บททั้งหมดของ เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path): บทที่ 21 - บทที่ 30

49

บรรลุระดับ 3 แกนปราณ

....กลางป่าหลังบ้าน ยามราตรีสงัด แสงจันทร์เต็มดวงสาดลงบนเรือนร่างของ หลินเซียน ผู้กำลังนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้เซียนโบราณ กิ่งก้านคดงอราวกับเฝ้ามองการบำเพ็ญเพียรของเขามานับร้อยปีเสียงลมแผ่วผ่าน กลิ่นดินชื้นอบอวล ลมหายใจของเขาแผ่วเบาจนแทบจะไม่อาจรับรู้ ราวกับร่างกายมิใช่สิ่งมีอยู่ หากเป็นเพียงเงาสะท้อนหนึ่งในจักรวาลเมื่อจิตเข้าสู่ความว่างเปล่า ความฟุ้งซ่านค่อย ๆ มลายหายไป เขาสัมผัสได้ถึงรากวิญญาณของตนรากวิญญาณเซียนที่แต่ก่อนกระจัดกระจายราวหยดน้ำค้างนับพัน ยามนี้กลับค่อย ๆ รวมตัวเข้าหากัน ดั่งสายธารที่ไหลกลับสู่บึงใหญ่ปราณทั้งหลายเคลื่อนไหวเป็นเกลียวหมุน ก่อกำเนิดเป็นแสงสว่างกลางใจ แสงนั้นกลายเป็น แกนปราณ อันบริสุทธิ์ ณ ศูนย์กลางรากวิญญาณทันใดนั้นท้องฟ้าเหนือป่าแปรปรวน เมฆหนาเข้าบดบังจันทร์ ลมกระโชกพัดแรง ใบไม้ปลิดปลิวราวฝนโปรย เสียงฟ้าครืนก้องเบา ๆ สะท้อนทั่วขุนเขาปรากฏการณ์สวรรคปฐพี (เทียนตี้เซี่ยงอิง) ได้บังเกิดขึ้น ฟ้าและดินตอบรับการก้าวข้ามของผู้บำเพ็ญในห้วงนั้น หลินเซียน รู้สึกชัดเจนว่าเขาไม่ใช่เพียง “ตนเอง” อีกต่อไปเสียงจักจั่นร้องคือจังหวะหัวใจแห่งฟ้า กลิ่นดินชื้นคือปราณแห่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-31
อ่านเพิ่มเติม

จิตเซียนผู้บรรลุ

....สระน้ำกลางป่าแห่งนี้เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ผิวน้ำใสจนเห็นก้อนหินและพืชน้ำที่โผล่พ้นขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ราวกับมีลวดลายเวทมนตร์สลักอยู่เบื้องล่าง น้ำค่อย ๆ เคลื่อนตัวเป็นริ้วคลื่นเบา ๆ เมื่อสายลมผ่าน ใบไม้ที่ร่วงลงมากระทบผิวน้ำจะลอยขึ้นลงราวกับเต้นรำไปกับจังหวะลม บางครั้งจะมีละอองน้ำสีเงินลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ เหมือนละอองปราณเซียนที่หลงเหลือจากผู้บำเพ็ญรุ่นก่อนแสงแดดลอดผ่านยอดไม้ลงมา หลินเซียนก้าวเข้ามาอย่างสงบ แต่ทุกย่างก้าวกลับเต็มไปด้วยความหนักแน่นของผู้ที่บรรลุวิถีเซียนขั้นที่ 3 แกนปราณในร่างกายเขาเปล่งประกายเรืองรองเป็นวงแสงสีเขียวอมฟ้า ล้อมรอบด้วยความบริสุทธิ์ของปราณขั้นสูงเสี่ยวหมิง ลูกหมีแพนด้าผู้แฝงพลังวิญญาณธาตุไม้ มันกระโดดขึ้นบนก้อนหินข้างสะน้ำแล้วส่งเสียงครางอย่างนุ่มนวล “ท่านพญามัจฉาผู้ยิ่งใหญ่… ข้ามาขอบคุณท่านที่ส่งพลังวิญญาณมาช่วยให้ข้าหลินเซียนบรรลุวิถีเซียน” น้ำในสระกลางป่าเริ่มสั่นไหวอย่างช้า ๆ พลันปรากฏร่างอสูรปลาขนาดมหึมา ลำตัวส่องประกายสีครามอมเงิน เกล็ดสะท้อนแสงประดุจดวงดาวในยามค่ำคืน ดวงตาของมันเหมือนทะเลลึกที่บรรจุความรู้และความกรุณา“เจ้าผู้มีหยดน้ำแห่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-31
อ่านเพิ่มเติม

หอนางโลมจันทร์ม่วง

...ค่ำคืนหนึ่ง ท้องฟ้าเมืองหลวงปกคลุมด้วยหมอกจาง ๆ โคมแดงหลายร้อยดวงแขวนเรียงรายไปตามตรอกแคบ ส่องแสงแดงละเรื่อราวกับไฟสวรรค์ที่ปลุกเร้าความใคร่ของมนุษย์ทั้งหลาย เสียงพิณและเสียงหัวเราะอันเสนาะหูดังประสานเป็นระลอก คล้ายจะเชื้อเชิญให้ผู้คนก้าวเข้ามาสู่วังวนแห่งราคะที่ปลายตรอกนั่นเอง มีร่างหนึ่งก้าวเข้ามาช้า ๆ เขาคือหลินเซียน สวมใส่ชุดสีดำสนิท หมวกฟางกดต่ำบดบังใบหน้า ทุกย่างก้าวของเขาสงบเยือกเย็น แต่ในความสงบนั้นแฝงไปด้วยแรงกดดันราวกับหุบเขามหึมากำลังถาโถมใส่เป้าหมายของเขาคือ หอนางโลมจันทร์ม่วง หอคณิกาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์ของบุรุษผู้มั่งมี บรรดาขุนนางและเศรษฐีล้วนต้องเคยมาเยือนอย่างน้อยสักครั้ง แต่แท้จริงแล้ว หอแห่งนี้กลับแฝงความลี้ลับที่สกุลใหญ่ทั้งหลายไม่เคยรู้เมื่อหลินเซียนก้าวพ้นประตูใหญ่ หลินเซียนก็สัมผัสได้ทันที เส้นสายพลังปราณที่สอดประสานอยู่ทั่วโถงหอ ไม่ใช่เพียงแค่ความสวยหรู แต่ทุกเสา ทุกโคม ทุกกระเบื้อง ล้วนถูกจัดวางราวกับเป็น “เส้นลายค่ายกล” ที่คอยหมุนเวียนลมปราณฟ้าดิน บำรุงร่างของสาวงามให้คงความอ่อนเยาว์ และดึงดูดลูกค้ามั่งคั่งเข้ามาไม่ขาดสายไม่นานนัก หญิงวัยกลางคนร่า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-31
อ่านเพิ่มเติม

ค่ายกลมหาเมฆาสวรรค์ (อวิ๋นเซียวหู่เจี่ยจิ้น)

(3 วันถัดมา)....หลินเซียนขี่กระบี่กลับถึงบ้านเล็กในหุบเขา สายหมอกยามเช้าลอยอ้อยอิ่งเหนือชายคาไม้ไผ่ เสียงไก่ขันจากเล้าเล็กดังประสานกับเสียงลมพัดเบา ๆ บ้านหลังนั้นแม้เรียบง่าย แต่แฝงด้วยความอบอุ่นที่ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกสบายใจเมื่อเท้าของเขาแตะพื้นดิน แม่เล้าในอาภรณ์หรูหราก้าวลงตามมา ท่าทีของนางดูสง่างามราวกับดอกไม้ในราตรี แต่แฝงด้วยแรงกดดันที่ทำให้หมู่ไม้รอบ ๆ สั่นไหวอย่างไร้เหตุผลบานประตูไม้ไผ่ถูกผลักเปิดออก หญิงวัยชราในชุดผ้าฝ้ายธรรมดา ๆ เดินออกมาต้อนรับ ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน แววตาอบอุ่นเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อบุตรชาย“เซียนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว…” เสียงนุ่มนวลเอื้อนเอ่ย ก่อนจะหันไปมองหญิงที่ยืนข้างลูกชายทันทีที่สายตาของนางปะทะกับดวงตาของแม่เล้า ความเงียบก็ปกคลุมลงเหนือบ้านเล็กทั้งหลัง สายตาทั้งสองสอดประสานกัน แฝงแววสะท้อนบางอย่างที่หลินเซียนไม่เข้าใจแม่เล้าสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ ก่อนยกยิ้มบาง ๆ เอ่ยเบา ๆ ว่า “ไม่คิดเลย… หลายสิบปีแล้ว จะได้เจอท่านพี่ที่นี่อีก”ท่านแม่หลินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “เรื่องเก่า ๆ ผ่านไปแล้ว… ปล่อยให้มันจมหายไปตามกาลเวลาเ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-01
อ่านเพิ่มเติม

งานประมูล

.....สายวันนี้หลินเซียนมานั่งอยู่ลำธารไม่ไกลจากบ้าน เขาปล่อยเจ้าเสี่ยวหมิงลูกหมีแพนด้าออกมากินไผ่และนอนออดอ้อนอยู่ข้างกายเขา ส่วนตัวเขานั่งมองน้ำไหลในลำธารพลางคิดเรื่องสมบัติเซียนที่ต้องการ"ตัวข้าตอนนี้มีปราณกระบี่วารี ที่ได้มาจากการผสมผสานวิชากระบี่วายุปราณและปราณหมื่นสายนที""แต่ตัวข้านั้นยังอ่อนด้อยปราณวายุ ทำให้กระบี่วารีเน้นไปทางใช้พลังปราณธาตุน้ำเป็นหักเสียมากกว่า""พลังธาตุไม้ที่ได้จากผลอวิ๋นฮวาและเสี่ยวหมิง เมื่อเทียบกันแล้วก็พอได้มาบ้าง แต่ยังไม่มีอะไรเด่นชัด คงต้องใช้เวลาศึกษาและรวบรวมอีกสักพักใหญ่""หากข้าถูกรุมจู่โจมจากเซียนหลายสิบคนขึ้นไป ข้าไม่มีพลังปราณมากพอที่จะสู้ทั้งหมดพร้อมกันได้""ยิ่งเจอเซียนระดับ 3 แกนปราณเหมือนข้า แต่เขามีพลังปราณอัคคี ข้าคงสู้ได้ยาก และได้รับบาดเจ็บ"หลินเซียนเริ่มมีความคิดฟุ้ง"หรือข้าจะเสาะหาสมบัติเซียนเพื่อใช้ป้องกันตัวแทนเสริมกำลังการจู่โจม?""ไม่! วันหนึ่งยังไงๆข้าก็ต้องได้แย่งสมบัติเซียนกับเซียนคนอื่นแน่ๆ หากสู้ไม่ได้เลย ข้าก็จะไม่มีทางได้สมบัติเซียนดีๆสักที""ดังนั้นข้าควรต้องเพิ่มพลังการต่อสู้ ข้าควรเสาะหาสมบัติเซียนเช่นนี้ก่อน"1. ถ้า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-01
อ่านเพิ่มเติม

ชิงแหวน

...."แหวนธาราสวรรค์" มันคือสมบัติเซียนระดับบรรพกาล มันสามารถกักเก็บสะสมพลังปราณได้ดั่งบึงใหญ่ๆ (ราวเขื่อนในยุคปัจจุบัน) เจ้าของสามารถสะสมพลังปราณไว้มากๆเพื่อเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นหรือสำหรับวิชาเซียนขั้นสูงที่ต้องใช้พลังปราณมากๆได้ ยิ่งถ้าเป็นปราณธาตุน้ำ เล่ากันว่ามันสามารถจุสะสมพลังปราณไว้เทียบเท่าทะเลสาปขอบเขตหนึ่งเลยทีเดียว บนโลกนี้เท่าที่รู้มีเพียง 4 วงเท่านั้นและล้วนอยู่ในมือเซียนของแคว้นระดับสูงทั้งนั้น วงนี้คือวงที่ 5 ที่สำคัญคือมันถูกนำมาประมูล! หากข้าได้มันมาย่อมเกิดประโยชน์สูงมากสำหรับผู้มีปราณวารีอย่างข้าแต่....เงินข้าไม่มีเงินพอที่จะช่วงชิงมันมาได้ ทำยังไงดี?เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ปราณวารี? ใช่! ข้าเพิ่งได้ "หยดน้ำสวรรค์" สมบัติประจำตระกูลหลงมานี่ หอประมูลนี้ตั้งบนน้ำ ขอลองดูหน่อยว่าข้าจะพอเรียกสัตว์ตัวใหญ่ๆสักตัวมาสร้างความวุ่นวายได้ไหม?หลินเซียนหลับเพ่งจิตเข้าไปด้านในตนเองเพื่อเปิดใช้หยดน้ำสวรรค์ในห้วงแห่งจิตเต๋า พลังของหยดน้ำสวรรค์นั้นมีผลกับแค่สัตว์น้ำ ดังนั้นมนุษย์จึงไม่มีใครสัมผัสถึงคลื่นปราณนี้ได้เลย "1 ล้านเหรียญ มีผู้ใดสู้ราคาไหม?""นับ 1"หลินเซียนมีเหงื่อหยด เขาขยายวง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-01
อ่านเพิ่มเติม

แหวนธาราสวรรค์

....ณ เกาะร้างเล็กๆ กลางมหาสมุทรไร้ขอบเขต เงียบงันจนแม้แต่เสียงคลื่นยังเหมือนกลายเป็นเสียงคำรามแห่งปีศาจ หลินเซียนนั่งอยู่บนพื้นที่เย็นชืด ลมทะเลโหมกระหน่ำกลิ่นเกลือทะเลคละคลุ้ง บนท้องฟ้ามีเพียงก้อนเมฆดำหนาทึบปกคลุม ราวกับฟ้ากำลังจับตามองเขาอย่างเย้ยหยันนิ้วมือของเขาลูบไปที่แหวนเก่าแก่สีฟ้าอมเงินซึ่งสวมอยู่ที่ข้อนิ้ว"แหวนธาราสวรรค์" ในที่สุดข้าก็ได้เจ้ามา แต่กลับไม่รู้วิธีใช้ แหวนสงบนิ่ง ไม่ตอบสนองหลินเซียนทดลองด้วยการนั่งหลับตาสงบลมหายใจ พลังปราณในกายค่อย ๆ ไหลเวียนดุจสายน้ำชั่วขณะนั้นเอง แหวนกลับส่งเสียงสั่นแผ่วเบา…ติ้ง…เสียงนั้นเหมือนหยดน้ำตกกระทบสายน้ำ แต่กลับสะท้อนดังก้องไปทั่วเกาะแหวนเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนออกมาเป็นวงแหวนปราณ แผ่ขยายออกไปราวกับจักรวาลน้ำหมุนวน หลินเซียนนั่งขัดสมาธิอยู่เพียงลำพัง ดวงตาปิดสนิท ลมหายใจค่อย ๆ จางหายไปจนแทบไม่เหลือ เขาปล่อยสติทั้งหมดจมลงสู่ห้วงจิตภายในความมืดลึกล้ำ แหวนธาราสวรรค์ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่ใช่ในโลกภายนอก แต่ในแดนห้วงจิตของเขาเองแสงสีน้ำเงินลึกลับชุ่มชื้นราวหยดน้ำ กลับเต็มไปด้วยแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดปราณวารีในร่างเขาไหลเวียนราวก
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-04
อ่านเพิ่มเติม

วิชาม่านวารีพิทักษ์

.....ภายใต้เงาจันทร์ที่ยังเจือกลิ่นคาวเลือดและบาดแผลจากการประดาบกับนักดาบทมิฬยังคงมีอยู่เล็กน้อย หลินเซียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเกาะเล็กๆนั้น ดวงตาเขาแสดงความซับซ้อน ยังมีภาพความตายหมุนวนอยู่ในห้วงจิตไม่หยุด คมดาบมารทมิฬที่ฟาดลงมาอย่างไม่ปรานี หากชายผู้สูงส่งในชุดขาวไม่ยื่นมือเข้าห้ามไว้ทัน ป่านนี้ศีรษะของเขาคงกลิ้งอยู่บนพื้นแล้ว“โง่เขลา… ข้าโง่เขลาจริงๆ” หลินเซียนกัดฟันแน่น เสียงสะท้อนดังก้องในอกเมื่อคืน เขาเลือกเสี่ยงฝ่าเข้าไปชิงแหวนธาราสวรรค์โดยไม่คิดให้ถี่ถ้วน เหมือนผีเสื้อที่หลงแสงไฟ ยอมเผาปีกตัวเองเพื่อใกล้ชิดสิ่งที่เกินกำลังสายลมพัดแรงจนผืนเมฆกระจาย ราวกับสวรรค์เองก็หัวเราะเยาะในความสะเพร่าของเขาหลินเซียนค่อยๆยกมือขึ้นลูบลำคอตัวเอง ความเย็นยะเยือกยังฝังลึกในผิวกาย“เพียงก้าวเดียว…เพียงก้าวเดียวเท่านั้น ข้าก็กลายเป็นซากไร้วิญญาณแล้ว”เขาหลับตา สูดหายใจลึก พยายามปลอบประโลมจิตตนเองให้สงบ แล้วคำสอนโบราณก็ลอยขึ้นมาในความทรงจำ“ผู้ถือกระบี่ หากมุ่งแต่ฟันผู้อื่น โดยไร้โล่ห์ป้องกันใจ ตนเองย่อมถูกคมดาบคร่าชีวิตก่อนวันรุ่ง”เขาเคยหัวเราะใส่สุภาษิตนี้ คิดว่าการโจมตีด้วยปราณกระบี่ตอนน
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-04
อ่านเพิ่มเติม

หมู่บ้านเล็กๆ

....หลินเซียนปลอมตัวเป็นชายหนุ่มธรรมดา มาสร้างกระท่อมเล็กๆหลังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาและภูเขา เพื่อฝึกวิชาม่านวารีพิทักษ์ให้ชำนาญและทบทวนความรู้ต่างๆ เหตุที่เขาเลือกที่นี่เพราะคล้ายที่บ้านของเขา เนื่องจากตอนนี้เขาอยู่ห่างไกลจากบ้านตัวเองมากพอสมควร เลยคิดว่าหยุดพักและฝึกฝนวิชาให้ชำนาญก่อนดีกว่าแดดยามเย็นทอดผ่านทุ่งนา แสงสีทองสาดลงบนบ้านไม้เล็ก ๆ ของหลินเซียนที่เพิ่งสร้างเสร็จ ชายหนุ่มในชุดผ้าธรรมดากำลังซ่อมรั้วไม้หน้าบ้าน ขณะนั้นครอบครัวชาวนาก็เดินผ่านมาพ่อชาวนา : “อ้า…บ้านใหม่จริง ๆ ด้วย เห็นควันไฟจากครัวตั้งแต่เมื่อวาน นึกว่าใครย้ายมาอยู่แถวนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นหนุ่มหน้านวลแบบท่าน ฮ่า ๆๆ”หลินเซียน (ยิ้มเล็กน้อย ก้มศีรษะอย่างสุภาพ) : “ใช่แล้วครับ ข้าพึ่งย้ายมาไม่นาน"แม่ชาวนา: “เงียบสงบดีค่ะ แถวนี้แม้ไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ผู้คนใจดี อยู่กันแบบพี่น้อง… ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกันได้เลยนะคะ”หลันหลิน (วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าหลินเซียน ดวงตากลมใสเหมือนน้ำผึ้ง) : “คุณอาคะ! หนูชื่อหลันหลินค่ะ! คุณอาจะอยู่ที่นี่นาน ๆ ใช่ไหมคะ? หนูอยากมีเพื่อนเล่นเพิ่ม!”หลินเซียน (หัวเราะเบา ๆ อย่าง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-04
อ่านเพิ่มเติม

หลับตานับ 1 ถึง 10 นะ

....เสียงประกาศของเซียนผู้เป็นหัวหน้าดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ร่างชาวบ้านสั่นสะท้านอย่างไม่อาจขืนตัวได้ พวกเขาเดินทยอยกันไปยังลานกว้างกลางหมู่บ้านด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เด็กน้อยหลันหลินกอดขาของหลินเซียนแน่น น้ำตานองดวงตาเบื้องบน เซียนทั้งห้าลอยคงที่เหนือม่านค่ายกล กลิ่นปราณเย็นเยียบประหนึ่งหิมะฤดูหนาวปกคลุมลงมา ราวกับต้องการบดขยี้ทุกหัวใจให้จมอยู่ในความสิ้นหวังชายชุดขาวลายมังกร หัวหน้าของพวกมัน กวาดตามองพลางแสยะยิ้มเย็น“พวกเจ้าผู้ต่ำต้อย จงยินดีเสียเถิด… เพราะวันนี้ หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้จักได้กลายเป็นบันไดสู่แดนเซียนชั้นสูง!”เสียงฮือฮาของชาวบ้านดังระงม หญิงผู้เฒ่าคนหนึ่งกล้าก้าวออกมากลางฝูงชน ส่งเสียงสั่นเครือถาม“พวกท่านหมายความว่าอย่างไร? เราเป็นเพียงชาวนาผู้หากินตามฤดูกาล ไม่เคยล่วงเกินผู้ใด… โปรดเมตตาเราเถิด อย่าทำร้ายพวกเราเลย!”หัวหน้าเซียนหัวเราะเบาๆ คล้ายเหยียดหยาม“โง่เขลาไร้ปัญญา…"เขาพยักหน้า แล้วเซียนอีก 4 คนที่เหลือรวมพลังกันเปิดค่ายกลอีกระดับทันใดนั้น เส้นลายค่ายกลบนฟ้าพลันส่องประกายสีดำหม่น ม่านอาคมที่โอบคลุมหมู่บ้านเริ่มสั่นสะเทือนดุจมีชีวิต ก่อนจะแผ่พลังมืดลงม
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-04
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
12345
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status