ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสเวอร์ชันหนังสือของ '
เซียงหานจือ' จนมาถึงตอนที่เปิดดูอนิเมะ ความรู้สึกว่ามันคือคนละงานศิลปะแต่มีจิตวิญญาณเดียวกันชัดเจนมาก
ในมุมมองของคนที่หลงใหลในรายละเอียดเล็ก ๆ ผมรู้สึกว่านิยายให้ความลึกทางจิตใจกับตัวละครมากกว่า เพราะมีพื้นที่ให้การบรรยายภายในและการเล่าเชิงบรรยายที่ขยายความคิด ความทรงจำ และความขัดแย้งภายในจิตใจของตัวละครได้อย่างอิสระ เสน่ห์ของฉากบางฉากในหนังสือมักอยู่ที่การใช้ภาษาเชิงเปรียบเทียบหรือสำนวนที่สร้างบรรยากาศ ทำให้ฉากเดียวกันเมื่อถูกย่อหรือแปลงเป็นภาพเคลื่อนไหว อารมณ์บางจังหวะอาจรู้สึกถูกลัดวงจรไป แต่ในทางกลับกันอนิเมะเติมเต็มช่องว่างที่ตัวหนังสือไม่สามารถนำเสนอได้ เช่น การเคลื่อนไหว กล้อง ซาวนด์สเคป และสีสันที่ทำให้บางฉากมีพลังขึ้นอย่างทันทีทันใด
ผมยังสังเกตว่าการเรียงลำดับเหตุการณ์และการตัดต่อในอนิเมะมักถูกปรับเพื่อให้จังหวะการเล่าเรื่องเข้มข้นขึ้นหรือเหมาะกับข้อจำกัดเวลา นั่นหมายความว่ามีฉากรองบางฉากหรือบรรยายยาว ๆ ที่ถูกตัดออกหรือย่อให้สั้นลง ซึ่งอาจทำให้มิติของตัวละครรองหรือภูมิหลังบางอย่างหายไป แต่แลกมาด้วยความรวดเร็วและพลังในการเล่าเรื่องภาพ เช่นเดียวกับที่เคยเห็นในกรณีของ 'Fullmetal Alchemist: Brotherhood' ที่ปรับจังหวะบางจุดให้เหมาะกับทีวีซีรีส์ แต่ยังรักษาแก่นสำคัญไว้ได้
ภาพลักษณ์และเสียงเป็นข้อได้เปรียบของอนิเมะ—ดนตรีประกอบและเสียงพากย์สามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้ตั้งแต่เสี้ยววินาที และงานภาพสามารถขยายสัญลักษณ์ในบทได้อีกชั้นหนึ่ง แต่นิยายมีข้อได้เปรียบด้านจินตนาการให้ผู้อ่านเติมเต็มฉากด้วยตัวเอง สรุปแล้วผมมองว่าเวอร์ชันนิยายเหมาะกับคนที่อยากเก็บรายละเอียดเชิงอารมณ์และเบื้องหลัง ขณะที่อนิเมะจะได้อรรถรสทางภาพ เสียง และจังหวะที่ทันใจ ทั้งสองเวอร์ชันเติมเต็มกันและกัน ถ้าอยากเข้าใจเรื่องราวให้ลึก แนะนำลองสัมผัสทั้งสองแบบจะเห็นมุมที่แตกต่างและสวยงามของงานชิ้นนี้