ไม่รู้ว่าองค์รักษ์ทั้งสี่กลับมาเมื่อใด แต่ละคนล้วนดูมอมแมมไม่แพ้กัน ร่างเปื้อนฝุ่นผงจนดูแทบไม่ออกว่าเดิมทีหน้าตาเป็นอย่างไรหากแต่ผู้ที่ดูอนาถยิ่งกว่ากลับเป็นชางอี้และฉู่เฉิน เสื้อผ้าบนร่างถูกเปลวเพลิงเผาจนขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าเองก็ไหม้เกรียมจนดำเป็นปื้นเจียงซุ่ยฮวนชะงักเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าเข้าไปในจวนองค์ชายเป่ยโม่แล้วหรือ”ชางอี้และฉู่เฉินนั่งยองอยู่ตรงขั้นบันได พยักหน้ารับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนไป๋หลีที่ยืนอยู่ด้านข้างถอนใจอย่างจนใจ “พวกเขาคิดจะลอบเข้าทางประตูหลังเพื่อไปหาท่าน ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ถูกรั้วใหญ่ที่พังลงมาทับเสียก่อน”ลิ่วลู่กล่าวเสริม “สุดท้ายก็พวกข้านี่แหละที่วิ่งเข้าไปดึงตัวทั้งสองออกมา”ฉู่เฉินลูบจมูกอย่างกระอักกระอ่วน พลางว่า “ใครจะไปคิดว่าประตูหลังของจวนองค์ชายเป่ยโม่จะอ่อนปวกเปียก แค่เตะทีเดียวก็ล้มพับแล้ว”เจียงซุ่ยฮวนเอ่ยถาม “แล้วบาดเจ็บหรือไม่”“ไม่ ข้าสองคนหนังหนาเนื้อหยาบ ไม่บาดเจ็บง่าย ๆ ” ฉู่เฉินยิ้มกว้าง “เดิมทีข้ายังคิดจะเข้าไปช่วยเจ้า แต่แล้วก็มีองครักษ์ลับโผล่มาบอกว่า องค์ชายเป่ยโม่ช่วยเจ้าออกมาแล้ว”“ตอนนั้นแหละ ข้าจึงค่อยคลายใจ” ฉู่เ
Baca selengkapnya