี่แล้วจากไปเพียงลำพังหรอกนะ”
“มิได้เจ้าค่ะ ข้าเพียงไม่อยากให้ท่านโกรธเคืองยามข้าเข้าใกล้” หากเขาไม่สั่ง นางหรือจะกล้าแตะต้องตัวเขา สายตารังเกียจและไม่ชอบใจยามที่พบหน้ากันครั้งแรกนางยังจำได้ดี
“ร่วมเป็นร่วมตายกันมาแล้ว ข้าย่อมไม่คิดถือสา รีบไปจากที่นี่กันเถิด”
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะประคองเขาให้เดินไปด้วยกัน
เมื่อเดินห่างจากจุดที่มีการปะทะมาไกลแล้ว สตรีตัวเล็กที่มีเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าก็หยุดฝีเท้า
“เรานั่งพักตรงนี้ก่อนได้หรือไม่เจ้าค่ะ จะได้พันแผลเพื่อหยุดเลือดของท่าน”
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะผละออกห่างจากนางแล้วเดินไปนั่งที่ขอนไม้
‘สรุปเขาหมดแรงจริงหรือกลั่นแกล้งข้าอยู่’ แม้สีหน้าจะดูอิดโรยแต่ทว่าท่าเดินของเขาก็ไม่คล้ายกับคนไม่มีแรงเดินเลยแม้แต่น้อย
“จะทำแผลไม่ใช่หรือ รีบลงมือเถิด” เสียงของคุณชายหานดึงความคิดของนางกลับมา
ทว่าเมื่อสายตานางมองไปที่เขา นางกลับต้องเม้มปากสะกดกลั้นความรู้สึกของตน
‘โอ้โห! ขาวเนียนมาก กล้ามอกแน่น ๆ น่าลูบไล้ยิ่งนัก’ จางซีถิงเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะก่อนจะสะบัดหน้าตนเองเล็กน้อยคล้ายพยายามสลัดความคิดไม่เหมาะสมทิ้งไป
“นี่ยาเจ้าค่ะ” นางหยิบขวดยาออกมาจากช่องลับในแขนอาภรณ์ก่อนจะยื่นไปให้เขา
เมื่อบุรุษรูปงามรับไปแล้ว นางก็รั้งชายอาภรณ์ตัวนอกขึ้นเพื่อจะฉีกอาภรณ์ตัวในของเขามาพันแผล ทว่าในขณะที่จะฉีกนั้นนางก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะหันไปมองเขาที่นั่งมองขวดยาในมืออยู่
“ข้าคิดว่าท่านคงไม่อยากใช้ชายอาภรณ์ของข้า เช่นนั้นใช้ชายอาภรณ์ของท่านน่าจะเหมาะสมกว่า” คุณหนูจางขยับกายเข้าไปใกล้ก่อนจะถลกอาภรณ์ตัวนอกของเขาขึ้นแล้วลงมือฉีกอาภรณ์ตัวในของเขาออกมาผืนใหญ่อย่างรวดเร็ว
“นี่เจ้า!” สตรีผู้นี้ช่างอาจหาญยิ่งนักที่มาถลกอาภรณ์ของเขาเช่นนี้
“นี่เจ้าค่ะ ผ้าพันแผลของท่าน” นางยื่นผ้าที่ฉีกออกมาให้เขา
“...” คุณชายหานนั่งนิ่งไม่รับผ้าที่นางยื่นให้
“มีอันใดหรือเจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่าข้าจะสามารถใส่ยาทำแผลให้ตนเองได้หรือ เมื่อครู่เจ้ามิใช่กล่าวว่าจะทำแผลให้ข้าหรอกหรือ”
“แต่ข้าต้องสัมผัสตัวท่านนะเจ้าคะ”
“แล้วอย่างไร” สตรีผู้นี้โง่หรือไม่ หากไม่โดนตัวเขา นางจะทำแผลได้อย่างไร
“ก็ท่านไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้มิใช่หรือ”
“ติดอยู่กลางป่าสองคน หากเจ้าไม่มาทำแผลให้ก็คงต้องใช้ลิงใช้ค่างแล้ว รีบมาทำแผลให้ข้า!” เขาเสียงห้วนเล็กน้อยในประโยคท้าย
“เจ้าค่ะ หากข้ามือหนักไปได้โปรดให้อภัย” นางตอบรับและลงมือทำตามคำสั่งเขาอย่างรวดเร็ว หึ! หากเจ็บก็อย่าคิดมาโทษนาง
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อนางก็ใส่ยาห้ามเลือดและพันแผลบริเวณแขนให้เขาเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงบาดแผลที่บริเวณท้องซึ่งเป็นบาดแผลเก่า
“ข้าต้องแกะผ้าพันแผลเดิมออกก่อนนะเจ้าคะ”
“จะทำอันใดก็รีบทำ!” คนที่กัดฟันอย่างเจ็บปวดยามที่ถูกยาโรยลงบนบาดแผลบอก
“แผลที่ท้องน่าจะเป็นแผลใหญ่ ท่านเอาผ้าไปกัดไว้ก่อน” นางส่งผ้าเช็ดหน้าของตนให้เขา
“ไม่ต้อง” เขาบอกเสียงห้วนก่อนจะตัวแข็งทื่อไป เมื่อผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นแตะลงบนหน้าผากของตน
“เช่นนั้นก็ซับเหงื่อก่อนเถิดเจ้าค่ะ หากมีเหงื่อหยดใส่แผลมันจะแสบเอาได้”
“...” บุรุษรูปงามไม่กล่าวอันใดอีก นัยน์ตาคมหลุบลงมองพื้นอย่างเงียบ ๆ
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







