3. ไม่ดื่มกาแฟ
บนโต๊ะอาหารมีขนมปังโฮลวีท ไข่ดาว และกาแฟวางอยู่ เขียนฝันนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับอินทัช เธอยิ้มให้เขาเล็กน้อยจากนั้นหยิบกาแฟขึ้นจิบ
"นี่คุณดื่มกาแฟด้วยเหรอ"
"เอ่อ"
"ป้าอิ่มแกไม่รู้ว่าคุณไม่ดื่มก็เลยจัดไว้ให้น่ะ ปกติคุณไม่ดื่มกาแฟไม่ใช่เหรอ"
เขาพูดพร้อมทำหน้าแปลกใจ ถูกของอินทัช ปกติเขียนฟ้าไม่ดื่มกาแฟ ครั้งนี้ทำไมถึงหยิบแก้วกาแฟเข้าปากก่อนอย่างอื่น เขาถึงได้เอ่ยถามเพราะไม่เคยรู้มาก่อน
"ฟ้า...เอ่อ...ยังง่วงอยู่เลยค่ะ เลยอยากลองดื่มดูบ้าง"
"อ๋อ ครับ"
"คุณหนึ่งไม่ออกไปไหนเหรอคะวันนี้"
"เพิ่งแต่งงานได้วันเดียวอยากไล่ผมไปทำงานซะแล้ว"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฟ้าแค่อยากถามดู เผื่อฟ้าจะช่วยงานอะไรคุณหนึ่งได้บ้าง"
"ถ้าจะไปก็มีอยู่ที่เดียวหลัก ๆ คือโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ที่นั่นมีแต่ฝุ่นขี้เลื่อย อีกอย่างเสียงก็ดังมากด้วย ผมว่าอย่าไปเลยดีกว่า"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าอยากไป"
ว่าแล้วเขียนฝันก็ลุกเก็บจานทั้งของตัวเองและของสามี จากนั้นเดินตามกันขึ้นรถไปโรงงานเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ขับรถไปใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง อินทัชพาเขียนฝันไปแนะนำให้คนงานรู้จักในนามของเขียนฟ้า ซึ่งในตอนนั้นเขียนฝันก็รู้สึกละอายใจอยู่บ้าง แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเลือกโกหกแล้วก็ต้องโกหกไปให้สุด หากกลับลำเรือเอาตอนนี้มีแต่เสียหายกันทุกฝ่าย
ขณะที่กำลังเดินดูโรงงานอย่างตื่นตาตื่นใจ เต็มดวงโทร.มาพอดี เขียนฝันรับสายใจเต้นตุบ ๆ กลัวว่าแม่จะจับได้ ดีที่ยังเฉลียวใจสลับเบอร์โทร.กับเขียนฟ้าไว้จึงทำให้เต็มดวงไม่สงสัยอะไร
"ค่ะแม่"
เขียนฝันพยายามทำน้ำเสียงให้เหมือนกับตอนที่เขียนฟ้าคุยกับแม่ เต็มดวงเมื่อได้ยินเสียงรับสายก็รีบพูดทันที
"ฟ้า ยัยฝันหายไปจากบ้านอีกแล้ว"
"ฝันหายไปเหรอคะ หายไปไหนคะ"
พอได้ฟังเขียนฝันก็แสร้งเป็นตกอกตกใจ พยายามคิดเรื่องที่เขียนฟ้าเคยบอกเอาไว้ จนในที่สุดก็คิดออก เขียนฟ้าเคยบอกว่าอยากเป็นนักบัลเลต์ เช่นนั้นก็คงจะหอบกระเป๋าหนีแม่เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ มาถึงตอนนี้เขียนฝันเข้าใจแล้วว่าที่เขียนฟ้าไม่อยากแต่งงานกับอินทัชเหตุผลหลัก ๆ คือต้องการไปตามหาความฝัน
"แม่ไม่รู้ คอยดูนะถ้าตามกลับมาได้แม่จะตีให้หลังลายเลย"
ก่อนวางสายเต็มดวงยังขู่ไว้ ทำให้เขียนฝันที่ใช้ชีวิตในนามเขียนฟ้าขนลุกไปทั้งตัว กว่าจะหนีออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากเต็มดวงรู้แล้วตามกลับไปอีกคราวนี้เห็นทีจะเจ็บหนักว่าที่ผ่านมา
เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่ก็ปกปิดอาการร้อนรนไว้ไม่มิด รีบเดินไปหาอินทัชที่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาติชาย พออินทัชเห็นสีหน้ากังวลใจของภรรยาจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"อยากกลับแล้วเหรอครับ ไม่สบายรึเปล่าดูหน้าซีด ๆ"
"เปล่าค่ะ คุณหนึ่งคุยงานต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวฟ้าจะนั่งรอตรงนี้"
หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกมองดูอินทัชสั่งงานลูกน้อง จับใจความได้ว่าพนักงานที่ออกแบบเฟอร์นิเจอร์ถูกคู่แข่งซื้อตัวไป จะต้องรับสมัครพนักงานมาทำตำแหน่งนี้ใหม่โดยไว ไม่เช่นนั้นโรงงานจะไม่สามารถผลิตเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่ออกมาวางขายได้ทันสิ้นปี เขียนฝันชะเง้อมองแบบร่างในมืออินทัช เธอเองก็เรียนทางด้านนี้มาจึงพอเข้าใจอยู่บ้าง เลยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก
"ขอโทษนะคะ ขอฟ้าพูดอะไรหน่อยได้มั้ยคะ"
"อืม เอาสิครับ"
คนตัวเล็กเดินเข้าไปหา แล้วขอดูแบบชัด ๆ แบบร่างนี้คือแบบสำหรับชุดเก้าอี้รับแขก พอเห็นแวบแรกเขียนฝันก็จุดประกายไอเดียเสนอวิธีแก้ไขให้ทันที
"ฟ้ามีความเห็นว่าพนักพิงหลังมันเล็กแล้วก็แคบเกินไป อีกอย่างสีที่กำหนดมามันไม่สามารถยกไปวางห้องไหนก็ได้ เราน่าจะทำโทนสีดำ น้ำตาล ไม่ก็สีไม้วอลนัท โทนสีเหล่านี้สามารถเข้าได้ดีกับการตกแต่งห้องได้ทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นหรือแบบร่วมสมัยอื่น ๆ นอกจากเฟอร์นิเจอร์จะใช้งานได้จริง ที่สำคัญคือต้องสวยด้วยค่ะ"
"อืม ผมก็เห็นด้วยกับคุณฟ้านะครับ"
ชาติชายพยักหน้าเห็นด้วย อินทัชเองก็เห็นด้วยตามที่เขียนฝันบอก ส่วนเรื่องของพนักพิงที่แคบและเล็กจนเกินไปเขียนฝันพูดถูกทุกประการ
"ถ้าอย่างนั้นคุณหนึ่งไม่ลองให้คุณฟ้าทำหน้าที่นี้ดูล่ะครับ ไหน ๆ ก็หาคนทำแทนยังไม่ได้"
"เอาอย่างนั้นเหรอ"
อินทัชหันมาถามความสมัครใจของเขียนฝัน แต่อีกคนยิ้มแห้ง ไม่แน่ใจว่าจะทำออกมาได้ดีอย่างที่มีคนตั้งความหวังไว้ได้หรือเปล่า
"ฟ้าว่า ฟ้าคงไม่เหมาะหรอกค่ะ ฟ้ายังไม่ค่อยมีประสบการณ์ เพิ่งจะเรียนจบมาค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ คุณไม่ได้ทำคนเดียวสักหน่อย เรากำลังหาทีมออกแบบใหม่อยู่ ระหว่างนี้คุณก็ช่วยผมไปก่อน โอเคมั้ย?"
"ค่ะ เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ"
38. ก็ตอบว่าได้ค่ะ (จบ)"หายโกรธผมแล้วเหรอ""ก็ยังไม่หายดีหรอกค่ะ""แล้ว""จะกินหรือไม่กินคะ""กินครับ"พอเข้ามาในร้านแล้วเขียนฝันก็นำกับข้าวที่ซื้อมาเทใส่จาน จากนั้นถือมาวางบนโต๊ะ อินทัชเดินเข้าไปช่วยยกอาหารมาวางเช่นกัน ทั้งสองนั่งทานเงียบ ๆ ระหว่างนั้นไม่มีใครปริปากพูดเลยสักคำ เขาไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวว่าจะทำให้เธอไม่พอใจ ส่วนเธอก็ยังไม่กล้าเปิดใจจึงเงียบอยู่แบบนั้น บางครั้งคนเราก็มักจะบอกใจตัวเองว่าพอแล้ว แต่เอาเข้าจริงมันเป็นเรื่องยากที่จะตัดใจจากคนที่รัก เขียนฝันยอมรับว่าใจไม่แข็งพอ...พออิ่มแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องกลับ อินทัชอยากถ่วงเวลาให้นานกว่านี้แต่ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้าง เขารอฟังอยู่นานและอยากให้เธอถามไถ่เรื่องอื่น ๆ สักคำก็ยังดี เพื่อที่จะได้ชวนคุยออกทะเลให้นานกว่านี้หน่อย แต่อีกคนก็ยังเงียบจนเขาเริ่มใจหาย"รายได้ร้านเป็นไงบ้างครับ""ก็ดีค่ะ ตอนนี้จ้างคนงานมาช่วยหนึ่งคน เดี๋ยวถ้าอะไรลงตัวแล้วฝันจะเคลียร์ค่าเช่าให้นะคะ""ก็ไม่เคยบอกนี่ว่าจะเอา""อยากให้ค่ะ ไม่ชอบติดค้างใคร"ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจพูดกระทบ แต่ก็ทำให้คนที่ได้ฟังสะดุ้ง เพราะคำพูดแต่ละคำฟังดูเหมื
37. บ้านนี้ไม่มีเขียนฝัน"ฝันไม่อยากอยู่ใกล้คุณ ฝันพูดชัดเจนแล้ว ฮื่อ ขอพื้นที่ให้ฝันได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสักที ฝันขอร้อง จะเอากันให้ตายไปข้างเลยรึไง ฮึก แค่นี้มันก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว"เธอสะอื้นไห้เพราะทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ตั้งใจว่าจะหนีเขาไปให้ไกล อยากหนีไปที่ไหนก็ได้ที่เขาจะตามหาเธอไม่เจออีก เมื่อเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขียนฝันจึงลงมาชั้นล่าง ยังเห็นอินทัชนั่งอยู่ภายในร้าน สีหน้าของเขาดูเศร้าสร้อยและสำนึกผิด เขียนฝันหยุดมองหน้าเขาเพียงครู่เดียวแล้วหอบกระเป๋าเดินผ่านหน้าเขาไป เขาลุกเดินตามรีบคว้าข้อมือเธอไว้"ไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้ว ผมไปเอง ให้ผมเป็นฝ่ายไปเอง ส่วนร้านนี้คุณก็ดูแลต่อไปเถอะ"นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากทำดีต่อเธอ อินทัชยกร้านนี้ให้เขียนฝันเโดยไม่คิดเสียดาย แต่เสียใจมากกว่าที่เรื่องราวของเขาและเธอมันจบลงแบบนี้ เขาค่อย ๆ ปล่อยมือจากเธอช้า ๆ ไม่รั้งเอาไว้อีกแล้ว จากนั้นส่งยิ้มบาง ๆ ให้ แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้า เธอทอดมองแผ่นหลังกว้างที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ และแล้วรถหรูก็เคลื่อนจากหน้าร้านมุ่งสู
36. ผมพูดความจริง"ขอโทษ ผมขอโทษ""ตกลงคุณเรียกฝันมาแค่คุยเรื่องลาออกใช่มั้ยคะ""ผมไม่ได้อยากให้คุณไป""ฝันจะไปค่ะ"เขียนฝันยืนยันอย่างหนักแน่น เงยหน้าสบตาคนตัวสูง"ฝันไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่""มีสิ""เหตุผลอะไร""ถ้าวันนี้ผมจะบอกว่าผมรักคุณแล้ว มันจะพอเป็นเหตุผลที่สามารถทำให้คุณอยู่ได้ไหม"เขียนฝันได้ฟังก็ชะงัก เธอไม่แน่ใจว่าที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริงหรือหลอก เพราะเคยเจ็บปวดจากการถูกหลอกลวงมาก่อนจึงไม่แปลกที่จะระแวง แต่ในเมื่อเธอได้เดินออกมาจากชีวิตเขาแล้ว ยังจะมีเหตุผลไหนให้เขาต้องโกหกเธออีก เขียนฝันจ้องมองเขาด้วยแววตาที่ไม่เชื่อใจ เธอระวังตัวกว่าครั้งก่อนมาก"ไม่จริง""ผมพูดความจริง"หญิงสาวเงียบไปชั่วขณะ เธอเหลือบมองหนังสือลาออกของตนเองที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วสลัดความคิดนี้ทิ้งไป หากไม่คาดหวังก็จะไม่ต้องผิดหวัง และก็ไม่อยากให้ความหวังตัวเองอีกแล้ว"ช่วยเซ็นหนังสือลาออกให้ฝันด้วยนะคะ""ฝัน..."เธอไม่ฟังที่เขาเรียกเดินออกไปจากห้องทันที อีกคนได้แต่มองตามอย่างเศร้า ๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเขียนฝันถึงจะกลับมาเชื่อใจเขาได้อีก เมื่ออินทัชกลับมานั่งที่เก้าอี้ เขาก็หยิบหนังสือลาออกของเขีย
35. มันเป็นไปเอง"วันนี้คุณก็พักผ่อนเถอะนะคะ""อืม""ฝันกลับก่อนนะคะ""คุณไม่นอนที่นี่เหรอ""ไม่ค่ะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านฝันแล้ว ที่นี่คือบ้านคุณ คุณกับฝันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน หากฝันนอนอยู่ที่นี่ก็คงดูไม่ดี""อ๋อ งั้นเอารถผมไปมั้ย คุณก็ขับเป็นนี่นา กุญแจวางอยู่""ไม่ค่ะ"เขาพูดไม่ทันจบเขียนฝันก็ปฏิเสธความหวังดีของเขาทันที เธอออกมาจากห้องนอนอินทัชแล้วเก็บเอาสัมภาระตนเองออกจากบ้านไป ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้าน ร้านปิดแล้วทุกคนก็กลับกันหมดแล้วเขียนฝันจึงจัดการธุระส่วนตัวเสแล้วเตรียมเข้านอน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวางของอินทัชไว้ที่ชั้นล่าง และช่วงค่ำหลังจากที่อินทัชทานข้าวเย็นเธอก็ลืมจัดยาให้เขา ดังนั้นจึงโทร.หาเพื่อต้องการจะย้ำเตือน รอสายไม่นานอีกคนก็กดรับหญิงสาวถอนหายใจก่อนจึงพูดน้ำเสียงเรียบ"คุณหนึ่งคะ""มีอะไรเหรอ""ฝันแค่จะบอกว่ายาที่หมอให้มาอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก""อ๋อ ผมคงไม่ได้ลงไปเอาเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกิน""ค่ะ งั้นคุณก็อย่าลืมให้พยาบาลเอาให้กินนะคะ""พยาบาล? ""ฝันหาพยาบาลให้คุณได้แล้ว ฝันไม่ได้เข้าไปบ้านคุณอีกแล้วค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยฝันไว้ ขอบคุณที่เอาตัวมาบังจนคุณ
34. ถอดกางเกงให้ที"หนัก"เธอบ่นอุบอิบค่อย ๆ พยุงเขาขึ้นบันไดด้วยความยากลำบาก จนมาถึงห้องนอนที่ชั้นบนเธอรีบทิ้งเขาลงบนเตียง"เบา ๆ หน่อยสิคุณ"เขาบอกแล้วถอดเสื้อโยนลงบนเตียงให้เธอตามเก็บ หญิงสาวกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจเดินไปเก็บเสื้อมาใส่ตะกร้าผ้าสำหรับรอซัก พอเขียนฝันเดินกลับมาก็ได้เจอกับคำพูดเขาที่ทำให้ต้องอ้าปากค้าง"ถอดกางเกงให้ที""จะบ้าเหรอ""อ้าว ก็เห็นอยู่ว่าถอดเองไม่ได้ อย่ามาทำเป็นอายไปหน่อยเลย ทำอย่างกับไม่เคยเห็น"เขียนฝันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อถูกพูดแทงใจดำ เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องคืนนั้นอีกแม้สักเสี้ยววินาทีก็ไม่อยากนึกถึง และยิ่งไม่อยากให้เขาเอ่ยถึงมันให้ได้ยินอีกเลย ในเมื่อเขารู้ว่าเธอรักแต่ก็ยังใช้ความรักทำร้ายเธอ คนเลือดเย็นอย่างเขาเธอควรจะหนีไปให้ไกล เมื่อคิดขึ้นได้เขียนฝันก็ย้ำถามตนเองในใจ เธอมามัวทำบ้าอะไรที่นี่ เขาช่วยเธอไว้จากอุบัติเหตุเมื่อตอนกลางวันก็ส่วนหนึ่งแต่จะให้มาใกล้ชิดกันอยู่แบบนี้แล้วเมื่อไรเธอถึงจะตัดใจได้สักที"เร็วสิคุณ ผมอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว"เขียนฝันก้มลงปลดตะขอกางเกงสแลคสีดำที่เขาสวมใส่อยู่ออก รูดซิปลงมาแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ตากอยู่โยนลงบนตั
33. มีคาถาอ่านใจ"เหอะ ขาผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ ป้าอิ่มลากลับต่างจังหวัดหนึ่งอาทิตย์ เพราะฉะนั้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบในขณะที่ผมยังเดินเองไม่ได้คุณต้องไปดูแลผมคอยรับใช้ผม""คุณก็มีเงินตั้งเยอะจ้างพยาบาลพิเศษเอาสิคะ เกี่ยวอะไรกับฝัน""อ้าวนี่หูหนวกรึไง ผมก็พูดไปแล้วไงว่าที่ขาผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ คุณถึงต้องไปคอยดูแลผม หมอบอกว่าห้ามผมเดิน ระหว่างนี้ให้นั่งรถเข็นไปก่อน""แล้วยังไง""แล้วยังไงเหรอ ถามมาได้ จะใจดำไปถึงไหน""ก็แล้วใครใจดำกับใครก่อนละคะ ฝันไม่มีหน้าที่ต้องดูแลคุณเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว การช่วยแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นฝันควรจะพูดขอบคุณแล้วจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้าย""...""ไม่รู้ละ ถ้าคุณไม่รับผิดชอบขาผมผมก็จะยังไม่ส่งโมเดลสุดท้ายของคุณให้ลูกค้า""คุณหนึ่ง!"เขาบอกพร้อมชี้มือไปที่รถเข็นคันหนึ่งที่จอดอยู่มุมห้อง เขียนฝันจำใจต้องเดินไปเข็นรถมาทั้งที่ไม่เต็มใจ ใบหน้าเธอหงิกงอบอกบุญไม่รับ ส่วนอีกคนยิ้มร่าไม่เป็นเดือดเป็นร้อนทั้งที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บขนาดนี้เธอพาเขากลับมาที่บ้าน แกล้งเข็นเขาชนนู่นบ้างนี่บ้างตลอดทางจนอินทัชต้องเบี่ยงตัวหลบ"เข็นให้มัน