คอนเทนต์แบบไหนทำให้มีช็อปมีเกียร์มีเมีย รึ ยัง วะ กลายเป็นเทรนด์?

มุมมองเชิงธุรกิจมองว่าคอนเทนต์ที่จะยืนยงและสร้างตลาดได้ต้องมีสามองค์ประกอบซ้อนทับกัน: ความสามารถในการสื่อสารแบรนด์ตัวละคร การออกใบอนุญาตหรือคอลแล็บที่ชัดเจน และกลไกเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ดิฉันเห็นว่ากรณีของ 'fate/grand order' ทำได้ดีตรงที่ตัวละครมีคาแรกเตอร์ชัดเจนจนแบรนด์อื่นอยากจับคู่ออกสินค้า ไม่ว่าจะเป็นฟิกเกอร์ เสื้อ หรือไอเท็มลิมิเต็ด การทำลิมิเต็ดอิดิชั่นกับแบรนด์คุณภาพสูงทำให้ตลาดรองเคลื่อนไหวและยกระดับความต้องการ

ความยั่งยืนยังขึ้นกับการดูแลแฟนเบส เช่น การจัดอีเวนต์ การร่วมงานกับศิลปิน และการให้คอนเทนต์เสริม เช่น เพลงหรือซีรีส์สั้น ที่ช่วยขยายแพลตฟอร์ม 'Hatsune Miku' จากโลกเพลงดิจิทัลกลายเป็นไอคอนที่มีร้านขายของจริงและคอนเสิร์ตระดับโลก ส่วน 'Neon Genesis Evangelion' ก็สอนว่าเนื้อหาลึกเชิงสัญลักษณ์ยังสร้างของสะสมราคาแพงได้ เพราะแฟนยินดีจ่ายเพื่อชิ้นงานที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม

ฉันชอบมุมนี้เพราะมันแสดงให้เห็นว่าการสร้างตลาดไม่ใช่แค่ขายของ แต่เป็นการออกแบบประสบการณ์ที่คนยอมลงทุนทั้งเงินและเวลา

เหตุผลสำคัญคือคนอยากเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวและสื่อสารตัวตนผ่านของสะสม — นี่แหละที่ทำให้เทรนด์แพร่หลาย เราจะเห็นว่าผลงานที่เปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นกระแสได้ มักมีองค์ประกอบแบบนี้: ตัวละครที่เอื้อมหยิบได้ง่ายสำหรับแฟน (เช่น การทำให้มีธีมชัดเจนหรือมุมตลก) ระบบแจกหรือปล่อยไอเท็มแบบจำกัด และชุมชนที่เล่นต่อบนแพลตฟอร์มอย่างฟอรัมหรือโซเชียล

ยกตัวอย่างจาก 'kantai collection' ซึ่งเปลี่ยนเรือรบให้เป็นตัวละครจนเกิดตลาดฟิกเกอร์และแฟนอาร์ต ในอีกด้าน 'JoJo\'s Bizarre Adventure' ก็กลายเป็นแหล่งขายเสื้อผ้า แปลกตรงที่สไตล์แฟชั่นของมันเองก็กลายเป็นสินค้าได้ นอกจากนี้เรื่องที่มีคอนเทนต์ครอสมีเดีย เช่น มังงะ อนิเมะ เกม และมิวสิก ก็ช่วยให้แฟนมีทางเลือกในการเชื่อมต่อกับคาแรกเตอร์ เช่นเดียวกับ 'Spy x Family' ที่สินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีตลาดเพราะเรื่องราวเข้าถึงง่าย

ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคนรู้สึกว่าไอเท็มนั้นทำให้ตัวเองเชื่อมต่อกับชุมชนหรือแสดงตัวตนได้ ของนั้นก็มีโอกาสกลายเป็นสินค้าที่คนยอมจ่ายและเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ได้จริง

ลองนึกภาพแฟนคอนเทนต์ที่ทำให้คนอยากจ่ายเงินจริง ๆ — นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของเทรนด์ 'มีช็อป มีเกียร์ มีเมีย' ที่เห็นกันตอนนี้.

เราเชื่อว่าหัวใจคือการออกแบบตัวละครที่ทำให้คนรู้สึกอยากครอบครอง ไม่ใช่แค่เล่นแล้วจบ แต่ต้องมีจุดขายชัดเจนทั้งด้านรูปลักษณ์ เรื่องเล่า และเสียงเพลง ตัวอย่างชัดเจนคือ 'Genshin Impact' ที่ขยายโลกผ่านตัวละครจนกลายเป็นสินค้าทั้งฟิกเกอร์ เสื้อ และแอคเซสเซอรี่ คนยอมลงทุนเพราะรู้สึกผูกพันกับตัวละคร เหมือนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของชิ้นส่วนของจักรวาลนั้น

นอกจากดีไซน์แล้ว ฟังก์ชันของคอนเทนต์ก็สำคัญมาก — ระบบกาชา ระบบสะสม สกินที่เป็นเอกลักษณ์ และเหตุการณ์พิเศษทำให้เกิดแรงจูงใจทางการเงิน เหล่านี้ผสมกับการตลาดบนโซเชียลที่ใช้คลิปสั้น ไอเดียมุข และมุกเมมให้ไวรัล ผลลัพธ์คือชุมชนที่พร้อมซื้อของเพื่อแสดงตัวตน เช่นเดียวกับแฟนกลุ่มของ 'Love Live' หรือศิลปินโรมานซ์เสมือนจริงจาก 'Hololive' ที่ขยายเป็นคอนเสิร์ตจริง ๆ ผู้คนไม่ได้ซื้อแค่ของ แต่ซื้อประสบการณ์และความเชื่อมโยงทางอารมณ์

สรุปก็คือเทรนด์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเกิดจากการออกแบบตัวละครที่โดดเด่น การสร้างระบบให้คนอยากสะสม และการเชื่อมต่อชุมชนผ่านเนื้อหาแบบต่อเนื่อง — พอครบสามอย่างนี้ ร้านก็เกิด เกียร์ก็ขายได้ และแน่นอน วัฒนธรรม 'เมีย' ก็ขยายตัวตามไปเอง