All Chapters of ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา: Chapter 301 - Chapter 310

357 Chapters

บทที่ 301

สีหน้าของมู่หรงจู๋มืดมนลงในใจก็รู้สึกกังวลอยู่บ้างในศึกใหญ่เช่นนี้ ฉู่หนิงกลับซ่อนทัพอาชาเอาไว้กองหนึ่งตามหลักแล้ว การสู้รบทางทิศใต้ของเมืองดุเดือดถึงเพียงนี้ ฉู่หนิงสมควรส่งทัพอาชาออกรบได้แล้วแต่สู้รบกันมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ทัพอาชากองนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัวหากยังหาทหารกองนี้ไม่พบ จะต้องกลายเป็นภัยร้ายแรงในภายหลังอย่างแน่นอนเมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง กองทัพแคว้นจ้าวก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที พวกเขาออกค้นหาร่องรอยของทัพอาชาทั่วบริเวณสนามรบอย่างบ้าคลั่งครึ่งชั่วยามต่อมา ทหารสอดแนมคนหนึ่งเข้ามารายงาน “เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ กองกำลังซุ่มโจมตีของเราถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้ว จากสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ คาดว่าพวกเขาถูกทัพอาชาของศัตรูทำลายล้างพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงจู๋ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “ออกจากเมืองไปแล้ว? แต่เหตุใดนอกเมืองจึงไม่พบร่องรอยของพวกมัน?”ทัพอาชากองนี้มีจำนวนหลายพันคน ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย หากปรากฏตัวในสนามรบในฐานะกองกำลังพิเศษ ย่อมส่งผลที่เหนือความคาดหมายได้อย่างแน่นอนหรือว่าพวกมันกำลังเตรียมการจู่โจมในจังหวะสำคัญตอนที่ประตูเมืองอีกสามด้านกำลังถูกโจมตี?หรืออาจจะบุกโจมตีจากทางท
Read more

บทที่ 302

เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง การต่อสู้เพื่อยึดเมืองก็ยิ่งดุเดือดขึ้น เมื่อกองทัพแคว้นจ้าวทุ่มกำลังทหารเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ประตูเมืองทั้งสามแห่งก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายกระทั่งมีกองทัพแคว้นจ้าวบุกขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้แล้ว และทหารทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเปิดฉากต่อสู้กันบนกำแพงเมืองในขณะนี้ สงครามได้ดำเนินมาถึงขั้นดุเดือดจนถึงขีดสุด แทบจะทุกชั่วขณะล้วนมีทหารล้มตาย เลือดสีแดงสดย้อมกำแพงเมืองจนเป็นสีแดงฉาน สาดกระเซ็นไปทั่วแผ่นดิน!ทว่าท่ามกลางเสียงโห่ร้องฆ่าฟันที่ดังสนั่นหวั่นไหว ทัพอาชากองหนึ่งกลับเดินทางอ้อมอย่างเงียบเชียบเป็นเวลากว่าสิบชั่วยาม จนในที่สุดก็มาถึงค่ายทหารที่อยู่ด้านหลังกองกองทัพแคว้นจ้าว ผู้นำทัพไม่ใช่ใครอื่น เขาคือจ้าวอวี่!จ้าวอวี่ที่หายตัวไปกว่าสิบชั่วยามได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วในตอนนี้ พวกเขาควบม้าถือคบเพลิง จัดการกวาดล้างทหารที่เหลือเฝ้าค่ายของกองทัพแคว้นจ้าวจนสิ้นซาก รอบๆ บริเวณยังกองสุมไปด้วยสิ่งที่ติดไฟง่าย“เรียนแม่ทัพจ้าว กองทัพศัตรูมีทหารเฝ้าค่ายเพียงสามพันนาย ถูกกองทัพเรากวาดล้างหมดแล้ว!”“ดีมาก จุดไฟเผาค่ายของพวกมัน จากนั้นบุกทะลวงไปยังทัพกลางของกองทัพศัตรูทันที!”
Read more

บทที่ 303

“ท่านผู้บัญชาการถูกฆ่าแล้ว หนีเร็ว!”“หยุดนะ พวกเราต้องล้างแค้นให้ท่านแม่ทัพ!”“พวกมันมีแค่ไม่กี่พันคนเท่านั้น สู้กับพวกมันให้ตายไปข้างหนึ่ง”“พวกมันเป็นทัพอาชา พวกเราเป็นทหารราบจะสู้ได้อย่างไร รีบถอยเถอะ ช้ากว่านี้จะหนีไม่ทันแล้ว”เมื่อมู่หรงจู๋สิ้นชีพ ทหารทัพกลางหนึ่งหมื่นนายก็เกิดความโกลาหลทันที บ้างก็หนีเอาตัวรอด บ้างก็ต้องการล้างแค้นให้มู่หรงจู๋ สถานการณ์ในตอนนั้นจึงสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก จ้าวอวี่แค่นเสียงเย็น นำศีรษะของมู่หรงจู๋มาพันให้ดี ๆ แล้วแขวนไว้ที่เอว จากนั้นก็นำทัพอาชาขาวบุกทะลวงออกไปกองทัพแคว้นจ้าวที่แตกกระบวนไปแล้วจะต้านทานได้อย่างไร เพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็ถูกตีจนกระจัดกระจาย ผู้ที่ขัดขืนถูกสังหารจนหมดสิ้น ส่วนผู้ที่หลบหนีก็มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองอื่นแต่สถานการณ์ทางฝั่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจของกองทัพแคว้นจ้าวในสนามรบอื่นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นค่ายใหญ่ด้านหลังของตนเองถูกไฟไหม้ พวกเขาก็รีบส่งคนมาตรวจสอบ และเมื่อพบว่าทัพกลางถูกตีแตก ขวัญกำลังใจของกองทัพแคว้นจ้าวก็ลดฮวบลงเมื่อขวัญกำลังใจตกต่ำ การโจมตีก็เชื่องช้าลง แรงกดดันที่ประตูเมืองทั้งสามแห่งลดลงอย่างมากในทั
Read more

บทที่ 304

ความกดดันที่แบกรับมาเนิ่นนานได้ถูกปลดปล่อยออกมาในวินาทีนี้ น้ำตาของผู้เฒ่าก็พลันไหลพรากในฐานะเจ้าเมืองติ้งเซียง ไม่มีใครที่แบกรับความกดดันมากไปกว่าหลิวโส่วเริ่นอีกแล้ว ช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน เขา กินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน กังวลจนใจแทบสลายเพื่อปกป้องเมืองติ้งเซียงเอาไว้บัดนี้ เมืองติ้งเซียงกำลังจะกลับคืนสู่ความสงบสุข เขาจะไม่ตื่นเต้นดีใจได้อย่างไรฉู่หนิงเหลือบมองหลิวโส่วเริ่นแวบหนึ่ง ในใจคิดว่าคนผู้นี้ก็ทำหน้าที่ของตนได้ดีทีเดียวขณะที่กำลังครุ่นคิด ทหารข้างกายก็ตะโกนขึ้นมาทันที “ท่านอ๋อง ทัพอาชาขาวของแม่ทัพจ้าวอวี่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงได้สติ เงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกเมือง ก็พบว่ามีกลุ่มสีขาวราวหิมะกำลังถาโถมเข้ามาจากที่ไกล ๆ ในตอนนี้ ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาแล้ว ทัพอาชาขาวนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ ย่อมมองเห็นได้ในทันที“ฆ่า!”ท่ามกลางเสียงคำรามกึกก้องของจ้าวอวี่ ทัพอาชาขาวก็บุกทะลวงเข้ามาจากปีกด้านข้างของกองทัพแคว้นจ้าว“รายงาน ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ทัพอาชาของข้าศึกบุกเข้ามาแล้ว!” ทหารสอดแนมของกองทัพแคว้นจ้าวรีบวิ่งไปรายงานตงฟางขวาง“ว่ากระไรนะ ข้าศึกยังมีทัพอาชาอีกหร
Read more

บทที่ 305

“ท่านอ๋อง กองทัพศัตรูกำลังแตกพ่าย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นานกองทัพของเราก็จะสามารถกวาดล้างพวกมันได้อย่างสิ้นเชิงพ่ะย่ะค่ะ!”บนกำแพงเมือง หลิวโส่วเริ่นตะโกนด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความยินดี ดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอฉู่หนิงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนัก ส่งคนไปดูประตูเมืองอีกสามแห่ง เผื่อว่ากองทัพศัตรูจะรวมตัวกันบุกเมืองในตอนนี้ เกรงว่ากองทัพเราจะต้านไว้ไม่อยู่”แม้ว่าจะกุมความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์แล้ว ฉู่หนิงก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยสถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงได้ทุกลมหายใจ หากประมาทเพียงนิดเดียวก็อาจนำไปสู่หายนะที่ยากจะพลิกฟื้นได้หลิวโส่วเริ่นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็สงบสติอารมณ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านอ๋องวางใจได้ กระหม่อมจะไปกำชับด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”สถานการณ์กำลังเป็นใจอย่างยิ่ง จะมาพลาดในจังหวะสุดท้ายที่สำคัญไม่ได้เด็ดขาดแต่หลังจากที่หลิวโส่วเริ่นจากไปไม่นาน หร่านหมิงกลับเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางฉุนเฉียว“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงไม่ให้ข้าน้อยออกไปนอกเมือง ข้าน้อยก็อยากจะออกไปฆ่าให้สะใจเหมือนกัน!”หร่านหมิงที่เฝ้าเมืองมาตลอดรู้สึกขุ่นเคืองใจอย
Read more

บทที่ 306

“ท่านแม่ทัพ แล้วเสบียงอาหารจะทำอย่างไร?”“จุดไฟเผามันทิ้งเสีย ต่อให้พวกเราต้องพ่ายแพ้ ก็จะทิ้งเสบียงไว้ให้พวกมันไม่ได้!”“ขอรับ!”กองทัพแคว้นจ้าวรีบจุดไฟในยุ้งฉางเสบียงอย่างรวดเร็ว เปลวไฟที่โหมกระหน่ำทำให้อุณหภูมิในบริเวณนั้นสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดมา ไฟก็ลุกลามอย่างรวดเร็วหร่านหมิงเห็นดังนั้นก็โกรธจัด “เจ้าพวกบัดซบนี่ยังกล้าจุดไฟอีกหรือ ทหาร รีบไปดับไฟ ส่วนพวกที่คอยสกัดทัพหลังนี้ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง!”กองกำลังถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเข้าสังหารศัตรู อีกส่วนหนึ่งเข้าดับไฟหร่านหมิงเกลียดชังกองทัพแคว้นจ้าวที่จุดไฟเป็นอย่างมาก ทวนยาวในมือตวัดร่ายรำอย่างรวดเร็ว สังหารกองทัพแคว้นจ้าวจนร้องโหยหวนไม่หยุดผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็ม กองทัพแคว้นจ้าวที่คอยสกัดทัพหลังก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น ส่วนไฟก็ถูกดับลงได้ในครึ่งชั่วยาม“สำรวจความเสียหายและนับจำนวนเสบียงอาหาร!”หร่านหมิงที่ร่างกายโชกเลือดราวกับปีศาจดุร้าย จ้องมองไปยังยุ้งฉางเสบียงที่ทอดยาวหลายลี้ด้วยดวงตาเป็นประกายเสบียงมากมายขนาดนี้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีหลายล้านหาบ เมื่อมีเสบียงเหล่านี้แล้ว กองกองทัพแคว้นฉู่ก็ไม่ต้
Read more

บทที่ 307

หลังสงครามครั้งใหญ่ เมืองติ้งเซียงก็เต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายบนกำแพงเมืองมีร่องรอยจากการถูกน้ำมันร้อนลวกอยู่ทุกหนแห่ง ขวากหนามจำนวนมากยังคงแขวนอยู่บนกำแพง ซึ่งบนนั้นยังมีคราบเลือดที่บาดตาหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมากส่วนนอกเมืองนั้น เต็มไปด้วยซากศพ โลหิตสดย้อมผืนทรายจนเป็นสีแดง เมื่อมองออกไปไกล ๆ ก็ราวกับนรกบนดินงานเก็บกวาดหลังสงครามดำเนินไปตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ถึงขนาดต้องระดมชาวบ้านในเมืองมาช่วย จึงจะเก็บกวาดโดยรวมเสร็จสิ้นซากศพทั้งหมดถูกเผาตามคำสั่งของฉู่หนิง เพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดในวันที่สามหลังสงคราม เมื่อทุกอย่างถูกจัดการจนเสร็จสิ้น ฉู่หนิงจึงได้เรียกทุกคนมาประชุมภายในโถงรับรองของจวนเจ้าเมือง ทุกคนต่างหัวเราะและพูดคุยกันอย่างออกรส ต่างคุยโวถึงผลงานของตนเองในศึกครั้งนี้คนที่เถียงกันดุเดือดที่สุดก็คือหร่านหมิงและเฝิงมู่หลาน ทั้งสองเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดง เพียงเพื่อจะตัดสินให้ได้ว่าใครเหนือกว่ากันในตอนนั้นเอง เสียงขององครักษ์ของฉู่หนิงก็ดังมาจากโถงด้านข้าง “ท่านอ๋องเสด็จ!”“คารวะท่านอ๋อง!” ทุกคนโค้งคำนับด้วยใบหน้าที่เคารพนบนอบหากจะบอกว่าในตอนแรกที่ทุกคนคารวะ
Read more

บทที่ 308

หลิวโส่วเริ่นยิ้มอย่างขมขื่น “ทหารที่เกณฑ์มาจากห้าเมืองนั้นสูญสิ้นไปเกือบทั้งหมด ส่วนทหารรักษาการณ์เดิมของที่นี่ก็สูญเสียไปกว่าครึ่ง”กวนอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “กองกำลังดาบยาวสูญเสียไปสามส่วน หน่วยพลหน้าไม้สูญเสียไปหนึ่งส่วน”ส่วนจ้าวอวี่กลับมีสีหน้าปกติ “ทัพอาชาขาวสูญเสียไปสองส่วน”หร่านหมิงลูบศีรษะตนเอง กล่าวอย่างอับอายเล็กน้อย “ท่านอ๋อง พวกนักโทษเหล่านั้นสูญเสียไปกว่าครึ่งพ่ะย่ะค่ะ”ฉู่หนิงพยักหน้าเล็กน้อย ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่เฝิงมู่หลาน “คุณหนูเฝิง สถานการณ์ของกองกำลังคุ้มกันของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เฝิงมู่หลานเชิดหน้าขึ้น กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “องครักษ์ของข้าล้วนเป็นทหารผ่านศึกร้อยสมรภูมิ ศึกครั้งนี้สูญเสียไปเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น”กองกำลังของตนเองที่สูญเสียมากที่สุดคือกองกำลังดาบยาว!ฉู่หนิงส่ายหน้าในใจ รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างกองกำลังดาบยาวเพื่อที่จะสกัดกั้นกำลังเสริมของตงฟางขวาง จึงต้องปะทะกับอีกฝ่ายซึ่ง ๆ หน้ามาโดยตลอด ความสูญเสียจึงมากที่สุดส่วนหน่วยพลหน้าไม้เนื่องจากอยู่ด้านหลัง ความสูญเสียจึงไม่มากนักสำหรับองครักษ์หลายร้อยนายของเฝิงมู่หลานนั้น ล้วนเ
Read more

บทที่ 309

ฉู่หนิงได้กำหนดเป้าหมายสำหรับช่วงเวลาต่อไปหนึ่งคือการเกณฑ์ทหารซื้อม้า และขยายกองกำลังคนสนิทของตนเองสองคือการยึดเมืองทั้งสี่ที่ยังคงถูกกองทัพแคว้นจ้าวยึดครองอยู่กลับคืนมา และขับไล่กองทัพแคว้นจ้าวออกไปให้หมดสิ้นแม้ว่าในตอนนี้กองทัพแคว้นจ้าวจะยังคงมีกำลังทหารหนึ่งแสนนาย แต่เมื่อสูญเสียแม่ทัพใหญ่ไป ประกอบกับขวัญกำลังใจที่ตกต่ำ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองทัพแคว้นฉู่อย่างแน่นอน เมืองทั้งสี่ที่ถูกยึดครอง จะถูกยึดกลับคืนมาในไม่ช้า!แน่นอนว่า เมื่อได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในศึกครั้งนี้ ย่อมต้องแจ้งให้ราชสำนักทราบตอนนี้เขาก็แค่รอให้ราชสำนักปูนบำเหน็จรางวัลให้ตนเองส่วนเรื่องการกลับไป...ปัจจุบันยังไม่มีความคิดนี้การอยู่ที่เมืองติ้งเซียงค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ จะไม่ดีกว่าหรือ กลับไปก็ต้องถูกข่มเหงรังแกอีกอย่าง ทางฝั่งเมืองหลวงยังมีละครฉากใหญ่อีกฉากหนึ่ง รอให้ละครฉากนั้นจบลงแล้วค่อยกลับไปแต่งงานกับเสิ่นหว่านอิ๋งจะไม่ดีกว่าหรือ?ถือโอกาสในช่วงที่ส่งรายงานชัยชนะนี้ ยึดครองปิงโจวไว้ในกำมือของตนเองให้ได้อย่างสมบูรณ์ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!คำนวณเวลาดูแล้ว เจ้าเมืองทั้งห้าเมื่อได้รับ
Read more

บทที่ 310

ตู้หยวนจีเหลือบมองฉู่หนิงแวบหนึ่ง แล้วประสานมืออย่างขอไปที ถือว่าเป็นการคารวะแล้วฉู่หนิงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับพิจารณาชายผู้นี้อย่างละเอียดหลิวโส่วเริ่นเคยบอกไว้ว่า คนผู้นี้เป็นคนของฝ่ายองค์รัชทายาทดูจากตอนนี้แล้ว คนผู้นี้มีความรู้สึกต่อต้านตนเองจริง ๆ ดูจากท่าทีแล้ว วันนี้เกรงว่าคงจะต้องก่อเรื่องขึ้นมาแน่!ขณะที่กำลังครุ่นคิด หลิวโส่วเริ่นก็ชี้ไปยังชายวัยกลางคนอีกสองคน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ส่วนสองท่านนี้คือใต้เท้าอวิ๋นเจี้ยนเย่ เจ้าเมืองแห่งเมืองอวิ๋นจง และใต้เท้าเวินไคเฉิง เจ้าเมืองแห่งเมืองซ่างตังพ่ะย่ะค่ะ”ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นคนอายุเกินห้าสิบปี คนหนึ่งพุงพลุ้ย ดูท่าทางเหมือนคนร่ำรวย ส่วนอีกคนหนึ่งใบหน้าซีดขาว ไอออกมาเป็นครั้งคราวหลังจากที่หลิวโส่วเริ่นแนะนำ ทั้งสองคนต่างประสานมือคารวะฉู่หนิง ท่าทีถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติฉู่หนิงเก็บกิริยาท่าทางของคนทั้งห้าไว้ในสายตา ในใจก็พอจะเข้าใจแล้วสี่คนที่เหลือยังพอพูดคุยได้ มีเพียงตู้หยวนจีที่เป็นคนขององค์รัชทายาท หากตนเองต้องการจะควบคุมปิงโจวอย่างสมบูรณ์ คนผู้นี้จะต้องเป็นก้างขวางคออย่างแน่นอนดวงตาหรี่ลง ในใจของฉู่หนิงก็มีแผน
Read more
PREV
1
...
2930313233
...
36
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status