ลองนึกภาพ
หมู่บ้านกานดาที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา แสงไฟจากโคมไม้กระจายอุ่นๆ ทุกบ้านรู้จักกันหมดและเสียงหัวเราะกับเสียงโต้เถียงผสมกันเป็นจังหวะชีวิตประจำวัน นี่คือรายการของตัวละครหลักที่ฉันคุ้นเคยดี — แต่ละคนมีบทบาทที่ไม่ซ้ำกันและเติมเต็มกันเหมือนผ้าที่ถักจากเส้นด้ายหลากสี
คณา เป็นผู้เฒ่าที่ประชาชนเคารพ เขาไม่ใช่แค่นายหมู่บ้านธรรมดา แต่เป็นผู้ตัดสินข้อพิพาทและเก็บบันทึกประเพณี ฉันมักเห็นเขานั่งบนม้านั่งหน้าบ้านไม้ แกจะฟังความทุกข์ของคนหนุ่มสาวแล้วตอบด้วยคำพูดสั้นๆ แต่หนักแน่น ครั้งหนึ่งเขาตัดสินใจให้โอกาสคนที่ทำผิดพลาดมากกว่าไล่ลงจากตำแหน่ง — นั่นทำให้หมู่บ้านยังคงมีความไว้ใจระหว่างกัน
นิลยา คือผู้รักษาแผนสมุนไพร เธอเป็นทั้งหมอและผู้ปลุกความทรงจำของชุมชน ทุกแผลมีวิธีรักษาที่ไม่ซ้ำกัน เธอเก็บสมุนไพรแบบที่ฉันไม่เคยเห็นในตำรา และมักจะเป็นคนแรกที่รู้เมื่อลูกหลานเริ่มมีความคิดต่าง ช่วงที่น้ำหลากครั้งใหญ่ฉันเห็นเธอทั้งกลางวันกลางคืน คอยดูแลคนป่วยเด็กๆ ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
ธาริน ช่างตีเหล็กผู้ท่าทางแข็งแรง เขาสร้างเครื่องมือและอุปกรณ์ป้องกันให้หมู่บ้าน เป็นทั้งผู้คุมประตูยามค่ำคืนและคนที่คนมาขอคำปรึกษาเรื่องปัญหาครอบครัว การตีระฆังงานเทศกาลโดยฝีมือเขาทำให้เสียงดัง
กังวานไปทั้งหุบเขา บทบาทของธารินเป็นการผสมระหว่างแรงกายและความรู้สึกที่เก็บไว้เงียบๆ
ปรายดาว ทำหน้าที่ครูสอนเด็กๆ เธอไม่เพียงสอนอ่านเขียนแต่ยังถ่ายทอดตำนานและบทเพลงประจำหมู่บ้าน การมีเธอทำให้ความทรงจำชุมชนไม่สูญหายไปกับคนรุ่นก่อน ส่วนสุริยัน พ่อค้าจรจัด เขานำข่าวสารและของแปลกจากเมืองใหญ่เข้ามา แม้บางครั้งจะดูน่าสงสัย แต่การมา-จากของเขาก็ทำให้โลกภายนอกยังคงเชื่อมต่อกับกานดา
เมื่อรวมกันแล้ว บทบาทของทุกคนไม่ได้แยกจากกันชัดเจน ฉันมองเห็นการถักทอของความรับผิดชอบ — บางคนให้คำแนะนำ บางคนรักษา บางคนปกป้อง และบางคนจุดประกายความคิดใหม่ๆ นี่แหละคือเหตุผลที่หมู่บ้านยังยืนหยัดและยังคงมีชีวิตชีวาไปได้