All Chapters of พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี: Chapter 1311 - Chapter 1320

1436 Chapters

บทที่ 1311

ได้ยินดังนั้น โหยวต๋าก็รีบสั่งให้สาวใช้นำอาหารและยาบำรุงเข้ามาอย่างยินดียิ่งเฉียวเนี่ยนรับชามหยกอุ่นๆ มา แล้วนั่งลงบนตั่งนุ่มที่บุด้วยหนังเสือขาวข้างๆ อวี่เหวินฮ่าว นางนักอาหารบำรุงร่างกายเข้มข้นขึ้นมา แล้วป้อนสู่ริมฝีปากซีดๆ ของอวี่เหวินฮ่าวอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีขัดเขินอวี่เหวินฮ่าวคิดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะดูช่ำชองกับการป้อนอาหารให้ผู้ชายถึงเพียงนี้จึงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเฉียวเนี่ยนเห็นว่าเขาไม่อ้าปากเสียที จึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล "ร่างกายองค์ชายสำคัญนัก แม้จะไม่อยากอาหาร แต่ก็ต้องเสวยเพคะ"อวี่เหวินฮ่าวจึงอ้าปากจะว่าไปแล้ว การที่ต้องให้คนอื่นป้อนเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับอวี่เหวินฮ่าวมามากกว่าสิบปีแล้วแม้จะเห็นว่าการแสร้งทำตัวอ่อนแอน่าสงสารของตนได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเฉียวเนี่ยน แต่การกระทำที่ดูชำนาญมากเกินไปของเฉียวเนี่ยน กลับทำให้เขารู้สึกแปลกๆ"คุณหนูเฉียว..." ลูกกระเดือกเขาขยับเล็กน้อย เสียงนั้นเดาอารมณ์ไม่ออก "ป้อนอาหารคนอื่นบ่อยหรือ?"เขาจ้องนางไม่วางตา เหมือนพยายามจะจับเงื่อนงำบางอย่างจากดวงตาคู่นั้นเฉียวเนี่ยนยังคงตั้งอกตั้งใจตักอาหารขึ้นมาเป่าเบาๆขนต
Read more

บทที่ 1312

อวี่เหวินฮ่าวตะลึงงัน ราวกับเพิ่งรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก "พิษเถากัดกระดูก? หรือว่าแม่ทัพเซียวเองก็ถูกวางยาหรือ? ข้าไม่แน่ใจ หรือว่า... จะเป็นตระกูลมู่?" สายตาของเขาดูไร้เดียงสานักเฉียวเนี่ยนไม่ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆอวี่เหวินฮ่าวจึงถือโอกาสจี้ถามด้วยใบหน้าเป็นกังวล "ทำไมหรือ? สถานการณ์ของแม่ทัพเซียวไม่ค่อยดีหรือ?""เพคะ ไม่สามารถรักษาหายได้ในเร็ววัน" เฉียวเนี่ยนตอบตามจริง แววตาหนักอึ้งอวี่เหวินฮ่าวมีท่าทีตกใจสุดขีด ทอดถอนใจยาว "แม้แต่คุณหนูเฉียวยังกล่าวเช่นนี้ ดูท่าจะแย่มากจริงๆ"ยังพูดไม่ทันขาดคำ เสียงจากนอกห้องก็ดังขึ้น "องค์ชาย คุณหนูหกจากตระกูลมู่มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"คุณหนูหกแห่งตระกูลมู่?เฉียวเนี่ยนนึกถึงตอนที่มู่คังเซิ่งแนะนำญาติแต่ละคนในงานเลี้ยงคืนนั้น เช่นนั้นคุณหนูหกแห่งตระกูลมู่ ก็คือมู่เมิ่งเสวี่ยนางมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของอวี่เหวินฮ่าว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า "น้องหญิงเมิ่งเสวี่ยคงเป็นห่วงความปลอดภัยของข้า เพราะข้าไม่ได้กลับจวนนานแล้ว อย่างไรก็ตาม องค์ชายทรงพักผ่อนให้มากเถิด ข้าจะไปพบนางเอง" พูดจบ นางก็ลุกขึ้นคำนับแล้วก้าวออกไปอย่างเรี
Read more

บทที่ 1313

นางกำลังจะตอบกลับ แต่หางตาก็ฉับไวจับได้ว่ามีชายเสื้อสีเข้มแวบผ่านไปหลังเสาโถงด้านนอกประตูดวงตาเฉียวเนี่ยนหม่นลงทันใด แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับยิ่งสดใสขึ้น น้ำเสียงก็สูงขึ้นอีกเล็กน้อย เจือการปลอบใจที่แฝงไว้ด้วยความลำบากใจ พูดออกมาดังๆ กับมู่เมิ่งเสวี่ยว่า “เอาล่ะๆ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดถึงข้า แต่เรื่องชีวิตของผู้คนสำคัญยิ่ง ข้าเป็นหมอ การรักษาและช่วยชีวิตเป็นหน้าที่ของข้า จะยอมละทิ้งคนไข้เพราะอยากเล่นสนุกไม่ได้หรอก”เซียวเหิงยังอยู่ที่นี่ นางไปไม่ได้ดวงตามู่เมิ่งเสวี่ยฉายแววเข้าใจแวบหนึ่ง นางไม่ได้โง่ จึงเข้าใจสิ่งที่เฉียวเนี่ยนต้องการสื่อในทันทีนางกลอกตา ทำทีไม่พอใจ ทั้งยังดึงมือเฉียวเนี่ยนไปนั่งที่ตั่งนุ่มด้วยกัน ทั้งยังคงเบ้ปากอยู่ตลอด เสียงพูดไม่ดังไม่เบาเกินไป "พี่หญิงไม่สงสารข้าเลยสักนิด! เชอะ!"ที่นั่งนี้ช่างบังเอิญนัก หันหลังให้ประตูใหญ่พอดี ทั้งยังมีระยะห่างค่อนข้างมาก แม้โหยวต๋าจะหูดีแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของพวกนางได้ทันทีที่นั่งลง มู่เมิ่งเสวี่ยก็หันกาย ทำให้นางหันหลังให้ประตูโดยสมบูรณ์นางก้มหน้าเล็กน้อย ทำทีเหมือนจัดชายชุด เสียงของนางแผ่วเบาราวเสียงลม
Read more

บทที่ 1314

ในขณะเดียวกัน ที่ห้องทรงอักษรของวังหลวงแคว้นถังประตูไม้จันทน์แดงบานหนาได้ปิดกั้นความอึกทึกจากโลกภายนอก เหลือเพียงบรรยากาศเคร่งขรึมและจริงจังกำยานอำพันทะเลค่อยๆ ลุกไหม้อย่างเงียบงันอยู่ในกระถางกำยานลวดลายสัตว์มงคลเคลือบทอง ควันลอยระเรี่ยอ้อยอิ่ง ทว่ากลับไม่อาจขับไล่แรงกดดันที่แผ่ซ่านอยู่ในอากาศได้ท้องฟ้านอกหน้าต่างมืดครึ้ม แสงลอดผ่านซุ้มหน้าต่างไม้แกะสลักอันประณีต สาดกระทบพื้นอิฐทองขัดเงาราวกระจก เกิดเป็นลวดลายที่สลับระหว่างแสงกับเงาอย่างลงตัว และยังสะท้อนให้เห็นร่างของจักรพรรดิผู้สวมฉลองพระองค์ลายมังกรสีเหลืองทอง ผู้มีอำนาจข่มขวัญโดยไม่ต้องแสดงโทสะออกมาเลยแม้แต่น้อยบนโต๊ะทรงอักษรขนาดใหญ่ มีกระดานหมากล้อมตั้งอยู่ตรงกลางหมากดำและขาววางไขว้สลับกันไปมา การเล่นหมากล้อมกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น มองผิวเผินแล้ว ทั้งสองฝ่ายดูมีกำลังทัดเทียมกัน ยากจะตัดสินว่าใครเหนือกว่าใครอวี่เหวินหลิน ฮ่องเต้แห่งแคว้นถังถือหมากขาวเม็ดหนึ่งที่เนียนละเอียดดุจหยกขาวในมือ ดวงตาจับจ้องอยู่บนกระดานหมากล้อมอย่างตั้งใจไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด อวี่เหวินหลินก็เอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน "ได้ยินชื่อเสียงอันเก
Read more

บทที่ 1315

เขาโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย สายตาคมกริบดังกรงเล็บเหยี่ยว คำพูดทุกพยางค์มีพลังดังค้อนหนักนับพัน กระแทกลงไปในใจของฮ่องเต้แห่งแคว้นถัง "ตระกูลมู่ร่ำรวยนัก ทรัพย์สมบัติมีมากกว่าท้องพระคลังของแผ่นดิน อำนาจคับฟ้า ไม่มีขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์คนใดเทียบได้ ท่านทรงครอบครองแผ่นดิน ปกครองทั่วทั้งสี่ทะเล หรือว่า... ไม่เคยทรงคิดจะหาโอกาสอันเหมาะสม เพื่อพลิกฟื้นความวุ่นวายให้กลับสู่ความถูกต้อง จัดระเบียบอำนาจที่รากลึกซับซ้อนเหล่านี้ให้สิ้นเชิง... บ้างเลยหรือ?"เสียงของฉู่จืออี้ไม่ดัง และไม่เบา แต่กลับเหมือนสายฟ้าฟาดลงในห้องทรงอักษรเขาจ้องอวี่เหวินหลินที่มีสีหน้าสับสนคือความหวาดระแวง ความโกรธที่ถูกฝังลึกไว้ในใจ หรือเป็นแรงสั่นสะเทือนจากการถูกแทงใจดำกันแน่?อวี่เหวินหลินจ้องมองฉู่จืออี้ไม่วางตาตระกูลมู่เป็นมหาเศรษฐีของแคว้นถัง มีทรัพย์สมบัติมากมายจนคนทั่วไปมิอาจคาดเดาได้เชื้อพระวงศ์ของแคว้นถัง เมื่อเจอคนตระกูลมู่ ล้วนต้องรักษามารยาท เรื่องนี้มิได้มีเพียงคนแคว้นถังเท่านั้นที่รู้ถึงขั้นมีคนลือกันว่า ตำแหน่งฮ่องเต้แห่งแคว้นถังนั้น แท้จริงก็เป็นเพียงหุ่นเชิด ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงแล้ว
Read more

บทที่ 1316

เมื่อฉู่จืออี้ออกจากวังหลวง ฟ้าก็มืดราวน้ำหมึกแล้วฤดูหนาวของแคว้นถัง หนาวกว่าแคว้นจิ้งมากนัก ลมพัดมาคราใด ก็รู้สึกราวถูกทิ่มแทง แม้เขาจะไม่ใช่คนขี้หนาว ก็ก็ยังเผลอห่อไหล่เข้าหากันเงาของกำแพงวังที่สูงตระหง่าน ภายใต้แสงสลัวของโคมพระราชวัง ดูยิ่งชวนให้รู้สึกเย็นเยียบและอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกส่วนหน้าประตูวังนั้น รถม้าของตระกูลมู่จอดอยู่ใต้เงามืด ราวกับอสูรยักษ์ที่กำลังจำศีล เฝ้ารออยู่อย่างเงียบงันมาเนิ่นนานแล้วสารถียืนตรง มือแนบลำตัว เงียบงันราวรูปปั้นฉู่จืออี้ค่อยๆ ก้าวเข้าไป สารถีจึงค้อมกายคำนับ "คารวะท่านอ๋อง"เขาพูดพลางเปิดม่านรถม้าฉู่จืออี้ขึ้นรถม้าไปโดยไม่ตอบอะไรล้อรถบดไปบนถนนหินชนวนสีเขียวที่เย็นเยียบ เกิดเสียงกุกกักดังทึบและสม่ำเสมอ ก้องชัดเจนเป็นพิเศษท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัดภายในตัวรถม้า ฉู่จืออี้พิงหลังกับเบาะนุ่ม เขาหลุบตาลงเล็กน้อย ระหว่างคิ้วแผ่วคลุมไปด้วยชั้นหมอกเย็นที่ไม่อาจขับไล่ให้จางหายปลายนิ้วเคาะขอบหน้าต่างอย่างไม่รู้ตัว ภาพเหตุการณ์ในห้องทรงอักษรที่เต็มไปด้วยคลื่นพายุอันเงียบงันระหว่างเขากับฮ่องเต้แห่งแคว้นถัง ยังคงก้องสะท้อนอยู่ในห้วงความคิดไม่รู้จบ
Read more

บทที่ 1317

ฤทธิ์ของน้ำล้างแก่นธาตุนั้นรุนแรงนัก ผลลัพธ์ดี แต่ผลข้างเคียงก็ร้ายกาจยิ่งความเจ็บปวดนั้น รุนแรงกว่าพิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณที่นางเคยประสบมากฉะนั้น นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนอีกครา "หากเจ้าเจ็บ ก็จงร้องออกมาเถิด"แม้การร้องออกมาจะไม่ช่วยให้หายเจ็บได้ แต่ก็สามารถระบายความอัดอั้นในใจได้บางทีอาจทำให้ผ่านพ้นความเจ็บปวดไปได้มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากภายในฉากกั้น คล้ายกับในปีนั้นที่เซียวเหิงอายุสิบหก ถูกพ่อเซียวลงโทษให้คุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษตระกูลเซียว แล้วเห็นนางแอบปีนกำแพงมาดูเขา เสียงหัวเราะเบานั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในตอนนั้น เขาบอกว่า "เนี่ยนเนี่ยน ไม่ต้องเป็นห่วงข้า"และในตอนนี้ คนที่อยู่หลังฉากกั้นก็บอกว่า "เนี่ยนเนี่ยน ไม่ต้องเป็นห่วงข้า"ฝ่ามือเล็กๆ กำแน่น ฝ่ามือปรากฏรอยคล้ายพระจันทร์เสี้ยวอยู่หลายรอยเฉียวเนี่ยนไม่เอ่ยคำใดต่อ นางหันไปนั่งบนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งไม่รู้เพราะเหตุใด เสียงนางฟังดูอึดอัดใจ"หากรู้สึกไม่สบาย ต้องเรียกข้านะ"หลังฉากกั้นไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีกเวลาไหลผ่านไป บรรยากาศในห้องเงียบงันจนแทบหายใจไม่ออกในอ่างอาบน้ำ มีเพียงเสียงกระเพื่อมของน้ำท
Read more

บทที่ 1318

นอกฉากกั้น สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ไม่เคยละจากร่างที่กำลังดิ้นรนอย่างรุนแรงในอ่างน้ำความเจ็บปวดราวกระดูกทั้งร่างโดนทุบจนแหลกนั้น เขากลับอดทนไม่เปล่งเสียงร้องใดๆ ออกมาเลยนางนึกถึงเมื่อก่อน ตอนที่ต้องรักษาโรคขาให้เซียวเหอ นางได้ลองฝังเข็มกับคนในจวน ไม่มีใครทนได้ถึงเข็มที่สองเลย มีเพียงเซียวเหิงที่อดทนได้ตั้งแต่ต้นจนจบแม้จะเจ็บจนเส้นเอ็นปูดขึ้้นมา เจ็บจนกล้ามเนื้อสั่นระริก แต่เขาก็ยังคงไม่เปล่งเสียงร้องใดๆนางจำได้ว่าตอนนั้น นางกล่าวกับเขาว่า "หากแม่ทัพเซียวรู้สึกเจ็บ จะร้องออกมาก็ได้"เซียวเหิงกลับยิ้มแล้วถามนางว่า "หากร้องออกมา เจ้าจะสงสารข้าหรือไม่?"มีบางเรื่อง ในตอนที่เผชิญกับมันนั้น กลับไม่รู้สึกอะไรตอนนั้นเฉียวเนี่ยนจึงไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตาม เมื่อภาพเหตุการณ์ในอดีต ผ่านกาลเวลามาซ้อนทับกับร่างที่อยู่หลังฉากกั้นตรงหน้า ซึ่งกำลังเงียบสงบอดทนต่อการทรมานที่โหดร้ายยิ่งกว่า เฉียวเนี่ยนกลับรู้สึกว่าหัวใจถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดอย่างแรง ความเจ็บปวดแสนขมขื่นแพร่กระจายไปทั่วทันทีนางอดคิดไม่ได้เลยว่า เหตุใดเขาถึงอดทนต่อความเจ็บปวดได้ถึงเพียงนั้น?เพราะชินกับกฎตระกูล
Read more

บทที่ 1319

ในที่สุด วิสัยทัศน์อันมืดมัวก็กลับมาแจ่มชัด เขามองเห็นความหม่นเศร้าที่สลัดไม่หลุดในดวงตาของเฉียวเนี่ยนได้อย่างชัดเจนพริบตานั้นเอง เขารู้สึกราวตนย้อนกลับไปในโถงบรรพบุรุษที่ทั้งเย็นและมืดรู้สึกราวผู้ที่ยืนอยู่ข้างเขาตอนนี้ คือเด็กสาวที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเขาในโถงบรรพบุรุษ คอยทายาให้เขาด้วยสายตารู้สึกผิดและสงสารจับใจร่างกายเขาขยับไปตามสัญชาตญาณเขาอยากยกมือขึ้นเพื่อลูบหัวนางเหมือนเมื่อก่อนแต่เขากลับขยับไม่ได้ ราวกระดูกได้หักไปแล้วเขาจึงทำได้เพียงขยับมุมปากอย่างยากลำบากลำคอสากราวโดนกระดาษทรายขัด ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนเจ็บปวด และส่งเสียงแหบแห้งออกมาในท้ายที่สุด"ไม่... ต้องเป็นห่วง...""ข้า... มิเป็นไร..."ใบหน้านั้นซีดขาวราวกระดาษแต่ทว่ากลับเป็นใบหน้านี้เอง ที่ในชั่วขณะนั้น ได้ผ่านม่านหมอกแห่งกาลเวลา ซ้อนทับเข้ากับภาพของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีในความทรงจำ ผู้ที่เคยฝืนยิ้มให้นางอยู่ในโถงบรรพบุรุษนั้นอย่างประหลาด!เฉียวเนี่ยนรู้สึกเหมือนดวงใจของตนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบไว้แน่นความรู้สึกขมขื่นปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงถึงลำคอ แทบจะทะลุผ่านฟันที่นางกัดแน่นไว้จนสุดแรงสองมือที่ซ่อนอยู
Read more

บทที่ 1320

วันหนึ่ง ที่ห้องหนังสือของมู่คังเซิ่งในตระกูลมู่ ควันธูปจันทน์ลอยอ้อยอิ่งเขาหมุนเม็ดหมากล้อมหยกสีดำเนื้อเนียนอยู่ระหว่างนิ้ว แล้ววางลงบนกระดานอย่างดูไม่ใส่ใจนัก บนใบหน้ามีรอยยิ้มอบอุ่นแบบผู้ใหญ่ปรากฏอยู่"ฝีมือการเล่นหมากล้อมของท่านอ๋องเป็นเลิศนัก ชายชราผู้นี้เทียบไม่ติดเลย"แววตาฉู่จืออี้อ่อนโยน ใบหน้านั้นดูไม่ออกว่ายินดียินร้ายอันใด "ผลแพ้ชนะยังไม่ปรากฏ ท่านเจ้าตระกูลพูดเกินไปแล้ว"มู่คังเซิ่งหัวเราะเบาๆ ลูบเคราของตนอย่างสบายอารมณ์ พลางเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเองราวกับพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปว่า “ว่าไปแล้ว เมื่อวานท่านอ๋องเข้าเฝ้าฝ่าบาท ไม่ทราบว่าพระวรกายของฝ่าบาทยังแข็งแรงดีหรือไม่? ฝ่าบาท… ตรัสสนทนาเรื่องใดที่น่าสนใจกับท่านอ๋องบ้างหรือไม่?” คำพูดที่ดูเหมือนเอ่ยถามด้วยความห่วงใยนั้น ทุกคำกลับแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงอย่างแนบเนียนสายตาของฉู่จืออี้วงบราบเรียบ หมากสีขาวถูกวางลงบนกระดานเบาๆ "ทรงแข็งแรงดี เพียงห่วงใยว่าอ๋องผู้นี้อาศัยอยู่ในจวนนี้เป็นเช่นไรบ้าง พูดคุยเรื่องทิวทัศน์และบรรยากาศของแคว้นถังเพียงเท่านั้น"แววตาของมู่คังเซิ่งฉายแสงเฉียบคมขึ้นแวบหนึ่งอย่างยากจะสังเกต เห็นได้ชัดว่าเข
Read more
PREV
1
...
130131132133134
...
144
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status