"แล้วคุณล่ะ นอกจากทำงานในกลางวัน ยังไปส่งสินค้าในช่วงพักกลางวัน กลับมาด้วยเหงื่อเหม็นทุกวัน แต่แค่ได้เงินเดือน 15,000 - 25,000 บาท พ่อแม่ของคุณทำงานอะไร พวกเขาอยู่ในชนบทที่อยู่ห่างไกลตัวเมืองใช่ไหม เราสองคนแต่งงานมาหกเดือนแล้ว คุณก็ไม่กล้าให้ฉันเจอพวกเขา แล้วคุณกลัวว่าพวกเขาจะหลงทางในเมืองหรอ หรือกลัวว่าฉันดูถูกพวกเขาใช่ไหม""คุณยังมาหาว่าแฟนฉันเป็นคนพิการ ทำไมคุณไม่รู้จักมองตัวเองบ้างเลย อย่าพูดถึงรถ BMW เลย เกรงว่าแค่คุณอยากซื้อรถเก๋งก็ซื้อไม่ได้ หลินเซียวเอ๋ย คุณยอมรับตัวเองได้ไหม คุณก็เป็นคนจนผู้น่าสงสาร "หลังจากหวังม่านนีชี้หน้าของหลินเซียวและกระแทกกระทั้นเขา แล้วเกาะแขนของจ้าวเสี่ยวเลี่ยงที่จะจงใจพูดอยางอ่อนโยนว่า "ที่รักค่ะ เราไปกันเถอะ"จ้าวเสี่ยวเลี่ยงยังคงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ม่านนีครับ ทำไมเธอว่าเขาเป็นคนจนอ่ะ แม้ว่าเขาใช่เลย แต่ถ้าเจอคนจนอย่างนี้ เราก็ต้องไปเลี่ยง ๆ นะครับ"ชายและหญิงเลวพวกนั้นพูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย มันเหมือนชายหญิงที่ประพฤติล่วงประเวณีต่อหน้าหลินเซียวเมื่อพวกเขาสองคนกำลังเดินไปสู่รถ BMW Z4 สีแดง ก็มีเสียงท่อโหดๆ ในระยะไกลวินาทีถัดไป รถ Mercedes-
เมื่อตะกี้นี้ จ้าวเสี่ยวเลี่ยงยังหลงตะลึงอยู่กับรูปร่างหน้าตาที่สวยสะพรั่งเหลิ่งซวงแต่หลังจากได้ยินคำพูดดูถูกแรงๆ ของเหลิ่งซวง เขาก็ราวกับฟ้าผ่าทันทีเขามองรถของเขาที่ถูกบดเป็นเหมือนคางคกแบนๆเป็นตาเดียว จึงกลั้นความโกรธและโมโหไว้ไม่อยู่เขาเกือบจะเกิดโทสะเมื่อเห็นเหลิ่งซวงเดินมาหาเขาด้วยขายาวขาวใสตรงเรียวคู่นั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า จ้าวเสี่ยวเลี่ยงไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยเช่นนี้มาก่อนเขาจ้องมองเหลิ่งซวง สายตาใกล้แทบจะเหนียวติดกับตัวของเหลิ่งซวงเลยทีเดียวเขามัวแต่มองเหลิ่งซวงที่เข้ามาหาตัวเอง ทั้งยังอ้าปากค้างด้วยความตกใจ น้ำลายเกือบจะไหลออกมาเหลิ่งซวงเดินไปข้างหน้าเขา ยิ้มแต่พูดด้วยหน้าที่บึ้งตึง กับเขาว่า "ถ้าคุณมองฉันอีกทีนะ ฉันจะเอาลูกตาคุณออกไปเลี้ยงสุนัข คุณเชื่อไหมคะ?"แม้ว่าคำพูดนี้เป็นเหลิ่งซวงพูดด้วยรอยยิ้ม แต่จ้าวเสี่ยวเลี่ยงไม่รู้ว่าทำไม แค่รู้สึกว่าด้านหลังของเขามีเหงื่อตกพลั่ก คำพูดของเหลิ่งซวงดูเหมือนว่าจะมีความสง่างามอันศักดิ์สิทธิ์และขัดขืนไม่ได้สายตาของเขาถูกขยับไปทางอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจเหลิ่งซวงไม่สนใจจ้าวเสี่ยวเลี่ยงอีก แล้วเดินไปหาหวังม่
หลังจากเหลิ่งซวงกล่าวจบแล้วเดินไปที่รถเบนซ์ G 63 รุ่นรีบิลท์เธอหยิบกล่องที่ห่อมาสวยงามจากในตัวรถ แล้วโยนมันไปที่ด้านหน้าของหวังม่านนีกล่องนี้เต็มไปด้วยกระเป๋าหรูหรามากกว่า 20 อัน ซึ่งพิมพ์โลโก้ของแอรฮ์เมส หลุยส์ กุชชี และชาแนลนี่ไม่ใช่เรื่องยากที่จำแนกของแท้กับของปลอมสำหรับหวังม่านนี เพราะเธอมักจะไปที่ร้านแบรนด์แฟชั่นหรูเพื่อซื้อกระเป๋า"ก่อนเช้านี้กระเป๋าเหล่านี้ยังเป็นของขวัญของฉันเตรียมไว้สำหรับแก เหล่านี้เป็นกระเป๋าที่ทำตามความต้องการของลูกค้าประจำชั้นเยี่ยม แต่ละกระเป๋ามีเพียงใบเดียวในโลก แล้วตอนนี้ฉันอยากถามว่า หวังม่านนี แกคิดว่าแกเหมาะสมกับเหล่านี้ไหมล่ะ"ต่อจากนั้นเหลิ่งซวงหยิบน้ำหอมชั้นสูงออกจากลำตัวอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์หรือสไตล์ น้ำหอมเหล่านี้เป็นน้ำหอมชั้นสูงโดยทำตามสั่งจากเจ้าของเหลิ่งซวงเอาน้ำหอมสองสามขวดออกมาอย่างตามใจชอบมันที่จะสามารถแลกรถ BMW ของจ้าวเสี่ยวเลี่ยงได้ ฉีกเปิดซองบรรจุภัณฑ์ของน้ำหอม บิดฝาขวดเปิดไวๆ แล้วสาดทั้งหมดลงบนกล่องทั้งสองอันนี้จากนั้นเธอก็หยิบไฟแช็คซิปโป้รุ่นทองสัมฤทธิ์ จุดประกายไฟ แล้วทิ้งไว้บนกล่องตามความต้องการเมื่อน้ำหอมพ
เหลิ่งซวงเยาะเย้ยหวังม่านนี แล้วกลับไปด้านข้างหลินเซียวอีกครั้งเธอยื่นมือมาเกาะแขนของหลินเซียวอีกครั้ง และกระซิบกับเขาว่า "ท่านราชามังกรค่ะ เมื่อกี้ฉันพูดดีไหม"หลินเซียวพยักหน้าอย่างไร้ทางเลือก และเดินมาที่หน้ารถเบนซ์ G 63 กับเหลิ่งซวงหวังม่านนีคิดเสมอว่า หลินเซียวจะขับรถไม่เป็นแต่ในขณะนี้เธอถึงเห็นว่าหลินเซียวไม่เพียงแต่ขับได้ แต่ยังมีทักษะการขับรถที่ดีเธอมองรถซุปเปอร์คาร์ที่หลินเซียวขับอยู่ แค่ฟังคลื่นเสียงดังที่รถวิ่ง ประหลาดใจจริงๆที่ยืนอยู่สักพักทันใดนั้นเธอเกาะแขนของจ้าวเสี่ยวเลี่ยงที่งงเป็นไก่ตาแตก และพูดกับเขาว่า "เสี่ยวเลี่ยงค่ะ เมื่อกี้หลินเซียวแกล้งทำเป็นอย่างนี้ใช่ป่ะ เขาก็เป็นใช้เงินทั้งหมดของเขา จึงหานักแสดงหญิงและรถเบนซ์มาแสดงพร้อมกัน เขาอาจจะขอให้ฉันกลับใจใช่ป่ะ? "จ้าวเสี่ยวเลี่ยงตะลึงจากการแสดงของหลินเซียวเมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของหวังม่านนี เขานึกออกอย่างฉับพลัน"ม่านนีครับ เป็นแบบนี้ใช่เลย ผมจำได้ว่ามีแบรนด์รถยนต์ท้องถิ่น ที่รถ SUV ของมันผลิตคล้ายกับรถเบนซ์มากๆ แค่เปลี่ยนโลโก้ก็สามารถแทนของแท้ได้ และกระเป๋าเหล่านี้ เราแค่เห็นถึงบรรจุภัณฑ์ แล้วผู้หญิง
ทันทีที่จางเทาพูดกระซิบเบาๆ แต่เขาจงใจพูดเสียงดังแบบกะทันหัน และตะโกนว่า "แกไม่น่าจะมาบริษัทเพื่อประหยัดเงินอาหารกลางวัน ใกล้ถึงเวลาแล้วจะมาบริษัทขอกินฟรีป่ะ แกยอดเยี่ยมจริงๆ แกยุ่งทุกวันกับการส่งสินค้าเพื่อหาเงินแล้ว ทำไมยังต้องมาขอกินมื้ฟรีล่ะ แกจะร่ำรวยได้เมื่อไหร่อ่ะ "เสียงของจางเทาทำให้เพื่อนร่วมงานรอบตัวเขาหัวเราะดัง ๆในบริษัทนี้มีเพียงไม่กี่คนยอมเคารพหลินเซียว เพราะทุกคนรู้สึกละอายที่จะอยู่กับพนักงานส่งของพนักงานอื่นๆ ในอาคารนี้มักจะมาที่นี้ถามในเวลาพัก "ทางคุณเป็นบริษัทขนส่งหรอ ทำไมยังรับพนักงานจัดส่งอ่ะ"เนื่องจากเรื่องนี้ ทุกคนรู้สึกว่าน่าละอายมากที่ทำงานกับหลินเซียวในบริษัทเดียวกันพวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นพนักงานออฟฟิศที่มีฐานะสูง ก็จะไม่เต็มใจจะอยู่กับหลินเซียวที่เป็นคนจนผู้น่าสงสารในสายตาของทุกคน การจัดส่งสินค้าที่เป็นตัวตนของหลินเซียวนั้นจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เพื่อนร่วมงานเห็นหลินเซียวในบริษัท ต่างก็จงใจเยาะเย้ยเขาสองสามคำเพื่อบีบบังคับเขาให้ลาออก วันนี้ความฝันของเพื่อนร่วมงานพวกนี้จะเป็นจริงในที่สุดหลินเซียวเริ่มจัดเก็บสิ่งต
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ในสำนักงานและด่าว่าทุกคน เธอชื่อซูหวั่นเอ๋อร์ อายุเพียง 25 ปีในปีนี้เธอดูสวยงามและเซ็กซี่มากในขณะนี้เธอสวมสวมชุดเดรสทำงานสีดำเรียบง่ายอยู่แต่เธอสวมเหมือนเป็นนางแบบเซ็กซี่บริษัทมีผู้ชายหลายคนมักพูดถึงร่างกายเธอในเวลาว่างทุกคนก็อยากมีแฟนสาวที่มีรูปร่างแซ่บๆ แบบนี้แต่ผู้ชายเหล่านี้ ก็ทำได้แค่พูดเท่านั้นเพราะว่าซูหวั่นเอ๋อร์ไม่เพียงแต่จะสวยงามและเซ็กซี่ แต่เธอยังเป็นประธานสาวของบริษัทนี้ด้วยภายใต้การดุว่าของซูหวั่นเอ๋อร์ พนักงานทุกคนก้มหน้าด้วยความอับอายในสำนักงานแท้จริงแล้ว พวกเขากำลังจะสาปแช่งหลินเซียวอย่างลับ ๆ ในใจไปด้วยหากหลินเซียวไม่ได้กลับที่บริษัทในเวลานี้ ที่ทุกคนทำเมื่อเช้านี้คงไม่เปล่าประโยชน์หรอกซูหวั่นเอ๋อร์กวาดสายตาไปทั่วสำนักงาน ในที่สุดก็มองไปที่ตัวหลินเซียว ซึ่งยังเก็บของส่วนตัวของเขาเองอยู่"หลินเซียว คุณตามฉันสำนักงานค่ะ" ซูหวั่นเอ๋อร์พูดกับหลินเซียวอย่างจริงจังพอดีที่หลินเซียวก็จะไปหาซูหวั่นเอ๋อร์เพื่อลาออกดังนั้นเขาจึงวางสิ่งต่างๆ ไว้ และเข้าไปที่สำนักงานประธานตามซูหวั่นเอ๋อร์หลังจากหลินเซียวมาถึงสำนักงานประธานที่เต็มไปด้วย
อย่างไรก็ตาม คำพูดง่ายๆ ของหลินเซียวทำให้ความมั่นใจของซูหว่านเอ๋อร์หายไป"ขอบคุณที่ประธานซูสละเวลา วันนี้ผมมาบริษัทเพื่อขอลาออกครับ"ซูหว่านเอ๋อร์ตะลึงทันที เธอคิดว่าหลินเซียวไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเธอแต่เอาเข้าจริงแล้วก็คือหลินเซียวไม่ใช่แค่ปฏิเสธซูหว่านเอ๋อร์ แถมยังปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาด้วยเมื่อเธอกำลังจะถามเหตุผลของหลินเซียว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซูหว่านเอ๋อร์หยิบมือถือมาแล้วเดินออกไปรับสายที่ข้างนอกหลินเซียวไม่ได้ยินเสียงคนที่โทรมา แต่เขาได้ยินซูหว่านเอ๋อร์พูดเรื่องอะไร"เถ้าแก่จ้าวค่ะ อย่าตกใจฉันนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันถามคุณหลายครั้งแล้ว คุณบอกว่าตัดสินใจลงทุนโครงการนี้ ฉันได้ลงทุนหมดแล้ว ตอนนี้ โครงการไปได้แค่ครึ่งทาง แล้วคุณบอกว่าคุณไม่ลงทุนต่อแล้ว นี่คุณล้อเล่นใช่ไหมคะ?"“ฉันรู้ว่าเราไม่ได้เซ็นสัญญาโครงการนี้ นี่ไม่ใช่ความเชื่อใจเหรอคะ? ห่วงโซ่เงินทุนของฉันกำลังจะขาดแล้ว คุณยังไม่อยากลงทุนตอนนี้ แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ?" "เถ้าแก่จ้าวคะ คุณคิดว่า ... เฮ้ เถ้าแก่จ้าวคะ เฮ้ นังนี่หนิ!!!"หลังจากนั้น ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกเหมือนจะเป็นลม ถอยโซเซ มือถือก็จะหลุดจากมือ ม
หลินเซียวนั่งอยู่โต๊ะของตัวเองเพื่อรอให้ซูหว่านเอ๋อร์กลับมาและรอให้ตัวเองกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนี้ โดยไม่คิดว่า ซูไม่ได้กลับมา แต่หวังม่านนีและจ้าวเสี่ยวเลี่ยงกลับมาที่บริษัทแทนทันทีที่หวังม่านนีเดินเข้าประตูของบริษัทมา จางเทาพุ่งมาตรงหน้าเธอด้วยความโกรธและด่าทอเธอ "หวังม่านนี พวกเรารอคุณอยู่ รีบหน่อย! คืนเงินมาซะ! ให้ตายเถอะ! หลินเซียวเป็นบ้าอะไร? ผู้ชายเลวนั่นฟ้องกับประธานซูลับหลังเรา ทำให้พวกเราทุกคนถูกปรับเงินเดือนทั้งเช้าเพราะเขาคนเดียว ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องนี้ รีบจ่ายเงินคืนทุกคนซะ!"จางเทาแผดเสียงก้องกับหวังม่านนีที่เพิ่งเข้ามา มันทำให้หวังม่านนีได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่ที่ประตูหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินจากเสียงด่าของเพื่อนร่วมงานรอบเธอข้าง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัทเมื่อกี้นี้หวังม่านนีโกรธมาก เพราะเธอกับหลินเซียวหย่ากันแล้ว แต่ไอ้โง่คนนี้ยังทำให้เธอต้องอับอายเธอโกรธมากจนทนไม่ไหวว เลยเอาใบหย่าออกจากกระเป๋าและยกมันขึ้นมา พูดกับเพื่อนร่วมงานในบริษัทว่า "ทุกคนดูดีๆ นะ ฉันกับหลินเซียวหย่ากันแล้ว นี่ยังไงล่ะใบหย่า ตั้งแต่เป็นต้นไป เราแยกย้ายกันแล้ว ไ