เจียงซุ่ยฮวนปรายตามองยวี่เจี่ยกวงขึ้นๆ ลงๆ คราหนึ่ง ไม่เอ่ยสิ่งใด จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าห้องไปยวี่เจี่ยกวงจ้องมองแผ่นหลังของเจียงซุ่ยฮวน แววตาพลันฉายประกายเฉียบคมวูบหนึ่งยามที่ยวี่จี๋ต้อนม้าเข้าโรงม้า จางอวิ๋นก็เดินเข้าห้อง ควักตั๋วเงินยื่นให้ยวี่เจี่ยกวง “การสอบราชการนั้นเหน็ดเหนื่อย เจ้าจงเก็บเงินนี้ไว้ซื้อของกินบำรุงร่างกายบ้างเถิด”ยวี่เจี่ยกวงเบิกตาถามอย่างตกใจ “มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ท่านแม่ ท่านไปนำเงินมากมายถึงเพียงนี้มาจากที่ใด”“คุณหนูเป็นผู้มอบให้ พวกเรามิได้มีเหตุจะใช้ พอดีเจ้ากลับมา ก็จงเก็บไว้เถิด”ยวี่เจี่ยกวงจ้องตั๋วเงินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านแม่ เงินนี้เป็นเงินเลี้ยงชีพยามชราของท่านกับท่านพ่อ ข้ารับไว้ไม่ได้”จางอวิ๋นรู้สึกทั้งตกใจทั้งตื้นตัน แต่แรกนั้น หากเป็นยวี่เจี่ยกวงคนก่อน ป่านนี้คงแย่งตั๋วเงินไปแล้วนางยัดตั๋วเงินใส่มือลูกชาย “ลูกเอ๋ย รับไว้เถิด แม่กับพ่อของเจ้าใช้ไม่หมดดอก”ทั้งสองเกี่ยงกันอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยวี่เจี่ยกวงยังคงปฏิเสธหัวชนฝา “ท่านแม่ ข้ามิอาจรับไว้ได้จริงๆ”“ตลอดสองสามเดือนมานี้ ข้าได้ตระหนักถึงหลายสิ่ง ท่านทั้งส
Read more